มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 

วันที่ 16 ตุลาคม 2551 วันแรกที่จอร์แดน

ถึงสนามบิน Queen Alia Airport ของประเทศจอร์แดนเวลาประมาณ 05.15 น. ตามเวลาเลย ที่ประเทศจอร์แดนนี่เราไม่ต้องเขียนเอกสารเข้าเมือง แต่คนที่ transit ต้องเขียน เราลงจากเครื่องบินก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เริ่มแรกก็งงซะแล้ว?? เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเค้าพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงแบบของเค้า แล้วรัวมากเลย เราเลยฟังไม่รู้เรื่องว่าเค้าถามว่าอะไร ขนาดถามซ้ำแล้วก็ยังฟังไม่รู้เลย เดือดร้อนต้องขอร้องให้ฝรั่งคนที่อยู่หลังเราเขาช่วยฟังให้ ตอนแรกฝรั่งก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ต้องถามซ้ำอีกครั้งถึงได้รู้ว่า he ถามเราว่าเข้าจอร์แดนแล้วจะไปพักที่ไหน ทำไมคำถามมันง่ายจังวะ!! เราเลยตอบไปว่า Petra he ก็ understand แล้วปล่อยเราเข้าไปได้ พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ก็ไปรับกระเป๋า ราบรื่นดี ก่อนออกจากสนามบิน ไม่ลืมที่จะไปแลกเงินที่บูธแลกเงินของสนามบิน แต่ก็มีข้อมูลอยู่ว่าเค้าจะคิดค่า commission 2% เราจึงตัดสินใจแลกเพียงแค่ 100 USD เท่านั้น ไว้เป็นค่ารถ โดยอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น 100 USD ต่อ 70 JD แต่เราได้มา 68 JD พอออกจากสนามบินได้ ก็มีคนขับ taxi เข้ามาถามว่า taxi ไหม เราเลยถามว่าไป ท่ารถ JETT bus คิดเท่าไหร่ he บอก 22 JD เราต่อ 15 และ 20 JD ลำดับ เพราะจากข้อมูลบอกว่าราคาประมาณ 15 JD แต่ he บอกว่าไม่ได้ เราก็ปรึกษาสามี เอางัยดี เพราะตอนนั้นฟ้าก็ยังมืดอยู่ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีที่ ๆ เราสามารถไปหารถ taxi ได้ตรงไหนอีก ก็เลยตัดสินใจว่าเอา ก็เอาวะ ให้แขกได้กำไรมากหน่อยสักครั้งจะเป็นไรไป พอขึ้นรถได้เราก็ถามว่า office ของ JETT bus อยู่ที่ไหน เพื่อ confirm ข้อมูลก่อนว่าตรงกัน เขาบอกว่าอยู่ใกล้ Abdali bus station ก็ OK ข้อมูลถูกต้อง เราเลยถามว่าเราสามารถไปซื้อตั๋วแล้วเดินทางไป Petra ได้เลยหรือไม่ เพราะจากข้อมูลบอกว่ามีรถเข้า Petra ทุกวันเวลา 6.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม. แต่จะไม่จอดที่ป้ายรถหรือโรงแรมใด ๆ เลย จะตรงไปที่บริเวณทางเข้านคร Petra เท่านั้น ราคา 6 JD แต่คนขับรถดันบอกว่าไม่ได้ ประมาณว่า ซื้อตั๋ววันนี้ต้องไปพรุ่งนี้ แถมราคา 12 JD อีกต่างหาก ดังนั้น ก็ไม่ได้สิเพราะแผนของเราคือเราต้องถึง Petra วันนี้ งั้นเอาไงดี ปรึกษากันว่า สงสัยเราต้องไปรถหวานเย็นแล้ว ช้าหน่อยแต่ได้ไปวันนี้แน่ เลยบอกคนขับว่าให้ไปส่งที่สถานีรถบัสธรรมดาที่เข้า Petra เขาเลยบอกถ้างั้นต้องไปที่ Wahadat bus station ก็ OK ชื่อสถานีถูกต้องตามข้อมูล แต่ he บอกว่าสถานีนี้ไกลกว่า ต้องขึ้นเป็น 25 JD จะ OK มั๊ย เราคิดว่ามันจะถามทำไมก็ต้อง OK อยู่แล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว จะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ ประมาณ 6.00 น. ถึงสถานี he ก็จอดให้เราลงตรงบริเวณช่องที่รถบัสจอด และขณะนั้นก็มีรถบัสขนาดกลาง สภาพภายนอกค่อนข้างดี จอดอยู่แล้ว 1 คัน เราเลยถามว่ารถบัสนี้ไป Petra หรือเปล่า he บอกไม่ไปหรอก แล้วชวนเราไปรถ taxi ของเพื่อน he ทีแรกก็บอกว่า 2 คน 50 JD เราก็บอกไม่เอาเราจะไปรถบัส he เลยบอกถ้างั้น 2 คน 35 JD ละกัน เรายังยืนยันว่าเราจะรอรถบัส he ก็พยายามตื้อชักแม่น้ำทั้ง 5 ว่าไปรถ taxi ดีกว่ายังงัย แต่เราก็ยังยืนยันว่าจะไปรถบัส he ก็เลย bye bye แต่พอ he ขับรถออกไป ลุงที่ขับรถบัสก็บอกเราว่าไป Petra ขึ้นรถได้เลย เราเลยถามว่ารถคันไหน เขาก็ชี้ไปที่รถบัสคันที่เราถามตอนแรกว่าไป Petra หรือเปล่า แล้ว คนขับ taxi บอกเราว่าไม่ไปนั่นแหละ เราเลยขำกันใหญ่ ก่อนขึ้นเราถามลุงคนขับว่า ค่าโดยสารเท่าไหร่ ลุงบอกคนละ 5 JD แต่ที่เราอ่านข้อมูลมาบอกว่าราคานักท่องเที่ยวคนละ 3 JD แต่ถ้าเป็นคนท้องถิ่นประมาณ 1.5 JD เรา 2 คน เป็นผู้โดยสารรายแรกที่ขึ้นไปนั่งบนรถ


