Get Karl! Oh Soo Jung ซีรี่ย์สนุกแถมให้ข้อคิดมากมาย
ซื้อซีรี่ย์เรื่องนี้มาปีกว่า สองปี แต่ไม่มีโอกาสได้ดูซักที ซื้อมาเป็นสิบ ๆ เรื่องก็กองไว้ มีอารมณ์เมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาเปิดดู
แถมหลัง ๆ นี่ไม่ค่อยได้ดูซีรี่ย์ใหม่ ๆ เลย เพราะไอ้ที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้วเป็นสิบ ๆ เรื่องก็ยังดูไม่ถึงครึ่ง แถมมีคนเอาซี่รี่ย์ + หนังมาให้ยืมดูอีกก็เลยต้องรีบดู รีบคืนเค้าก่อน แถมยังมาติดอ่านหนังสืออีกเลยไม่ได้ดูเลย
แถม 3 เดือนหลังนี่ไม่มีเวลาทำอะไรเลยนอกจากเปิดเน็ทหางานอย่างจริงจัง ก็เป็นเรื่องที่เดียวที่จดจ่ออยู่ในเวลานี้อ่านะ เสาร์ อาทิตย์เราใช้เวลาทั้งวันหางานใน Jobsdb เพราะอาทิตย์นึง เรามีเวลาหางานแค่วันสองวัน เลยก็เลยตะลุย List all jobs หาเอาตาแฉะเลย ประมาณว่าอ่านไป 15 หน้าแล้วยังอยู่แค่หน้าที่เค้าโพสวันศุกร์อยู่เลย ยังไม่ขึ้นไปวันพฤหัสถึงวันจันทร์ที่ผ่านมาเลย
แล้วก็ตระเวนสัมภาษณ์งานจนประสาทจะกินก็ยังไม่ได้งานที่มันดีกว่าที่เก่าทั้งเงินเดือนและสวัสดิการ เฮ้อ
อย่างว่าล่ะนะ ถึงอยากออกก็อยากออกไปที่ ๆ มันดีกว่า ถ้าไม่ได้ที่ ๆ มันดีกว่าก็ต้องจำใจก้มหน้าก้มตาทำที่เดิมไปก่อน
อ้าว นอกเรื่อง บ่นเรื่องงานซะงั้น
เข้าเรื่องดีกว่า พอดีดูช่อง 7 แล้วเค้าเอาซีรี่ย์ที่พระเอกเรื่องนี้มาเล่น
รู้สึกจะเรื่อง Couple of fantasy นะ ชื่อเรื่องที่ช่อง 7 เอามาอาจจะไม่เหมือนกัน แต่เราดูเรื่องนี้แล้วไม่ชอบ เพราะมันไร้สาระไปน่ะ แต่ก็เกิดอยากดูเรื่องที่พระเอกคนนี้แสดง นึกขึ้นได้ว่าไอ้กองที่เราฃื้อมาปีที่แล้วมันก็มีนี่หว่าเลยหยิบมาเปิดดู
เปิดดูสายวันอาทิตย์ โหย สนุกอ่ะ ดูแล้วติดมากเลย ดูตั้งแต่ 10 โมงยันเที่ยงคืนเลย เนื้อเรื่องซับซ้อนเล็ก ๆ น่าติดตาม ความรู้สึกเหมือนดู Oh Dal Ja's spring ที่เราชอบเลย ตัวนางเอก Oh Soo Jung ก็เป็นผู้หญิงเก่ง อายุเยอะ มั่นใจในตัวเองเหมือน Oh Dal Ja เลย แถมมีชื่อตอนทุกตอน + ให้ข้อคิดทุกตอนเหมือนกันอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าคนเขียนบท หรือ ผู้กำกับคนเดียวกันรึเปล่า แถมมีเรื่องเกี่ยวกับ home shopping เหมือนกันซะด้วย แต่เรื่องนี้ชอบตรงที่ทั้งเรื่อง เค้าเน้นความสัมพันธ์ให้ครอบครัวด้วย ดูแล้วก็อบอุ่นดี แล้วไม่น่าเชื่อว่านางเอกตอนเล่นเรื่องนี้อายุ 36 เข้าไปแล้ว!!!!!!
