Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
ปชป. เริงร่าชนะฟาล์วคดียุบพรรค 258 ล้าน

“ศาลรธน.” ลงมติ 4 ต่อ 3 ยกคำร้อง เหตุฟ้องผิดขั้นตอนซ้ำรอยคดี 29 ล้าน ชี้ “นายทะเบียนฯ” ไม่ได้ชงความเห็นตามกฎหมาย เผยเสียงข้างมาก

ศาล รธน. นัดพร้อมคดี 258 ล.
วันนี้ ( 10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดยนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมองค์คณะ ประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายนุรักษ์ มาประณีต นายบุญส่ง กุลบุปผา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี กำหนดออกนั่งบัลลังก์ในเวลา 10.00 น. เพื่อนัดพร้อมคู่กรณีเป็นครั้งแรกในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีรับบริจาคเงินจำนวน 258 ล้านบาทจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2548 ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2550 ทั้งนี้ก่อนออกนั่งบัลลังก์คณะตุลาการฯ ได้นัดประชุมกันก่อนโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ทีมกฎหมาย“ปชป.”รวมพล
ขณะที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และหัวหน้าทีมกฎหมายฯ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ได้มารวมตัวกันที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อนเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงปิดคดีด้วยวาจาในคดีใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ทีมกฎหมายบางคนได้ยกมือไหว้พระแม่ธรณีบีบมวยผมสัญลักษณ์ประจำพรรคด้วยก่อนเดินทางออกจากพรรคด้วย โดยนายชวนและนายวิรัตน์มีสีหน้าแจ่มใสต่างจากนายบัณฑิตและนายไชยวัฒน์ ที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

ศาลสั่งรวมสำนวน-งดไต่สวน
ต่อมาเวลา 10.00 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์แจ้งให้คู่กรณีรับทราบว่า ศาลได้มีคำสั่งให้นำสำนวนและพยานเอกสารในคดีเรื่องพิจารณาที่ 14/2553 (คำวินิจฉัยที่ 15/2553) ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไม่ถูกต้องและรายงานไม่ตรงตามความเป็นจริงมาประกอบการพิจารณาวินิจฉัยในคดีนี้ ในการนี้ศาลเห็นว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวน และให้คู่กรณีฟังคำวินิจฉัยต่อไป

มติ 4 ต่อ 3 ยกฟ้องซ้ำรอย 29 ล.
จากนั้นนายนุรักษ์ มาประณีต และนายจรัญ ภักดีธนากุล 2 ตุลาการฯ อ่านคำวินิจฉัยว่า หลังจากได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้นายทะเบียนพรรคการเมืองยังมิได้ทำความเห็นตามมาตรา 95 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2550 ประกอบกับเรื่องนี้ศาลได้วางแนวไว้ในคำวินิจฉัยที่ 15/2553 แล้ว การให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงเป็นการกระทำข้ามขั้นตอน วิธีปฏิบัติไม่ชอบ มีผลให้กระบวนการการยื่นคำร้องของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 เสียง ให้ยกคำร้อง
ตุลาการฯ เสียงข้างมาก ประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายนุรักษ์ มาประณีต และนายสุพจน์ไข่มุกด์ ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายชัช ชลวร นายบุญส่ง กุลบุปผา และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี

“อัยการ”อ้างเห็นช่องโหว่ ก.ม.
ด้านนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า น้อมรับคำตัดสินของศาล ในส่วนของ อสส. ถือว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และไม่ติดใจในคำวินิจฉัยของศาล อย่างไรก็ดีกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในข้อกฎหมายก่อนนั้น ทาง อสส. ไม่มีโอกาสร้องคัดค้าน เพราะไม่สามารถยื่นคำร้องประกบได้
ต่อข้อถามว่า ก่อนที่ อสส. จะยื่นคำร้องได้ตรวจสอบสำนวนของ กกต. ก่อนหรือไม่ว่านายทะเบียนฯ มีความเห็นเสนอให้ยุบพรรคแล้วหรือไม่ โฆษก อสส. ชี้แจงว่า การที่ อสส. ที่ไม่ยื่นคำร้องตั้งแต่ต้นเนื่องจากไม่แน่ใจในความเห็นท้ายหนังสือของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายทะเบียนฯ ที่เสนอเข้าที่ประชุม กกต. ว่า “อาจมีการกระทำความผิดตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2550 ถือเป็นเรื่องสำคัญให้ที่ประชุม กกต.พิจารณานั้น” ถือเป็นความเห็นของนายทะเบียนฯ ที่เสนอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่

