หลังจากกินอาหารกลางวัน กันอย่างอิ่มหน่ำสำราญ พร้อมทั้งได้เม้าท์กับพอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาต้องออกเดินต่อไป ต้องทำเวลาค่ะ เพราะมาไกล คุณเพื่อนก็ห่วงจังว่า จะเที่ยวไม่ทั่ว ไอ้เราก็ไม่ซีเรียส บอกว่า เที่ยวไม่ทั่วก็ไม่เป็นไร จะได้หาเรื่องมาเที่ยวใหม่ (คุณเพื่อนคงนึกว่า งั้นมึงรีบ ๆ เที่ยวให้ครบ ๆ เลย จะได้ไม่ต้องมาอีก อิอิ)
ว่าแล้วก็ออกเดินจากไชน่า ทาวน์ มุ่งหน้าไปร้านขายชา ในย่าน Piccadilly Circus อากาศวันนี้เย็น ๆ เลยเดินได้เรื่อย ๆ บวกกับเวลาเดินกับสาว ๆ เนี่ย ไม่เหมือนเดินตามควายแบบไปกับเฮีย เลยไม่เมื่อยมาก
ไม่ไกลจากไชน่า ทาวน์มาก ก็ถึงร้าน
Fortnum & Mason ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1701 ดังมากในเรื่องใบชา จริง ๆ แล้วร้านนี้เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม ๆ ทีเดียว มีของขายหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่เป็นของกินซะมาก เหมือนกับร้านขายของชำแบบไฮโซนี่แหละ มีตั้งแต่ชีส ไวน์ ซอสหมักทั้งหลาย ไปจนถึงอมยิ้มที่มีตัวแมลงต่าง ๆ อยู่ด้านใน
ส่วนชั้นบนสุด เป็นพวกเครื่องหอมต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องหนัง และหมวกเก๋ ๆ แบบที่ไฮโซอังกฤษนิยม เพราะราคาจับไม่ลงซักใบ
ราคาของในร้าน พอจะซื้อได้ ค่อนไปทางแพง แต่ก็ซื้อติดมือมานิดหน่อยค่ะ แหม
ก็มาตั้งไกลนี่เนอะ ไม่ซื้ออะไรเลย เดี๋ยวกลับไปบ้าน จะมานั่งเสียใจอีก
ได้ใช้เงินกันแบบหอมปากหอมคอ 3 สาวก็เดินตัวเบาออกจากร้านกันมา โดยไกด์สาวบอกว่า จะพาไปนั่งจิบไวน์ต่อ อุ้ย
เปรี้ัยวปากขึ้นมาทันที ว่าแล้วก็ออกเดินไปขึ้นรถใต้ดิน จากสถานี Piccadilly Circus ไปยังแถว ๆ โบสถ์เซนต์ พอลล์ (St. Paul Cathedral)
พิกัดของบาร์ที่เราจะไปวันนี้ คือ บน Roof Top ของตึก One New Change ซึ่งเป็นอาคารสร้างใหม่ อยุ่ตรงข้ามกับโบสถ์เซนต์ พอลล์ โชคร้ายที่ตอนไปถึง ทางตึกกำลังอพยพคนออกจากตึกอยุ่ ่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกว่า สัญญาณเตือนภัยดัง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ และไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะเปิดตึก ให้คนขึ้นได้อีก
เซ็งเลย
อุตส่าห์ตั้งใจมา เพราะเพื่อนคุยนักคุยหนาว่า ตรงนี้วิวดี บรรยากาศดี ปัญหาที่ตามมา คือ แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ ? ซักพักสรุปกันว่า เดี๋ยวนั่งรถเมลล์กลับไปแถว ๆ London Eye ดีกว่า แล้วไปนั่งกินเหล้า แถวๆ ริมแม่น้ำ
แต่ก็นะ เลือด ไทยมุง ยังมีอยู่เยอะ ก็เลยมีความอยากรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นบนตึก ?? หรือผุ้ก่อการร้ายมาลอบวางระเบิด ?
