ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
7 กุมภาพันธ์ 2559
 
 

MAYDAY! ช่วย(รัก)ฉันที! ตอนที่ ๗ (Yuri)



กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงมือถือของนายหญิงดังลั่นตั้งแต่เช้าตรู่

'ใครกันโทรมาแต่เช้า?'

หล่อนคิดอย่างงัวเงีย เอื้อมมือเรียวไปคว้าอุปกรณ์สื่อสารที่วางไว้หัวเตียง แองเจิลเพิ่งเข้านอนไปในตอนตีสอง หลังอ่านข้อมูลต้องสงสัยที่บิดามอบให้มาจำนวนหลายปึกใหญ่

ชื่อผู้โทรเข้า ‘หมอกันทิมา’ ทำให้หญิงสาวตาสว่างหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ด้วยเกรงว่าจะได้ยินข่าวร้ายของเจ้าบ๊อบบี้

“หมอมา” เรียกชื่ออีกฝ่ายแทนการทักทาย

“แหม นายหญิงที่รัก ทำไมเรียกพี่แบบนั้นคะ ฟังแล้วน่าน้อยใจจัง” เสียงอ่อนหวานกึ่งกวน
ประสาทส่งเสียงมาตามสาย

'คนอะไร! กวนได้ทุกที่ทุกเวลา'

นึกหงุดหงิดตั้งแต่ประโยคแรกที่อีกฝ่ายเรียกขาน หมอสาวเป็นคนเดียวที่กล้าเรียกแบบนี้

“โทรมาเวลานี้ เพื่อกวนประสาทกันใช่ไหม? จะได้วางสาย” ถามเสียงเรียบเยือกเย็นที่มีผลให้คนฟังสยองได้ง่ายๆ

...แต่ใช้ไม่ได้ผลกับหมอกันทิมาคนนี้

“โอ๊ะโอ๋ พี่ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นกับนายหญิงหรอกนะคะ ทำไมถึงชอบมองพี่ในแง่ร้ายแบบนั้นนักนะ” น้ำเสียงของคนในสาย ตัดพ้อคร่ำครวญประหนึ่งเสียอกเสียใจเต็มประดา

หากแต่แองเจิลรู้ซึ้งดีว่า เป็นแค่การเล่นตลกของอีกคนมากกว่า

กันทิมาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของกริช ลูกสาวของประสงค์มือขวาของบิดาที่โตมาด้วยกันกับหล่อน โดยมารดาของสองพี่น้องคือ แม่นมของแองเจิล ทำให้หล่อนรู้จักนิสัยใจคอของหมอสาวดีว่า เป็นปีศาจขี้แกล้งขนาดไหน

“มีธุระไรว่ามา”

“จริงจังแต่เช้า ระวังจะเป็นโรคหัวใจนะคะ อิอิ” คนในสายหัวเราะคิกคักเบาๆ

“หมอมา!”

นายหญิงเอ็ดออกมาด้วยความขุ่นเคืองที่อีกคนเล่นไม่ยอมเลิก

'ขี้โมโหไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ'

คนอายุมากกว่าคิดในใจ

“โอเคค่ะไม่พูดเล่นก็ได้ พี่จะโทรมาแจ้งว่า ตอนนี้บ๊อบบี้อาการเริ่มทรงตัวแล้ว อาเจียนน้อยลง แต่ยังไม่ค่อยมีแรง ถ้าหยุดอาเจียนพี่อาจต้องให้น้ำเกลือกับกลูโคส”

“บ๊อบบี้จะปลอดภัยใช่ไหม?” หล่อนถามด้วยความเป็นห่วง เสียงอ่อนกว่าเมื่อกี้มาก

“ถ้าพ้นวันนี้ ก็น่าจะปลอดภัยค่ะ” เสียงของสัตวแพทย์สาวพูดตอบเรียบๆ

'แปลว่าห้าสิบห้าสิบสินะ'

