หลอกแต่งงาน เพื่อเอาวีซ่าติดตามคู่สมรส
ตั้งแต่ทำงานอยู่ที่โรงเรียนภาษาญี่ปุ่น ฉันค้นพบว่าการแต่งงานกันเพื่อวีซ่าไม่ได้เป็นเรื่องแปลประหลาดอีกต่อไป ตั้งแ่ต่ทำงานอยู่ที่นี่ หนึ่งในร้อยคนของนักเรียนทั้งหมด ไม่ว่าเด็กไทย หรือเด็กต่างชาติ ไม่ว่าชายและหญิง จะมีวัตถุประสงค์ในการมาเรียนภาษาญี่ปุ่น หรือพูดง่าย ๆ ว่า มาถือวีซ่านักเรียน เพื่อจับผู้ชาย หรือผู้หญิงชาวญี่ปุ่น
เร็ว ๆ นี้ นักเรียนชาวออสเตรีย เชื้อสายตุรกี ก็เดินควงแขนกับสาวใหญ่อายุ 50 ขึ้น ไปไหนมาไหน จนอาจารย์ของเราไปเจอเข้า อาจารย์ก็มาถามที่โรงเรียนว่า "แฟนคนใหม่หรือ?"
เป็นที่รู้กันว่าสาวญี่ปุ่นนิยมหนุ่มยุโรป อเมริกาขนาดไหน สาวน้อย สาวใหญ่ ใคร ๆ ก็นิยมหนุ่มฝรั่งกันทั้งนั้น
"ไม่ใช่อ่ะ คนนั้นลูกค้า " หนุ่มน้อยพูดยิ้ม ๆ หน้าตาเฉย "แฟนผมเป็นเด็กมหาลัยอยู่ปี 3 ชื่อ... ครับ"
"เ่อ่อ.... เธอทำงานพิเศษอะไรอ่ะ" (ละไว้ในฐานที่ทุกคนเข้าใจ ระวังตำรวจเข้าไปจับนะเออ)
"แล้วถ้าเรียนจบแล้ว คิดจะทำอะไรต่อที่ญี่ปุ่น" อาจารย์ถามต่อ
"แต่งงานคร้าบบบ" เธอตอบได้หน้าตาเฉย ถามส่งรอยยิ้มทะเล้น ๆ มาให้อาจารย์อีกต่างหาก
ใครจะเป็นผู้หญิงโชคร้ายคนนั้น คงต้องติดตามดูต่อไป
นอกจากเรื่องเด็กออสเตรียนี่ ก่อนหน้านั้นก็มีหนุ่มอุซเบกิสสถาน ที่แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นก่อนวีซ่าหมดเพียง 3 วัน...ได้ข่าวว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้า พ่อหนุ่มยังไม่มีแฟน
แต่ที่สุดที่เราเคยเจอ คือ สาวไทย ที่โดนจับได้ว่าทำงานในผับ กำลังอยู่ระหว่างจะถูกส่งตัวกลับไทย น้องจำต้องเปลี่ยนเป็นวีซ่าแต่งงานโดยเร็วที่สุด น้องจึงพาแฟนมาที่โรงเรียน และแจ้งความจำนงจะเปลี่ยนเป็นวีซ่าแต่งงาน
ทางเราก็ไม่ว่าอะไร ถ้าเปลี่ยนวีซ่าเมื่อไหร่ น้องก็ไม่ใช่ธุระของโรงเรียน ที่จะต้องตามตัวให้กลับประเทศอีกต่อไป หลังจากนั้นน้องก็ทำเรื่องแต่งงานตามปกติ ขอใบรับรองความเป็นโสด ขอใบแจ้งคุณสมบัติแต่งงาน และเอกสารอื่น ๆ
ท้ายที่สุดฝ่ายชายที่เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ถือสัญชาติญี่ปุ่น ก็บ่ายเบี่ยง อ้างนู้น อ้างนี่ ไม่ยอมไปจดทะเบียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนน้องทนไม่ไหว ลากไปจดทะเบียนที่อำเภอด้วยตัวเอง เมื่อถึงที่ว่าการอำเภอ ก็ปรากฏว่า
ฝ่ายชายแต่งงานแล้ว ทำให้ทะเบียนสมรสซ้อนไม่ได้
คิดดูแล้วกันว่า ความไปแตกที่อำเภอต่อหน้าเจ้าพนักงานจดทะเบียน สำหรับน้องผู้หญิง มันทั้งเจ็บ ทั้งอาย ส่วนฝ่ายชายก็ไร้ความคิดมาก ๆ คิดได้ยังไงว่าจะจดทะเบีียนสมรสได้ ทั้ง ๆ ที่มีหญิงอื่นเป็นภรรยาอยู่แล้ว
เรื่องแบบนี้ มันก็มีอยู่ในโลกใบนี้ด้วย เราไม่รู้ว่าน้องเค้ารักจริงหวังแต่งแต่โดยผู้ชายหลอก หรือน้องเค้าคิดจะจับผู้ชายแต่งงานเพื่อเอาวีซ่า แล้วโดนหลอกตลบหลังอีกที
สำหรับเราการกลับไทยคงเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับน้อง ทางโรงเรียนเราก็เมตตาน้องคนนี้มากที่สุด ก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องแบบนี้ ผ.อ.ไล่ออกโดยไม่ถาม ไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งนั้น แต่เพราะน้องอายุเพิ่งจะย่าง 20 จะเด็กก็ไม่ใช่ จะผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง ทางโรงเีีรียนจึงสั่งพักการเรียนและให้น้องเรียนต่อที่โรงเรียนจนหมดอายุวีซ่า
ท้ายที่สุดเมื่อเรียนจบ น้องก็กลับไทย แล้วไปเข้าเรียนต่อที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ฉันหวังว่าน้องคงเีรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา และอยากจะฝากบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่า อย่าส่งเด็กที่เพิ่งจบม.ปลาย มาเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าไม่มีใครคอยดูแล เด็กยังไม่มีวุฒิภาวะพอและอาจก้าวพลาดได้
เรื่องราวแต่งงานกันหลอก ๆ หรือหลอกคนญี่ปุ่นมาแต่งงาน ยังคงมีมาให้เห็นเรื่อย ๆ เห็นหลายต่อหลายคนมองผู้หญิงไทยไม่ดี ฉันก็จะบอกว่าเรื่องอย่างนี้ มีได้ทุกชาติ ทุกภาษา ไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่ได้จำเพาะแต่เป็นคนไทย เป็นหญิงไทย ขอให้มองเป็นรายบุคคล ด้วยใจเป็นกลาง
Create Date : 30 กรกฎาคม 2555 |
|
4 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2555 14:13:03 น. |
Counter : 4208 Pageviews. |
|
|