มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
12 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 

วันที่ 22 ตุลาคม 2551 ไปตะกายปิระมิดกัน

วันนี้ไม่ต้องรีบร้อนอะไรเพราะนัดกับพนักงานโรงแรมไว้ 8 โมง 7.30 จึงออกมากินอาหารเช้า พร้อมกับ check out และฝากกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่โรงแรม เพราะวันนี้เราต้องเดินทางไปอัสวาน โดยรถไฟเที่ยว 22.00 น. ขณะที่นั่งกินอาหารเช้าอยู่ พนักงานโรงแรมเข้ามาถามว่าตกลงจะไปโดยแท็กซี่ตามที่คุยกันไว้ใช่ไหม เราบอกใช่ เขาเลยบอกว่าเขายังไม่ได้แจ้งคนขับรถ เดี๋ยวจะโทร.ไป แต่คนขับคงจะมาตอนเกือบ 9 โมง เราเลยซุบซิบกับสามีเว่ารถมาตั้ง 9 โมง ก็สายน่ะสิ กินข้าวเสร็จแล้วต้องนั่งรถอีกตั้งชั่วโมงแนะ เสียเวลาเที่ยวด้วย เลยตัดสินใจว่าถ้างั้นเราไปกันเองดีกว่า เพราะเรามีข้อมูลอยู่ว่าไปด้วยรถไฟใต้ดินแล้วไปต่อรถเมล์ได้ เลยบอกพนักงานโรงแรมไปว่าถ้ายังไม่ได้แจ้งคนขับรถ งั้นเราขอเปลี่ยนใจไปกันเองดีกว่า อยากลองใช้บริการรถใต้ดินดู เขาก็บอกไม่เป็นไร ดังนั้นพอเรากินอาหารเช้าเสร็จเราก็ออกเดินทางกันเลย โดยไม่ลืมพกหนังสือเล่มเล็กที่ได้มาตอนรอตรวจคนเข้าเมือง อย่างที่บอกว่าในนั้นมีเส้นทางของรถไฟใต้ดินอยู่ด้วย เราไปที่สถานี Nasser แล้วก็ไปถามคนขายตั๋วว่าจะไปสถานีกีซ่า จะทำอย่างไร เขาก็แนะนำให้อย่างดีอีกว่าเราซื้อตั๋ว 1 EP. นั่งจาก Nasser ไป 1 สถานีแล้วลงที่ Sadat แล้ว เปลี่ยนสายรถจากสายเขียวเป็นสายแดง โดยไม่ต้องซื้อตั๋วอีก เราก็ไปตามที่เขาแนะนำเลย พอลงที่ Sadat แล้วเห็นป้ายที่เขียนว่า Giza เข้าไปในนั้นเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอที่รอรถไฟ เพื่อความแน่ใจก็สอบถามคนแถวนั้นอีกครั้ง เพื่อน ๆ ที่จะไปไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะทางอยู่ที่ปากจริง ๆ ไม่รู้อะไรก็ถามเข้าไว้ คำพูดที่ต้องติดปากอยู่เสมอ คือ excuse me แล้วจะต่อด้วยอะไรก็ว่าไป คนอียิปต์ใจดีค่ะ จะช่วยเหลือเป็นอย่างดี ตั้งแต่มายังไม่ได้เจอคนที่ขอเงิน ขอทิป หรือขอปากกาเลย แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำก็ตาม ตอนแรกเราเลือกถามผู้หญิง แต่ปรากฏว่าผู้หญิงจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษมากเท่าผู้ชาย เลยเปลี่ยนเป็นถามผู้ชายดีกว่า แต่ก็เลือกที่แต่งตัวเหมือนไปทำงาน