นายหญิงเข้าใจความนัยที่อีกคนพูดเป็นอย่างดี ได้แต่อดฝากฝังเจ้าสี่ขาตัวน้อยไม่ได้

“ฝากด้วยนะหมอมา”

“พี่จะพยายามดูแลบ๊อบบี้ให้ดีที่สุดค่ะ ไม่ให้แฟนของนายหญิงต้องผิดหวังเด็ดขาด” กันทิมาพูดเสียงจริงจัง

'ใช่แฟนฉันที่ไหน...เดาไปเรื่อย'

“พูดเรื่องอะไร? คุณณิไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อย” หล่อนปฏิเสธทันควัน ไม่อยากให้อีกคนพูดเรื่อยเปื่อย

“จริงเหรอ?” หมอสาวว่าด้วยเสียงร่าเริง ก่อนเอ่ยขอกลายๆ “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จีบคุณณิได้สิ”

“ไม่ให้จีบ” แองเจิลพูดห้ามเสียงแข็ง

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

“บอกว่าไม่ให้ก็ไม่ให้ แค่นั้นนะ”

แล้วกดวางสายทันที ทอดถอนหายใจยาวเหยียดออกมา การปะทะคารมกับกันทิมาทำให้เสียพลังงานไม่น้อย แถมยังทำให้หงุดหงิดอีกต่างหาก

โดยเฉพาะ ‘คำขอ’ ของอีกคนที่สนใจอยากเป็นมากกว่าเพื่อนกับ ณิชากร สาวลูกครึ่งบอกไม่ถูกว่า ทำไมถึงต้องไม่พอใจเรื่องนี้ด้วย

...ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตนเองเลยสักนิด

'ไปยุ่งอะไรกับเขาด้วย แองเจิล?'

นึกถามตัวเอง แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ ก่อนตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงาน


กันทิมาที่ตอนนี้นั่งอยู่ในร้านของตนเอง มองโทรศัพท์ในมือแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา เธอไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบที่แสนเกรี้ยวกราดจากนายหญิงผู้แสนจะเยือกเย็นดุจน้ำแข็งขั้วโลก

'หวงซะขนาดนี้ สงสัยจะคนพิเศษ คงต้องโทรไปตะล่อมถามนาย กริชซะแล้ว'

เธอยอมรับว่า รู้สึกถูกชะตากับณิชากรไม่น้อยตั้งแต่เห็นครั้งแรก แต่ที่แปลกใจมากกว่าคือ เจ้าของนัยน์ตาคู่สีฟ้าสวยนั้น ดูจะสนใจและใส่ใจผู้หญิงคนนี้มาก มากจนผิดสังเกต เป็นสาเหตุให้กันทิมายิ่งอยากรู้จักเจ้าของบ๊อบบี้มากขึ้น ในฐานะ ‘พี่สาว’ ที่หวงและห่วง ‘น้องสาว’ มาก

หมอสาวยื่นมือไปลูบหัวเจ้าบ๊อบบี้ ที่นอนหมดเรี่ยวแรงตรงหน้าอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ก่อนจ้องหน้ามันแล้วพูดติดตลกออกมา

“หวังว่าเราจะได้เป็นญาติกันนะบ๊อบบี้ ฝากตัวด้วยล่ะ”

เจ้าตัวน้อยได้แต่ครางหงิงตอบเบาๆ โดยไม่รู้ว่าเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายหรือเปล่า ก่อนหลับตาพริ้มลงด้วยความอ่อนเพลีย


ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูกระจกทำให้บงกชเงยหน้าขึ้นมองว่าใครมา และเมื่อเห็นหน้าณิชากร เธอก็พยักหน้าเรียก

สาวรุ่นน้องจึงเปิดประตูแล้วเข้าไป โดยไม่ลืมปิดประตู

“พี่กชหาณิมีอะไรคะ?” ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“นั่งก่อนสิ”

คนเป็นหัวหน้าบอกเสียงเรียบด้วยใบหน้าขรึมจริงจัง ขยับกรอบแว่นสายตาด้วยความเคยชิน ดูแล้วแทบไม่ต่างจากคุณครูฝ่ายปกครองสักเท่าไหร่นัก

