Group Blog
|
การดำรงชีพด้วยปัญญา+พละ ๕ 1. รู้กรรม ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ ทำดีก็ได้ดี แม้ทำดีแล้วไม่แสดงผลให้ใครรับรู้ แต่ความดีนั้นก็ยังความเย็นใจไม่เร่าร้อนเป็นผลแก่กายใจทุกขณะที่ทำ ทำชั่วแม้ได้สิ่งต่างๆมาสมใจ แต่สิ่งที่ได้มาก็เป็นของร้อน ต้องหวาดกลัว หวั่นระแวงเพราะได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม หรือทำร้ายเบียดเบียนคนอื่น ต้องระแวงว่าเขาจะมาเอาคืน หวาดกลัวความผิด อยู่ยังไงก็เร่าร้อน - ดังนี้เมื่อรู้ว่ากรรม มีผลสืบต่อ ก็ให้ใช้ปัญญาเลือกเฟ้นสิ่งที่ควรทำ ที่ให้คุณประโยชน์ไม่มีโทษ ไม่มีภัยต่อตนเองและผู้อื่น 2. สะสมเหตุ เริ่มจากเลือกเฟ้นธรรม ที่ควรใช้ โดยเลือก - ความพอใจยินดีที่ควรเสพย์ ละความพอใจยินดีที่ไม่ควรเสพย์ - เลือกความไม่พอใจยินดีที่ควรเสพย์ ละความไม่พอใจยินดีที่ควรเสพย์ - เลือกอุเบกขาความมีใจเป็นกลางไม่ยินดียินร้ายที่ควรเสพย์ คือ กระทำด้วยปัญญามีความเป็นกลางไม่เอนเอียงเพราะรัก ชัง กลัว หลง ละอุเบกขาที่ไม่ควรเสพย์ เช่น การทำงาน เรามักทำเพราะรัก ชัง กลัว ไม่รู้ตามจริง ทำให้เรามีถูกไฟกิเลสแผดเผาให้หมองไหม้ด้วย รัก โลภ โกรธ หลง บางเวลาไม่อยากทำ อยากหนี บางเวลาพอสภาพแวดล้อมเป็นดั่งใจหวังก็ชอบใจ พอสภาพพแวดล้อมไม่เป็นตั่งต้องการก็โกรธ เครียดแค้น ชิงชัง ผลักไส ร้อนรุ่มแสบร้อนทั้งกายใจ ทนอยู่ได้ยาก - ดังนั้นเมื่อใช้ปัญญาเราจะรู้ทันทีว่า เราทำลังทำงานเพราะความยินดี เพราะยินร้าย เพราะอคติในรัก ชัง กลัว หลง - เมื่อรู้ดังนี้แล้ว การละความยินดียินร้าย คือ ไม่เอาความสุขของตนไปผูกขึ้นไว้กับสิ่งใด ไม่ติดใจข้องแวะโลก ทำงานด้วยไม่ยึดเอาความยินดี ยินร้าย รัก ชัง กลัว หลง แต่ให้ทำเพราะรู้หน้าที่ที่ควรทำ รู้สิ่งที่ควรทำ รู้กาลที่ควรทำในขณะนั้นๆว่าต้องทำสิ่งใด |
สมาชิกหมายเลข 1075032
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] Friends Blog Link |