มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 

วันที่ 25 ตุลาคม 2551 ทัวร์วิหารตามเส้นทางจากอัสวานถึงลุกซอร์

เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างเย็นทีเดียว จัดการตัวเองเสร็จก็รีบขึ้นไปดูวิวแม่น้ำไนล์ยามเช้าอีกครั้งที่ดาดฟ้าโรงแรม เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นแม่น้ำไนล์แบบชัด ๆ เสร็จแล้วก็ลงไปที่ lobby เพื่อ check out รับอาหารกล่อง แล้วก็รอรถมารับ รถมาถึงเวลา 7.20 น. เป็นรถตู้กลางเก่ากลางใหม่เหมือนบ้านเราเลย โดยมารับที่โรงแรมเมมนอนเป็นแห่งแรกเลย วันนี้จะมีเราสองคน และคุณน้าจากซานฟรานซิสโกอีก 4 คน แล้วก็ไปแวะรับที่โรงแรมี่อื่นอีกจนเต็มรถพอดี ก็ไป check in ขบวน convoy เพื่อออกพร้อมกันเวลา 8.00 น.


แม่น้ำไนล์ยามเช้า


พาหนะที่พาเราทัวร์วิหารวันนี้


ขบวน convoy

ประมาณ 40 กม. ก็ถึง Kom-Ombo Temple ที่นี่คนขับรถให้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น พวกคุณน้าจากซานฟรานซิสโก ต่อรองขอสัก 1 ชม. ไม่ได้หรือ คนขับบอกว่าไม่ได้เพราะ convoy จะออกตรงเวลา เราจึงต้องทำเวลากัน ตั้งแต่มาเที่ยวที่นี่เป็นที่แรกที่เราต้องรีบเร่งทำเวลา ตั๋วราคา 15 EP.ต่อคน เรารีบเดินดูอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรเลย วิหารคอมออมโบ เป็นวิหารสไตล์กรีก – โรมัน สร้างในสมัยฟาโรห์ปโตเลมีที่ 2 – ฟาโรห์ปโตเลมีที่ 11 เป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพโซเบ็ก (เทพแห่งความสมบูรณ์ของแม่น้ำไนล์ มีหัวเป็นจระเข้) และเทพฮอรัส (เทพแห่งการปกป้อง เป็นลูกของเทพโอซิริสและเทพีไอซิส มีหัวเป็นเหยี่ยว) ด้านในมีมัมมี่จระเข้ และรูปสลักปฏิทิน บอกวัน, เดือน, ปี เทพประจำวันนั้น และของสักการะเทพ นอกจากนี้ยังมีรูปสลักเครื่องมือแพทย์ เครื่องมือผ่าตัดต่างๆที่พบเฉพาะที่นี่เท่านั้น สันนิษฐานว่าในสมัยก่อน ที่นี่เคยเป็นสถานรักษาพยาบาลด้วย รักษาโดยพระหรือนักบวชที่อยู่ที่วิหารนี้ เราเดินดูเพลินมองนาฬิกาอีกที เหลืออีก 5 นาที จะได้เวลานัดที่คนขับรถบอก จึงต้องวิ่ง 100 เมตร ไปถึงรถยืนหอบแฮกเลย แต่โชคดีที่ไม่ใช่คนสุดท้าย ยังเหลือกลุ่มของคุณน้าจากซานฟรานซิสโกที่ยังมาไม่ถึง แต่ก็มาถึงหลังเราเล็กน้อย พวกคุณน้าหัวเราะเราใหญ่ เพราะเห็นเราวิ่งไม่คิดชีวิตมาที่รถ โธ่.. แล้วก็ไม่เรียกกันบ้างเลย ปล่อยให้วิ่งซะตับแทบแลบ




















