Blogger Reader Writer Runner

ผมพบเธอในเดือนกันยา และจากลาปลายมิถุนาหน้าฝน (กันยา)


... ในชีวิต จะมีหนึ่งฤดู
ทำให้ฉันนั้นรู้สึกคิดถึงคนหนึ่งคน ใครคนนั้น
เราพบกัน และต้องไกลในวันที่ฝนพร่ำ เช่นวันนี้ ...



เสียงเพลงท่อนนี้ดังขึ้นแผ่วเบาจากลำโพงเหนือศรีษะของร้านกาแฟที่ผมนั่งอยู่ แต่ดังก้องกังวานอยู่ในอกผม และราวกับเป็นฝ่าเท้าทีบกระแทกเปิดประตูความทรงจำถึงเธอ ผู้จากไปปลายมิถุนาปีก่อน พร้อมกับสายฝนโปรยกระหน่ำ และอาจเป็นคนเปิดแผ่นเล่นตลกกลั่นแกล้งเพียงเพื่อความสะอารมณ์ เนื่องเพราะร้านกาแฟแห่งนี้ ไม่เคยเปิดเพลงสำเนียงไทยเลยตั้งแต่ผมเริ่มมานั่งที่ร้าน จนกลายเป็นความเคยชินที่ต้องมานั่งอ่านหนังสือ ทอดอารมณ์ ยามอยู่คนเดียว เพลงสามัญของร้านนี้จะเป็นแจ๊ซ หรืออาจเป็นบอซซ่าบ้างบางครั้งตามแต่แผ่นและเครื่องเล่นจะอำนวย หรือคนเปิดแผ่นจะต้องการฉลองการครบรอบการไปจากของเธอให้กับผม วันนี้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เรานั่งคุยกันตรงนี้ที่เดียวกัน ก่อนเธอจะลุกและจากผมไปตลอดกาล



คืนก่อนหน้า ผมโทรศัพท์หาเธอ เพียงเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ลำพัง เธอตอบรับและถามผมเพียงว่า สบายดีนะ อย่างเฉยชา ไม่ได้หล่นความเห็นหรือสนใจกับสิ่งที่ผมได้บอกไป ผมตอบรับและกำลังจะวางสาย ก่อนวางผมเอ่ยบอกเธอว่า หากคืนวันพรุ่งนี้เธอว่างและปราถนาจะเจอ เธอรู้ว่าจะเจอผมได้ที่ใด และตอนนี้ อีกเพียงไม่ถึงชั่วโมง ร้านกาแฟนี้ก็จะปิดแล้ว และเพลงนั้นก็ดังขึ้นเพื่อเตือนให้ผมได้รู้สึกตัวว่าเธอนั่นเองที่เป็นจุดประสงค์ให้ผมมาร้านในคืนนี้ ด้านนอกสายฝนกำลังล้อเล่นกับพื้นฟุตปาธอย่างสนุกสนาน ต่างกับอารมณ์ของผมขณะนี้ ไอน้ำเกาะกระจกพราว ทำให้ภาพนอกร้านเมื่อมองจากโต๊ะผมเริ่มพร่ามัว หรือเป็นน้ำตากันแน่ที่ทำให้ตาผมเริ่มพร่ามัว ผมจะเสียใจทำไมกัน ในเมื่อเหตุการณ์หนึ่งปีก่อนนั้น ผมเองเป็นคนทำให้มันดำเนินไปในแบบนั้น ไม่ทำในสิ่งที่รู้แน่อยู่แล้วว่าจะรั้งเธอให้อยู่ต่อได้ แม้วันนี้สิ่งนั้นผมจะทำได้จริง แต่ไม่มีเธอรอให้ผมฉุดรั้งอีก



