Home is behind The world ahead
 
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
13 กุมภาพันธ์ 2555

เมื่อมีคนกระโดดตัดหน้ารถไฟ... 人身事故

         เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาตอนกำลังเดินมาขึ้นรถไฟกลับบ้าน พอมาถึงสถานีก็มีเจ้าหน้าที่ประกาศว่า ตอนนี้เกิด 人身事故 (แปลตรงตัวว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากร่างมนุษย์) พูดง่าย ๆ คือ มีคนโดดตัดหน้ารถไฟ อีกแล้วหรอ.....



ฉันเพิ่งซื้อของจากซุปเปอร์เตรียมกลับไปทำกับข้าวเต็มพิกัด ก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที ทำไมต้องโดดรถไฟฆ่าตัวตายด้วยนะ รอบ ๆ ตัว ฉันก็มีคนญี่ปุ่น ทำหน้าเซ็ง ๆ แล้วคิดหาวิธีอื่นในการกลับบ้าน ท้ายที่สุดฉันกลับถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่ม ช้ากว่าเดิมประมาณหนึ่งชั่วโมง



พอกลับถึงบ้าน ทำกับข้าวเรียบร้อย ฉันก็มาคิดได้ว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ที่ฉันเริ่มทำหน้าเซ็ง ๆ เหมือนกันกับคนญี่ปุ่น เวลาได้ยินคำว่า อุบัติเหตุจากร่างมนุษย์ (人身事故)



        ฉันนึกทบทวนไปถึงครั้งแรกที่ฉันมาญี่ปุ่น แล้วต้องไ้ด้ยินประกาศนี้จากเจ้าหน้าที่ประจำสถานี  ตอนนั้นฉันค่อนข้างประหลาดใจ ในประเทศที่สะดวกสบาย สะอาดสะอ้าน และพร้อมทุกอย่างเท่าที่เมืองเมืองนึงจะมีได้  ทำไมถึงมีคนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป  ทำไมถึงมีคนต้องการฆ่าตัวตาย แล้วทำไมคนเหล่านั้นเลือกที่กระโดดรถไฟ ที่แย่กว่านั้น มากกว่าที่จะได้รับความเห็นใจ เศร้าใจ กับผู้ตายและครอบครัวผู้ตายที่ต้องสูญเสียบุึึคคลที่รัก  ทำไมคนญี่ปุ่นถึงทำหน้าเฉยชา และออกจะเซ็ง ๆ อย่างนั้น  



ผ่านมา 7 ปี ฉันก็ทำหน้าเซ็ง ๆ เหมือนกับคนญี่ปุ่น ที่ฉันเคยว่าไว้ในใจไม่มีผิด !!!



อะไรทำให้ฉันเปลี่ยนไปขนาดนี้  เกิดอะไรขึ้นในระยะเวลา 7 ปี ที่ญี่ปุ่นนี่...  แล้วฉันก็ค้นพบความจริงที่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันเจอประกาศข้อความนี้แทบทุกวัน แตกต่างกันเพียงว่าจะเป็นรถไฟสายไหนเท่านั้นเองนอกจากนี้ ทุก ๆ 3-4 เดือน ฉันจะเจอประกาศข้อความนี้ในรถไฟสายที่ฉันใช้อยู่้  และครั้งที่แย่ที่สุด คือตอนเช้าฉันไปทำงานช้าเพราะเจอคนโดดรถไฟตอนเช้า ในวันเดียวกันนั้นฉันต้องกลับบ้านดึกเพราะมีอีกคนกระโดดรถไฟตอนเย็น ในระดับความถี่แบบนี้ ทำให้ความเห็นใจกลับเป็นความเคยชิน และการเสียเวลา 1-2 ชั่วโมงทุกครั้งที่ต้องเจอ กลายเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด



มาพูดสถิติการฆ่าตัวตายที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2010 มีจำนวนคนฆ่าตัวตายที่ญี่ปุ่นทั้งสิ้น 31,690 คน หรือประมาณ 87 คนต่อวัน เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่มีจำนวนคนฆ่าตัวตายรวมทั้งสิ้น 3,761 ราย หรือประมาณ 10 คนต่อวัน ถ้าคิดคร่าว ๆ ว่าญี่ปุ่นมีคนมากกว่าไทยประมาณเท่านึง ถ้าประชากรไทยมีพอ ๆ กับคนญี่ปุ่น คนไทยจะมีสถิติการฆ่าตัวตายอยู่ประมาณ 7500 คนต่อปี ดังนั้นอัตราการฆ่าตัวตายของเราน้อยกว่าญี่ปุ่นถึง 4 เท่า



ดังนั้น ถ้าถามว่าความเจริญทางเศรษฐกิจ จะทำให้คนในประเทศมีความสุขได้ไหม และทำให้คนในประเทศเอื้ออาทรต่อกันมากขึ้นไหม ทุกคนคงมีคำตอบในใจอยู่แล้ว









Free TextEditor


Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 9:17:35 น. 13 comments
Counter : 2362 Pageviews.  

 
อ่านแล้วก็สลดใจเหมือนกันน่ะ เขาไม่รู้เลยเหรอว่าร่างกายมีเพื่ออะไร (ก็ไว้สร้างความดีสร้างบารมี) เรามาอยู่ญี่ปุ่นได้แค่สองปีครึ่งรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยและหน้าเซ็งๆของคนที่นี้ มองอีกมุมเขาก็ดูน่าสงสารเพราะทางออกของชีวิตเขาเมื่อพบทางตันมันมีน้อยมาก ต่างกับที่ไทยบ้านเรา ยังมีวัดมีธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ


โดย: Ramachan วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:13:10:03 น.  

 
อย่างน้อยถ้าแก้ปัญหาทางจิตใจของคนในญี่ปุ่นยังไม่ได้ เราอยากให้ช่วยทำประตูกั้นบนชานชลา เหมือนกับรถไฟใต้ตินบ้านเรา ตอนนี้ในบางที่ก็มีที่กั้นแบบนี้ แต่เราอยากให้ทุกที่มีที่กั้น คนจะได้กระโดดจากชานชลาลงมาไม่ได้

สำหรับเรื่องฆ่าตัวตาย เราก็สลดใจแต่ยังไม่เห็นทางออก ว่ามันจะแก้ปัญหานี้ยังไง เพราะจริง ๆ เราก็ยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนเราถึงอยากจะตาย


โดย: ปลาทองในกองหนังสือ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:37:01 น.  

 
เคยอ่านเจอในหนังสือจิตวิทยามาว่า ความจริงแล้วคนที่อยากตายคือคนที่อยากมีชีวิตอยู่มากที่สุด แต่เขาไม่รู้ทางออกว่าจะทำยังไงเลยคิดเรื่องตายเพื่อที่จะรีเซ็ท (แบบคิดเอาเอง)

รถไฟสายที่เราใช้เป็นประจำก็มีคนจิซัทสีบ่อยมากๆค่ะ
บ่อยจนเราเองก็เริ่มชินชา (ทั้งๆที่เราเพิ่งอยู่แค่สามปีเอง น้อยกว่าคุณปลาทองในกองหนังสือ เยอะเลยเนอะคะ)

แต่ที่เรายังรู้สีกเห็นใจอยู่มักเป็นเวลาเห็นพนง.บริษัทวัยราวๆห้าหกสิบที่ท่าทางเหนื่อยอ่อนมากๆในรถไฟขากลับบ้าน (เหมือนแบกทั้งโลกไว้)
กับเวลาเจอพนง.บริษัทที่ล้มเป็นลมเวลาที่รถแน่นๆทุกเช้า

ตอนนั้นจะรู้สึกหดหู่มากค่ะ (แล้วจะเผลอคิดถึงคุณพ่อกับสามีตัวเองเสมอๆ)