รถบัสไปเพตรา

สักพักก็มีหนุ่มหล่อหน้าขึ้นมานั่ง เราเลยได้โอกาสชวนคุย เลยรู้ว่า he เป็น Jordanian เมื่อทักทายได้ที่เราเลยถามว่ารถคันนี้ไป Petra ใช่มั๊ย ราคาค่าโดยสารเท่าไหร่ he ทำท่าเหมือนไม่แน่ใจก่อนแล้วบอกว่า 4 JD เราคิดว่าราคาที่เขาบอกมาอาจจะไม่ใช่ราคาที่คนท้องถิ่นเสียจริง ๆ ก็ได้ เพราะเขาทำท่าเหมือนคิด ทั้งที่เขาบอกเราตอนแรกว่าเขาต้องไปตรวจงานที่ Petra อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แต่ก็ช่างเถอะ เราเข้าใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่นักท่องเที่ยวจะต้องเสียแพงกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ขณะที่นั่งรอก็จะมีผู้โดยสารทยอยขึ้นมาทีละ คน สองคน จากข้อมูลบอกว่ารถหวานเย็นนี่จะต้องรอผู้โดยสารเต็มรถถึงจะออก เรานับดูแล้วมีประมาณ 20 ที่นั่ง แต่เราก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ประกอบกับอากาศก็เย็นสบาย ทำให้เรานั่งรอไปเรื่อย ๆ ได้ ช่วงที่นั่งรอ ลุงคนขับรถก็จะขึ้นมาสตาร์ทรถแล้วขับเดินหน้า ถอยหลัง ทำท่าเหมือนรถจะออกแล้ว อยู่เป็นระยะ ๆ ประมาณ 10 รอบเห็นจะได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งลุงขึ้นมาแล้วถามเราว่าเราพักโรงแรมอะไร เราเลยบอกว่า Cleopetra ลุงเลยบอกว่ารถจะจอดให้ที่หน้าโรงแรมเลย


