Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
เรื่องธรรมดาสินะ สินะ

ระบบการศึกษาไทย...กำลังทำให้เด็กกลายเป็นคนทำดีหวังผล

ฉันได้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ เมื่อเป็นนิสิตและอายุได้ 19 ปี
ความจริงอันน่าเศร้า
ที่ฉันไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความจริงนี้เลยแม้แต่น้อย
หากฉันก็ต้องเป็น

หึ ช่างน่าขัน อยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก
กลับกลายเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาแทน

ฉันไม่เคยเห็นความสำคัญของการถ่ายรูปเป็นหลักฐาน จนกระทั่งวันนี้
ฉันไม่เคยเห็นความสำคัญของการป่าวประกาศความดีของตัวเอง จนกระทั่งวันนี้
ฉันคิดเสมอว่า หากได้ทำสิ่งดีดี ทำสิ่งเหล่านั้นด้วยใจ มันก็จะอยู่ในใจเราและพร้อมจะหวนกลับมาเสมอเมื่อเรารำลึกถึง อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมหวานกำจายในใจเราอีกด้วย
โดยฉันลืมไปสนิทว่า
สำหรับคนบางคน ระบบบางระบบ ความดีต้องโชว์และสิ่งที่อยู่ในใจนั้นไม่เพียงพอ
ภาพถ่ายและลายเซ็นต์ต่างหากที่สำคัญ เป็นสิ่งยืนยันว่าเราไปบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมมาแล้วนะ...หึ ความดี

หรือบางที นี่อาจเป็สาระสำคัญของการบำเพ็ญประโยชน์หรืออาสาสมัครที่แท้จริง ที่ทางระบบกำลังปลูกฝังเราอยู่ก็เป็นได้


เขียนถึงตรงนี้ ฉันน้ำตาไหลด้วยความคับแค้นใจ





เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก
เรื่องมันก็แค่ทางหอพักที่ฉันอยู่ อยากได้หลักฐานว่า ตอนปิดเทอม ฉันได้ไปทำบำเพ็ญประโยชน์ อาสาสมัครหรือความดีอะไรก็แล้วแต่ เพื่อเป็นเงื่อนไขแลกกับการที่ฉันจะได้อยู่หอต่อ
หลักฐานที่ว่านี้จะต้องเป็น รูปถ่ายฉันกำลังทำกิจกรรมอยู่และลายเซ็นต์ผู้รับรอง

อันที่จริงฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเงื่อนไขนี้
เพราะฉันเป็นคนชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
อีกทั้งเมื่อตอนปิดเทอมฉันได้ไปเดินสายแนะแนวน้องตามโรงเรียนต่างๆมา
เป็นสิ่งที่ฉันทำด้วยใจ เต็มใจทำและมีความสุขกับมัน
ฉันดีใจที่ได้ทำเพื่อคนอื่นบ้าง
ดีใจที่ได้เป็นผู้ต่อยอดความฝัน และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ เหมือนที่ฉันเคยได้รับมาเช่นกัน
ภาพเหตุการณ์ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความฝันของเหล่ารุ่นน้อง
ความรู้สึกในตอนนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในใจ
ฉันเก็บสิ่งต่างๆมากมายที่ฉันได้รับเหล่านั้นไว้ในหัวใจ
และมีความสุขกับมันทุกครั้งที่นึกถึง
อีกครั้ง,รูปถ่ายไม่ใช่สิ่งจำเป็น


ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่มีรูปถ่ายเป็นหลักฐาน
ทางเดียวที่ฉันจะทำได้เพื่อหาทางต่อชีวิตการอยู่หอของฉันคือ หางานบำเพ็ญประโยชน์ใหม่ทำซะ
และนี่ กำลังจะทำให้ฉันกลายเป็นคนอย่างที่ฉันเกลียด
ทำดีหวังผล

ทั้งๆที่มันไม่ใช่ฉันเลย
ไม่ใช่แม้แต่น้อย
แต่ฉันก็ต้องทำ

ฉันวางแผนจะไปเป็นอาสาสมัครคนตาบอดในวันพรุ่งนี้
ฉันนึกภาพไว้ล่วงหน้า
ว่าแม้จะต้องกล้ำกลืนความอายลงไปตอนที่ต้องเอาใบรับรองไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นต์ ฉันก็ต้องทำ
นั่น เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในความคิดฉัน
มันทั้งเจ็บปวด ขมขื่น และอับอายในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงอย่างไร ฉันก็ต้องทำ


