เมื่อฤดู...ใบไม้ร่วงมาเยือน ลมหนาวเริ่มเข้ามา ฤดูเก็บเกี่ยวก็เริ่มขึ้น เทศกาลสำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ ก็คือ “เทศกาลขอบคุณพระเจ้า“ หรือที่รู้จักกันในนาม “Thanksgiving Day”

ในปี 1939 ประธานาธิปดี Franklin D. Roosevelt ประกาศวันขอบคุณพระเจ้า ตรงกับวันพฤหัส ก่อนพฤหัสสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน (next-to last Thursday) งงกันมั้ยเนี่ย ?

วันนี้เราจะไม่พูดถึงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าค่ะ แต่จะพูดถึงวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า หรือ “Black Friday” นั่นเอง ฟังดูแล้ว อาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ…ทำไมถึงเรียก Black Friday เกี่ยวอะไรกับ “มนต์ดำ“ หรือเปล่า ?

ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมนต์ดำหรอกค่ะ แต่ Black Friday คือ วันช็อปปิ้งที่ยุ่งมากที่สุดของปี (The busiest shopping day of the year) และหลาย ๆ คนถือว่า Black Friday นี้ คือวันเริ่มต้นเทศกาลคริสต์มาสด้วย อีกความหมายหนึ่งก็คือ ช็อปแหลก !

แม้วันศุกร์ที่ว่า จะมีคนไปซื้อของมาก เนื่องจากมะกันส่วนใหญ่ ได้หยุดงานยาว เทียบกับบ้านเรา ก็คงเหมือนสงกรานต์ ตามร้านค้าต่าง ๆ จะคนตรึม ! แต่วันนี้ไม่ใช่วันที่เค้าขายของได้ยอดมากที่สุด เหมือนเทียบกับ วันก่อนวันคริสต์มาส หรือวันเสาร์สุดท้ายก่อนคริสต์มาส

ต้นกำเนิดของคำว่า “Black Friday” เค้าว่ากันว่ามีอยู่ 2 ทฤษฎี อันแรกคือ ทฤษฎีทางด้านบัญชี เนื่องจากว่า ห้างร้านต่าง ๆ จะขาดทุนตลอดทั้งปี แล้วมาทำกำไรในช่วงเทศกาลนี่เอง เวลาทำบัญชี ทั้งปีจึงเป็นตัวแดง (คือขาดทุน) แต่พอเข้าฤดูซื้อของ ซึ่งก็คือ วันหลังวันขอบคุณพระเจ้า ร้านค้าขายของได้มากขึ้น บัญชีเปลี่ยนจากขาดทุน (ตัวแดง) เป็นกำไร (ตัวดำ) นั่นแหละ เค้าจึงเรียกวันนี้ว่า Black Friday

ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่ง คือ ความเครียดของกลุ่มคน เนื่องจากวันศุกร์ที่ว่านี้ จะมีคนไปช็อปปิ้งมากที่สุดในรอบปี ก็นึกถึงตลาดจตุจักร ก็แล้วกันค่ะ เวลาคนเยอะ ๆ ความวุ่นวายและมลพิษทางเสียง พาลจะให้ไปลม ล้มวูบไป จึงเป็นที่มาอีกอันหนึ่งของ Black Friday

ร้านค้าส่วนใหญ่จะส่งแผ่นโฆษณามาพร้อม ๆ กับหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่วันพุธ ถ้าคนหัวใจรักการช็อปจริง ๆ ก็นั่งไล่ดูได้เลยค่ะ จะมีคูปองมากมาย บางร้านจะมีคูปองฟรี 10 เหรียญ เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน เรียกว่า เค้างัดกลยุทธ์การตลาด มาใช้อย่างเต็มพิกัด

โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าถามว่าสินค้าราคาถูกมั้ย ? ก็ขอตอบว่า “ถูก“ (เป็นบางอย่าง) ครอบครัวเรามีกันแค่สองคน ไม่มีลูกมีหลานเป็นพรวน ให้มานั่งซื้อโน้นซื้อนี่ให้ สบายไป ดังนั้นถึงของจะถูกแค่ไหน แต่ให้มายืนต่อแถว เพื่อจะซื้อของนี่ ก็ขอลาค่ะ ใจไม่รักขนาดนั้น

บางร้านมีสินค้าที่ลดราคาจำนวนจำกัด เช่น ตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ สองปีที่แล้ว คนรอร้านเปิด แบบว่าคนเยอะมาก ผู้หญิงคนหนึ่งโดนเหยียบล้มไป แล้วก็โดนเหยียบซ้ำอีกหลายรอบ สุดท้ายไปตายที่ห้องฉุกเฉินค่ะ เรียกว่า ตายเพราะอยากได้ของถูกของแถมจริง ๆ

ปีที่แล้ว เราต้องทำงานวันศุกร์ นายจอมยุ่งหยุดอยู่บ้าน ก็เลยกราบไหว้ขอร้องให้พี่แก ไปซื้อ organizer ให้หน่อย เพราะว่ามันลดราคาแบบถูกมาก ๆ อยากได้มาก อยู่ที่ทำงานก็ลุ้นไปด้วยว่า นายจอมยุ่งจะฝ่าด่านไปซื้อมาให้ได้หรือเปล่า ปรากฎว่า กลับมาถึงบ้าน โห้…ตื่นเต้นมาก ไหนล่ะ organizer ชั้น …เอ่อ…ชายบอกว่า แถวยาวเป็นงูเลื้อยเลย ขี้เกียจต่อแถว ! เวรกรรม โถ่เอ้ย…รู้งี้ลางานไปช็อปเองดีกว่า จิ๊กโก๋เซ็ง !

สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อน ๆ สนุกกับการช็อปปิ้งนะคะ อย่าลืมช็อปแต่พอควร อย่าเอา “บัตรมหัศจรรย์“ ไปรูด ปี๊ด ๆ กันจนเพลินนะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า ดอกเบี้ยบัตรเครดิตมากกว่า เงินที่ประหยัดไปตอนซื้อของ อิอิ

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2549 0:46:48 น.		24 comments
Counter : 1244 Pageviews.
Share Tweet