ลูกน้องนั่งตัวตรง หายใจไม่ค่อยทั่วท้อง สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นเยือกหนาวเหน็บชวนให้สั่นสะท้าน ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ทั้งที่แอร์ก็ไม่ได้เย็นกว่าห้องอื่นเลย

ธุระอะไรกัน ถึงได้โทรตามตั้งแต่ไก่โห่? แถมยังทำหน้าซีเรียสเหลือเกิน

แอบตั้งคำถามในใจ เดาไม่ถูกว่า รุ่นพี่มีธุระอะไรกันแน่? ถึงให้เธอเข้าออฟฟิศตั้งแต่เช้า

“อ่านข้อมูลจบหรือยัง?”

คำถามแรกถูกถามขึ้น แบบไม่อ้อมค้อมตามสไตล์ของบงกช

“ค่ะ ณิจำได้หมดแล้ว”

เธอใช้เวลาหนึ่งวันเศษอยู่ที่คอนโด นั่งอ่านเอกสารที่คนตรงหน้าให้ไป โดยแทบไม่ได้ขยับตัวไปไหน เพื่อจดจำข้อมูลทุกอย่าง

“ดีมาก” หัวหน้างานยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ “พี่เพิ่งได้ข่าวมาว่าบลูไดมอนด์สาขาหนึ่ง กำลังรับสมัครพนักงานเสิร์ฟสองอัตรา ถ้ายังไงวันนี้ก็รีบไปสมัครซะ อย่าให้พลาดล่ะ”

'จะเร็วไปไหมคะ'

แอบบ่นกับตัวเอง แต่ปากก็ตอบไปว่า

“โอเคค่ะ”

ณิชากรรับคำ ด้วยรู้หน้าที่ของตนเป็นอย่างดี แต่ด้วยเป็นการทำงานใหญ่ครั้งแรกก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้

“จำไว้ว่าแม้เราจะต้องการเนื้อข่าว แต่ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เข้าใจไหม?”

บงกชกำชับด้วยความเป็นห่วง ด้วยรู้ว่า รุ่นน้องยังมือใหม่อาจจะไม่รอบคอบเท่าที่ควร การบุกเข้าไปในถ้ำเสือเสี่ยงอันตรายไม่น้อย ถึงจะมีรุ่นพี่ตามประกบด้วยสองคน ก็ไม่ได้รับประกันว่า หญิงสาวจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

'งานนี้ขนาดยอดฝีมือแบบนายโจ้ยังเจ็บซะขนาดนั้น หรือเราควรจะยกเลิก หาคนอื่นไปแทนดี?'

รองบรรณาธิการเริ่มลังเลใจ

“แล้วก็โทรมารายงานพี่เป็นระยะ มีอะไรฉุกเฉินก็ให้รีบบอก อย่าฝืนตัวเองเด็ดขาด...ถ้าคิดว่าไม่ไหวพี่อนุญาตให้ถอนตัว ตอนนี้ยังทันนะ” เธอเอ่ยถามความสมัครใจอีกครั้ง

“ณิจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”

สาวผมสั้นตอบอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง ทั้งที่มือยังแอบสั่นอยู่

'ตายเป็นตายวะ'

ณิชากรตัดสินใจเด็ดขาด

หัวหน้างานมองเห็นความแน่วแน่ของอีกฝ่าย จึงไม่คิดเหนี่ยวรั้งขัดขวาง

“ถ้าคิดว่าไหว งั้นก็ไปเถอะ”

“ค่ะพี่กช”

สาวหน้าคมส่งยิ้มให้รุ่นพี่ แล้วออกไปจากห้องนั้น

บงกชนั่งเอนหลัง มองแผ่นหลังบอบบางของณิชากร ที่กำลังจะก้าวพ้นประตูด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เธอแอบอวยพรให้ในใจ

'โชคดีนะณิ'