หากจู่ๆ ราวกับฟ้าผ่าลงมาโครมใหญ่
เพื่อนฉันบอกว่า ที่ๆฉันจะไปเป็นอาสาสมัคร เขาไม่เซ็นต์ให้แล้ว
เพราะคนไปเยอะเกินไป และไม่ได้เต็มใจทำ
ฉันก็คิดในใจว่า แหงสิ มันก็กลายเป็นอีหรอบนี้อยู่แล้ว

เอาจริงๆ ถึงฉันไม่ได้ลายเซ็นต์ แต่ฉันก็ยังอยากทำอยู่ดี
แต่ประเด็นมันก็อยู่ตรงที่ ถ้าไม่ได้ส่งหลักฐาน ก็ไม่ได้อยู่หอต่อ

ทำไมต้องมาบีบบังคับให้ฉันสร้างภาพ ทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นด้วยนะ


แต่เอาเข้าจริง มานั่งคิดๆดูแล้ว เรื่องแบบนี้มันก็มีตั้งแต่สมัยประถม มัธยมแล้วที่ต้องมีสมุดบันทึกความดี พร้อมลายเซ็นต์ส่งทุกสัปดาห์
กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แต่ก็มีเช็คชื่อ เอาคะแนน
ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในสังคมไทย ในระบการศึกษาไทย

เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกเลย ถ้าเราจะเจอนักการเมืองเอาแต่หน้า ข้าราชการหัวประจบ พวกทำดีหวังผลไป
คอยถ่วงความเจริญของประเทศไทยไปวันๆ

----------------------------------------------------------------

ปอลิง เอนทรี่นี้ดราม่าซะเยอะ แต่ถ้าไม่ได้เขียนนี่อกแตกตายแน่ ค่ะ 55

และสุดท้ายแล้ว บุยบุยก็ได้รับคำปลอบใจจากพี่เมทผู้แสนดี
"บางครั้งสังคมก็มีช่องว่างอย่างนี้เสมอแหละ"

เฮ้อ ฉันคงได้แต่ทำใจ สินะ สินะ


Create Date : 08 มีนาคม 2555
Last Update : 8 มีนาคม 2555 18:47:35 น. 7 comments
Counter : 844 Pageviews.

 
สู้ๆนะจ๊ะสาวน้อยย เราเป็นกำลังใจให้เทอตลอดนะ แอบมองเทออยู่ข้างๆเสอ


โดย: คุณหมอจิต เพื่อประชาชน IP: 172.16.3.221, 58.8.99.253 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:19:13:02 น.  

 
อ๊ากกก เห็นด้วยอ่ะๆ
ก่อนอื่นคือสู้ๆๆนะสาวนิ เฮ้อ เดี๋ยวต้องมีสักทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้แหละ

ก็จริงนะ บางทีเราก็สงสัยว่าทำแบบนี้มันจะช่วยให้เด็กมีจิตอาสาจริงๆอ่าหรอ
ไม่ก็ยิ่งทำเป็นว่าเด็กยิ่งจะไม่ชอบมากขึ้นเสียอีก

เฮ้อออออ นี่แหละชีวิต

แต่ก็นะ ถ้ามองในแง่ของเขา
เขาก็คงไม่รู้หรอกว่าเด็กคนไหนไปทำกิจกรรมมาจริงๆรึเปล่า ก็เลยต้องการหลักฐานเพื่อความแน่นอน

แต่ทว่า เขาก็ลืมคิดไป ว่าบางครั้งหลักฐานมันก็ไม่จำเป็นกับการมีจิตอาสาสักหน่อย มันไม่ใช่สิ่งที่วัดกันได้จริงๆเลย รูปกับลายเซ็นต์เนี่ย เหมือนเขาเองก็ทำส่งๆไปเหมือนกัน

พูดไปเราก็งงๆ เฮ้ออ ช่วงนี้มึนๆ อยากกินขนม

ง่ะ เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ลองไปบริจาคเลือดดู เผื่อช่วยได้

ไม่รู้จะเปรียบกับอะไร เอางี้ละกัน บางครั้ง เราก็ต้องยอมกินอะไรสักอย่างที่เราไม่ชอบ ไม่อยากแม้จะกลืนมันลงไป แต่เราก็ต้องกิน เพื่อมีชีวิตอยู่ไป แล้วนำชีวิตนี้ไปทำตามอุดมคติเราและแก้ไขในสิ่งที่ไม่สมควร

อิอิ ไม่รู้จะเกี่ยวไหมเนี่ย


โดย: เพื่อนร่วมห้อง IP: 101.51.213.182 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:19:38:54 น.  