วิหารคอมออมโบ

จากวิหารคอมออมโบ เราต้องเดินทางต่ออีกราว 1 ชม. เพื่อไปที่วิหารเอ็ดฟู ประมาณ 10.45 น.เราก็ไปถึง ก่อนลงคนขับรถบอกว่าให้เวลา 1 ชม. รถจะออกเวลา 11.45 น. ค่าตั๋วเข้า 20 EP. ต่อคน วิหารเอ็ดฟู เป็นวิหารสไตล์กรีก – โรมัน สร้างในสมัยฟาโรห์ปโตเลมีที่ 2 – ฟาโรห์ปโตเลมีที่ 11 สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพฮอรัส ด้านหน้ามี pylon (กำแพง) ขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกเขตวิหาร แยกวิหารออกจากส่วนทางโลก ภายในวิหารประกอบด้วยห้องต่างๆมากมาย ให้เฉพาะฟาโรห์และพระ (นักบวช) ลำดับที่ 1 – 5 เท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ส่วนการเตรียมของไหว้เป็นหน้าที่ของนักบวชรับใช้ มีทางเข้าออกเป็นอุโมงค์ต่างหาก ใน 1 วันจะต้องนำรูปปั้นเทพออกมาจากส่วนในสุดเพื่อถวายของสักการะ 3 เวลา (เช้า กลางวัน เย็น) hall แรกสุดเป็น open court ต่อมาเป็น hall ที่มีเสา 12 ต้น หัวเสาแต่ละต้นจาไม่เหมือนกัน มีทั้งแบบต้นปาปิรุส, ดอกบัว hall ต่อมาก็มีเสา 12 ต้น ด้านขวามีห้องเล็กๆ เป็นห้องสมุด ด้านซ้ายเป็นที่เก็บของสักการะ hall ด้านในเป็นที่พักของรูปสลักเทพ ด้านซ้าย – ขวามีห้องเก็บของสักการะประเภทเนื้อและเครื่องดื่ม ส่วนด้านในสุดเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดและถูกสร้างเป็นอันดับแรก คือ ที่ตั้งรูปสลักเทพฮอรัส ใน 1 ปีจะมี 1 ครั้งที่จาเคลื่อนย้ายเทพฮอรัสโดย sacred boat ไปที่วิหารที่ Dandara เพื่อไปเยี่ยมพระชายาของพระองค์ บริเวณโดยรอบมีรูปสลักฟาโรห์ถวายเครื่องสักการะเทพต่างๆ และมีรูปเทพกอดฟาโรห์ ซึ่งพบที่นี่ที่เดียว เราเดินดูจนเกือบได้เวลานัด ก็ไปแวะเข้าห้องน้ำด้านหลังวิหาร ที่ไม่มีใครไปเลย พอตอนออกจากห้องน้ำเจอคุณลุงแต่ตัวแบบชาวอียิปต์ของปากกา เพิ่มเป็นครั้งแรกที่มีคนขอปากกา ดีใจมากเลย เพราะเราเตรียมมาตั้ง 20 ด้าม พอดีก่อนมาได้ปากกาฟรีจากตัวแทนยา เลยให้ไป 2 ด้าม คุณตำรวจที่นั่งอยู่แถวนั้นเห็นเราให้ปากกาคุณลุงก็เลยขอบ้าง เราเหลือแค่ 1 ด้ามที่ติดตัวมา เลยให้ไปคุณตำรวจไป คิดในใจว่าพรุ่งนี้จะพกมาอีกหลายด้ามหน่อย คราวนี้ทุกคนมาตรงตามเวลานัด พอขึ้นกันครบหมดรถก็ออก เราเดินทางไปอีกประมาณ 1 ชม. รถก็จอดพักประมาณ 10 นาที บริเวณที่ขบวน convoy จอด จะเป็นร้านอาหารและร้านขายของ เห็นชาวอียิปต์เค้าแวะดื่มชากัน ส่วนนักท่องเที่ยวบางคนก็ลงจากรถไป shopping แต่รถคันที่เรานั่งไม่มีใครลงจากรถเลย พอได้เวลาตำรวจเค้าจะเปิดสัญญาณดังสนั่น เพื่อเตือนให้ทุกคนทราบว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะพากันขึ้นมาบนรถแล้วออกเดินทางกันต่อ






















