อยากจะหาทางเข้าเรื่อง “ความฝัน” ..


ต่อเนื่องจากเมื่อกี้เลยนะ..


เมื่อกี้นี้ จบตรงไหนหว่า (ต้องหาก่อน จะได้ต่อเรื่องถูกง่ะ)
..อ่า เมื่อกี้จบตรงวรรคล่างนี้


“เป็นคนที่ชอบพูดล้อเล่นเรื่องความตายไม่รู้เป็นอะไร..
มะม๊าไม่ชอบให้พูด คนจีนเค้าถือ..
ส่วนเราไม่รู้ดิ ชอบพูด พูดให้คนรอบข้างไม่ประมาท
ไม่ว่าจะเป็นความตายของคนอื่น สิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือแม้แต่ความตายของตัวเอง
ก็มักจะถูกเราเอามาพูดในเชิงล้อเล่น ทีเล่นทีจริงอยู่เสมอ..
..รวมๆ ความ ไม่อยากให้ใครตกใจเสียใจกับความตายใดๆ ที่เราทุกคนอาจจะต้องเผชิญโดยไม่ได้คาดคิด”





อะไรสักอย่างของวันนี้ ทำให้นึกอยากลุกขึ้นมาพิมพ์ “บันทึก” ผ่านบล็อก..

ทั้งๆ ที่โดยปกติ จะไม่ค่อยทำหรอก
นอกไปเสียจากบ่นถึงคนบางคนผ่านสายโทรศัพท์ออกไป
โดยแอบหัวลึกๆ ว่าใครคนนั้นอาจจะผ่านเข้ามาอ่านบ้าง

ทั้งๆ ที่ ใครคนนั้นอาจจะไม่ใยดีต่อเราแล้ว
จนอาจจะไม่ได้รู้ความมีอยู่ของบล็อกนี้เลยด้วยซ้ำ

แต่ช่างเหอะ ใครคนนั้น อาจมักที่จะเป็นจุดเรี่มต้น
..แต่ใครคนนั้น ไม่ใช่จะต้องเป็นจุดจบเสมอไปหรอกใช่มั้ย




หากวันนี้มีใครสักคนผ่านมาอ่านบล็อกนี้จนจบหน้าได้ มีคอมเม้นท์สักนิดหน่อย
บล็อกวันนี้ก็อาจจะนับว่าสำเร็จแล้วก็ได้..



อันที่จริง การงานใดๆ นั้น มันสำเร็จแล้วตั้งแต่เราได้เริ่มต้นทำการงานนั้นๆ น่ะ
และการงานนั้นๆ ก็จะสำเร็จอีกครั้ง เมื่อเราสิ้นสุด หรือสำเร็จในการงานนั้นๆ ไป
และการงานใดๆ นั้น มันก็จะสำเร็จด้วยตัวของมันเอง เมื่อบังเอิญว่าอาจจะมีใครได้มามองเห็น(เหมือนครั้งนี้)
และการงานนั้นๆ มันก็จะมีลำดับความสำเร็จในตัวของมันเองเป็นขั้นๆ ไป
ในระดับที่มันได้รับงานยอมรับมากยิ่งขึ้น
..ในแง่หลังนี้ มีความหมายที่ “เป็นงานเป็นการ” ขึ้นมาหน่อยนะ


แต่นั่นแหละ อย่าใส่ใจมากนักเลย..
เพราะสำหรับประเด็นในวันนี้ คือบันทึก
กางงานอันนี้สำเร็จตั้งแต่เราจรดนิ้วลงบนแป้นพิมพ์และกดอักษรตัวแรกแล้ว
มันเดินทางจากอักษรเป็นพยางค์ จากพยาค์เป็นคำ จากคำเป็นประโยค
..จากประโยค เริ่มสั่งสมเป็นเรื่องราวเป็นวรรคตอน
สุดท้ายมันเป็นเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งออกมา ตามใจคนที่คิดจะจรดรำพันมันลงไป


และสิ้นสุดเมื่อใครที่เริ่มจรดนิ้วมือลงแป้นพิมพ์นั้น หมดเรื่องที่จะบรรยายบ่นมันออกมา..