หนุ่มหล่อชาวจอร์แดน

แล้วในที่สุดผู้โดยสารก็เต็มรถจนได้ เราเลยได้ออกเดินทางประมาณ 8.00 น. รวมเวลาที่นั่งรออยู่บนรถประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากรถเต็มอยู่แล้วจึงไม่มีการแวะรับผู้โดยสารตามข้างทาง ประกอบกับไม่มีผู้โดยสารมายืนรอด้วยแหละ ตลอด 2 ข้างที่ผ่านไป สังเกตว่าสภาพจะแห้งแล้งเป็นส่วนใหญ่ หาต้นไม้ไม่ค่อยได้ มองออกไปแดดค่อนข้างแรง แต่แปลก ในรถอากาศเย็นสบาย ทั้งที่ไม่ได้เปิดแอร์ ไม่เปิดกระจก เราใส่เสื้อกันหนาวตัวบาง ๆ เหมือนที่ใส่ในเมืองไทย กำลังสบายเลย พอรถวิ่งไปได้ประมาณ 1.30 ชม. ก็แวะจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง สภาพประมาณปั๊มน้ำมันตามหมู่บ้านชนบทในเมืองไทย แต่จะมีร้านขายของอยู่ร้านหนึ่ง พอรถจอดปุ๊บ บรรดาผู้โดยสารซึ่งเป็นชายทั้งหมดก็ลงจากรถ เหลือแต่เราสองคน และผู้โดยสารชาวจอร์แดนผู้หญิงอีก 1 คน เท่านั้นที่นั่งอยู่ในรถ เราก็เลยสงสัย เอ๊ะ ! เขาลงไปไหนกัน เลยหันไปมอง ขณะนั้นก็มีผู้โดยสารชายคนหนึ่งคงอ่านคำถามจากสายตาเราได้ เขาเลยชูซองบุหรี่ในมือให้ดู ประมาณว่าเขาลงไปสูบบุหรี่กัน เราเลยบอกสามีให้ลองไปที่ร้านขายของซื้อน้ำเปล่าให้หน่อย สามีได้น้ำเปล่าขวดเล็กมาในราคา 200 fils ซึ่งเป็นหน่วยเงินที่ย่อยลงมาจาก JD โดย 1 JD เท่ากับ 1000 fils ส่วนขวดใหญ่ 1.5 ลิตร นั้น สามีบอกเห็นติดราคาไว้ 350 fils คิดแล้วก็เท่ากับบ้านเราเลย รถจอดพักประมาณ 10 นาที ก็ออกเดินทางต่อ เราเดินทางต่ออีกประมาณ 1.30 ชม. ก็ถึงหมู่บ้าน Wadi Musa ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของนครเพตรานั่นเอง เมื่อถึงหน้าโรงแรม เวลา ประมาณ 11.30 น. รถก็จอดให้เราลง