วิหารเอ็ดฟู

ประมาณ 14.00 น. ก็เข้าถึงเมือง Luxor พอเข้าเมืองรถก็จอดรับชายคนหนึ่งขึ้นไปนั่งหน้าคู่กับคนขับรถ แล้วชายคนนั้นก็เริ่มเสนอโรงแรมให้ผู้โดยสารบนรถ แต่ดูเหมือนเขาจะมุ่งเป้าไปที่คุณน้าจากซานฟรานซิสโก แต่พวกคุณน้าบอกว่าไม่สนใจเพราะราคาที่เสนอนั้นแพงเกินไป และอีกอย่างพวกคุณน้าได้ให้โรงแรมแมมนอนจองโรงแรมที่ลุกซอร์ให้แล้ว เป็นอันว่าไม่มีใครสนใจ he ก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่ออีก จากนั้นคนขับรถก็ไปส่งผู้โดยสารตามโรงแรม เราให้เงินทิปคนขับรถไป 10 EP. พอไปถึงโรงแรมก็มีพนักงานมาต้อนรับชื่อ Mohammed อัธยาศัยดีมาก ชวนคุยและพาเราไปนั่งดื่ม welcome drink ซึ่งเป็นน้ำมะนาวอร่อยมาก หลังจากนั้นก็ช่วยเราขนกระเป๋าขึ้นไปที่ห้องพัก และพาเราชมห้องพักแนะนำห้องน้ำ แอร์ แล้วก็พาขึ้นไปเดินบนดาดฟ้าด้วย เราสอบถามรถเช่าไป west bank พรุ่งนี้ เขาเสนอราคา 140 EP. เราก็ OK เพราะเห็นเขาแลเป็นคนดีมีน้ำใจ เลยเกรงใจ ไม่กล้าต่อ ถ้าเพื่อน ๆ จะลองต่อก็จะดี คิดว่าคงลดได้อีก เก็บของแล้วล้างหน้าล้างตา ตอนนี้บ่าย 3 โมง กะว่าจะไปวิหารคาร์นัก แล้วค่อยไปที่วิหารลุกซอร์ตอนกลางคืน


Mohammed คนใจดี

ออกจากโรงแรมแล้วเลี้ยวขวาเดินไปประมาณ 100 เมตร ก็จะเป็นเหมือนวงเวียน มี รถตู้เหมือนบ้านเราแต่คาดแถบสีฟ้า เอามาทำเป็นรถโดยสาร ตอนข้ามถนนไปถึงเห็นคุณตาชาวอียิปต์คนหนึ่งรอรถอยู่ก็เลยถามว่าถ้าจะไปคาร์นักขึ้นรถคันไหน คุณตาเลยบอกว่าจะไปคาร์นักเหมือนกัน เลยบอกขอไปด้วย พอดีมีคนขับแท็กซี่เข้ามาถามแล้วชวนให้ไปรถแท็กซี่ คุณตาเลยช่วยบอกว่าเราจะไปรถโดยสาร แต่คนขับรถก็ยังตื้ออยู่อีก คุณตาเลยให้เราพูดเองเราเลยบอกเราจะไปรถโดยสารกับคุณตา เค้าก็เลยไม่ยุ่งอีก เราถามคุณตาว่าค่ารถเท่าไหร่ พอดีมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยบอกว่า 1 EP. แต่คุณตาบอกว่า 50 เพียสเตอร์เท่านั้น เราก็เลยเตรียมแบงค์ 1 EP. ไว้สำหรับ 2 คน พอขึ้นรถคุณตาก็นั่งประกบพวกเราไม่ห่างเลย แถมบอกให้เราเอาเงินให้แกแล้วแกก็ช่วยจ่ายคนขับรถให้ด้วย คนขับรถก็ไม่ได้ว่าอะไร พอถึงวิหารคาร์นักคุณตาก็บอกให้เราลงได้ ก่อนลงไม่ลืมถามคุณตาอีกว่าแล้วจากนี่เราจะไปที่วิหารลุกซอร์ได้อย่างไร คนที่นั่งอยู่ใกล้คุณตาเลยบอกเราให้ออกมาที่เดิมนี่แหละแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งเรียกรถโดยสารที่ผ่านมา ทุกคันผ่านลุกซอร์ เราขอบคุณแล้วลงจากรถ


