มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
9 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 

วันที่ 19 ตุลาคม 2551 เที่ยวเมืองเจอราชและซิตาเดล

วันนี้ช่วงเช้าจะไปเที่ยวเมืองเจอราช (Jerash) แล้วกลับเข้าอัมมาน เพื่อไปเที่ยว Citadel ซึ่งสามารถเดินไปได้ โดยจากโรงแรมข้ามถนนแล้วเดินไปอีก แต่ยังไม่รู้ว่าต้องเดินไกลแค่ไหน เพราะเจ้าของโรงแรมบอกไว้แค่นี้ หลังกินอาหารเช้าเสร็จ 7.30 น. สอบถามผู้จัดการโรงแรมถึงการไปสถานีรสบัส ซึ่งจากโรงแรมเราต้องขึ้นรถ taxi ไปที่สถานีรถบัส ชื่อ tabarbous bus station เราให้ผู้จัดการโรงแรมเขียนเป็นภาษาอารบิกให้ และไม่ลืมขอนามบัตรโรงแรมที่เขียนที่อยู่ของโรงแรมเป็นภาษาอารบิกไปด้วย เผื่อว่าต้องใช้เวลาสอบถามคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ลงมาจากโรงแรมก็เห็นรถ taxi สีขาวแล่นผ่านไปหลายคัน เลยเดินไปเรียกรถ taxi คันสีขาว ไม่ยอมจอด ก็เลยข้ามถนนไปหา taxi สีขาวที่จอดอยู่เต็มไปหมด พอถามแล้วถึงรู้ว่า ต้องเรียก taxi สีเหลือง แต่ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน จึงข้ามถนนกลับมาฝั่งเดิม เรียกรถ taxi สีเหลือง พอรถจอดก็บอกเป็นภาษาอังกฤษว่าจะไป สถานี tabarbous แต่ปรากฏว่าคนขับฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง เราจึงเอาภาษาอารบิกที่ให้ผู้จัดการโรงแรมเขียนให้ โชว์ให้เขาดู พอเขาเห็นก็เข้าใจทันที taxi คันนี้มีมิเตอร์ จากโรงแรมไปถึงสถานี 1.8 JD เราจ่ายไป 2 JD คนขับช่วยพาไปส่งตรงช่องรถที่จะไปเมืองเจอราช ก่อนขึ้นรถ ก็สอบถามคนขับให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าไม่ได้ขึ้นรถผิดคัน เรานั่งบนรถประมาณ 20 นาที รถก็ออก ไม่ต้องรอผู้โดยสารเต็มรถ ค่าโดยสารคนละ 1 JD เราให้ใบละ 20 JD ไป เด็กเก็บเงินทอนมาให้ 17 JD สามีเราเลยบอกว่าทอนขาดไป 1 JD เด็กก็ส่งให้ทันที โดยไม่ต้องคิดมาก เราเลยไม่อยากจะคิดว่าเขาน่าจะจงใจทอนขาด จากสถานีรถถึงเมืองเจอราช ใช้เวลาประมาณ 45 นาที คนขับรถจะไปจอดที่บริเวณปั๊มน้ำมันเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แล้วบอกเราให้ลงได้ ก่อนจะลงได้สอบถามว่าขากลับเราจะขึ้นรถได้ที่ไหน คนขับบอกที่เดิมนี่แหละ แต่เราก็งง ๆ ว่าทำไมถึงขึ้นที่เดิม เพราะมันน่าจะข้ามไปขึ้นฝั่งตรงข้ามมากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ ขากลับค่อยถามเอาอีกที เราต้องเดินจากปั๊มน้ำมันไปที่บริเวณซื้อตั๋ว ประมาณ 500 เมตร