อันที่จริงแล้ว บงกชแอบชอบณิชากรอยู่โดยไม่ทันรู้ตัว ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเริ่มแปรเปลี่ยน จากชอบมาเป็นรัก

...แต่เธอลังเลที่จะบอกความในใจกับสาวหน้าคม

แม้จะรู้จักกันมานานในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เธอไม่เคยเห็นสาวคนนี้คบหากับใครในฐานะคู่รักเลยสักคน ตั้งแต่สมัยเรียนมีสาวและหนุ่มหลายคนมาปลื้มมาแจกขนมจีบ แต่ณิชากรก็แค่ยิ้มตามมารยาท ทุ่มเทกับการเรียนและทำกิจกรรมเป็นบ้าเป็นหลัง จนกระทั่งมาทำงานก็ยังคงนิสัยเดิมไม่เปลี่ยน

จนทำให้บงกชไม่กล้าที่จะรุกคืบ เพราะเกรงจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ ไม่อยากหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้แต่แอบมองรุ่นน้องอยู่เงียบๆ

เท่าที่รู้ตอนนี้ มีข่าวลือหนาหูแว่วมาว่า ‘โจ้กำลังจีบณิชากรอยู่’ และมีแนวโน้มว่าฝ่ายหญิงจะรับปากด้วย ทำให้บงกชได้แต่นิ่งช็อกไปพักใหญ่ แอบปวดแปลบใจเพียงลำพัง

'พี่ขออวยพรให้เธอเจอคนดี และมีความสุขนะณิ'

บงกชได้แต่ส่งความหวังดีให้กับคนที่เธอแอบรักเงียบๆ

“ฉันว่าชาติก่อนแกคงทำบุญ แล้วลืมอธิษฐานขอเนื้อคู่มามั้ง ถึงกินแต่แห้วตลอด” กนกฉัตรเพื่อนซี้ของเธอชอบแซวแบบนี้ หลังเห็นรองบรรณธิการสาวไม่สมหวังเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เลยสักที

“แกช่วยฉัน ช่วยฉัตรสมหวังได้ แต่เอาตัวเองไม่รอดเนี่ยนะ เก่งมากคุณบงกช” นัทชาเพื่อนสนิทอีกคนชมกึ่งประชด พร้อมโคลงศีรษะแช่มช้า หลังรู้ว่าเธออยากเป็นสมภารกินไก่วัด แต่ไก่ตัวนั้นดันบินหายไปลงหม้อคนอื่นแทน

บงกชถอนใจเฮือก ไม่อยากจะกลัดกลุ้มใจกับเรื่องณิชากรอีก จึงคิดหาเพื่อนคุยแก้เซ็งแก้เหงาตามประสาคนโสด ที่คุ้นเคยกับน้ำเมาและแสงสีจนเหมือนเป็นเพื่อนสนิท

“เฮ้อ! คืนนี้โทรชวนฉัตรกับนัทไปเที่ยวดีกว่า” เธอบอกกับตัวเอง ก่อนก้มหน้าก้มตาทำงานตรงหน้าต่อไป


ณิชากรเดินทักทายกับเพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคยหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่จะอาวุโสกว่า พวกรุ่นเดียวกันมีแค่ไม่กี่คน เพราะเหตุที่สำนักข่าวแห่งนี้ไม่ได้เปิดรับสมัครนักข่าวเพิ่มอีกเลย หลังเศรษฐกิจของประเทศเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่

ไม่เพียงแต่ข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยต่ำเตี้ย หากแต่หลายธุรกิจที่สายป่านสั้นได้ทยอยปิดตัวลงไปเรื่อยๆ คาดว่าอีกไม่นาน ธุรกิจยักษ์ใหญ่คงจะมีการลอยแพพนักงานอีกจำนวนมาก

ซึ่งผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดแต่เฉพาะในไทย หากแต่กระทบเป็นลูก โซ่ลามไปทั่วทั้งโลกเลยทีเดียว เป็นเหมือน ‘บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค’ ที่สร้างความปั่นป่วนให้เกือบทุกคนบนโลก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