รถตู้ไปคาร์นัก

จากบริเวณทางเข้าเราต้องเดินเข้าไปด้านในเพื่อซื้อตั๋ว ราคาตั๋ว 25 EP.ต่อคน วิหารคาร์นัก (Great Temple of Karnak) เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดของอียิปต์ สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอะมอนรา (สุริยะเทพ) และเพื่อเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อของอียิปต์โบราณ คาร์นักเป็นชื่อหมู่บ้านของเทพอะมอน เดิมชื่อเมืองวาเซ็ต แล้วต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนครธีบส์ เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรไอยคุปต์มาตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 11 จนถึงราชวงศ์ที่ 21 รวมเวลานับ 1,000 ปี (2120-1085 ปีก่อนคริสตกาล) และกลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งเป็นเวลา 50 ปี ในราชวงศ์ที่ 25 (716-666 ปีก่อนคริศตกาล) วิหารคาร์นักสร้างโดยฟาโรห์เซซอสตริสที่1 และอีกหลายพระองค์ต่อมา ซึ่งอยู่ในสมัยยุคกลาง หลักฐานเก่าแก่ที่สุดอยู่ในหมู่วิหารของเทพอะมอนรา คือห้องบูชาและห้องแท่นบูชาเรือศักดิ์สิทธิ์ของเทพอะมอนรา ที่สร้างโดยฟาโรห์เซซอสตริสที่ 1 ต่อมาได้รับการต่อเติมปฏิสังขรณ์ขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆทุกยุค วิหารแห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมความเชื่อความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ เทพเจ้าอะมอนราก็เป็นสุริยะเทพอันยิ่งใหญ่และเป็นเทพประจำเมืองนี้มาโดยตลอด ช่วงราชวงศ์ที่ 18 - 20 มีการบูรณะวิหารแห่งนี้มากที่สุด และบูรณะต่อเนื่องมาจนถึงยุคโรมันเข้ามาครอบครอง จนกระทั้งกลายเป็นวิหารที่มีอาคารมากมายกว้างขวางและใหญ่โตที่สุดในโลก วิหารคาร์นักแบ่งได้ 3 ส่วน คือ วิหารเทพอะมอนรา อยู่ตรงกลาง ประกอบด้วยหมู่สถาปัตยกรรมของเหล่าฟาโรห์หลายยุค ส่วนที่สองอยู่ทางทิศเหนือ คือวิหารเทพมอนตู เทพองค์นี้เคยเป็นเทพประจำถิ่นนี้มาก่อนเป็นสัญลักษณ์แห่งการรบของฟาโรห์และเทวีมะอัต ส่วนที่สามคือ วิหารเทวีมัต ทางด้านใต้ของวิหารอะมอนรา มีทางเชื่อมต่อถึงกันสองข้างทางประกอบด้วยสฟิงซ์กัวแกะนั่งเฝ้าตลอดทาง ด้วยสองข้างทางเข้าสู่กำแพงชั้นที่ 1 ประดับด้วยสฟิงซ์หัวแกะ ส่วนต้นทางมีเสาโอเบลิสก์ขนาดเล็กของฟาโรห์เซติที่ 2 ฟาโรห์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่ 19 ตั้งอยู่ ความหมายของเสาโอเบลิสก์ก็คือชีวิตรุ่งโรจน์และความสว่าง เพื่อบูชาสรรเสริญเทพเจ้ารา ก่อนเข้ากำแพงชั้นที่ 2 มีรูปสลักของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ยืนเฝ้าสองข้าง และมีเสาขนาดมหึมาใหญ่กว่าทุกที่ในอียิปต์ แกะสกัดจากหินทรายเป็นท่อนต่อกัน รอบเสาประกอบด้วยภาพแกะสลัก เป็นรูปภารกิจของฟาโรห์ทั้งเรื่องศาสนาและเรื่องสงคราม ระหว่างกำแพงชั้นที่ 3 และชันที่ 4 เรียกว่าเซ็นทรัลคอร์ต เป็นของตระกูลธุตโมซิสแห่งราชวงศ์ที่ 18 คือธุสโมซิสที่ 1 ผู้พ่อ ธุสโมซิสที่ 2 ผู้ลูก และธุสโมซิสที่ 3 ผู้หลาน ได้สร้างเสาโอเบลิสก์ตั้งไว้บริเวณนี้ 4 ต้น แต่ปัจจุบันเหลือแค่ต้นเดียว เป็นของธุสโมซิสที่ 1 สร้างด้วยหินแกรนิตสีชมพูที่เอามาจากเมืองอัสวาน ระหว่างกำแพงชั้นที่ 5 และชั้นที่ 6 ก็ยังเป็นผลงานของตระกูลธุสโมซิส มีเสาแท่งสี่เหลี่ยมตั้งคู่ ทำด้วยหินแกรนิตสีชมพูและแกะสลักอย่างประณีต นับว่าเป็นสุดยอดงานฝีมือแกะสลักของช่างสมัยนั้น และเป็นสัญลักษณ์ของสองอาณาจักรที่ฟาโรห์แห่งราชวงศ์นี้ปกครองอยู่คือ เสารูปดอกปาปิรัสอันหมายถึงอาณาจักรล่าง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนอีกเสาวางคู่กันแต่อยู่ทางทิศใต้ถูกสลักเป็นรูปดอกลินลี่ ที่สวยงามหมายถึงอาณาจักบน บริเวณที่หัวมุมของสระน้ำใกล้กับซากเสาโอเบลิสก์ มีอนุสาวรีย์รูปแมลงตัวสแค-รับ ซึ่งเป็นแมลงนำโชค หากไปเองจะมีเวลามากให้เดินให้ทั่ว ด้านหลังจะมีสระน้ำ ซึ่งสังเกตว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินไปไม่ถึง เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึงเกือบ 6 โมงเย็น แล้วก็ไปขึ้นรถตามที่ได้ข้อมูลมา เพื่อไปที่วิหารลุกซอร์ต่อ




