อันที่จริงเรา(ผม)เนี่ย เป็นพวก พิมพ์อะไรออกมาได้เรื่อยๆ เลย
ถ้ามันมีอารมณ์มาต่อเนื่อง และไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ..
ส่วนเนื้อหาที่พล่ามออกมานั้น จะมีหรือไม่มีอะไรนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง 5555




บ่นๆ ตรงนี้น่ะ อยากจะหาทางเข้าเรื่อง “ความฝัน”
อยากจะหาทางเข้าเรื่อง “ความหวัง” และ “ความคาดหวัง”

..แต่หนอ มันหาทางเข้าไม่ถูกแหะ




ประเทศไทย สังคมไทยเนี่ย เค้าสอนให้คนเราเพ้อฝันหรือเปล่านะ?..
..โดยส่วนตัวเราว่าไม่นะ

แต่แปลกแหะ โดยส่วนตัว เราค่อนข้างเป็นคนที่เพ้อฝันเอาการอยู่
เพ้อฝัน เอาตัวเราเองไปเทียบเคียงกับใครต่อใคร ในรุ่นราวคราวเดียวกับเรา
เอาตัวเราเองไปเทียบเคียงกับคนในยุคเดียวกับเรา ..พวกที่โด่งดังเป็นดาราเป็นนักร้อง
..เราเหรอ ก็อาจจะเคยคิดมั้งแหละ ตามภาษาวัยรุ่น ตอนที่เรากำลังเป็นวัยรุ่นน่ะนะ
อาจจะเคยแอบคิดว่าตัวเองจะโด่งดังมีชื่อเสียง เป็นดาราเป็นนักร้องกับเค้าบ้างเหมือนกัน

แต่เราว่านั้นเป็นเพียงความเพ้อฝันธรรมดาของคนในวัยหนึ่งเท่านั้นแหละมั้ง
..ยามเมื่อเราเป็นวัยรุ่น หากเราไม่ขี้ริ้วขี้เหล่ หรือไม่ไร้สังคมจนเกินไป
ก็คงต้องมีบ้างแหละ ที่อาจจะแอบคิดเอาว่าตัวเองกำลังจะเป็นดารา หรือกำลังเป็นนักร้องใช่ป่ะ


แต่ไอ่ความคิดเพ้อฝันพวกนี้ ไม่ได้เป็นประเด็นของเราหรอกในวันนี้..





วันนี้ เรานึกอยากจะพูดถึง “ความเพ้อฝัน” ที่มัน “เป็นจริงเป็นจัง” กว่านั้น..
ค ว า ม เ พ้ อ ฝั น ที่ เ ป็ น ค ว า ม ค า ด ห วั ง ใ น ชี วิ ต ข อ ง เ ร า นั่ น แ ห ล ะ . .



เมื่อ เราทุกคนโตขึ้น เลยวัยที่จะเที่ยวเล่นไปวันๆ
แน่นอน เราทุกคน น่าจะ หรือควรจะมีความคาดหวังในชีวิตน่ะเนอะ
คาดหวังชีวิต มีเป้าหมายว่า เราอยากจะมีอะไร อยากจะเป็นอะไร..

ความทะเยอทะยานบางอย่าง มีเป้าหมายในตำแหน่งหน้าที่การงาน
ซึ่งนี่น่าจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป ..
..ถ้าไม่มีความทะเยอทะยานไว้บ้าง จะมีชีวิตอยู่ไปเผื่ออะไร




มันต้องมี “เป้าหมาย” เพื่อที่จะ “ไปหา..”

บ้าง “เป้าหมาย” สำหรับบางคน เป็นตัวเลขเงินนัญชี





จริงๆ โดยส่วนตัว วันนี้ เราอยากจะมุ่งประเด็นที่ เป้าหมายเชิงตัวเลข(เงิน)นี้มากกว่า..

จริงๆ เรามีแหละ เป้าหมายเชิงตัวเลขเงินนี่น่ะ..

..แต่ยอมรับเลยนะ วันนี้ เท่าที่พอมีเนี่ย น้อยนิดนักหนา ห่างไกลเหลือเกินที่จะพูดถึงเป้าหมายที่เรามีอยู่ในใจ
แต่ก็ยอมรับว่าเราก็คิดถึงตัวเลขนั้นๆ อยู่นะ.. (แม้วันนี้มันดูจะห่างไกลจนไม่น่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้)



แต่อก่อนอื่น ต้องบอกเลยว่าเราไม่ใช่พวกหน้าเงิน หรือพวกคนบ้าเงินนะ..



