งานการกุศล มัสยิดดาริสสลาม นาเคียน นครศรีธรรมราช
เพลง Qosidah ศิลปิน Busana Muslim
สวัสดีค่ะ พี่นกขมิ้น ขอเลียนแบบพี่โดม เขียนบล็อกนี้เป็นจดหมายแล้วกันนะคะ ที่เพ็ญบอกไว้ว่าจะเล่าบรรยากาศในงานมัสยิดที่เพ็ญไปช่วยงานมาให้ได้อ่านกัน มันค่อนข้างยาว แต่เพ็ญก็อยากบันทึกไว้ อ่านข้ามๆไปก็ได้ค่ะ ไม่ว่ากัน อย่างที่เพ็ญบอกพี่หมิ้นไปแล้วว่าเพ็ญเป็นกลางระหว่างพวกเก่า กับพวกใหม่ เมื่อตอนเด็กเพ็ญจะเรียนศาสนาในวันเสาร์-อาทิตย์กับพวกเก่า เพราะเพ็ญเห็นว่าพวกเก่าเขาใช้หลักฟัรดูอีนของส่วนกลาง ที่สังกัดสำนักจุฬาราชมนตรี มีการสอบวัดระดับชั้นอะไรด้วย ตอนกลางคืนก็ไปเรียนอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่าน ที่บ้านลุงซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ ครอบครัวของป้าสะใภ้ เป็นครอบครัวที่เคร่งศาสนามาก ทำให้เพ็ญซึมซับในส่วนนี้มาบ้างนิดหน่อย เวลาวันรายอเพ็ญก็ไปฉลองวันรายอที่มัสยิดพวกใหม่ แต่เพ็ญก็เรียนศาสนาไม่จบหลักสูตรพื้นฐานเขาหรอกนะคะ ยังเจ็บใจอยู่เลยเป็นเพราะเพ็ญสอบวิชาเขียนตามคำบอกภาษาอาหรับ ตกอยู่วิชาเดียว ขนาดภาษาอังกฤษเรียนมากกว่าภาษาอาหรับเพ็ญยังตกเลย เฮ้อ เลยไม่ได้ใบประกาศนียบัตรไว้ติดโชว์เลยค่ะ แต่ก็ทำให้เพ็ญสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน เล่านอกเรื่องยาวไปแล้วนะคะ กลับมาที่งานดีกว่าค่ะ งานที่มัสยิด อ้อ มัสยิดชื่อดาริสสลาม จำไม่ได้แล้วละค่ะว่าแปลเป็นไทยว่าอะไร กรรมการมัสยิดนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรุ่นใหม่ ที่พี่หมิ้นสงสัยว่าทำไม จึงทิ้งช่วงการจัดงานนานเหลือเกิน 12 ปี ที่ไม่ได้จัดงานมาเลย เพ็ญก็คิดเอาเองว่า เราไม่เน้นงานรื่นเริงซึ่งถ้าจัดงานมันหลีกไม่ได้ก็เลยไม่จัดดีกว่า อ้าวแล้วทำไมปีนี้ถึงจัดได้ เป็นเพราะว่าเงินบำรุงมัสยิดตอนนี้มีน้อยเต็มที เงินค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐส่วนนึง และเงินบริจาคในวาระต่างๆ ใกล้จะหมดแล้วค่ะ ครั้นจะแค่ไปขอบริจาคตามสถานที่ต่างๆ ก็ไม่เหมาะค่ะ ก็เลยมาลงตัวที่จัดงานการกุศลน่าจะดีกว่า งานของมัสยิดนี้ก็มีกิจกรรมตั้งแต่เช้ามืดเลยค่ะ เป็นการวิ่งมินิมาราธอน ที่จัดมาทุกครั้งที่จัดงานเลยค่ะ เสร็จจากรายการวิ่ง ก็เริ่มเปิดร้านกัน บริเวณของมัสยิดก็แคบนิดเดียวเอง โชคดีที่บริเวณที่ติดกับมัสยิดเป็นที่ว่างเจ้าของก็ให้ใช้ได้ ด้านทิศเหนือก็เปิดเป็นศูนย์อาหาร ที่เรียกว่าศูนย์อาหารก็เพราะใช้ระบบของศูนย์อาหารในห้างค่ะ ด้านทิศใต้ก็เป็นร้านค้าพวก เสื้อผ้า เครื่องประดับที่เป็นสีสันของงาน เพราะจะมีลูกค้าเยอะ ตัวเพ็ญเองเวลาไปงานมัสยิดอื่นๆ ก็จะตั้งใจไปร้านพวกนี้ละค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะซื้อผ้าคลุมผม กับหนังสือ แต่งานนี้ได้ผ้าคลุมผมใหม่มาผืนเดียว หนังสือไม่ได้ซื้อก็ที่ซื้อไว้ก่อนนี้ยังอ่านไม่หมดเลยละค่ะ ในส่วนศูนย์อาหาร จะเป็นการยกร้านอาหารมาจากบ้านหรือตลาดที่แต่ละคนเปิดอยู่ ทั้งอุปกรณ์และคนขายมาขายในร้านนี้ค่ะ ขายในราคาปกติด้วยนะคะ ไม่มีการเพิ่มราคา กรรมการเขาบอกว่า เพื่อให้คนที่มาในงานร่วมบริจาคเยอะๆ ในส่วนของที่จอดรถก็ไม่เก็บค่าฝากรถค่ะ มีคนบริการดูแลให้ตลอด ตรงนี้ก็เป็นจุดที่แตกต่างกับงานมัสยิดอื่นๆ ตอนแรกเพ็ญได้รับมอบหมายให้ขายคูปองค่ะ แต่ว่าพอไปถึง คนที่ขายคูปองส่วนใหญ่ อายุไม่เกิน 20 เองค่ะ แล้วเพ็ญก็ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ก็เลยไปช่วย ช่วงที่เด็กๆเค้า เปลี่ยนช่วงกะกัน เพ็ญไปช่วย เขาขายโรตี แต่ไม่มีโรตีแกงค่ะ มีแกงแพะขายด้วยเพ็ญก็เลยทานแกงแพะไปก่อนแล้วค่อยทานโรตีตามไปทีหลังค่ะ ข้อที่น่าชื่นชมอีกอย่างก็คือ ทุกคนที่มาช่วยงาน จะไม่ทานฟรีเลยค่ะ เวลาจะทานอะไรเราก็ซื้อทานทุกอย่าง ซึ่งจะทำอย่างนี้มาตลอด จนคนที่เขามาเป็นสะใภ้ที่นี่ แล้วมาช่วยงานยังออกปากชมเลยค่ะ งานคืนแรกในส่วนพิธีการ ก็เริ่มด้วยการเปิดงาน โดยท่านผู้ว่าราชการ ธีระ มินทราศักดิ์ค่ะ เท่าที่เพ็ญรู้มา ท่านน่าจะเป็นผู้ว่าราชการคนเดียวที่นับถือศาสนาอิสลาม ตามด้วยการบรรยายธรรมโดยนักวิชาการอิสลามจาก โรงเรียน และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง จำไม่ได้แล้วค่ะว่าที่ไหนบ้าง คืนแรกผ่านไปด้วยดีค่ะ เพ็ญกลับก่อนงานเลิกค่ะ งานวันที่สอง 28 มีนาคม วันที่สองนี่ เริ่มต้นไม่ดีเลยค่ะ เพราะตอนเที่ยงจนถึงบ่ายฝนตกหนักมาก จนมีน้ำขังในบริเวณที่ตั้งศูนย์อาหารต้องย้ายร้านกันอุตลุดเลย คนที่มาในงานก็ต้องเดินลุยโคลนมาซื้อของค่ะ ทำไงได้ละค่ะ มีแขกมาจากกรุงเทพด้วยนะคะมาจากต่างจังหวัดก็เยอะ น่าสงสารจังเลยค่ะ อุตส่าห์แต่งตัวสวยมาเที่ยวงาน มาเจอโคลนเข้าแต่ว่าส่วนใหญ่ก็ไม่กลัวค่ะ ไหนๆก็อุตส่าห์มาแล้ว คงไม่อยากเสียความตั้งใจ อย่างนี้เรียกว่ามาด้วยใจจริงๆค่ะ เพ็ญไปช่วยตอนฝนหยุดแล้วค่ะ วันนี้ก็เลยไปทำหน้าที่ขายคูปองเพราะ เด็กๆเขาถอนตัวไปหลายคน ตอนเย็นคนไม่มากเท่าไหร่ ก็เลยได้มีโอกาสนั่งคุยกับเด็กๆ ก็ทำให้รู้สึกว่า หลายคนเป็นเด็กที่มีคิดดีกว่าที่เพ็ญมองไว้ตอนแรก ก็เลยคุยกันได้หลายๆเรื่องทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด ทำงานราบรื่นดีค่ะ ความจริงในงานคืนที่สองนี้ทางมัสยิด ได้เชิญ คุณนาถยา แดงบุหงา มาบรรยายด้วยนะคะ แต่ว่า เพราะมีการชุนนุมของพวกเสื้อแดง ที่กำลังเข้มข้น ใน กทม.ทำให้คุณนาถยา มางานไม่ได้ บอกพวกเด็กๆว่า เมื่อก่อน คุณนาถยา ดังมากเลยนะ เด็กๆบอกว่าไม่รู้จักนึกหน้าไม่ออก เฮ้อ นี่เราคนละรุ่นกันจริงๆ บนเวที ก็เลยมีเฉพาะการบรรยายของ อาจารย์จากที่อื่นๆ ที่ได้เชิญมา สลับกับการนำวีดีโอ การจัดงานมัสยิดเมื่อปี 2530 มาเปิดให้ดูกันก็สนุกสนานกันดีค่ะ บริเวณมัสยิดก็จะตั้งเวที และโรงเลี้ยงค่ะ โรงเลี้ยงนี้จะเลี้ยงแขกที่มาบริจาคช่วยมัสยิดค่ะ แต่จะเน้นพวกอาหารว่าง ชา กาแฟ ทานเสร็จก็จะมีตู้บริจาคให้หย่อนเงินไป หรือใครต้องการใบเสร็จก็ เข้าในส่วนกองอำนวยการได้ จะเห็นว่าทางกรรมการ ได้วางแผนการจัดงานไว้ได้ดีมากค่ะ มีปัญหาอุปสรรค อะไรก็สามารถแก้ไขไปได้ด้วยดี สรุปงานการกุศลครั้งนี้ ก็สามารถหาเงินเข้ามัสยิดได้ ประมาณ สองแสน กว่าบาท ก็คงสามารถไว้บำรุงมัสยิด และใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆได้คล่องตัว ไปได้สักสองสามปีมั้งค่ะ และนอกจากได้เงินเข้ามัสยิดแล้ว สิ่งที่ได้จากงานนี้ก็คือทำให้สมาชิกในมัสยิดได้ มีโอกาสทำงานร่วมกัน ทำให้คำสอนที่ว่า มุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นจริงได้ยิ่งขึ้น และทุกคนที่ได้ช่วยงานไม่ว่าจะช่วยแรง ช่วยเงิน เราก็ทุกคนก็ได้ความสุข ที่ได้ทำบุญ ตามแนวทางของอิสลามค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่หมิ้น ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ความจริง เพ็ญเขียนได้ไม่ครบ เหมือนที่อยากเล่าหรอกนะคะเนี่ย แต่เวลาเพ็ญอ่านเรื่องที่พี่หมิ้นเล่าแล้ว แต่ละเรื่องพี่หมิ้นเล่าได้สนุก มองเห็นภาพ ทำให้เพ็ญอยากจะลองเขียนเล่ามาบ้าง ยังสู้พี่หมิ้นไม่ได้หรอกค่ะ แต่จะพยายามเล่าไปเรื่อยคงจะพัฒนาไปเองนะคะ เพ็ญ
Create Date : 07 เมษายน 2553 |
|
66 comments |
Last Update : 7 เมษายน 2553 9:35:10 น. |
Counter : 1223 Pageviews. |
|
|
|