สามกันยาห้าสอง หนึ่งปีก่อนหน้า เราได้พบกันในผับแห่งหนึ่ง ซึ่งวางตัวอยู่ข้าง ๆ ถนนข้าวสาร แหล่งรวมเด็กแนวและฝรั่งแบ็คแพ็คเกอร์ เราไม่ได้เจอกันด้วยความบังเอิญ เธอเป็นเพื่อนของเพื่อนผม แต่ก็เป็นความบังเอิญอยู่ดีที่ผมได้พบเธอในวันนั้น และเพียงแรกพบเธอในร้าน เคมีในตัวผมก็เริ่มทำงาน, ผมชอบเธอ และคืนนั้นทั้งคืน ผมชอบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการพูดคุย การโลดเต้นของเธอ รอยยิ้มและสายตาของเธอ แต่สิ่งที่ทำให้เคมีในร่างกายของผมทำงานหนักที่สุด ก็คือเสียงหัวเราะ มันทำให้ผมมีชีวิตชีวามากในคืนนั้น และเหนือสิ่งอื่นใด ทุกขณะที่เราได้อยู่ใกล้กัน เธอทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ไม่รู้เพราะอะไร อาจเพราะเธอก็เป็นแบบนั้นด้วยเหมือนกัน และนั่นคือทั้งหมดในคืนนั้น ผมกลับถึงบ้านก่อนรุ่งสางไม่กี่ชั่วโมง พร้อมผู้หญิงที่ผมเกือบจะรักตั้งแต่แรกเจอกับเพลงติดหูพร้อมเธออีกเพลง “ยินดีที่ไม่รู้จัก” แต่ผมยินดีจริง ๆ เธอยังไม่รู้ตัวในตอนนั้น



หลังจากนั้นนานพอสมควรเราก็ได้คุยกันในที่สุด มีเรื่องมากมายให้ได้คุย ตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน มีข้อมูลระหว่างกันให้แลกเปลี่ยนมากมาย เธอชอบกินอะไร ผมไปที่ไหนเป็นประจำ เธอทำอะไรเวลาว่าง ผมอ่านอะไรเวลาพักผ่อน ส่วนใหญ่เราติดต่อกันผ่านอีเมลล์ เพราะบางอย่างเราทั้งคู่ต่างไม่กล้าที่จะพูด การเขียนจึงดูจะเหมาะกับเราทั้งคู่ จากอีเมลล์เป็นทางการระหว่างกัน กลายเป็นอีเมลล์กึ่งทางการ จนนำไปสู่อีเมลล์ใกล้ชิดราวคนรัก มีถ้อยคำหวานซึ้งหล่นอยู่มากมายระหว่างอีเมลล์ของเรา เมื่อการคุยกันผ่านตัวหนังสือตกตะกอนได้ที่ ผมจึงรวบรวมความกล้า ชวนเธอไปกินข้าวและดูหนัง แบบสามัญของคนมีความรักเริ่มจะทำกัน



เธอไม่ได้ตอบตกลงในทันที และหายจากการตอบอีเมลล์ฉบับนั้นของผมไปหลายวัน และหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ก็มีอีเมลล์ตอบกลับจากเธอว่า “ตกลง” ผมจึงได้จัดแจงเตรียมโปรแกรมหนังที่เข้าฉายในขณะนั้น ส่งเป็นตัวเลือกไปให้เธอ เธอตอบกลับมาว่า “เป็นเรื่องใดก็ได้ หากได้ดูกับคุณ”



วันนั้นเป็นวันศุกร์ เป็นวันศุกร์แห่งความสุขสำหรับผม ผมจองตั๋วหนังเรื่อง วอลล์สตรีท รอบสามทุ่มตรงเอาไว้ ผมคิดว่ามันคงปลอดภัยที่สุดในโปรแกรมที่มีขณะนั้น อย่างน้อยพระเอกของเรื่องก็น่าจะดึงดูดเธอได้อยู่บ้าง เราพบกันที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเดินทางสู่โรงภาพยนต์ที่สามารถโผล่พ้นดินแล้วไม่ต้องเดินไกล ผมคิดในหัวตลอดเวลาว่าจะทำนัดครั้งแรกให้สุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างดูหนัง หรือมื้อแรกระหว่างเราสองคน แต่ในที่สุด เมื่อเราถึงที่โรงภาพยนต์และผมจัดการเรื่องตั๋วแล้ว ก็พบว่าเวลาขณะนั้นร้านอาหารได้ปิดไปหมดแล้ว ทุกสิ่งที่คิดมาตลอดทางก็เป็นอันจบเห่ ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แบบรู้สึกผิด เธอหัวเราะเบา ๆ กับผม แล้วบอกว่า “เราไปกินแมคกันก็ได้ค่ะ” ผมจึงยิ้มออกอีกครั้ง และยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเมนูที่เธอสั่ง เป็นเมนูเดียวกับเมนูโปรดของผม “ซามูไรเบอร์เกอร์” เบอร์เกอร์ชื่อญี่ปุ่นแต่ที่ญี่ปุ่นไม่อาจรู้ได้ว่ามีขายรึเปล่า สิ่งที่รู้แน่แก่ใจในตอนนั้นคือ เป็นการกินแมคที่มีความสุขที่สุดของผม หลังจากหนังจบ เราเดินออกจากโรงด้วยความสุข เป็นการใช้เวลาร่วมกันครั้งแรกที่มีความสุขจริงๆ ระหว่างที่ดูหนังอยู่นั้น สิ่งที่รบกวนจิตใจของผมตลอดเวลา คือกลิ่นกายของเธอ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นแมลงที่กำลังหลงอยู่ในกลิ่นหอมหวานของเกสรดอกไม้และกำลังติดกับนั้น และหลังจากนั้นไม่เคยมีกลิ่นใดมาทำให้ผมหลงใหลได้เท่ากลิ่นกายของเธออีกเลย ผมกลับถึงที่พักด้วยอารมณ์อ่อนไหวเหลือเกิน ผมถลำลึกลงไปในเธอแล้ว มากขึ้นทุกที