ท่ารถไปเมืองเจอราช


ชาวจอร์แดนรอรถโดยสาร


สภาพบนรถบัสที่เรานั่งไป-กลับเมืองเจอราช


รถแท็กซี่สีขาวที่จอดอยู่ตรงข้ามโรงแรม

ไปถึงก็ประมาณ 9 โมงเช้า ตั๋วเข้าชมราคา 8 JD/คน เจอราช หรือเมืองพันเสา ที่ชื่อเป็นแบบนี้เพราะเป็นเมืองที่มีเสาเยอะมาก ข้างในจะมีโชว์การต่อสู้ของชาวโรมันโบราณ ซึ่งต้องเสียค่าดูอีก 12 ดีนาร์ แต่เราไม่ได้ดู เพราะเคยอ่านเรื่องที่เขียนเล่าใน internet บอกว่าไม่ค่อยน่าสนใจ จากทางเข้าเดินขึ้นเนินเขาไปประมาณ 100 เมตร จะมองเห็นตัวเมืองเจอราช ซึ่งประกอบด้วยถนนโคลอนเนด หรือถนนคาร์โด ซึ่งเป็นถนนสายหลักเข้าเมือง เรียงรายด้วยเสาโรมัน ซึ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมัน จากข้อมูลบอกว่ารูปแบบการสร้างเมือง การตั้งเสา จะคล้ายกับกรุงโรมของอิตาลี แต่ที่นี่สร้างเก่าแก่กว่ากรุงโรม ระหว่างเสาแต่ละต้น จะไม่มีการเชื่อมต่อกัน หากนำช้อนไปวางจะพบว่าช้อนจะสั่น เป็นเพราะพื้นใต้ดินที่เราเหยียบอยู่ แผ่นดินจะไหวอยู่ตลอดเวลา แต่เราจะไม่รู้สึก อันนี้เราอ่านจากหนังสือ แต่ไม่ได้ทดลองนะ เมื่อผ่านประตูทางเข้าไปจะพบ เสาแบบ Ionic style ที่ถูกสร้างเรียงกันเป็นรูปวงรี เรียกว่า oval plaza ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ถัดจากนั้นไปจะเป็น Colonnade street พื้นจะปูด้วยหินก้อนใหญ่ที่มีขนาดเท่า ๆ กัน และจัดวางอย่างมีแบบแผน หินที่พื้นทางทิศเหนือจากมีขนาดเล็กกว่า 2 ข้างทางจะมี tetrapylon จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีโรงอาบน้ำ จัตุรัส และประตูทรงโค้ง รวมทั้งวิหารเทพีอาร์เทมิส (เทพีแห่งความรักและความสงบสุข) ซึ่งวิหารแห่งนี้เราจะเห็นความมหัศจรรย์ของก้อนหิน 3 ก้อนที่เรียงกันอยู่ เมื่อเราสัมผัสก้อนหิน เราจะรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของก้อนหินได้ และยังมีโรงละคร หรือ เซาท์เธียเตอร์ อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ มีระบบเสียงที่สมบูรณ์โดยมีหินก้อนหนึ่งอยู่ตรงกึ่งกลางของโรงละคร ด้านหน้าเวทีถ้าเราไปยืนจุดนั้นแล้วเพียงแต่พูดเบาๆ เสียงจะก้องมาก ขณะที่ไปยืนตรงหินก้อนอื่น ตะโกนอย่างไรก็ไม่ได้ยินชัดเท่า ตอนที่เราไปมีนักท่องเที่ยวผู้หญิงไม่ยืนร้องเพลงทดลองดู เสียงดังก้องกังวาน เหมือนใช้ไมโครโฟนเลย เมืองเจอราชนี้กว้างขวางมาก มี theatre 2 แห่ง เหนือกับใต้ ช่วงที่เราไปวิหารของ Zeus ปิดซ่อมอยู่ เราใช้เวลาเดินจนครบทุกจุดประมาณ 3 ชม. กว่า ๆ เสร็จแล้วเราก็เดินกลับไปที่ปั๊มน้ำมันเมื่อเช้า พอดีเจอตำรวจท่องเที่ยวเลยถามเขาว่าจะไปท่ารถ tabarbous เขาบอกต้องข้ามฝั่งไปขึ้นรถบัสที่จอดอยู่ เราเลยข้ามไป ก่อนขึ้นไม่ลืมถามคนขับรถที่ยืนเก็บเงินอยู่ให้แน่ใจอีกครั้งว่าขึ้นรถไม่ผิด ขากลับรถค่อนข้างแน่น แต่ก็พอมีที่ว่างอยู่ด้านหลัง ขากลับก็ใช้เวลาพอ ๆ กับตอนมา พอไปถึงสถานีรถบัสเราก็ต่อรถ taxi กลับไปที่โรงแรม โดยยื่นนามบัตรของโรงแรมให้เขาดู เขาก็รู้ทันทีว่าอยู่ที่ไหน


ประตูโค้งที่สร้างขึ้นเพื่ออนุสรณ์แห่งชัยชนะของพวก Hadrian




The Oval Plaza






The Colonnaded Street หรือ Cardo Maximus


วิหารที่สร้างอุทิศให้เทพ Nymph มี 2 ชั้น ชั้นบนด้วยยิปซั่ม ชั้นล่างทำด้วยหินอ่อน






วิหารเทพ Artemis




North Theatre


โบสถ์ซึ่งอยู่ถัดไปจาก Colonnade Street ซึ่งสร้างอยู่บนซากของวิหารโรมันเก่าของเทพ Dionysus เทพเจ้าแห่ง wine