เราคิดว่าเพราะคนญี่ปุ่นเอาจริงเอาจังมากเกินไปจนทำให้เครียดสูงมาก
แล้วก็เก็บกดมากเกินไปไม่ค่อยยอมพูดออกมาเอาแต่ ทนๆๆ เลยทำให้วินาทีที่ถึงขีดจำกัดแล้วก็ทนไม่ไหวระเบิดออกมาเป็นการรีเซ็ทแบบที่ว่า

บางจุดอย่างที่เมกุโระ(ยามาโนเตะ) เราเห็นเขากั้นชานชลานะคะ
ที่จริงน่าจะกั้นให้หมดทุกที่ด้วยซ้ำไป เพราะนอกจากคนโดดด้วยใจแล้วยังมีพวกเบียดจนตกลงไปด้วย
เคยเจอผู้หญิงกลางคนตกลงไปต่อหน้าเลยค่ะ ดีที่ไม่มีรถไฟ ตกใจมากๆ พนง.ก็พากันเอาตัวขึ้นมา เขาว่าเพราะเช้าๆคนเยอะเลยเบียดไป

คุณปลาทองในกองหนังสือก็ระวังอย่ายืนแถวหน้านะคะอันตราย (เราคนนึงกล้วไปเลย)


โดย: แม่บ้านมือใหม่ IP: 111.171.250.114 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:48:18 น.  

 
อึม...ตอนเช้าคนแน่นมากจริง ๆ แน่นจนแบบว่าก้าวขึ้นรถไฟไม่ได้ ต้องหันหลังแล้วเอาหลังดันคนเข้าไป เราว่าส่วนหนึ่งของคนที่ตกลงไปในราง บางทีอาจไม่ได้ฆ่าตัวตายก็ได้ คิดแล้วก็อยากให้ทุกสายมีที่กั้นให้หมด

เราเคยเกือบเป็นลมในรถไฟแล้ว วันนั้นคือวันจันทร์หลังเกิดแผ่นดินไหว ที่ทางการบอกให้ประหยัดไฟ และรถไฟลดจำนวนรถไฟที่วิ่ง 30% คือว่า ไม่ลดจำนวน รถก็แน่นเกือบตายอยู่แล้ว

ตอนนั้นรถไฟแน่นมากหายใจไม่ออก ตัวก็เล็กนิดเดียว ไปซุกอยู่แถว ๆ รักแร้ผู้ชายคนนึง แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว ติดอยู่ประมาณ 45 นาที ขยับก็ไม่ได้ โอ๊ย...นรกมาก ๆ ไม่รู้ว่ารอดมาได้ยังไง


โดย: ปลาทองในกองหนังสือ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:01:02 น.  

 
ตามมาจากบล๊อกของพี่ตะเกียงส่องทาง อ่านเรื่องเล่าสนุกดีค่ะ เขียนอีกนะคะ จะตามอ่านเรื่อยๆ ยิ่งเรืองเมื่อเจอ..ลุ้นค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น


โดย: แมลงจ่่่อย (Bug in the garden ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:36:57 น.  

 
แวะมาอ่านเรื่องดีดี มีสาระค่ะ
ขอให้มีความสุข และพักผ่อนมากๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้มีเรื่องเล่าดีดีตลอดไปค่ะ สวัสดี่ค่ะ ^_~


โดย: andrex09 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:06:43 น.  

 


HAVE A NICE DAY..KA ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:12:01:25 น.  

 



ขอฝากดอกไม้แทนใจ แทนคำขอบคุณจ๊ะ

เดือนแห่งความรัก ความรักก็ล้อมรอบตัวคุณ




*~..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..~*




เดือนแห่งความรัก คนโสดก็ยังโสดต่อไป เพราะครูภาษาไทย สอนแต่

สระอิ,สระอา, สระอุ, สระอู แต่ไม่ยอมสอนให้เรา .. "สละโสด"


..HappY BrightDaY..



โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:15:26 น.  