เพื่อนร่วมเดินทางไปเพตราของเรา


วิวข้างทาง

ลักษณะของโรงแรมดูภายนอกเหมือนตึกเก่า ๆ ไม่เหมือนโรงแรม และชั้นล่างไม่มีอะไรเลย มีแต่บันได ต้องขึ้นไปชั้นสอง ก็จะเห็นเคาน์เตอร์ติดต่อของโรงแรม พอเราโผล่เข้าไปก็มีชายหนุ่มหน้าแขก ร่างกระทัดรัด คนหนึ่ง เดินมา เราเลยทักทายแล้วบอกว่าเราได้จองโรงแรมผ่าน hostelbooker ไว้ แล้ว พร้อมทั้งยื่นเอกสารการจองที่เราพริ้นจาก e-mail ที่ตอบกลับมาให้เขาดูด้วย ชายคนนั้นก็หน้าตายแล้วบอกว่าวันนี้ไม่มีการจองห้องไว้เลย เราก็ เอ๊ะ! ไม่มีได้งัย เราจ่ายเงินไปล่วงหน้า 10% แล้วด้วย หรือจะมาผิดโรงแรม แต่ชื่อก็ถูกนี่น่า แล้วรูปหน้าโรงแรมที่เราเคยเห็นใน internet ก็เหมือนโรงแรมนี้เลย เราเลยให้เขาดูอีกทีว่า วันที่จองก็วันนี้ แต่เขาบอก อะไรคุณดูให้ดีนี่มันจองของปีหน้านะ เราก็ เฮ้ย! จะบ้าเหรอ ปีนี้มัน 2008 ไม่ใช่เหรอ แล้วหันไปถามสามีว่าปีนี้มัน 2008 ไม่ใช่เหรอ สามีก็ confirm ว่าใช่ สักพักเราสังเกตเห็นชายคนนั้นทำตาขยิบใส่สามีเรา เราเลยรู้ว่าเค้าแกล้งอำเราเล่น เขาก็บอกให้เรารอสักครู่เพราะกำลังรีบทำความสะอาดห้อง เรานั่งรอประมาณ 30 นาที ก็สามารถเข้าห้องพักได้ ห้องพักเป็นห้องแคบ ๆ มีเตียงนอนกับกระจก 1 บาน พอวางกระเป๋าไป 2 ใบ ก็เต็มพื้นที่พอดี ห้องน้ำก็ขนาดพอเหมาะกับห้องนอนนั่นแหละ ความสะอาดก็ปานกลาง แต่ก็นะ จะเอาอะไรมากมายกับโรงแรม 2 ดาว พออยู่ได้ก็ดีแล้ว เราล้างหน้าล้างตา แล้วลงไปเดินเล่นสำรวจหมู่บ้าน Wadi Musa ซึ่งเป็นหมู่บ้านไม่ใหญ่มากนัก มีนักท่องเที่ยวฝรั่งไปเที่ยวเยอะ มีร้านอาหาร ร้านขายของตลอดทาง