ชีเล่นเป็นนางเอกสมัยเรียนมหาลัยได้เนียนมาก หน้าเด็กแถมเอวเล็กนิดเดียว
พอเล่นเป็นสาวแก่ก็เนียนอีก เพราะอ้วนขึ้นเยอะเลย
เนื้อเรื่องประมาณว่าสมัยเรียนนางเอกฮ็อตมาก สวยเลือกได้ เอาแต่ใจตัวเอง ส่วนพระเอกก็อ้วนมาก สามารถเป็นแฟนกับนางเอกได้เพราะสามารถสอบเรียนกฎหมายได้ ทำให้นางเอกต้องจำใจเป็นแฟนกับพระเอกเป็น 10 ปีจนถึงวันแต่งงาน แต่นางเอกก็หนีงานแต่งไปเพราะพระเอกสารภาพว่าตนเองสอบทนายไม่ผ่านรอบ 3 แล้วบินไปกับคนรวยที่ชอบนางเอกไปเมกา 8 ปีต่อมา พระเอกผอม หล่อ รวยเพราะเป็นแชมป์ PGA แล้วกลับมาเกาหลีเพื่อแก้แค้นนางเอก ส่วนนางเอกของเราก็ไม่ฮ็อตเหมือน 8 ปีที่แล้ว เป็นสาวแก่อายุ 34 ไปนัดบอดก็ไม่มีคนเอา พระเอกจัดการจ้างญาติของผู้จัดการส่วนตัวมาหลอกนางเอกว่าเป็นคนรวยเพื่อลองใจนางเอก แต่สุดท้ายนางเอกจะเลือกใคร แล้วทำไมนางเอกถึงไม่แต่งงานกับคนที่ตัวเองหนีไปเมกาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ไปดูกันเอาเองนะ ขี้เกียจเล่าแล้ว
แต่ที่อยากจะเล่าคือสิ่งที่ได้จากซีรี่ย์เรื่องนี้ต่างหาก
ชอบคำพูดนางเอกตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง ที่บอกว่า
มีคำพูดที่เค้าบอกกันว่า
"การเริ่มต้นทำอะไร คือ การต่อสู้มาได้ครึ่งทางแล้ว"
พอดูจบ
เราประทับใจเรื่องนี้ตรงที่เค้าพูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อนข้างเยอะ แล้วนางเอกเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำอะไรก็จะถึงถึงครอบครัวก่อน แม้ว่าคนในครอบครัวจะนำความเดือนร้อน + หงุดหงิดใจมาให้บ้างก็จะแบกรับมันไว้อย่างเข้มแข็ง ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนดูตัวเอง 555 เพราะนางเอกมีครอบครัวเหมือนเราเป๊ะ ทั้งพ่อ แม่ และน้องชายที่จะต้องเลี้ยงดู แม้ว่าจะมีภาระเยอะแค่ไหนเธอก็ไม่เคยบ่น เธอทำตัวเข้มแข็งเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ตลอด แม้ว่าบุคลิคเธอจะปากร้าย โวยวาย เอาแต่ใจ แต่เธอก็เป็นคนที่จิตใจดีและรักครอบครัวคนนึง
ยิ่งช่วงท้าย ๆ เรื่อง หนังจะเน้นที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อนข้างเยอะ จะเห็นได้เลยว่านางเอกรักครอบครัวเธอขนาดไหน แม้ว่าปากจะบ่นว่าพ่อแม่และน้องชายเธอต่าง ๆ นา ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เวลาเราหรือคนในครอบครัวเราเข้าใกล้โรคร้ายหรือความตาย เราก็จะรู้ได้เองว่าใครมีความสำคัญเราตัวเรามากที่สุด ซึ่ง 3 อันดับแรกนั้นก็คือคนในครอบครัวของเธอนั่นเอง
เธอโชคดีที่มีเพื่อนสนิท 2 คนไว้ให้ปรับทุกข์นอกเหนือจากครอบครัวของเธอที่ก็รักเธอมากและไม่อยากทำตัวเป็นภาระของเธอ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรขึ้น ครอบครัวแต่เพื่อนของเธอจะช่วยเยียวยารักษาบาดแผลให้เธออยู่ทุกครั้งไป ทำให้รู้เลยว่าสถาบันครอบครัวนั้นสำคัญมาก เราจะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยเมื่อเรากลับมาบ้าน
เรื่องนี้ทำให้เรารู้เลยว่าทุกตัวละครมีปัญหาทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะรวย จะจน จะสวยหรือไม่สวย เราทุกคนต่างก็กลุ้มใจกับปัญหาที่ไม่เหมือนกัน