แจง“นายทะเบียน”ไม่ฟันธง
นายธนพิชญ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 10 พ.ค. 2553 นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. และนายทะเบียนฯ ทำหนังสือถึง อสส. ให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง อสส. เห็นว่าหนังสือดังกล่าวนายทะเบียนฯ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำความผิด จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง อสส. และนายทะเบียนฯ
“ในชั้นของคณะทำงานร่วมได้มีการพูดคุยกับนายอภิชาตในฐานะนายทะเบียนฯ อีกครั้งว่า ตกลงแล้วมีความเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์กระทำผิดตามมาตรา 94 แล้วใช่หรือไม่ ปรากฏว่านายอภิชาตไม่ได้ให้ความชัดเจนอะไร แต่ทาง อสส. ถือว่าการที่นายอภิชาตมีหนังสือฉบับลงวันที่ 10 พ.ค. ที่ระบุว่ามีการกระทำผิดจนเป็นเหตุให้เสนอยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้แล้ว ทาง อสส. จึงได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ” โฆษก อสส. ระบุ

“ชวน”อุบไต๋ยื่นยุบ“เพื่อไทย”
ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เคารพดุลยพินิจของศาลทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย และขอขอบคุณประชาชนที่ห่วงใยในเรื่องนี้ ตนทราบดีว่าสถานการณ์วันนี้มีการข่มขู่ตุลาการฯ เพื่อจะยุบพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ มิฉะนั้นจะนำข้อมูลในคลิปวีดิโอมาเปิดเผย จนตุลาการฯ ต้องยื่นฟ้องคนบางคน
หัวหน้าทีมกฎหมายฯ กล่าวถึงการยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้หมดภารกิจของตนไปอย่างหนึ่งแล้ว ต่อไปก็เป็นภารกิจทีมกฎหมายของพรรค แต่ที่ผ่านทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคไม่เคยพูดถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนไม่ทราบว่าในพรรคได้มีการหารือเรื่องที่จะยื่นยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เมื่อถามว่า พรรคจะปรับปรุงการทำงานโดยเฉพาะการตรวจสอบบัญชีและการใช้เงินสนับสนุนจาก กกต. หรือไม่อย่างไร นายชวน ตอบว่า ต้องไปถามกรรมการบริหารพรรค เพราะตนเป็นเพียงประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และพรรคไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับตน

“ทนายเทวดา”โวหักล้างสำเร็จ
นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อกฎหมายเรื่องนายทะเบียนต้องทำความเห็นเสนอ กกต. นั้น เป็นไปตามที่พรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้มาตลอด และศาลได้หยิบยกประเด็นนี้มาวินิจฉัย เมื่อนายทะเบียนฯ ไม่ได้ทำความเห็น ดังนั้นมติวันที่ 12 เม.ย. 2553 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อ อสส. นำมติไม่ชอบด้วยกฎหมายไปยื่นคำร้องจึงทำให้คำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ขอให้สื่อมวลชนติดตามวันไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ตุลาการฯ ฟ้อง ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคน เชื่อว่าจะต้องมีการให้รายละเอียดต่อศาล จะได้รู้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คนและทนายของอดีตนายกฯ ที่อยู่ในคำฟ้องคือใคร ซึ่งข้อเท็จจริงจะมีมากกว่านั้นอีก

“หยัด”โพล่งเป็นไปตามคาด
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในทีมกฎหมายฯ กล่าวเช่นกันว่า คดีนี้เกี่ยวพันกับคดี 29 ล้านบาทอย่างชัดเจน ซึ่งพยานหลักฐานทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงคงเพียงพอแก่การวินิจฉัย และเป็นไปอย่างที่คาดหมายไว้แล้ว
“ผมคิดว่าที่เราสบายใจอยู่อย่างมาก ประการหนึ่ง คือ ตรงกับแนวการต่อสู้คดี และตรงกับคำร้องที่พรรคได้ยื่นให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น เอาเป็นว่าคดีจบด้วยดีทุกประการ และเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคดีสิ้นสุดลงทุกฝ่ายก็โล่งใจ คงไม่เฉพาะผมเท่านั้น คนประชาธิปัตย์ทั้งหมด หรือแม้แต่ประชาชนที่เอาใจช่วยพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอดก็คงโล่งใจกันไปด้วย” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี พร้อมระบุด้วยว่า ถ้าหากสื่อมวลชนช่วยกันสะท้อนคำวินิจฉัยของศาลทุกแง่ทุกมุมออกมา คิดว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจมากขึ้น