 
แวะมาทักทายยามเย็นค่ะ
มีความสุขมากๆนะคะ สวัสดีค่ะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:57:18 น.  

 
เคยเจอผู้หญิงกลางคนชาวญี่ปุ่น เธอเข้ามาขอเบอร์เพราะคิดว่าเป็นชาติเดียวกันค่ะ เมื่อได้คุยกันเธอเล่าให้ฟังว่าเธอมีชีวิตที่สุขสบาย ปลอดโปร่ง ได้ยิ้มได้หัวเราะในเมกา
ซึ่งจะทำเช่นนี้ไม่ได้ในสภาพเเวดล้อมที่เคลียดในญี่ปุ่น
เธอเลือกใช้ชีวิตในสหรัฐเเละตั้งหลักฐานที่นั่น
คนที่ชอบญี่ปุ่นก็มีมากมาย เเต่ถ้าถามว่าถ้ามีโอกาสได้ไปอยู่ตปท ชาวญี่ปุ่นที่ผิดหวังในชีวิตจะขอมาอยู่ตปท จากประสบการณ์ที่ได้เจอคนญี่ปุ่นในเมกาค่ะ..


โดย: YUCCA วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:12:31:03 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ YUCCA

เราว่าชีวิตที่ญี่ปุ่นต้องแข่งขันกันสูง ที่นี่ไม่มีที่ให้กับผู้แพ้ค่ะ
นักเรียนต้องหางานให้ได้ก่อนจบ 1 ปี ถ้าจบแล้วไม่มีงานทำ แทบไม่มีโอกาสเป็นพนักงานประจำที่ไหนอีกแล้ว

ต้องไปเป็นฟรีเตอร์ หรือคนงานรับจ้าง ได้เงินตามชั่วโมงที่ทำงาน ไม่ได้เข้าประกันสังคมของบริษัท

และแทบไม่มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตพนักงานบริษัทธรรมดาอีกชั่วชีวิต (ยกเว้นกลับไปเรียนใหม่ แล้วหางานใหม่อีกรอบ)


โดย: ปลาทองในกองหนังสือ วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:19:37:59 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณปลาทองในกองหนังสือ

น้ำตาลตามลิ๊งค์กลับมาขอบคุณที่แวะไปทักทายน้ำตาลค่ะ
น้ำตาลเพิ่งเริ่มเขียนบลอกค่ะ ยังทำไม่ค่อยเป็นเลย

เข้ามาอ่านเรื่องราวในญี่ปุ่น เศร้าใจจังเลยนะคะ
ที่มีคนฆ่าตัวตายกันไม่เว้นแต่ละวัน




โดย: MustardSeeds วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:9:53:36 น.  

 
อ่านแล้วฟังดูเศร้า อาจจะเป็นความรู้สึกแรกๆ ที่ จขบ รู้สึกก็ได้คะ

ตอบยากเรื่องความเจริญ บางครั้งวัตถุกับจิตใจมันต้องไปพร้อมๆ กัน ถ้าอันไหนมากเกินไปมันก็เป็นปัญหา


โดย: wendyandbas วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:13:13:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาทองในกองหนังสือ
Location :
Kawasaki Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เป็นคนทำงานด้านเอกสารวีซ่านักเรียนของชาติต่าง ๆ ที่จะมาเรียนที่ญี่ปุ่น ในนั้นมีนักเรียนไทยประมาณ 10%

นอกจากนี้ยังเป็นล่ามจำเป็นให้นักเรียนเวลามีเรื่องกับตำรวจ หรือกรมตรวจคนเข้าเมือง

ดังนั้นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนที่เขียนในบล็อคจึงมักจะเป็นเรื่องของนักเรียนที่มีปัญหาเสียส่วนมาก ซึ่งเป็นนักเรียนส่วนน้อย ประมาณ 0.5% ของนักเรียนทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าที่ที่เราทำงานอยู่มีแต่เด็กมีปัญหาแต่อย่างใด
[Add ปลาทองในกองหนังสือ's blog to your web]