คนเฝ้าบอกว่าเป็นอะลาบาสเตอร์ของฮัตเชฟสุต


วิหารคาร์นัก


บริเวณด้านหน้าวิหารคาร์นักยามพระอาทิตย์ตกดิน

จากคาร์นักไปไม่ไกลก็ถึงวิหารลุกซอร์ โดยรถจะมาจอดบริเวณเดิมที่เราขึ้นไปคาร์นักในตอนแรก แล้วเราก็เดินขึ้นตรงไปที่ถนนเรียบแม่น้ำไนล์ ไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะเห็นทางเข้าวิหาร ถ้างงก็ถามคนแถวนั้นได้ คนอียิปต์ใจดี ค่าตั๋วเข้าชมคนละ 20 EP. วิหารลุกซอร์ตอนบ่ายที่เราเห็นกับตอนนี้แตกต่างกันมาก ตอนบ่ายที่เห็นทีแรกเราว่าวิหารนี้ทำไม่โทรมจัง โทรมกว่าทุกวิหารที่เราดูมาเลย แต่ตอนกลางคืนกลับสวยและดูลึกลับ วิหารลักซอร์ เป็นวิหารที่สร้างโดยฟาโรห์ในสมัยอียิปต์โบราณหลายพระองค์ โดยในส่วนหน้ามีเสาโอเบลิสก์ตั้งอยู่ เดิมเคยมี 2 ต้น แต่ในสมัยพระเจ้ามูฮัมหมัดได้ส่งไปเป็นของขวัญให้ฝรั่งเศส 1 ต้น ปัจจุบันจึงเหลือแค่ต้นเดียว ด้านหลังเสามีรูปสลักฟาโรห์รามเสสที่ 2 เดิมเคยมีอยู่ในท่านั่ง 2 ตัว ท่ายืน 4 ตัว แต่ปัจจุบันเหลือแค่ท่านั่ง 2 ตัว ท่ายืน 1 ตัว ถัดจากนั้นเป็น hall ที่มีเสา ฝาผนังโดยรอบสลักเรื่องราวเกี่ยวกับงานเฉลิมฉลอง ซึ่งจะทำปีละครั้ง โดยการนำรูปสลักของเทพอามุน – ราใส่เรือ sacred boat แล้วแห่จากวิหารคาร์นัคมายังวิหารลักซอร์ เพื่อประกอบพิธีเป็นกษัตริย์แห่งเทพทั้งหลาย (จากรูปสลักนี้ทำให้เราทราบว่า เดิมทีด้านหน้าวิหารมีรูปสลักโรห์รามเสสที่ 2 อยู่ 6 รูป) จากนั้นใน hall ด้านในเป็น hall ทางเดินมีเสาอยู่ 2 ข้าง สร้างโดยฟาโรห์ตุตันคามุน (มีรูปสลักของพระองค์และพระมเหสีอยู่ตรงต้นทางเดิน แต่ถูกลบชื่อออกไปแล้วเขียนชื่อของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ลงไปแทน) จากนั้นด้านในมี hall อีกส่วนที่โดนลบรูปสลักโบราณแล้วเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เข้าไปในช่วงที่โรมันเข้ามายึดครองอียิปต์ ต่อจากนั้นใน hall ด้านในมีภาพสลักบนฝาผนังเกี่ยวกับฟาโรห์ถวายเครื่องสักการะให้เทพองค์ต่างๆด้วย (ใน hall ที่ 2 ตรงกลางมีมัสยิดปลูกอยู่หลังหนึ่ง เพราะในตอนแรกที่ปลูก บริเวณวิหารถูกทรายกลบอยู่ ทำให้มองไม่เห็น แต่ภายหลังสร้างมัสยิดไปแล้วถึงเห็นวิหาร แต่ก็ไม่สามารถรื้อถอนได้ เพราะอียิปต์เป็นประเทศอิสลาม ไม่สามารถทำลายมัสยิดได้) เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ชั่วโมงกว่าก็กลับโรงแรม โดยออกจากวิหารก็เดินเลียบกำแพงวิหารลุกซอร์ด้านซ้ายมือไปก็จะไปถึงบริเวณคล้าย ๆ ลานสวนสาธารณะ ติด ๆ กันมีสุเหร่าอยู่ ตรงกันข้ามเป็นตลาดแหล่ง shopping ของลุกซอร์ โรงแรมจะอยู่แถวนั้นแหละ


















