Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

Get Karl! Oh Soo Jung ซีรี่ย์สนุกแถมให้ข้อคิดมากมาย

ซื้อซีรี่ย์เรื่องนี้มาปีกว่า สองปี
แต่ไม่มีโอกาสได้ดูซักที
ซื้อมาเป็นสิบ ๆ เรื่องก็กองไว้
มีอารมณ์เมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาเปิดดู

แถมหลัง ๆ นี่ไม่ค่อยได้ดูซีรี่ย์ใหม่ ๆ เลย
เพราะไอ้ที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้วเป็นสิบ ๆ เรื่องก็ยังดูไม่ถึงครึ่ง
แถมมีคนเอาซี่รี่ย์ + หนังมาให้ยืมดูอีกก็เลยต้องรีบดู รีบคืนเค้าก่อน
แถมยังมาติดอ่านหนังสืออีกเลยไม่ได้ดูเลย

แถม 3 เดือนหลังนี่ไม่มีเวลาทำอะไรเลยนอกจากเปิดเน็ทหางานอย่างจริงจัง
ก็เป็นเรื่องที่เดียวที่จดจ่ออยู่ในเวลานี้อ่านะ
เสาร์ อาทิตย์เราใช้เวลาทั้งวันหางานใน Jobsdb
เพราะอาทิตย์นึง เรามีเวลาหางานแค่วันสองวัน
เลยก็เลยตะลุย List all jobs หาเอาตาแฉะเลย
ประมาณว่าอ่านไป 15 หน้าแล้วยังอยู่แค่หน้าที่เค้าโพสวันศุกร์อยู่เลย
ยังไม่ขึ้นไปวันพฤหัสถึงวันจันทร์ที่ผ่านมาเลย

แล้วก็ตระเวนสัมภาษณ์งานจนประสาทจะกินก็ยังไม่ได้งานที่มันดีกว่าที่เก่าทั้งเงินเดือนและสวัสดิการ
เฮ้อ

อย่างว่าล่ะนะ
ถึงอยากออกก็อยากออกไปที่ ๆ มันดีกว่า
ถ้าไม่ได้ที่ ๆ มันดีกว่าก็ต้องจำใจก้มหน้าก้มตาทำที่เดิมไปก่อน

อ้าว
นอกเรื่อง
บ่นเรื่องงานซะงั้น

เข้าเรื่องดีกว่า
พอดีดูช่อง 7 แล้วเค้าเอาซีรี่ย์ที่พระเอกเรื่องนี้มาเล่น






รู้สึกจะเรื่อง Couple of fantasy นะ ชื่อเรื่องที่ช่อง 7 เอามาอาจจะไม่เหมือนกัน
แต่เราดูเรื่องนี้แล้วไม่ชอบ เพราะมันไร้สาระไปน่ะ
แต่ก็เกิดอยากดูเรื่องที่พระเอกคนนี้แสดง
นึกขึ้นได้ว่าไอ้กองที่เราฃื้อมาปีที่แล้วมันก็มีนี่หว่าเลยหยิบมาเปิดดู



เปิดดูสายวันอาทิตย์
โหย
สนุกอ่ะ
ดูแล้วติดมากเลย
ดูตั้งแต่ 10 โมงยันเที่ยงคืนเลย
เนื้อเรื่องซับซ้อนเล็ก ๆ น่าติดตาม
ความรู้สึกเหมือนดู Oh Dal Ja's spring ที่เราชอบเลย
ตัวนางเอก Oh Soo Jung ก็เป็นผู้หญิงเก่ง อายุเยอะ มั่นใจในตัวเองเหมือน Oh Dal Ja เลย
แถมมีชื่อตอนทุกตอน + ให้ข้อคิดทุกตอนเหมือนกันอีกต่างหาก
ไม่รู้ว่าคนเขียนบท หรือ ผู้กำกับคนเดียวกันรึเปล่า
แถมมีเรื่องเกี่ยวกับ home shopping เหมือนกันซะด้วย
แต่เรื่องนี้ชอบตรงที่ทั้งเรื่อง เค้าเน้นความสัมพันธ์ให้ครอบครัวด้วย
ดูแล้วก็อบอุ่นดี
แล้วไม่น่าเชื่อว่านางเอกตอนเล่นเรื่องนี้อายุ 36 เข้าไปแล้ว!!!!!!