เรามักจะไปดูหนังกันบ่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมรอบดึก บางครั้งดึกมาก แล้วแต่กาละและเทศะจะอำนวย ผมเป็นคนนอนดึกแต่เธอไม่ พอบ่อยครั้งที่เราได้อยู่ด้วยกันเธอจึงกลายเป็นคนนอนดึกเหมือนผมไปโดยปริยาย บางครั้งเราจะไปนั่งร้านกาแฟและมีหนังสือเล่มบางติดมือคนละเล่ม ละเลียดเวลาระหว่างกันไปกับตัวหนังสือและรสชาติกาแฟ ผมพยายามอยู่บ่อยครั้งที่จะนำพาเธอเข้ามาสู่โลกหนังสือของผม หยิบยื่นบางเล่มที่ผมชอบให้เธอได้อ่าน แต่ก็เป็นเพียงบางเล่มที่เธอจะสามารถเข้าถึงได้ แต่นั่นก็มากเพียงพอแล้วสำหรับผม ยิ่งนานวันที่เราได้อยู่ด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกัน ผมก็ยิ่งจมลึกไปในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น ผมหลงรักเธอโดยที่ตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สำหรับตัวเธอผมไม่ใคร่แน่ใจนัก ว่าจะรู้สึกดุจเดียวกับผมรึเปล่า แต่ผมแน่ใจว่าเธอก็รักผมเช่นเดียวกัน และเรามีความสุขทุกขณะที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน



พฤษภาห้าสาม เธอโทรศัพท์หาผมตอนค่ำ น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความเครียด และมีเรื่องราวที่อยากจะได้ความกระจ่าง ผมจึงนัดเธอไปที่ร้านกาแฟร้านประจำของเรา ไม่ถึงสิบนาทีผมก็พบตัวเองนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนั้น พร้อมกับเอสเปรสโซ่ร้อนหนึ่งถ้วย หวังว่าความเข้มของคาเฟอีนจะช่วยทำให้ผมได้ตื่นและพร้อมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิด ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อย เธอเดินเข้ามาในร้านและแวะสั่งเอสเปรสโซ่ร้อนหนึ่งถ้วยเช่นกันที่เคาน์เตอร์ เธอเริ่มการสนทนาด้วยคำว่า “คืนนี้เราจะพูดแต่ความจริงกันนะค่ะ” ผมพยักหน้ารับ และเรียบเรียงความจริงทั้งหมดในหัวที่มีอยู่ให้พร้อมเอาไว้ เด็กเสิร์ฟเดินนำเอสเพรสโซ่ร้อนของเธอมาเสิร์ฟและเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ และเรื่องราวของความจริงในคืนนั้นก็เริ่มหลังจากการเดินจากไปของเด็กเสิร์ฟกาแฟ