หรือวัยรุ่นที่ดูน่าจะเป็นนักศึกษา ช่วยได้เยอะค่ะ พอถึงสถานีกีซ่าเราก็ลง พอออกไปจะมีคนขับแท็กซี่เข้ามาถามว่าจะไปไหน เราบอกว่าไปกีซ่าเขาก็บอกว่า 5 EP./2คน เราเลยถามเค้าว่าเราจะไปด้วยรถเมล์ได้ไหม เขาก็เริ่มหว่านล้อมว่าจะไปรถเมล์ทำไม ไปแท็กซี่นั่งสบายกว่า 2 คน แค่ 5 EP. เอง เราก็เลยลองใช้บริการดู แล้วก็คิดว่าตัดสินใจไม่ผิด เพราะมันไกลกว่าที่เราวาดภาพไว้มากเลย คนขับรถไม่ใช่คนที่เข้ามาถามเราทีแรก คนนี้พูดอังกฤษไม่ค่อยคล่องเท่าไร แต่ก็พอสื่อสารกันได้ การสื่อสารภาษาอังกฤษกับคนที่นี่ไม่ต้องคิดเป็นประโยคให้เสียเวลา เพราะถ้าเป็นประโยคเค้ามักจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าพูดเป็นคำ ๆ จะเข้าใจมากกว่า ขณะที่อยู่บนรถเราก็ปรึกษาสามีว่า เห็นว่าคนขับรถคนนี้ดูซื่อ ๆ ดี เราติดต่อจ้างเค้าไปดาชูร์กับซักการ่าห์เลยมั๊ย สามีก็เห็นด้วย จึงถามเค้าดู เค้าเสนอราคา 100 EP. โดยจะมารับเราที่กีซ่าตอนเที่ยง ไปซักการ่าห์ แล้วออกจากดาชูร์เวลา 16.00 น. ไปส่งที่สถานีกีซ่าเหมือนเดิม ปรึกษากันแล้วราคานี้คิดรวมทิปก็ยังว่าแพงไปนิดแต่ก็พอรับได้ ก็เลยตกลงตามราคาที่เค้าเสนอมา พอก่อนไปถึง เราสังเกตว่ารถขับเข้าไปที่เหมือนเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่า แล้วก็เป็นไปตามที่เพื่อน ๆ หลายคนเล่าไว้บน internet ว่า เค้าจะพาเราไปขี่อูฐ เค้าจะจอดรถ แล้วก็มีนายหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับสามีเราที่นั่งอยู่คู่กับคนขับรถ ว่าการไปดูปิระมิดต้องเดินไกล เขาเป็นห่วงว่าเราจะเหนื่อยเกินไป ดังนั้นเขาจะช่วยเหลือเราโดยพาเราขี่อูฐเข้าไป เราก็เตรียมตัวไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้วว่าถ้าเจออย่างนี้เราจะทำยังงัย เราเลยพูดกับคนขับรถว่าเราต้องการไปที่ office ขายตั๋วของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ต้องการขี่อูฐ เราต้องการเดินเข้าไปเอง เขาก็ยังไม่เลิกตื้ออีก ว่าขี่อูฐนี่ก็ของรัฐบาลเหมือนกัน เราก็บอกอีกว่าเราต้องการเดินเท่านั้น ช่วยพาเราไปที่ขายตั๋วด้วย แล้วก็พูดซ้ำ ๆ ว่า “ได้โปรด ๆ ๆ ” ให้มันรู้ไปว่าแขกกับหมวยใครจะอดทนกว่ากัน ในที่สุดแขกก็อ่อนใจ ยอมขับรถพาเรามาที่ซื้อตั๋ว ตั๋วนักเรียนราคา 25 EP. ด้านหน้าที่ขายตั๋วเป็นร้าน KFC เราก็เล็งไว้ก่อนว่าหลังจากดูเสร็จจะออกมากินที่นี่แหละ