 
เห้ยย บุ๊ค เราชอบท่อนสุดท้ายมากอ่ะ
อืมม เรามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนี้สินะ "เพื่อมีชีวิตอยู่ไป แล้วนำชีวิตนี้ไปทำตามอุดมคติ" มันใช่เลยนะ

ขอบคุณน้า ช่วยได้เยอะเลย


โดย: บุยบุย วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:19:47:30 น.  

 
มองอย่างบุ๊คก็โลกสดใสดีนะ แล้วแต่มุมที่เราจะมองไป
อย่าทิ้งความรู้สึกดีๆๆ โลกสดใสใบเก่าซะนะ โลกเราก็เริ่มจะมีสีเทาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆๆๆแล้วหละพอออกจากบ้านแลดูอะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะ

เราเคยไปโรงเรียนเด็กตาบอดครั้งนึง ก็ดีนะ ถ้าไม่ติดที่เราไม่ค่อยเข้ากับเด็กเก่งเท่าไหร่
เด็กๆ ก็น่ารักดีนะ เข้มแข็งกว่าเราหลายๆๆๆคนอีก ^^


โดย: vandasuay IP: 110.49.241.130 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:23:05:12 น.  

 
มนุษย์เอ๋ย... จิตใจคนเรานั้น ช่างกว้างเกินกว่ามหรรณพและบรรพตจะหยั่งถึง
บนโลกเราใบนี้ มีความดี และ ความชั่ว เป็นของคู่กัน
ไม่มีที่แห่งหนใด ยังคงความดี และ ความชั่วไว้เพียงหนึ่ง
ในสิ่งเพียงหนึ่ง ย่อมมีหลากหลายมุมมอง รอคอยให้เราพานพบในด้านที่สวยงามและฟอนเฟะ
หากแต่โลกจะจรรโลงอยู่ได้อย่างสงบสันติ ก็ด้วยเพราะ ความดีในสำนึกมโนธรรมของมนุษย์จะมีอำนาจมากกว่าความชั่วร้ายทั้งปวง
เมื่อคราวใดที่จิตใจเจ้าสั่นคลอนจากมโนธรรมแห่งความดีแล้วไซร้ โลกต่อไปเบื้องหน้า เหล่าอนุชนรุ่นหลังยังจะหวังสิ่งใดจากสังคมที่โสมมนี้ได้อีก
แม้แต่ในความโสมมนั้น เจ้าเองก็ยังคงเห็นรอยยิ้ม น้ำตา และเสียงหัวเราะไม่ใช่หรือไร

จงเชื่อในพลัง มีความหวัง และศรัทธาในตนเองเสมอ.


โดย: กวีในหมอกควัน IP: 158.108.226.6 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:23:09:18 น.  

 
นี่แหละสังคมไทย เศร้านะนี่ขนาดพอพักมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในบ้านเมืองนี้ยังมีระบบคิดแบบนี้ ...

นั่นละที่ทำให้บางครั้งฉันก็รุ้สึกเศร้า...นิ


โดย: นิรนาม IP: 124.122.187.182 วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:9:21:31 น.  

 
เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนหนังสือเล่มเล็กๆที่เราควรจะเก็บไว้อ่านเพราะยังมีหนังสือกองใหญ่ให้เราเรียนรู้ไปตามวันเวลาและวัย
ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่จะเป็นภูมิต้านทานในอนาคตของเรานะจ๊ะน้องสาวที่น่ารัก

คิดถึงจ้าาาา


โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก วันที่: 31 มีนาคม 2555 เวลา:17:58:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุยบุย
Location :
ตรัง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใครผ่านมาทางนี้
มาร่วมไต่ฝันด้วยกันไหม?

ฉันขอบอกกับเธอว่า...

หนังสือคือเพื่อนที่อ่อนหวานและไม่ตำหนิติเตียนสำหรับคนที่มีความทุกข์

และถ้าหนังสือไม่สามารถทำให้เราชื่นชมกับชีวิตได้

อย่างน้อยพวกเขาก็จะสอนเราให้รู้จักอดทนต่อชีวิต

(จี.เค.เชสเตอร์ตัน /นักเขียนนวนิยายและความเรียงชาวอังกฤษ)
Free Clock
Friends' blogs
[Add บุยบุย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.