...หากจะบอกว่า โลกนี้เล็กลง ก็คงไม่ผิดนัก

สำนักข่าวส่วนใหญ่ที่มีรายได้หลักจากค่าโฆษณา มีสปอนเซอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด พลอยทำให้นักข่าวต้องหน้าดำคร่ำเครียด วิตกถึงความมั่นคงในอาชีพของตน แทบไม่มีความหวังในเรื่องโบนัสสามเดือนหกเดือนเหมือนก่อน แค่รักษาตำแหน่งงานของตนไว้ให้ได้ก็พอแล้วในเวลานี้

หลายคนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่พ้นเรื่องปากท้องกับเพื่อนร่วมงานตั้งแต่เช้า

“ได้ยินว่าที่ ABC เสนอเงินให้ออกสิบเดือน”

นักข่าวชายที่ทำงานอยู่ที่นี่กว่าสิบปีพูดขึ้น หลังได้ยินเพื่อนร่วมอาชีพมานั่งปรับทุกข์หลายวันก่อนด้วยความกลัดกลุ้ม

“โชคดีกว่าที่ CCN อีก ที่นั่นให้แค่หกเดือนเองค่ะ”

นักข่าวหญิงอีกคนเล่าบ้าง เธอเป็นพวกที่เข้ามาทำงานเจ็ดแปดปี ซึ่งมีภาระผ่อนบ้านผ่อนรถเลี้ยงลูก หากตกงานยามนี้ก็คงลำบากเลือดตากระเด็นเลยทีเดียว เมื่อมีเงินเก็บไว้ใช้แค่ห้าหรือหกเดือนเท่านั้น

“หวังว่าที่นี่ คงไม่มีแผนปรับลดคนงานหรอกนะ”

รุ่งนภา นักข่าวสายธุรกิจรุ่นเดียวกับณิชากรเปรยขึ้นอย่างกังวล เธอเป็นพวกสาวสมัยใหม่ที่ไม่ค่อยเก็บเงิน แถมเพิ่งทำงานไม่นาน หากโดนปลดเธออาจจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ถูกพิจารณา

...นักข่าวสายธุรกิจจะกลายเป็นส่วนเกิน ยามเศรษฐกิจซบเซา

“หากฉันคิดจะปลดพนักงานออก ฉันจะบอกกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกแล้วกัน” เสียงของใครบางคนเอ่ยแทรกขึ้นจากด้านหลัง

ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นชะงัก หลังได้ยินเสียงของ ‘เหมวดี’ ผู้ซึ่งรับผิดชอบที่นี่อย่างชัดเจนเต็มสองรูหู หลายคนหันขวับมองไปยังเจ้าของเสียงที่ยืนเคียงคู่กับสินีคนรัก โดยไม่ได้นัดหมาย

ส่วน ‘พวกกลุ่มนี้’ ทั้งสามคน หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ไม่มีใครกล้าสบตากับคนพูดตรงๆ

'ตายแน่ฉัน จะได้ซองขาวไหมเนี่ย?'

รุ่งนภาคิดอย่างหวาดผวา

เหมวดียืนกอดอก กวาดตามองลูกน้องของตนไปโดยรอบ ก่อนหายใจยาวเหยียด แล้วหยุดลงที่ ‘พวกกลุ่มนี้’

“ถ้าว่างนักก็ออกไปทำข่าวสิ มานั่งวิตกจริตอะไรกันนักหนา ฉันยังไม่มีแผนไล่ใครออกตอนนี้หรอก แต่ถ้าอยากอยู่ว่างๆ ที่บ้านก็บอกมา ฉันจัดให้ได้นะ”

ทายาทเจ้าของหนังสือพิมพ์หัวสีกล่าวเสียงเข้ม กึ่งตำหนิกลายๆ เธอไม่ชอบเรื่องไร้สาระ โดยเฉพาะการจับกลุ่มนินทา