ชีเล่นเป็นนางเอกสมัยเรียนมหาลัยได้เนียนมาก หน้าเด็กแถมเอวเล็กนิดเดียว





พอเล่นเป็นสาวแก่ก็เนียนอีก เพราะอ้วนขึ้นเยอะเลย






เนื้อเรื่องประมาณว่าสมัยเรียนนางเอกฮ็อตมาก สวยเลือกได้ เอาแต่ใจตัวเอง
ส่วนพระเอกก็อ้วนมาก สามารถเป็นแฟนกับนางเอกได้เพราะสามารถสอบเรียนกฎหมายได้
ทำให้นางเอกต้องจำใจเป็นแฟนกับพระเอกเป็น 10 ปีจนถึงวันแต่งงาน
แต่นางเอกก็หนีงานแต่งไปเพราะพระเอกสารภาพว่าตนเองสอบทนายไม่ผ่านรอบ 3 แล้วบินไปกับคนรวยที่ชอบนางเอกไปเมกา
8 ปีต่อมา พระเอกผอม หล่อ รวยเพราะเป็นแชมป์ PGA แล้วกลับมาเกาหลีเพื่อแก้แค้นนางเอก
ส่วนนางเอกของเราก็ไม่ฮ็อตเหมือน 8 ปีที่แล้ว
เป็นสาวแก่อายุ 34 ไปนัดบอดก็ไม่มีคนเอา
พระเอกจัดการจ้างญาติของผู้จัดการส่วนตัวมาหลอกนางเอกว่าเป็นคนรวยเพื่อลองใจนางเอก
แต่สุดท้ายนางเอกจะเลือกใคร แล้วทำไมนางเอกถึงไม่แต่งงานกับคนที่ตัวเองหนีไปเมกาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ไปดูกันเอาเองนะ ขี้เกียจเล่าแล้ว





แต่ที่อยากจะเล่าคือสิ่งที่ได้จากซีรี่ย์เรื่องนี้ต่างหาก

ชอบคำพูดนางเอกตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง
ที่บอกว่า

มีคำพูดที่เค้าบอกกันว่า

"การเริ่มต้นทำอะไร คือ การต่อสู้มาได้ครึ่งทางแล้ว"

พอดูจบ

เราประทับใจเรื่องนี้ตรงที่เค้าพูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อนข้างเยอะ
แล้วนางเอกเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำอะไรก็จะถึงถึงครอบครัวก่อน
แม้ว่าคนในครอบครัวจะนำความเดือนร้อน + หงุดหงิดใจมาให้บ้างก็จะแบกรับมันไว้อย่างเข้มแข็ง
ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนดูตัวเอง 555
เพราะนางเอกมีครอบครัวเหมือนเราเป๊ะ
ทั้งพ่อ แม่ และน้องชายที่จะต้องเลี้ยงดู
แม้ว่าจะมีภาระเยอะแค่ไหนเธอก็ไม่เคยบ่น เธอทำตัวเข้มแข็งเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ตลอด
แม้ว่าบุคลิคเธอจะปากร้าย โวยวาย เอาแต่ใจ แต่เธอก็เป็นคนที่จิตใจดีและรักครอบครัวคนนึง

ยิ่งช่วงท้าย ๆ เรื่อง หนังจะเน้นที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อนข้างเยอะ
จะเห็นได้เลยว่านางเอกรักครอบครัวเธอขนาดไหน แม้ว่าปากจะบ่นว่าพ่อแม่และน้องชายเธอต่าง ๆ นา ๆ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เวลาเราหรือคนในครอบครัวเราเข้าใกล้โรคร้ายหรือความตาย
เราก็จะรู้ได้เองว่าใครมีความสำคัญเราตัวเรามากที่สุด ซึ่ง 3 อันดับแรกนั้นก็คือคนในครอบครัวของเธอนั่นเอง