ขึ้นรถไฟใต้ดินไปกีซ่า


KFC หน้ากีซ่า


ภายในร้าน KFC

เรามาถึงที่นี่ประมาณ 9 โมงเช้า โดยเข้าไปดูสฟิงซ์ก่อน สฟิงซ์จะอยู่ด้านหน้าของปิระมิดฟาโรห์แคเฟร ซึ่งเป็นลูกของฟาโรห์คูฟู ผู้สร้างมหาปิระมิดนั่นเอง สฟิงซ์นี้แต่เดิมตั้งใจให้เป็นตัวแทนของผู้พิทักษ์ในรูปสิงห์โตแต่กลับมีหน้าของฟาโรห์แคเฟร เล่ากันว่าสฟิงซ์ถูกทำให้ดั้งจมูกบี้และไม่มีเคราเพราะกองปืนใหญ่มัมลุกใช้เป็นที่ฝึกยิง ในภายหลังสฟิงซ์ถูกเชื่อมโยงเข้ากับสุริยเทพ และเทพฮอรัส อย่างที่เนื้อเพลงกรีกสลักไว้ตรงเท้าข้างหนึ่งในยุคพโทเลมี และกลายเป็นสิ่งสำหรับนมัสการโดยเฉพาะในช่วงราชวงศ์ที่ 18










สฟิงซ์


เด็ก ๆ ชาวอียิปต์ขอถ่ายรูปด้วย

หลังจากนั้นก็ไปที่มหาปิระมิด ซึ่งต้องเดินเข้าไปอีกราว ๆ 700-800 เมตร แดดก็เหมือนบ้านเรา แต่อากาศจะเย็น และมีลมเย็น ๆ พัดมาตลอด ทำให้ไม่รู้สึกร้อนเลย ปิระมิดตอนเห็นไกล ๆ ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พอมาดูใกล้ ๆ ออกอาการตลึงเหมือนกัน ว่าเขาสร้างกันเข้าไปได้ยังงัย หินแต่ละก้อนสูงเกือบเท่าตัวเรา แต่ขนาดและน้ำหนักไม่ต้องพูดถึง เรื่องประวัติความเป็นมา และรายละเอียดต่าง ๆ ของปิระมิดทั้งสามหลังคิดว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงมีข้อมูลอยู่แล้ว เราเดินดูรอบปิระมิดทั้งสามหลัง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินดูและถ่ายภาพเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น มีไม่กี่คนที่เดินทางด้านหลัง ซึ่งมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ ได้








มหาปิระมิด




สาวน้อยชาวอียิปต์

ทางด้านหลังเราเห็นขบวนอูฐและม้าที่พานักท่องเที่ยวมาชมปิระมิด คาดว่าถ้าเราตกลงกับนายหน้าที่คนขับแท็กซี่พาไปก็คงจะเข้ามาดูปิระมิดแบบนี้เหมือนกัน ช่วงที่เดินชมปิระมิดก็จะมีชาวอียิปต์มาเสนอให้ขี่อูฐชมวิว ขายของที่ระลึกต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ ตอนแรกพูดว่า “No” เค้าก็จะมาตื้อและพูดเสนอแบบอื่น ๆ ต่อไป แต่ตอนหลังเราใช้ยิ้มสยามให้เป็นประโยชน์ คือ ยิ้มแล้วก็บอกว่า “ไม่เอาค่ะ” แต่พูดเป็นภาษาไทยนะ แล้วเค้าก็จะไม่ยุ่งกับเรา เราเดินไปถึงปิระมิดหลังที่สาม คือ ปิระมิดของฟาโรห์เมนคูเร










ปิระมิดเคเฟร








ด้านหลังปิระมิด




ปิระมิดน้องสุดท้องเมนคูเร




ปิระมิดสามหลัง

แล้วก็เดินไปดูบริเวณที่บอกว่าเป็นหมู่บ้านของคนงานที่สร้างปิระมิด การไม่ไปกับทัวร์ก็ดีตรงนี้แหละ เราสามารถเดินดูได้ตามใจ ทุกซอกทุกมุม ไม่ต้องรีบร้อนอะไร พอใกล้ ๆ เที่ยงเราก็เดินไปที่ร้าน KFC รับประทานอาหารกลางวัน ขณะที่กำลังกินอยู่คนขับรถก็โผล่หน้าเข้ามารายงานตัว กินเสร็จก็ออกเดินทางไปที่ซักการ่าห์