ตีปิ๊บดักคอแผนฝ่ายตรงข้าม
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขอขอบคุณตุลาการฯ เสียงข้างมากที่กล้าวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียดโดยไม่กลัวคำขู่ ไม่กลัวอิทธิพลของอดีตผู้บริหารคนหนึ่งและการกดดันของสีเสื้อ ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้ด้วยระบบนิติรัฐ และขอขอบคุณ กกต. ที่แสดงทัศนคติในแนวทางที่ถูกต้องมากขึ้นในช่วงหลัง พร้อมกันนี้ขอบคุณสมาชิกพรรคที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด การวินิจฉัยครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ว่า พรรคชนะคดีไม่ได้เกิดจากการวิ่งเต้นหรือรังสีอำมหิตตามที่ถูกกล่าวหา และเชื่อว่าคดีนี้จะเป็นเพียงหนึ่งเหตุการณ์เท่านั้น เพราะยังมีกลุ่มคนที่มีอิทธิพล มีอำนาจมืด และมีเงิน พร้อมที่จะดำเนินการกดดันกระบวนการยุติธรรมและสถาบันองคมนตรีต่อไป

“พท.”ไล่บี้“กกต.-อสส.”แจง
อีกด้านหนึ่ง ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานกฎหมายเพื่อติดตามคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า คำวินิจฉัยของศาลไม่ได้เหนือความคาดหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะฟาวล์เป็นครั้งที่ 2 และรู้สึกเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้โอกาสพิสูจน์ตัว ถือเป็นพรรคการเมืองที่โชคดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่รอดพ้นจากการยุบพรรคถึงสองครั้ง จนต้องตั้งฉายาว่าเป็นพรรคเทวดา หรือพรรคขนมจีน เพราะเส้นใหญ่รอดคดีทุกครั้ง
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า วันที่ 10 ธ.ค. นี้จะส่งขนมจีน 1 เข่งใหญ่ไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนน้ำยาให้พรรคประชาธิปัตย์คิดทำเอาเอง นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยเตรียมจัดทำสมุดปกขาวเกี่ยวกับคำวินิจฉัยทั้ง คดีเงิน 29 ล้านบาท และคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท แจกจ่ายให้ประชาชนอ่านข้อเท็จจริง รวมทั้งเรียกร้องให้นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนฯ และอัยการสูงสุดออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย

“วิสุทธิ์”เมินวิพากษ์“อภิชาต”
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วมกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทโดยระบุว่านายทะเบียนฯ ไม่ทำตามขั้นตอนกฎหมายว่า ไม่ขอแสดงความเห็น เพราะถือว่าทำงานคนละหน้าที่ กกต. ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และ ในฐานะที่เป็น กกต. ยืนยันว่าได้หารือและเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไรถือเป็นดุลพินิจ
ต่อข้อถามว่า ผลที่ออกมาต้องปรับการทำงานของ กกต.ใหม่ หรือไม่ กกต.รายนี้ กล่าวว่า กกต.ทำงานตามกฎหมายทุกอย่าง คงไม่ปรับอะไร คำวินิจฉัยถือเป็นความเห็นตามกฎหมายที่อาจแตกต่างกันได้ เราไม่ก้าวล่วง ต้องเคารพซึ่งกันและกัน มิฉะนั้นจะหาข้อยุติไม่ได้ ส่วนข้อยุติจะเป็นที่พอใจของใครหรือไม่ก็แล้วแต่ เมื่อถามย้ำว่า ผลที่ออกมาจะกระทบการทำงานของ กกต. หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เราต้องหนักแน่น เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว กกต. ทำงานตามหน้าที่ ต้องไม่หวั่นไหว ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร และอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา

หึ่งแดงเดือดนัดเผาหุ่นตุลาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ปรากฏมีกระแสข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นกลุ่มใดจะเดินทางมาเผาหุ่น 4 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นเสียงข้างมากที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ธ.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณด้านหน้าสำนักงานศาลฯ และได้ระดมเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลจำนวน 1 กองร้อย มาดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบอาคารในวันดังกล่าวด้วย

“ประพันธ์”แนะฟ้องคดีใหม่
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ว่า ตามหลักการพิจารณาคดีทั่วไป ฝ่ายผู้ร้องสามารถปรับปรุงสำนวนและยื่นเรื่องกลับไปเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีใหม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนฯ จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทอีกหรือไม่ เนื่องจากคดีนี้นายอภิชาตเคยมีความเห็นให้ยกคำร้องทั้งการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2552 และวันที่ 12 เม.ย. 2553 ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับนายอภิชาตเพียงคนเดียว ส่วน กกต. อีก 4 คนไม่เกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากมีหน้าที่เพียงแค่รับรองความเห็นของนายทะเบียนฯ ในการยื่นยุบพรรคเท่านั้น
“ตามหลักวิธีพิจารณากฎหมายทั่วไปก็เหมือนกับคดีแพ่ง เมื่อฝ่ายผู้ร้องพบว่าเนื้อหาสำนวนที่ยื่นไปครั้งแรกมีความบกพร่องก็สามารถนำมาปรับปรุงเพื่อยื่นกลับไปใหม่ อีกทั้งในคดีนี้ศาลยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยในข้อเท็จจริงออกมา ดังนั้นจึงอยู่ที่นายทะเบียนฯ จะตัดสินใจ” กกต.ผู้นี้ ระบุ