South theatre

เข้าห้องพักเพื่อล้างหน้า แล้วออกไปหาอาหารกลางวันกินก่อนเพราะตอนนั้นเกือบบ่ายสองโมงแล้ว เราทดลองเข้าร้านแฮมเบอร์เกอร์แบบจอร์แดนดู อร่อย เยอะ และราคาถูกกว่า Mac อีก พอกินเสร็จ ก็เดินไปเที่ยว Citadel ซึ่งจากโรงแรมเราสามารถข้ามถนน แล้วเดินเลาะรั้ว Citadel ไปประมาณ 500 เมตรก็ ถึงทางเข้าแล้ว ค่าเข้าชมคนละ 2 JD เข้าไปก็เจอเสาต้นใหญ่ ๆ อีกแล้ว จุดแรกที่เราไปดูเป็นบริเวณ Hercules Temple สร้างในสมัยศตวรรษที่ 2 ปัจจุบันเหลือแต่เสา 2 ต้นคู่กัน นอกนั้นก็เป็นท่อน ๆ กองอยู่บริเวณนั้น ใกล้ ๆ จุดนั้นจะมีบริเวณสำหรับชมวิวสามารถมองเห็นกรุงอัมมาน จากจุดนั้นเราเห็นบ้านส่วนใหญ่สร้างเป็นกล่องสี่เหลี่ยม และสีที่ออกน้ำตาล ยิ่งทำให้ดูเหมือนกล่องจำนวนมาก เรายังสามารถมองเห็น Roman theater ได้ด้วย ใน Citadel ยังมีพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีวัตถุโบราณจำนวนมาก และแยกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน โดยแบ่งเป็นยุคต่าง ๆ เช่น ยุคหินเก่า ยุคหินใหม่ ยุคสำฤทธิ์ เป็นต้น สามีชื่นชอบพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาก เราเลยใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์นานประมาณ 1 ชม. หลังจากนั้นก็เดินดูรอบ ๆ Citadel จะพบบ่อน้ำขนาดใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่แสดงให้เห็นว่าบริเวณนั้นเป็นที่อาบน้ำของชุมชน ติดกันกับที่อาบน้ำก็จะมีซากปรังหักพังของโบสถ์ และบ้านยุคไบเซนไทน์ ใช้เวลาใน Citadel ประมาณ 2 ชม. แล้วก็เดินกลับไปย่าน Down town เพื่อ Shopping แต่หาร้านขายของที่ระลึกไม่ค่อยเจอ เจออยู่ร้านเดียวมีพวกแม่เหล็กติดตู้เย็น แล้วก็พวงกุญแจ ซึ่งไม่มีแบบให้เลือกมากนัก เลยซื้อมาเล็กน้อย แล้วก็เดินย้อนกลับมารับประทานอาหารเย็นที่ร้านเดิม ตอนแรกตั้งใจว่าวันนี้จะทดลองกินขนมหวานของจอร์แดน ร้านที่เห็นมีคนมารอคิวซื้อเยอะแยะ แต่พอกินข้าวเย็นเสร็จก็รู้สึกอิ่มมากเลยไม่ได้ทดลอง แต่ดูจากลักษณะน่าจะมีรสหวานมาก ๆ ประมาณพวกฝอยทอง ทองหยอดบ้านเราน่ะ เสร็จแล้วก็เดินกลับไปโรงแรม เพื่อจัดกระเป๋าให้พร้อมสำหรับเดินทางไปไคโรในวันพรุ่งนี้


Hercules Temple


โดมที่เห็นเป็นส่วนของ Omayyad Palace และเสาที่เห็นเป็นส่วนของโบสถ์ยุคไบเซนไทน์


ซากบ้านยุคไบเซนไทน์


บ่อน้ำขนาดใหญ่


จากจุดชมวิวของซิตาเดลสามารถมองเห็น Roman theatre ในกรุงอัมมาน


จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นบ้านในกรุงอัมมาน


ตัวอย่างของในพิพิธภัณฑ์ พบว่าหลายพันปีก่อนมีการผ่าตัด
กระโหลกเหมือนปัจจุบัน


เครื่องประดับยุคไบเซนไทน์


สุเหร่าบริเวณ Down town ยามค่ำคืน




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551
1 comments
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 22:06:07 น.
Counter : 1726 Pageviews.

 

ติตามตอนต่อไปค่ะ

 

โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน 13 พฤศจิกายน 2551 1:22:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.