หมู่บ้านคนงานก่อสร้างปิระมิด

วิวสองข้างทางเป็นเกษตรกรรมเหมือนอยุธยา อ่างทอง อีกแล้ว มีช่วงหนึ่งเราสังเกตเห็นคนขับแท็กซี่เอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยที่ยาน ๆ แล้วเอามาแปะไว้ที่พุง เพราะว่าหัวล็อคเข็มขัดไม่มี เราก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไม he ต้องทำอย่างนั้น ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เงยหน้าไปเห็นด่านตำรวจอยู่ข้างหน้า แล้วแท็กซี่คันที่เรานั่งก็ถูกเรียกให้จอด ตำรวจเข้ามาคุยกับคนขับเหมือนบ้านเราแหละ แล้วคนขับก็ยื่นใบอนุญาตขับรถให้ไป แล้วเอารถเข้าจอดข้างทางพร้อมทั้งบอกเราให้รอเดี๋ยว แล้ว he ก็ลงรถเดินไปหาตำรวจ สักพักเดินกลับมาที่รถ บอกว่าเราต้องจ่ายค่าปรับให้ตำรวจ 50 EP. เพราะสามีเราที่นั่งหน้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เราก็เกิดอาการงง!! เฮ้ยจะคาดได้งัยวะเข็มขัดก็ยานปานนั้น ดูก็รู้ว่าใช้การอะไรไม่ได้ แถมหัวล็อกก็ไม่มี แล้ว he ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเราเลยว่า ถึงเข็มขัดจะหมดสภาพยังงัย ก็ทำท่าว่าคาดก็ OK แล้ว ถ้าบอกแต่แรกเราก็ทำแล้ว เราตั้งสติได้ก่อนเลยบอกออกไปว่า เข็มขัดของคุณใช้การไม่ได้ ที่ล็อกก็ไม่มี แล้วคุณก็ไม่ได้บอกเราแต่แรก แล้วนี่มันก็รถคุณ เรื่องอะไรเราต้องรับผิดชอบ เป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องจ่าย he เลยนิ่งไป แล้วบอกว่าแต่ตอนนี้ he ไม่มีเงินเลย ยังงัยให้เราจ่ายมาก่อน 50 EP. แล้วเหลืออีก 50 EP. ค่อยจ่าย เราเลยควักให้ไป แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าตอนลง he จะตุกติกหรือเปล่า แต่ช่างเถอะค่อยว่ากัน เรียบร้อยแล้วก็เดินทางต่อ ก็ยังชวนกันคุยดีเหมือนเดิม แล้วยังคุยกันเรื่องเข็มขัดว่าทำไมคุณไม่ซ่อมมันให้ใช้ได้ he บอกไม่ต้องหรอกตำรวจแค่ต้องการให้ทำท่าเหมือนคาดก็พอแล้ว ดังนั้นหลังจากนั้นทุกครั้งก่อนรถออก เราจะต้องเตือนสามีให้หยิบเข็มขัดยาน ๆ มาแปะไว้ที่พุง he เห็นก็จะหันมายิ้มขำ ๆ แต่สังเกตว่าหลังจากนั้น he ก็ไม่ได้คาดเหมือนเดิม จุดแรกที่ he พาเราไปคือ ซักการ่าห์ ค่าเข้าชมราคา 26 EP. โดย he ขับไปจอดที่พิพิธภัณฑ์ Imhothep ก่อน เราก็เป็นโรคบ้าพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว ในนี้มีโบราณวัตถุที่น่าสนใจอยู่หลายชิ้น แต่ที่เราถูกใจสุด ๆ ก็ คือ รูปปั้นของ Imhothep ที่เหลือแต่เท้าสองข้าง และอักษาฮีโรกริฟฟิกที่จารึกชื่อและตำแหน่งของเขาไว้ เพราะเราดูจากสารคดีมาหลายครั้งเลยอยากเห็นของจริง วันนี้ได้เห็นแล้ว นอกจากวัตถุโบราณแล้ว ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีการฉายวีดีโอให้เห็นถึงแรงบันดาลใจที่ Imhothep ใช้เป็นแนวทางในการ
ออกแบบสถาปัตยกรรม สร้างปิระมิดขั้นบันได ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติ และวิถีการดำเนินชีวิตในสมัยนั้นทั้งสิ้น เสร็จจากพิพิธภัณฑ์คนขับแท็กซี่จะขับพาเราขึ้นเนินเขาไปยังทางเข้าปิระมิดขั้นบันได เราก็เดินดูในส่วนที่เป็นวิหาร และรอบ ๆ ปิระมิด ส่วนตัวปิระมิดตอนนี้อยู่ในช่วงปรับปรุง อีกส่วนหนึ่งที่สามารถเข้าชมได้ คือ สุสานของเมเร รูกา และเตติ ซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แต่ภายในไม่ให้ถ่ายภาพ