ปม 29 ล้านปิดฝาโลงเรียบร้อย
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงคดียุบพรรคกรณี 29 ล้านบาทว่า โดยหลักแล้วสามารถยื่นคำร้องกลับไปใหม่ได้ เพราะถ้าดูตามมติ กกต. เสียงข้างมาก 3 เสียงที่ให้นายทะเบียนฯ ไปทำความเห็นมาก่อนเสนอเข้าที่ประชุมกกต. กระบวนการก็จะสมบูรณ์ก็สามารถยื่นคำร้องใหม่ได้ แต่ติดปัญหาที่ว่า เมื่อศึกษาคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการฯ เสียงข้างมาก 4 คนในคดี 29 ล้านบาทได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงค่อนข้างละเอียดไว้หมดแล้วว่าผู้ถูกร้องไม่มีความผิด การจะยื่นกลับไปใหม่แม้ กกต. จะแก้ไขกระบวนการให้ถูกต้องแต่ก็คงทำไม่ได้ง่ายแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกกต.ทำเต็มที่แล้ว คำตัดสินที่ออกมาเป็นความเห็นทางกฎหมายเราก็ต้องยอมรับ
“หลังแพ้ทั้งสองคดี กกต. สมควรต้องปรับปรุงโครงสร้างกระบวนการใหม่แน่นอน เพื่อให้การทำงานของ กกต. มีความรอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่า กกต. ทั้ง 5 คนยังสามัคคีไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อกัน จะทำงานร่วมกันต่อไป” นายประพันธ์ กล่าวยืนยัน

“เหลิม”ขู่ฟัน“อภิชาต”หนัก
ที่ จ.นครราชสีมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ปราศรัยหาเสียงตอนหนึ่งว่า ยอมรับคำวินิจฉัยคดียุบพรรคทั้งสองคดี แต่ตนไม่เคยเคารพตุลาการฯ ชุดนี้ และกล้ามาออกทีวีดีเบตกับตนหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ทำอะไรไม่เคยผิด ทั้งที่ กกต. และอัยการบอกว่าผิด แต่ศาลวินิจฉัยว่าการยื่นฟ้องหมดอายุความแล้ว ต่อมาบอกว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนฯ ยังไม่มีความเห็น ตนไม่รู้ว่านายอภิชาตจะช่วยพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ รู้แต่ว่านายอภิชาตเป็นเพื่อนกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะรอดูคำวินิจฉัยส่วนตนและคำวินิจฉัยกลาง หากตุลาการฯ ผิดจะยื่นถอดถอน แต่หากตุลาการฯ ไม่ผิด จะยื่นฟ้องนายอภิชาตในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งยื่นถอดถอนต่อไปด้วย

เล็งยุบ“ภท.”-ซักฟอก 3 รมต.
“การเมืองวันนี้มาถึงจุดแตกหัก พรรคประชาธิปัตย์ทำอะไรไม่เคยผิด แต่ทราบว่ากำลังจะยุบพรรคเพื่อไทย ผมขอบอกเลยว่าถ้ายุบคราวนี้ก็จะตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคทักษิณ” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุและว่า ในการประชุมสภาสมัยหน้า ตนจะเสนอให้พรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ดังนี้ 1.นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย 2.นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และ 3.นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ส่วนนายบุญจง ไม่ต้องยื่น เพราะจะไม่ได้รับเลือกตั้งกลับเข้าไปแน่นอน ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องรับผิดชอบในฐานะนายกฯ
ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ขอเตือนให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง เพราะที่ผ่านมา ผวจ.นครราชสีมามีพฤติกรรมน่าสงสัย สำหรับเรื่องทุจริตได้ยินว่ามี แต่ยังไม่มีหลักฐาน อย่างไรก็ตามหลักฐานที่เป็นคลิปวีดิโอที่ร้องเรียนนายบุญจง และหาก กกต. ให้ใบแดง ต่อไปพรรคภูมิใจไทยก็ถูกยุบบ้าง เพราะนายบุญจงเป็นรองหัวหน้าพรรค

“มาร์ค”เป่าปากพ้นพงหนาม
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงมติศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทว่า รู้สึกสบายใจ เมื่อคดียุติแล้วจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเดินหน้าทุ่มเททำงานให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามขอให้ทุกฝ่ายรอดูรายละเอียดคำวินิจฉัยที่ชัดเจนจะทำให้ทราบว่าเป็นของข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่ใช่เรื่องของเทคนิค



เดลินิวส์





Create Date : 10 ธันวาคม 2553
Last Update : 10 ธันวาคม 2553 16:15:30 น. 1 comments
Counter : 583 Pageviews.

 



โดย: โสดในซอย วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:18:31:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I love Thailand
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add I love Thailand's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.