แต่เราเป็นพวกบ้าความฝัน..
..และก็ต้องยอมรับแหละว่า “เงิน” ในวิถีชีวิตปกตินั้นเป็นคนจำเป็น
เป็นเครื่องมือ เพื่อนำมาใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ


เราไม่ได้อยากมีเงินเพราะอยากมีเงิน
เราอยากมีเงินเพราะว่า จะเอามันไปซื้อความฝันต่างๆ นานา


ทุกวันนี้ยังไม่เคยดำน้ำสักที
อยากไปเรียนดำน้ำ แล้วก็อยากไปเที่ยวดำน้ำบ่อยๆ
รู้ถึงความงดงานของท้องทะเล เห็นจากในทีวี หรือที่เคยดำผิวน้ำบ้าง
แต่พวกที่ดำลงไปข้างล่างเลยนี่ยังไม่เคยทำ..
..อันที่จริง ค่าเล่าเรียนมันก็ไม่ได้แพง คือค่าที่จะไปดำน้ำมันก็ไม่ได้แพงเกินความสามารถหรอก
เพียงแต่ ยอมรับกันว่า เราว่ายน้ำไม่เก่ง..

แรงผลักดันที่จะไปเรียนดำน้ำเนี่ยมันก็เลยควรจะต้องมีเพื่อน มีก้วนไปกัน..

..เรื่องดำน้ำน่ะ เด็กๆ อยากทำ พรุ่งนี้จะทำเลยก็ได้
แต่ความต้องการมันในเรื่องนี้ไม่ได้รุ่นแรงอะไร..





ที่ต้องการมากกว่า รุนแรงมากกว่า
และควรจะต้องมีเงินเหลือใช้มากกว่านี้หน่อย ถึงจะไปเที่ยวทำเล่นได้คือ
อยากไปเรียนขับเครื่องบิน..
อยากบินน่ะ ..ถ้ามีเงินมากๆ พอที่จะใช้เล่นความฝันนี้ได้ ก็จะเอาเงินมาซื้อความฝันนี้
เรื่องขับเครื่องบินนี่เป็นอะไรที่คิดถึ้งคิดถึงอยู่ในใจเสมอๆ

อยากอยู่นฟ้า อยากมองลงมาข้างล่าง
อยากเคลื่อนย้ายตัวเองตามแต่ใจเมื่ออยู่บนท้องฟ้า
..เรื่องนี้ คงต้องมีเงินเหลือกินเหลือใช้อยู่สักหน่อยมั้งถึงพอจะทำได้
..อยากกระโดดล่มด้วย ไม่รู้ว่าถึงเวลาจะกลัวเกินไปจนไม่กล้าทำหรือเปล่า
แต่การอยู่บนฟ้าแบบตัวเปล่าๆ มีผ้ากองหนึ่งพับไว้บนหลัง
ในความรู้สึก ก็คงจะเป็นความอิสระสุดๆ เลยหล่ะ..




เงินคงพาเราท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ในโลกที่เราอยากจะไปได้..
ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญ หรือกันดาร
จะทุนนิยมสุดขั้ว จะสังคมนิยมสุดขั้ว(เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วหล่ะ) จะปัจเจกชนสุดขั้ว
จะป่าเขา หรือจะปลีกแยกแสวงหาความสุขทางจิต
..เราคิดถึงมัน เราอยากจะได้สัมพัสจัง

อยากจะได้ไปเยี่ยมเยี่ยนผืนโลก ในวัยที่ยังมีเรี่ยวแรง..



แต่สุดท้าย เราก็แค่อยากจะมีบังกาโล หรือรีสอร์ทส่วนตัวเล็กๆ ริมทะเลไว้ดูแลเพื่อใช้ชีวิต
เพื่อที่จะได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุขเท่านั้น..



ทั้งหมดทั้งมวล ไม่มีเงินคงทำไม่ได้..
และแค่มีเงินคงไม่พอ มันต้องมีในระดับที่มากพอสมควร
อย่างน้อยๆ ในรูปตัวเงินที่เราคิดไว้ว่าอยากจะมี มันก็เป็นเงินมากโขสำหรับเราในตอนนี้..
(ความมาก หรือน้อง คงขึ้นอยู่กับสถานะภาพปัจจุบัน บวกกับเป้าหมายโดยเปรียบเทียบน่ะนะ)









ตอนนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า..
แต่คิดว่าเดี๋ยวจะมีอีกหน่อยน่ะนะ




 

Create Date : 14 เมษายน 2550
1 comments
Last Update : 14 เมษายน 2550 23:46:39 น.
Counter : 521 Pageviews.

 

ความฝันไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกค่ะ
ถ้าเราตั้งใจที่จะทำมัน

มาเป็นกำลังใจให้เดินไปให้ถึงฝันค่ะ
สู้ๆ

 

โดย: JuMMum_Jung 15 เมษายน 2550 0:18:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
14 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.