เธอโชคดีที่มีเพื่อนสนิท 2 คนไว้ให้ปรับทุกข์นอกเหนือจากครอบครัวของเธอที่ก็รักเธอมากและไม่อยากทำตัวเป็นภาระของเธอ
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรขึ้น
ครอบครัวแต่เพื่อนของเธอจะช่วยเยียวยารักษาบาดแผลให้เธออยู่ทุกครั้งไป
ทำให้รู้เลยว่าสถาบันครอบครัวนั้นสำคัญมาก เราจะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยเมื่อเรากลับมาบ้าน

เรื่องนี้ทำให้เรารู้เลยว่าทุกตัวละครมีปัญหาทั้งนั้น
ไม่ว่าเราจะรวย จะจน จะสวยหรือไม่สวย เราทุกคนต่างก็กลุ้มใจกับปัญหาที่ไม่เหมือนกัน

เรื่องนี้ทำให้เราอยากบอกใครก็ตามที่เรารัก สารภาพหรือบอกให้เค้ารับรู้ก่อนที่มันจะสายเกินไป
บางครั้ง คนในครอบครัวเดียวกัน อยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากันทุกวัน ไม่ได้บอกรักกัน
วันหนึ่งที่เราอยากบอก มันอาจจะสายเกินไป
บางครั้ง กว่าที่เราจะรู้เรื่องนี้ มันก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกือบจะต้องสูญเสียช่วงเวลานั้นไป
เราจะเห็นคุณค่าสิ่งใด ก็ต่อเมื่อกำลังจะสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว
โชคไม่ได้เข้าข้างเราเหมือนนางเอกในเรื่องทุกครั้ง ดังนั้น อยากทำ อยากพูดอะไรก็รีบ ๆ ทำ

เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ความตายมันใกล้นิดเดียว
แล้วเมื่อเราเข้าใกล้ความตายมากขึ้น มันสอนให้เรารู้ว่าไอ้เรื่องที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ มันจะเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวไปถนัดตา
เราคงไม่ได้คิดหรอกว่าอยากทำโน่น อยากทำนี่
ขณะนั้น เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังโกรธหรือเกลียดใครอยู่ เราทำงานอะไรค้างไว้อยู่บ้าง
เวลาเราจะตาย เราคงคิดว่าเราอยามีชีวิตอยู่ต่อ ขอแค่ได้บอกรักใครซักคนก่อนตายก็คงดีใจมากแล้ว

เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้นานแค่ไหน
เราควรจะสร้างความทรงจำดี ๆ ให้แก่กัน
ไม่มีใครเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย ถ้าเราอยากจะให้อภัยคน ๆ นั้น
ไม่ต้องฟอร์มเยอะ ไม่ต้องดราม่า
สู้เราเอาเวลาที่โกรธเค้า มาสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันเก็บไว้ดีกว่า อย่าทำให้ทุกอย่างมันสายเกินไป
การให้อภัย คือ ยารักษาความแค้น ความโกรธ ความเกลียดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนและทุกความสัมพันธ์
ชีวิตคนเรามันสั้นนัก เราจะมีเวลาทำดีกับเพื่อน คนรัก และครอบครัวได้นอนแค่ไหนกันเชียว

ความสุขมี 2 แบบ
แบบแรก คือ เมื่อเรามองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า ตอนนั้นเรามีความสุขจังเลย
แบบที่สอง คือ มีความสุขกับทุกขณะตรงหน้า