หมู่บ้าน Wadi Musa


เด็ก ๆ ในหมู่บ้าน เป็นมิตรกับชาวต่างชาติมาก

เราเจอร้านแลกเงิน เลยเข้าไปถามว่า rate เท่าไหร่ และต้องจ่ายค่า commission หรือเปล่า เค้าบอก rate 100 USD ต่อ 70 JD ไม่มีค่า commission เราเลยแลก 500 USD ซึ่งต้องได้ 350 JD พอนับแล้ว ได้แค่ 300 กับ ใบ 5 JD อีก 1 ใบ เราเลยให้สามีลองนับดู ก็ได้เท่ากัน เลยบอกสาวน้อยที่ให้เราแลกเงินว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะใบนั้นมันแค่ 5 JD ไม่ใช่ 50 JD she เลยเอาไปเปลี่ยนให้เป็น 5 ใบ เราสองคนก็ดูผ่าน ๆ เห็นเป็นใบละ 10 ก็คิด เออ! 5 ใบ ครบถ้วน แล้วออกไปเดินเล่น เราเดินจนกลับมาครบรอบที่เดิม แล้วก็หาอาหารกลางวันรับประทาน เดินผ่านไปเห็นร้านขาย chicken shawerna เลยลองซื้อมาแบ่งกันชิม 1 อัน ราคา 1.5 JD ประมาณ 75 บาท พอชิมแล้วรู้สึกว่ากินได้ เพราะไม่มีกลิ่นเครื่องเทศเลย ก็เลยสั่งมาอีกอัน และซื้อน้ำเปล่าขวดละ 0.5 JD ซึ่งเข้าใจว่าเป็นราคานักท่องเที่ยว แล้วเดินหาผลไม้ ปรากฎว่ามีร้านขายผลไม้เพียงร้านเดียวที่ขายรวมทั้งผักและผลไม้ ซึ่งมีไม่กี่ชนิด เราเลยตัดสินใจซื้อส้ม ที่หน้าตาประมาณส้มเช้งบ้านเรา แต่สีเหลืองกว่าเท่านั้น ลุงคนขายบอกว่าลูกละ 200 fils เราเลยลองซื้อ 1 ลูก แล้วให้แกผ่ากิน รสชาติหวานอมเปรี้ยวพอกินได้ เลยบอกว่าจะซื้อ 5 ลูก เป็นเงิน 1 fils แกบอกไม่ขาย ๆ เป็นกก. ๆ ละ 1.5 JD เราเลยตกลงว่าจะซื้อ 1 กก. ชั่งได้ 6 ลูก เดินประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ผ่านไปจึงกลับไปที่ห้องพัก พอไปถึงห้องพักเราคิดยังงัยไม่รู้ลองเอาเงินที่แลกมานับ ก็เลยรู้ว่าไอ้ 5 ใบ ที่สาวน้อยเปลี่ยนมาให้นั้นเป็นใบละ 1 JD ไม่ใช่ 10 JD ตายละหว่า เท่ากับหายไป 45 JD คิดเป็นเงินไทยก็ 2000 กว่าบาท นี่ตูจะต้องสูญเงินสองพันกว่าไปฟรี ๆ หรือนี่ รีบชวนสามีวิ่งกลับที่ร้านแลกเงินอย่างไม่คิดชีวิต สามีบอกว่าเขาจะให้คืนเหรอ เราก็บอกว่าให้ไม่ให้ก็ต้องลองดูก่อน แต่ตอนวิ่งไปก็คิดทำใจไปแล้วหละ ว่าใครจะไปให้คืน พอไปถึงร้านแลกเงิน ใจก็หายแว๊บเลย เพราะสาวน้อยคนนั้นไม่อยู่แล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งทำหน้าที่แทน เราเลยรีบเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟัง เขาก็ลองนับเงินดู แล้วบอกให้เราใจเย็น ๆ นั่งคอยก่อน เขาจะโทรศัพท์ถามผู้หญิงคนนั้นให้ พอเขาพูดภาษาท้องถิ่นเสร็จ เขาก็บอกให้เราคอยประมาณ 5 นาที ผู้หญิงคนนั้นจะกลับมา แล้วเอาคุกกี้มาให้เรากิน เราเลยบอกสามีว่าจะกินเข้าไปลงหรือ รู้สึกมันฝืดคอชอบกล ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็มา แล้วก็นับเงินก้อนนั้น แล้วก้มไปหยิบเงินมาเพิ่มให้เราอีก 45 JD เราเห็นแล้ว โอ๊ย! ดีใจเป็นบ้าเลย รีบขอบคุณเค้าใหญ่ แล้วช่วยกันนับเงินอีก 2 รอบ แน่ใจว่าครบถ้วนแล้วก็ไม่ลืมขอบคุณเค้าอีกครั้ง