เรื่องนี้ทำให้เราอยากบอกใครก็ตามที่เรารัก สารภาพหรือบอกให้เค้ารับรู้ก่อนที่มันจะสายเกินไป บางครั้ง คนในครอบครัวเดียวกัน อยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากันทุกวัน ไม่ได้บอกรักกัน วันหนึ่งที่เราอยากบอก มันอาจจะสายเกินไป บางครั้ง กว่าที่เราจะรู้เรื่องนี้ มันก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกือบจะต้องสูญเสียช่วงเวลานั้นไป เราจะเห็นคุณค่าสิ่งใด ก็ต่อเมื่อกำลังจะสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว โชคไม่ได้เข้าข้างเราเหมือนนางเอกในเรื่องทุกครั้ง ดังนั้น อยากทำ อยากพูดอะไรก็รีบ ๆ ทำ
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ความตายมันใกล้นิดเดียว แล้วเมื่อเราเข้าใกล้ความตายมากขึ้น มันสอนให้เรารู้ว่าไอ้เรื่องที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ มันจะเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวไปถนัดตา เราคงไม่ได้คิดหรอกว่าอยากทำโน่น อยากทำนี่ ขณะนั้น เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังโกรธหรือเกลียดใครอยู่ เราทำงานอะไรค้างไว้อยู่บ้าง เวลาเราจะตาย เราคงคิดว่าเราอยามีชีวิตอยู่ต่อ ขอแค่ได้บอกรักใครซักคนก่อนตายก็คงดีใจมากแล้ว
เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้นานแค่ไหน เราควรจะสร้างความทรงจำดี ๆ ให้แก่กัน ไม่มีใครเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย ถ้าเราอยากจะให้อภัยคน ๆ นั้น ไม่ต้องฟอร์มเยอะ ไม่ต้องดราม่า สู้เราเอาเวลาที่โกรธเค้า มาสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันเก็บไว้ดีกว่า อย่าทำให้ทุกอย่างมันสายเกินไป การให้อภัย คือ ยารักษาความแค้น ความโกรธ ความเกลียดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนและทุกความสัมพันธ์ ชีวิตคนเรามันสั้นนัก เราจะมีเวลาทำดีกับเพื่อน คนรัก และครอบครัวได้นอนแค่ไหนกันเชียว
ความสุขมี 2 แบบ แบบแรก คือ เมื่อเรามองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า ตอนนั้นเรามีความสุขจังเลย แบบที่สอง คือ มีความสุขกับทุกขณะตรงหน้า
แบบไหนมีความสุขกว่ากันนะ ถ้าเรารู้จักให้อภัย เราก็จะได้ความสุขทั้ง 2 แบบคือมีความสุขในขณะนั้นแล้วมันจะกลายเป็นความทรงจำดี ๆ ในแบบแรกไม่รู้จบ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนที่มั่นใจในตัวเอง เก่ง เริด เชิด พูดตรง เสียงดัง โวยวาย ไม่ได้เป็นคนที่ไม่ดีเสมอไป ส่วนคนที่ดูซื่อ ๆ เรียบร้อน อ่อนแอ ใจดี ดูไม่น่าจะทำร้านใครได้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีจิตใจดีเสมอไปเช่นกัน เราไม่ควรตัดสินใครจากการดูบุคลิคของคน ๆ นั้น คนบางคน ยังเร็วเกินไปที่จะรัก ยังไม่รู้จักมากพอที่จะเกลียด (อันนี้ได้มาจากหนังสือ Paris 0 องศา ที่เค้าบอกว่าเป็นคำพูดของพี่ปุ๋ยภรณ์ทิตย์เมื่อได้รับตำแหน่ง)
คิดว่าคงจะพอได้แล้วสำหรับข้อคิดซีรี่ย์เรื่องนี้ เราอยากให้มีซีรี่ย์ที่เน้นความสำคัญของความสัมพันธ์ในครอบครัวออกมาเยอะ ๆ จัง ไม่เอาแบบว่าพี่รักน้องแบบชู้สาวงี้นะ
กลับมาอ่านอีกที ไม่นึกว่าตัวเองจะเขียนข้อคิดออกมาได้ยาวขนาดนี้ เขียนได้ขนาดนี้ไม่ได้คิดสดแล้วพิมพ์นะจ๊ะ แบบว่าดูไปด้วย คิดขึ้นมาได้ก็หยุดแล้วจดในกระดาษเอาไว้แล้วเอามาพิมพ์รวมในบล็อค
ใครที่ยังไม่ได้ดู แนะนำให้ดูนะ สนุกดีแถมได้ข้อคิดเยอะเลย ยิ่งถ้าใครชอบ Oh Dal Ja's spring นะ เรื่องนี้แนวเดียวกันเลย
Create Date : 06 กันยายน 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2555 20:55:34 น. |
Counter : 2528 Pageviews. |
|
|
|
งสัยต้องหาเวลาไปเปิดดูซะแล้ว