พอดีว่าร้านกาแฟดังสัญชาติมะกัน กำลังแจกกาแฟปั่นอยู่ เราจึงคว้ากันคนละถ้วย แล้วก็มานั่งรอดูสถานการณ์ ที่ป้ายรถเมล์ ฝั่งตรงข้ามตึกนั่นเอง ไม่เกินครึ่งชั่วโมง สถานการณ์ก็คลี่คลาย ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ก็อนุญาตให้ขึ้นตึกได้เหมือนเดิม
ไปชมภาพกันเลยค่ะ
ถึงแล้วร้านขายชาที่ว่า ร้านนี้ควีนอลิซาเบ็ท กับลูกสะใภ้หน้าแก่ (Camilla) และหลานสะใภ้สุดสวย (Kate Middleton) จูงมือกันมาช็อปเมื่อเดือนตุลา 2012 ค่ะ
เดินเข้าร้านปุ๊ป ก็จะมีโต๊ะวางชากลิ่นต่าง ๆ ไว้ ใครใคร่ดม สามารถทำได้ตามชอบค่ะ
เลือกซื้อกันได้ตามกำลังทรัพย์ค่ะ มีตั้งแต่ราคาพอกินได้ ไปจนถึงแพงมาก
ภายในร้านมีเบเกอรี่เล็ก ๆ เค้กเค้าน่ากิน เห็นแล้วคิดถึงนายจอมยุ่งที่บ้าน
ตาม 2 สาว ไปดูว่า มีอะไรขายที่ชั้นบนมั่ง (ความจริงแล้วจะขึั้นไปเข้าห้องน้ำ 555)
ชุดน้ำชาสวย ๆ แต่ราคาแพงลิบ
น้ำหอมนี่ก็ราคาจับไม่ลงเหมือนกัน ไม่กล้าเดินใกล้ด้วย กลัวทำของเค้าแตก
น้ำหอมที่แพงที่สุดในโลก !
ขวดใส่น้ำหอมเก๋ ๆ
หมวกแบบเก๋ไก๋ ไฉไล ใบนี้สนนราคาที่ 990 ปอนด์
พอล่ะค่ะ เป็นโรคแพ้ของแพง เห็นแล้วเวียนหัว ไปหาอะไรเย็น ๆ ดื่มกันดีกว่าค่ะ
ตามไกด์เสื้อม่วงไปเลยค่ะ
หลังจากฝ่าฝันอุปสรรคทั้งหลาย เราก็สามารถพิชิตยอดตึกนี้จนได้ จากบาร์นี์ วิวตรงหน้า คือ โบสถ์เซ็นต์ พอลล์ ค่ะ
ฝนเพิ่งจะตกใหม่ ๆ ที่นั่งจึงค่อนช้างชื้น แต่ดีที่ทางบาร์มีฮีตเตอร์มาเปิดให้อุ่น ๆ เราก็พร้อมใจกันสั่งเครื่องดื่มมาอุ่นเครื่องบ้าง
3 สาวนี้ พร้อมใจกันทิ้งลูก ทิ้งผัว มาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ
คนนี้จัดเต็มมาก กิน 2 แก้วเลยวุ้ย
ดื่มหมดเรียบร้อย ฟ้ายังไม่มืดดี เลยไปต่อกันอีกหน่อย แถว ๆ Tower Bridge ค่ะ
คราวนี้เล่นกันเป็นเหยือกเลย
สั่งอาหารมาแบ่งกันกิน ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Lilac Girl Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
.................
ลอนดอนกะเยอรมัน...เป็นประเทศที่ฝันไว้นานมั๊กๆกะว่าหากมีวาสนาคงได้ไป... ก็ขอเกาะตามเจ้าของบล็อกนี้ไปพลางๆก่อนอิอิ