หน้าตาของ chicken shawerna


ส้มที่ซื้อมากิน

แล้วออกจากร้านกลับเข้าที่พักอาบน้ำ จัดการกิจธุระส่วนตัว พักผ่อน แล้วออกมาหาอาหารเย็นรับประทานที่หมู่บ้านอีกครั้ง ทีแรกตั้งใจว่าจะไปกินที่ร้านอาหารที่ซื้อ chicken shawerna แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ อยากลองไปกินที่ร้าน cleopetra ที่แนะนำไว้ในหนังสือ lonely planet ว่าเป็นร้านอาหารที่มีบุฟเฟ่ ราคาถูก และรสชาติอร่อยด้วย พอเข้าไปถึงถามเขา คิดหัวละ 5 JD เราเปิดดูอาหารแล้ว คิดว่าไม่เห็นจะถูกตรงไหนเลย แต่เอาเถอะ ไหน ๆ เข้ามาแล้ว ก็ลองสักหน่อย โดยสามีลองแบบบุฟเฟ่ แต่เราลองแบบตามสั่ง โดยเราสั่งสลัด ราคา 3 JD สามีลองกินไก่ย่าง และซุป ซึ่งหน้าตาเหมือนแกง แปลก ๆ มากกว่า พอลองกินแล้วปรากฏว่ามีกลิ่นเครื่องเทศแรงมาก สลัดที่สั่งเรากินไม่ได้ ส่วนสามีก็บอกว่า ไก่ก็ไม่อร่อย และซุปที่ว่าก็มีกลิ่นเครื่องเทศแรง และเหมือนแกงส้มกระเจี๊ยบ จืด ๆ ของบ้านเรา แถมคิดน้ำขวดใหญ่เรา 1 JD อีกต่างหาก สรุปมื้อนั้นเรากินไปคนละนิดเดียว และจ่ายไป 9 JD ตก 450 บาท เลยคุยกันว่าพรุ่งนี้เรากินที่ร้านเมื่อตอนกลางวันดีกว่า แล้วเดินเล่นซื้อน้ำเปล่ากับคุกกี้ที่ติดป้ายบอกราคาในร้าน supermarket ไว้สำหรับกินพรุ่งนี้ต้องเข้าไปเดินในเพตรา แล้วกลับที่พัก ก่อนขึ้นห้องแวะถามชายร่างกระทัดรัดว่า พรุ่งนี้เราจะไปเพตราได้อย่างไร เขาเลยบอกว่าให้เราลงมากินอาหารเช้าเวลา 6.30 น. หลังจากกินอาหารเสร็จเราพร้อมจะไปเมื่อไรก็บอกเขาจะมีรถไปส่งให้ฟรี และขากลับก็เช่นกัน เขาให้นัดเวลาไปรับ แล้วเขาจะส่งรถไปรับกลับฟรี เราขึ้นห้อง พักผ่อน อากาศที่นี่กลางวันเย็นสบาย กลางคืนค่อนข้างหนาว นอนปิดหน้าต่าง ไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลม ยังต้องห่มผ้าอีกด้วย


หน้าตาอาหารเย็น


หมู่บ้าน Wadi Musa ตอนกลางคืน ถ่ายจากหน้าต่างห้องพัก





 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
5 comments
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 8:44:06 น.
Counter : 1129 Pageviews.

 

น่ากิืนอิอิ

 

โดย: zalitalin 6 พฤศจิกายน 2551 23:17:08 น.  

 

อยากไปเที่ยวอิยิปต์มากเลยฮะ.. อันนี้จะมีต่ออีกใช่มั้ย จะได้มาติดตามเรื่อยๆ
ไม่อยากไปกับทัวร์เหมือนกัน เคยไปเที่ยวกับทัวร์แล้วก็แบบว่า จะถ่ายรูปอะไรก็ไม่ได้
พอจะยกกล้องขึ้นถ่าย ก็จะย้ายที่ซะแระ ... ขาดซึ่งความอิ่มเอมใจจิงๆ
ดีเลย.. จะได้มาศึกษา วางแผนก่อนไป .. ขอบคุณมากเลยฮะ

 

โดย: U l t r a m a r i n e · •✿ (heart_of_andaman ) 7 พฤศจิกายน 2551 3:15:23 น.  

 

คนขับแท๊กซี่นี่สุดยอดเลย นี่ถ้าไปอิยิปต์คงสนุกกว่านี่แน่

 

โดย: แมวขี้อ้อน (แมวขี้อ้อน ) 7 พฤศจิกายน 2551 23:30:40 น.  

 




สวัสดีค่ะ เรื่องละเอียดมาก
จอร์แดนเป็นอีกที่หนึ่งที่อยากไปมากๆ
ยังรอตามเที่ยวกับคุณอีกนะคะ

Photobucket

 

โดย: Sweety-around-the-world 11 พฤศจิกายน 2551 1:47:10 น.  

 

ขอบคุณมากนะค่ะ สำหรับข้อมูลที่ละเอียดมากๆ
นั้นไงค่ะ ว่าแล้วต้องเจออะไรแบบนี้ คนขับแท็กซี่ที่นั้นไม่ต่างจากที่กรุงเทพสักเท่าไร อย่างนี้ก็คงต้องศึกษาข้อมูลให้เยอะเข้าไว้ กันโดยถูกหลอกค่าโดยสาร

 

โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน 13 พฤศจิกายน 2551 1:04:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.