“ฉันรู้ว่าคุณมีความสุขมากเพียงใดระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน เพราะฉันก็มีความสุขไม่ต่างจากคุณ” เธอเริ่มการสนทนาด้วยความจริงระหว่างสองเรา “แต่คุณคงรู้ดุจเดียวกันว่า ระหว่างเรามีสิ่งหนึ่งที่เราเก็บซ่อนเอาไว้ ปิดเอาไว้อย่างมิดชิด เราทั้งคู่ต่างสัมผัสได้แต่ไม่มีใครจะเริ่มเปิดปากถึงสิ่งนี้ หรือคุณว่าไม่จริง” เธอไม่รอให้ผมกล่าวตอบและกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันมีคนรักอยู่แล้ว และฉันคิดว่าคุณรู้ ... และคุณก็มีคนรักอยู่แล้วเช่นกัน ฉันรู้” ผมนิ่งเงียบหลังจากประโยคสุดท้ายหล่นออกจากปากเธอ ผมพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้าให้กับความจริงจากปากของเธอ ช่วงเวลาหลังจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมและเธอต้องสัมผัสรู้และสัมผัสรับกับความจริงที่วางกองอยู่ตรงหน้า ที่เราทั้งสองต่างหยิบมันออกมาวางไว้รวมกันระหว่างถ้วยเอสเปรสโซ่ถ้วยเล็กของเรา บทสนทนาดำเนินไปอย่างอ่อนล้า เธอไม่รู้ว่าระหว่างเราจะเป็นยังไงต่อไป ผมไม่สามารถให้ความชัดเจนอื่นใดได้อีกเช่นกัน เราเงียบกันไปชั่วครู่ เด็กเสิร์ฟคนเดิมเดินเข้ามากระซิบอย่างแผ่วเบาว่าร้านกำลังจะปิดแล้ว ผมพยักหน้ารับ เมื่อเด็กเสิร์ฟเดินจากเราไปครั้งที่สอง เธอบอกกับผมว่า อีกหนึ่งเดือนหลังจากวันนี้เราจะมาเจอกันที่เดิมนี่อีกครั้ง เพื่อดูว่าระหว่างเราจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เธอขอไว้ว่าระหว่างทางของเวลานัดหมาย เธอจะไม่ติดต่อผมและผมก็ควรทำเช่นเดียวกัน กลับไปให้เวลาและพิจารณาตัวเองอย่างรอบคอบว่าต้องการสิ่งใดกันแน่ ผมไม่รู้จะกล่าวตอบสิ่งใดกับเธอ ประโยคสุดท้ายจากผม “เราจะคิดถึงกันใช่มั้ย” เธอยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่เหนื่อยล้าเต็มที่ ก่อนจะลุกเดินจากไป เป็นเหมือนลางร้ายและสัญญาณเตือนว่าเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า ผมลุกจากที่นั่งหลังจากเธอออกจากร้านไปสักพัก และเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ เวลาในคืนนี้หมดลงแล้ว พร้อมๆกับการเวลาปิดของร้านกาแฟ.








 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2554
4 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 18:48:15 น.
Counter : 603 Pageviews.

 

เป็นเรื่องจริงคงเศร้ามากนะคะ อับบ่อยๆนะคะรอติดตามค่ะ

 

โดย: มูมู่ IP: 180.214.213.254 17 สิงหาคม 2554 14:43:38 น.  

 

ติดตามกันไปตลอดนะครับ

 

โดย: i.am.Victor 24 สิงหาคม 2554 13:25:49 น.  

 

พร๊อดเรื่องสวยนะครับ
ชอบตรงให้เวลาไปคิด1เดือน
ให้อีกฝ่ายได้คิดแต่ก็ให้โอกาสตัวเองด้วย

 

โดย: Biggun IP: 58.8.107.169 6 เมษายน 2555 13:33:09 น.  

 

แวะมาอ่านบ่อยๆนะครับบิ๊ก

 

โดย: i.am.Victor 7 เมษายน 2555 11:05:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


i.am.Victor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





รักเร้นเร้นลับโลกคู่ขนาน
บันทึกแห่งนกไขลานหวามหวั่นไหว
แกะรอยหาแกะดาวคืนฝนปราย
ด้วยรักใจสลายแดนสนธยา




#สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความภายในบล็อคนี้
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน#




"Pain is inevitable, Suffering is optional"
Haruki Murakami
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add i.am.Victor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.