“ไม่ค่ะ” / “ไม่ครับ”

เกือบทุกคนปฏิเสธพัลวัน ใครจะอยากตกงานตอนนี้กัน

“ถ้างั้นก็ไปทำงานสิ งานใครงานมัน ไป!” เหมวดีพูดเสียงดังจนเหมือนตะโกน

ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นแตกฮือ สลายตัวไปทำงานทันใด โดยไม่จำเป็นต้องสั่งซ้ำสอง

“ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ พวกนี้” เหมวดีบ่นกับตัวเอง ก่อนยกมือขึ้นกุมขมับกับพฤติกรรมของลูกน้อง

สินี คนรักของเหมวดีหัวเราะหุหุในลำคอ ด้วยรู้ว่าอีกคนแค่แกล้งขู่ลูกน้องเท่านั้น ไม่ได้คิดโกรธเคืองจริงจัง

“เสียงดังๆ แบบนี้ เก็บไว้ร้องตอนกลางคืนดีกว่าไหมคะ?”

'ร้ายกาจจริงๆ แฟนใครเนี่ย'

เหมวดีหน้าแดงก่ำขึ้นทันที ด้วยเข้าใจความนัยที่ซ่อนเร้นอยู่ในประโยคกระเซ้านั้นเป็นอย่างดี

“สินี!” เรียกชื่อคนรักลอดไรฟัน

เจ้าของชื่อหัวเราะเบาๆ ที่ยั่วเย้าคนข้างกายสำเร็จ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย

“แหม วดีก็ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” สินีกล่าวเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน

สองสาวหยุดคุยตรงบันได

“แต่ถ้าเผลอก็เอาจริงใช่ไหม?” อีกคนย้อนถามด้วยรู้ทันความคิดของคนรัก

'จะเก่งไปไหมคะ?'

สินีคิดชมในใจ ก่อนยิ้มพรายออกมา เอื้อมมือไปสอดประสานกับมือของคนรักไว้อย่างแนบแน่น

“รู้ใจจริงๆ”

“ถ้าฉันไม่รู้ แล้วใครจะรู้ละ จริงไหม?”

“นั่นสิเนอะ” บรรณาธิการสาวเอ่ยออกมา

ทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างมีความสุข แล้วขึ้นบันไดพ้นจากสายตาของลูกน้อง

รุ่งนภาที่เพิ่งหายตกใจหลัง ‘เจ้านายทั้งสอง’ ไม่อยู่ตรงนั้น จึงนั่งถอนใจออกมาอย่างโล่งอก

“เฮ้อ! หัวใจจะวาย”

“อยากพูดมากเอง”

ณิชากรโผล่ออกมานั่งเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงานเพื่อน โดยไม่ต้องเชื้อเชิญ เธอทันได้ยินทุกคำสนทนาของกลุ่มเพื่อนร่วมงาน รวมถึงคำตอบโต้ของเหมวดี จึงได้แต่ยืนฟังเงียบๆ

นักข่าวสาวรู้แต่ว่า เธอมีหน้าที่ทำงานของตนให้ดีที่สุด หากต้องตกงานก็ไม่ถึงกับกินแกลบ อย่างน้อยก็มีเงินสำรอง พอประทังชีวิตได้สักสองสามเดือน ถ้าสู้ไม่ไหวจริงๆ ค่อยถอยทัพไปขอข้าวแม่ที่ต่างจังหวัด จึงไม่ค่อยวิตกกับอนาคตของตนเองมากนัก

“ใครจะไปนึกว่า ท่านๆ จะโผล่มาตอนนี้นี่” นักข่าวสาวสวยสายธุรกิจเถียงน้ำขุ่นๆ

“ระวังถูกขึ้นบัญชีหนังหมาแล้วกัน จะหาว่าฉันไม่เตือน” ณิชากรแกล้งขู่สมทบ

รุ่งนภาทำหน้าบึ้งใส่เพื่อนสนิท ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกัน แล้วยังมาเป็นเพื่อนร่วมงานกันต่ออีก จึงรู้จักกันมานานกว่าห้าปี