ภาพวิวข้างทาง




พิพิธภัณฑ์อิมโฮเทป และรูปปั้นของเขาที่เหลือแต่เท้า
















ปิระมิดขั้นบันได

จากปิระมิดขั้นบันได เราก็ไปต่อที่ปิระมิดแดงแห่งดาชูร์ คนขับรถบอกว่าที่นี่จะปิดประมาณ 4 โมงเย็น เราไปถึงก็ประมาณ 3 โมงกว่าแล้ว ค่าเข้าราคา 16 EP. ตอนที่เราไปมีรถยนต์จอดอยู่ด้านหน้าปิระมิดเพียงคันเดียวเท่านั้น เราต้องเดินขึ้นบันไดไปที่ปากทางเข้าปิระมิด ซึ่งอยู่สูงเหมือนกันเพราะพอไปถึงก็ต้องนั่งหอบสักเล็กน้อย ถึงจะเดินลงไปในปิระมิดได้ ทางเดินลงจะเป็นทางลาดชัดลงไป ค่อนข้างไกลเหมือนกัน ที่สำคัญเวลาเดินนั้นเราต้องย่อตัวด้วยเพราะความสูงของช่องทางเดินไม่มากนัก ทำให้เราต้องเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ตัว อันเป็นสาเหตุของอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าขาในวันต่อ ๆ มา เราลงไปถึงก็พอชาย-หญิงคู่หนึ่ง ได้คุยทักทายกันเล็กน้อย แล้วเราก็เข้าไปดูด้านบน ภายในจะมีกลิ่นคล้ายแอมโมเนีย มืดและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในช่วงแรก ต่อพอร่างกายเริ่มคุ้นก็ธรรมดา เราต้องขึ้นบันไดขึ้นไปสูงเหมือนกัน ข้างบนเราจะเห็นหลังคาปีกนกอันเป็นความลับของการสร้างปิระมิดที่ทำให้มันสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง ไม่พังลงมา อันนี้เราได้ดูจากสารคดี หลังจากนั้นเราก็ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาที่ปากทางเข้า แล้วมานั่งกินลมชมวิวก่อนที่จะเดินทางกลับ คนขับแท็กซี่พาเราไปถึงสถานีกีซ่าเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตอนที่นั่งอยู่บนรถเขาจะชวนเราไปกินน้ำชาบ้านเขา แต่เราบอกเราอยากนอนมากกว่า เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร แต่ตอนที่จะลงเราก็เตรียมเงินแบงค์ 50 EP. ไว้จ่ายเค้า โดยเรารอจนสามีลงจากรถเรียบร้อย แล้วเราก็ลงตาม ปิดประตูรถแล้วยืนเงินให้ โดยไม่ลืมเตือนความจำเขาว่าเราตกลงกัน 100 EP. แต่เราจ่ายตำรวจไปแล้ว 50 EP. ดังนั้นเราจ่ายเค้าอีก 50 EP. นะ เขาก็บอก my friend ต้องจ่ายให้เขามากกว่านี้อีกนะ เราก็ไม่ได้สนใจต่อเราเดินเข้าทางขึ้นรถไฟไปเลย ตอนนั้นเราก็ประเมินสถานการณ์ว่าเขาดูไม่ค่อย aggressive อะไร เพราะเขานั่งอยู่ในรถและไม่ได้ทำท่าเหมือนจะลงมาจากรถด้วย แต่ใจนึงก็คิดถ้าเขาเดินตามมา เราจะทำอย่างไร แต่ในที่สุดเราก็ซื้อตั๋วและขึ้นรถไฟได้อย่างราบรื่น ตอนขากลับเรามีปัญหาตอนเปลี่ยนเส้นทางรถไฟเล็กน้อย เพราะหาช่องทางที่ต้องการไม่เจอ เราไปผิดที่ เห็นวัยรุ่นชายคนหนึ่งเหมือนมาส่งเพื่อน ๆ ท่าทางน่าจะเป็นนักศึกษา เราก็เลยไปถามว่าเราจะไปสถานีนี้ไปยังงัย หนุ่มน้อยคนนั้นเดินพาเราไปส่งถึงที่สถานีเลย ประทับใจชาวอียิปต์อีกแล้ว ในที่สุดเราก็กลับมาถึงโรงแรมจนได้ เรามาถึงโรงแรมประมาณ 6 โมงเย็น อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลย โดยใช้ห้องน้ำของโรงแรม ซึ่งเป็นห้องน้ำรวมสำหรับห้องพักที่ไม่มีห้องน้ำ แนะนำเพื่อน ๆ ที่ต้องการประหยัดเงินลงไปอีก ให้พักห้องที่ไม่มีห้องน้ำในตัวก็ได้ เพราะห้องน้ำโรงแรมนี้สะอาดดีทีเดียว เสร็จแล้วเราก็ออกไปหาอาหารเย็นกินกันที่ร้านที่อยู่แถวถนนด้านหลังโรงแรม แล้วกลับมาที่โรงแรมนั่งเล่นสักพัก ประมาณ 2 ทุ่ม ก็นั่งแท็กซี่ไปสถานีรามเสส รถไฟมาตรงเวลา ประมาณ 21.30 น. แต่พอรถไฟมาจอด เราร้องแง ๆ เลย เพราะมันเป็น nefertiti class ที่เราไม่อยากได้ เพราะเรารู้ว่าเบาะมันเอนไม่ได้ แต่ทำงัยได้ล่ะ ต้องขึ้นแล้ว