วิหารลุกซอร์

ก่อนเข้าโรงแรมเราแวะกินอาหารเย็นที่ร้านก่อนถึงสถานีรถไฟ เป็นข้าว ไก่ย่าง และสลัด ไก่ย่างไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ ก่อนสั่งเราดูราคาแล้วรวมทั้งหมด 28 EP. แต่พอเก็บเงินคิดเรา 33 EP. เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะคิดว่าเป็นค่าบริการ ทำนองนั้น แต่พอจ่ายเงินเสร็จลุงคนเก็บเงินบอกจะขอเก็บค่าเข้าห้องน้ำอีกคนละ 2 EP. เราก็เลยไม่ยอม เลยแจกแจงราคาอาหารแล้วถามลุงคนเก็บเงินว่าที่เก็บเราเกินไป 5 EP. นั้นค่าอะไร ลุงบอกค่าแป้งโรตีที่ใส่ตะกร้ามาให้งัย เราบอกงั้นเราไม่ได้กินแป้งโรตีเลย ลุงเลยบอกงั้นเป็นค่าบริการละกัน เราก็เลยเดินไปหาเจ้าของร้านอธิบายให้เค้าฟังว่าเราจ่ายไปแล้วรวมค่าบริการ แล้วลุงยังจะมาเก็บค่าห้องน้ำอีก เจ้าของร้านรีบขอโทษใหญ่ สรุปเราไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก ก่อนเข้าห้องพักเลยแวะเดินเล่นแถวตลาด shopping แต่ก็ซื้อแต่เสบียงสำหรับพรุ่งนี้ตอนกลางวันเท่านั้น เพราะกว่าจะถึงโรงแรมคงบ่ายสองบ่ายสามแหละ เสร็จแล้วก็กลับห้องพักผ่อน


อาหารเย็น






ลุกซอร์ shopping center


วิหารลุกซอร์ถ่ายจากดาดฟ้าโรงแรม




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551
4 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 22:30:51 น.
Counter : 1540 Pageviews.

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

บอกได้อย่างสั้นๆ ค่ะ อิจฉามากกกกกก

 

โดย: อุ้มสี 17 พฤศจิกายน 2551 21:24:58 น.  

 

ตามมาเที่ยวอีกรอบค่ะ ขอบอกอีกครั้งว่ารายละเอียดดีมากเลยค่ะ ต้องเอาไว้เป็นตัวอย่างในโอกาสหน้าแล้วหละ เก่งจังเลยนะค่ะ เที่ยวโดยไม่ต้องพึงทัวร์ ประหยัดได้มากๆ เราก็ชอบค่ะ แล้วรถที่มารับที่โรงแรมเมมนอนคุณจองที่ไหนค่ะ จองกับโรงแรมเมมนอนหรือเปล่าค่ะ

 

โดย: ไอริน (กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน ) 19 พฤศจิกายน 2551 23:10:25 น.  

 

สวัสดีค่า แวะมาอ่านแล้วค่ะ ละเอียดเช่นเคย
อัพอีกนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ 23 พฤศจิกายน 2551 4:00:47 น.  

 

 

โดย: ต้นกล้า อาราดิน 23 พฤศจิกายน 2551 6:30:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.