“โหย! อย่าแช่งกันสิย่ะ คนยิ่งกลัวๆ อยู่”

“กลัว? แต่พูดจ๋อยๆ เลยเนี่ยนะ” สาวหน้าคมพูดล้อๆ

“แหม! ฉันเป็นคนแบบไหน แกก็รู้นี่ ยังจะมาพูดให้ปอดแหกอยู่ได้ เชอะ” นักข่าวธุรกิจสาวพูดงึมงำ ไม่กล้าส่งเสียงดัง เกรงคนอื่นได้ยินจะหัวเราะเยาะ

“ล้อเล่นน่ะ” ณิชากรพูดอย่างร่าเริง และหัวเราะคิกคัก

“กวน!”

รุ่งนภาส่งค้อนเต็มวงให้เพื่อนสนิท

“โอ๋ๆ ขอโทษนะ ดีกันนะ?”

สาวผมสั้นพูดเสียงอ่อย พลางยื่นนิ้วก้อยออกไปง้อคนตรงหน้าแบบเด็กๆ

“ไปไกลๆ เลย ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ”

“โทษที”

ณิชากรยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอมแพ้ สงบศึก ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลเสมอกับเพื่อนคนนี้

รุ่งนภาส่ายหัว ก่อนนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามคนตรงหน้า

“ว่าแต่วันนี้ แกจะไปไหนหรือเปล่า?”

“จะไปเยี่ยมบ๊อบบี้น่ะ เมื่อวานเอาไปหาหมอ ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“เป็นอะไรมากไหม?” เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เธอเคยเจอเจ้าตัวน้อยหลายหน และชอบความขี้เล่นของบ๊อบบี้มาก

“หมอบอกว่า ขอดูอาการสักสองสามวัน สงสัยว่าจะเป็นลำไส้อักเสบ”

รุ่งนภาเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ก่อนพูดเสียงแผ่วออกมาอย่างเศร้าๆ

“ฉันอยากไปเยี่ยมลูกแกนะ แต่วันนี้ต้องส่งงานตอนเที่ยงน่ะสิ คงไปด้วยไม่ได้” หญิงสาวไม่ได้ทำงานช้าหรือเถลไถล แค่พยายามหาข่าวดีไปลงในบทความต่างหาก แต่ช่างเป็นเรื่องลำบากมากในยามนี้ ส่วนใหญ่มีแต่ข่าวร้ายข่าวลบ

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็ซึ้งใจแล้ว” สาวผมสั้นบอกกับเพื่อนอย่างเกรงใจ ก่อนเหลือบมองซ้ายขวา แล้วกระซิบถามเบาๆ “ช่วงนี้ตามข่าวใครอยู่ เห็นก้มหน้าก้มตากันใหญ่?”

บทความของแต่ละสายข่าวที่นี่จะไม่ค่อยเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่านักข่าวจะถูกส่งไปหาข้อมูลเรื่องอะไร ซึ่งบางทีก็เป็นความลับ จะรู้อีกทีก็ตอนเรื่องถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แล้ว

เจ้าของโต๊ะกระดิกนิ้วให้เพื่อนขยับเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบบอกเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน

“ไดมอนด์กรุ๊ป”

'หืม?'

ณิชากรหรี่ตาจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งอย่างสนใจ ก่อนถามต่อโดยละไว้แบบรู้กันว่า เป็นเรื่อง ‘ยาเสพติด’ ที่มีคนเจ็บหลายคนรวมถึงพี่โจ้ของเธอด้วย

“เกี่ยวกับเรื่องอาทิตย์ก่อน?”

“อือ” นักข่าวสายธุรกิจขานรับคำเบาๆ ในลำคอ

“รู้อะไรก็บอกฉันด้วยล่ะ”

“ได้เจ้าค่ะ”

รุ่งนภายักไหล่ รับปากทีเล่นทีจริง เธอกำลังพยายามหาข้อมูลทุกอย่างเท่าที่จะหาได้ของไดมอนด์กรุ๊ป ที่เชื่อมโยงกับยาเสพติด แต่ยังไม่ลึกเพียงพอที่จะสรุปอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

“แล้วแกไปเยี่ยมพี่โจ้หรือยัง?”

ณิชากรเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะรู้ว่าเพื่อนคิดอะไรกับผู้ชายผิวเข้มคนนั้น…แต่เพียงฝ่ายเดียว

“ไปแล้วล่ะ” คนฟังตอบเสียงเรียบเหมือนไม่ยินดียินร้าย

หมุนปากกาที่อยู่ในมือเล่นไปมาบนง่ามนิ้ว เมื่อคิดถึงพี่โจ้ ผู้ชายหน้าเหมือนผู้ร้ายที่ไม่เคยสนใจเธอมากกว่ารุ่นน้องคนหนึ่ง ทั้งที่เธอเป็นดาวเด่นของที่ทำงานแห่งนี้

รุ่งนภาสงสัยว่า เขาน่าจะชอบคนอื่นอยู่...แต่จะเป็นใครนั้น เธอยังไม่ถึงกับแน่ใจนัก ได้แต่หวังว่า โจ้คงไม่ชอบไม้ป่าเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเธอคงแค้นใจอย่างที่สุด...ที่แพ้ผู้ชายในเรื่องนี้

สาวหน้าคมตบไหล่คนตรงหน้าเบาๆ เหมือนให้กำลังใจ ด้วยรู้ว่าอีกคนกำลังเศร้าที่รุ่นพี่คนนั้นไม่ค่อยแยแส

“ตื้อเท่านั้นเชื่อฉันสิ พี่โจ้เป็นคนไม่ใช่พระอิฐพระปูน ยังไงสักวันแกต้องสมหวัง”

“ขอบใจเพื่อน”

รุ่งนภาพึมพำแทบไม่ต่างจากกระซิบ แม้รู้สึกว่าโอกาสสำเร็จนั้นมีอยู่น้อยนิดเหลือเกิน แต่ก็ยังอดหวังไม่ได้

'สงสัยฉันต้องไปบนที่วัดพระแก้วฯ น่าจะดี'

คิดพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้สมหวังในความรักบ้าง

ลึกๆ ในใจเธอแอบอิจฉาเหมวดีกับสินีที่ดูมีความสุขกันเหลือเกิน และแอบหวังว่าสักวันคงจะได้เจอกับรักแท้บ้าง โดยไม่แคร์ว่า...เนื้อคู่ของตนจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?

รุ่งนภาไม่คิดเรียกร้องอะไรมาก ขอแค่ใครคนนั้นรักเธอก็พอแล้ว

'เมื่อไหร่ฉันจะได้พบรักกับเขาซะที? จะเฉาตายอยู่แล้ว'

สาวหน้าคมโบกมือให้เพื่อนซี้

“ไปนะ แล้วเจอกัน”

“บายณิ”

รุ่งนภานั่งมองณิชากรผ่านประตู เลี้ยวลงบันไดไปชั้นล่าง ก่อนหันกลับมาพิมพ์งานที่ค้างไว้ต่อบนโน้ตบุ๊ค...เรื่อง ‘ไดมอนด์กรุ๊ป’

OoXoO

เรื่องนี้จะมีตัวละครจากเรื่อง 'อีกสักครั้ง? Again?' มานิดหน่อยนะคะ
หากอยากรู้จักว่าใครเป็นใคร ก็คงต้องลองไปอ่านเรื่องนั้นดูค่ะ
...แอบเนียนขายของ อิอิ

สุขสันต์วันตรุษจีนนะคะ ขอให้ทุกท่าน เฮงๆ ร่ำรวย โชคดี แข็งแรงค่ะ

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

นาง

OoXoO




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2559
1 comments
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2559 15:56:21 น.
Counter : 687 Pageviews.

 

ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 25 สิงหาคม 2560 16:39:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com