แบบไหนมีความสุขกว่ากันนะ ถ้าเรารู้จักให้อภัย เราก็จะได้ความสุขทั้ง 2 แบบคือมีความสุขในขณะนั้นแล้วมันจะกลายเป็นความทรงจำดี ๆ ในแบบแรกไม่รู้จบ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนที่มั่นใจในตัวเอง เก่ง เริด เชิด พูดตรง เสียงดัง โวยวาย ไม่ได้เป็นคนที่ไม่ดีเสมอไป
ส่วนคนที่ดูซื่อ ๆ เรียบร้อน อ่อนแอ ใจดี ดูไม่น่าจะทำร้านใครได้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีจิตใจดีเสมอไปเช่นกัน
เราไม่ควรตัดสินใครจากการดูบุคลิคของคน ๆ นั้น คนบางคน ยังเร็วเกินไปที่จะรัก ยังไม่รู้จักมากพอที่จะเกลียด (อันนี้ได้มาจากหนังสือ Paris 0 องศา ที่เค้าบอกว่าเป็นคำพูดของพี่ปุ๋ยภรณ์ทิตย์เมื่อได้รับตำแหน่ง)



คิดว่าคงจะพอได้แล้วสำหรับข้อคิดซีรี่ย์เรื่องนี้
เราอยากให้มีซีรี่ย์ที่เน้นความสำคัญของความสัมพันธ์ในครอบครัวออกมาเยอะ ๆ จัง
ไม่เอาแบบว่าพี่รักน้องแบบชู้สาวงี้นะ

กลับมาอ่านอีกที
ไม่นึกว่าตัวเองจะเขียนข้อคิดออกมาได้ยาวขนาดนี้
เขียนได้ขนาดนี้ไม่ได้คิดสดแล้วพิมพ์นะจ๊ะ
แบบว่าดูไปด้วย คิดขึ้นมาได้ก็หยุดแล้วจดในกระดาษเอาไว้แล้วเอามาพิมพ์รวมในบล็อค






ใครที่ยังไม่ได้ดู แนะนำให้ดูนะ สนุกดีแถมได้ข้อคิดเยอะเลย ยิ่งถ้าใครชอบ Oh Dal Ja's spring นะ เรื่องนี้แนวเดียวกันเลย





 

Create Date : 06 กันยายน 2552
3 comments
Last Update : 24 มีนาคม 2555 20:55:34 น.
Counter : 2528 Pageviews.

 

ซื้อแผ่นเรื่องนี้มาดองไว้นานมากๆ ยังไม่มีโอกาศได้ดูเลยค่ะ
งสัยต้องหาเวลาไปเปิดดูซะแล้ว

 

โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ 6 กันยายน 2552 21:09:51 น.  

 

เดี๋ยวจะหามาดูบ้างแล้วล่ะ น่าสนุก

 

โดย: วิวรรณ (wiwan K ) 8 กันยายน 2552 19:58:30 น.  

 

ชอบพระเอกโอจีโฮ (오지호) แปลงโฉมเป็นผู้ชายอ้วนได้น่ารักดี ที่พระเอกสอบสัมภาษณ์ทนายไม่ผ่านเพราะดันตอบคำถามที่ว่าถ้าคนที่รักสั่งให้ไปปล้นธนาคารจะทำไหม? พระเอกของเราก็บอกว่าทำ...ซะงั้น ตอนกลับมาแก้แค้นนางเอกก็รู้เลยว่ายังชอบนางเอกอยู่ (แบบว่าสายตาเป็นห่วงตลอดเวลา) แต่ละครสร้างบุคลิกนางเอกได้ดีมาก ต่างจากนางเอกทั่วไป แถมได้เห็นพัฒนาการของนักแสดงด้วย ชอบตอนที่นางเอกขอกลับมาคืนดีกับพระเอก เธอบอกว่าเธอพร้อมแล้วที่จะเดินไปในทะเลทรายพร้อมกับแบกถุงทรายไปด้วย (ประมาณว่าครอบครัวที่ต้องดูแลคือถุงทราย บางคนอาจเอาตัวรอดโดยทิ้งถุงทรายแต่นา
งเอกไม่เคยคิดที่จะทิ้ง)

 

โดย: Baby Hawk IP: 203.148.162.195 10 กันยายน 2552 15:18:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.