เข้าไปในปิระมิดต้องไต่บันไดไปดูคานปีกนก


คานปีกนก


ทางเข้าปิระมิด


ถ่ายจากด้านบนปิระมิด




จากปิระมิดดาชูร์มองไปเห็นปิระมิดโค้ง




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551
4 comments
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 20:45:32 น.
Counter : 2044 Pageviews.

 

เข้ามาชมรายการเที่ยวอียิปต์ เอาไว้มีเวลาว่างสักหน่อยแล้วจะกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรกนะค่ะ
วันนี้ขอดูรูปให้เกิดความอยากไปมากกว่านี้ก่อนค่ะ ฮิฮิ
จะได้ขออนุญาตินำรายละเอียดของคุณมาใช้ในการเดินทางของเรากะสามี หากว่าเราได้ไปที่นั้นค่ะ

 

โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน 12 พฤศจิกายน 2551 23:57:12 น.  

 

ชอบอียิปต์ แต่ม่ะเคยได้ไปซักที อยากไปเห็นมัมมี่ ปิรามิดของจริงมั่งจัง

ปล.นึกว่ามีแต่ทะเลทรายแห้งๆ เขียวๆก็มีเหมือนกันแฮะ

 

โดย: The eye of earth 13 พฤศจิกายน 2551 9:32:38 น.  

 

Comment Hi5 Glitter


แวะมาทักทายกันก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์จ้า
อลังการมากค่ะ เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนุกดีนะคะ

 

โดย: หอมกร 14 พฤศจิกายน 2551 13:10:24 น.  

 

สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากมายอีกแล้ว สำหรับข้อมูลดี ๆ มากมาย
ชอบการเขียนที่ละเอียดของคุณจริง ๆ เลยนะคะ
ละเอียดแบบไปไม่มีทางหลงแน่ ๆ เลย(หลงไม่หลงเดี๋ยวมาบอก)
ชอบเทคนิคที่ลงจากรถ ปิดประตู แล้วค่อยยื่นเงินให้นะ
ต้องอย่างนี้สิ จะได้ไม่งอแงได้นะ เดี๋ยวจะเอาไปใช้ค่ะ

จะตามแผนที่ของคุณไปเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับเส้นทางค่ะ

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ 15 พฤศจิกายน 2551 7:11:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.