มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
24 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 
วันที่ 26 ตุลาคม 2551 ดินแดนหลังความตาย

เช้านี้รับประทานอาหารเช้าที่ดาดฟ้าของโรงแรม อากาศที่ลุกซอร์ไม่เย็นเลยถ้าเทียบกับทุกที่ ๆ ผ่านมา วิวบนดาดฟ้านี้สวยใช้ได้เลย เรามองไปเห็นวิหารลุกซอร์ และเห็นแม่น้ำไนล์เล็กน้อย ถ้ามองไปตรง ๆ ไกลริบ ๆ จะเห็นหุบเขากษัตริย์ด้วย บริเวณนั้นมีบอลลูนหลายลูกกำลังลอยขึ้น คงจะเป็นบอลลูนที่ขึ้นชมวิว กำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ก็มีบอลลูนลอยมาให้เห็นเลยถ่ายรูปมาให้ดู











เราออกเดินทางไปเที่ยว west bank โดยรถที่ติดต่อไว้กับโรงแรม เป็นรถเก๋งสภาพดี คนขับเป็นหนุ่มวัยรุ่น มารู้ทีหลังว่าเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เค้าขับรถได้ช้าจริง ๆ สงสัยตั้งใจให้เราชมวิวข้างทางมั๊ง แต่เวลานี้เราไม่ค่อยอยากชมวิวข้างทาง เราอยากไปให้ถึงหุบเขากษัตริย์เร็ว ๆ เพราะกลัวว่าสายเกินไปจะร้อน เพราะอย่างที่บอกอากาศที่นี่ไม่เย็นเหมือนที่อื่น ๆ เราใช้เวลาเกือบ 1 ชม. กว่าจะไปถึงหุบเขากษัตริย์ แล้วตกลงกับคนขับรถว่าเราจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1.30 ชม. โดยเค้าจะคอยอยู่ด้านนอก เพราะตำรวจไม่อนุญาตให้รถแท็กซี่เข้าไปข้างใน แต่กว่าจะพูดกันรู้เรื่องก็ต้องเมื่อยมือกันหน่อย ค่าตั๋วเข้าชมหุบผากษัตริย์คนละ 35 EP. โดยจากห้องขายตั๋วต้องเดินเข้าไปอีก ช่วงนี้หากใครไม่อยากเดินก็มีรถคล้ายที่สนามกอล์ฟบริการ แต่เราไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เราเดินเข้าไปเองอากาศกำลังสบาย นักท่องเที่ยวมากจริง ๆ


รถพาไปบริเวณ tomb


แบบจำลองหุบเขากษัตริย์


พอไปถึงเรากะจะไปเข้า KV 9 เป็นอันดับแรก แต่พอไปถึงหน้าหลุมก็ต้องผิดหลัง เพราะเค้าเขียนป้ายไว้ว่าเฉพาะผู้ที่ซื้อตั๋วพิเศษเท่านั้น เราอ่านข้อมูลเพื่อน ๆ ใน internet ว่าสามารถเข้าไปดูได้ เราเลยเดาว่าสงสัยเมื่อก่อนคนยังเข้าไม่มาก พอคนเข้ามากก็เลยเปลี่ยนเป็นแบบซื้อตั๋วราคาพิเศษ เหมือนของตุตันคามุน เราก็ไปที่ KV 34 ซึ่งเป็นของ Tusmosis ที่ 3 หลุมนี้อยู่ไกลที่สุดและต้องขึ้นบันไดไปอีก มีคนต่อแถวขึ้นบันไดเยอะเหมือนกัน แต่ก็ต้องรอแล้ว เพราะไปหลุมไหน ก็คนเยอะทั้งนั้น ในที่สุดเราก็สามารถเข้าไปดูได้ หลุมนี้ค่อยข้างเข้าลำบาก เพราะต้องเดินขึ้นแล้วลงบันได ซึ่งค่อนข้างแคบ ภายในมี 3 ชั้น ภาพเขียนที่ฝาผนังและเพดาน สียังสด และอยู่ในสภาพดี เข้าไปด้านในจะเห็นโลงไม้ขนาดใหญ่มากมีลวดลายสวยงามและสมบูรณ์ พอออกจากที่นี่ ก็ไปหาข้อมูลที่บอร์ด เห็นว่า tomb KV 14 ซึ่งเป็นของฟาโรห์ Tausert/Setnakht น่าสนใจดี ก็เลยตัดสินใจเข้าไปดู แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะ tomb นี้มี 2 ห้อง ซึ่งมีภาพเขียนฝาผนังที่มีสีสันสวยงามและภาพวาดก็ใหญ่กว่า และโทนสีออกสดใสกว่า tomb แรก tomb นี้ค่อนข้างลึก แต่ส่วนที่ลึกเข้าไปดูเหมือนภาพวาดต่าง ๆ จะมีสีจางลงมากแล้ว หลังจากนั้นคิดว่าจะเข้า KV 16 ตามที่มีหลาย ๆ คน แนะนำ แต่พอไปถึงเห็นคนต่อแถวยาวเหยียด เลยต้องเปลี่ยนใจ ไปอ่านบอร์ดอีกครั้งแล้วตัดสินใจเข้า tomb KV 2 ซึ่งเป็นของ Rameses IV ซึ่งไม่ค่อยมีคนเข้า แล้วก็ไม่ผิดหวังอีกเช่นเคย ภายในมีภาพวาดของเทพนุตกับเกบ ที่เราเคยเห็นแต่ในหนังสือ คราวนี้ได้เห็นภาพวาดของจริง สมใจมากเลย ภายในมีโลงหินขนาดใหญ่มากจนคิดไม่ออกเลยว่าตอนที่เขาเคลื่อนโลงเหล่านี้เข้ามาเขาทำกันยังงัย เสร็จแล้วก็เดินกลับไปแวะดูข้อมูลที่ visitor center ก่อนกลับออกไปขึ้นรถตามเวลาที่นัดไว้






KV 34




KV 14




KV 2

จากนั้นก็เดินทางไปยังวิหารของฮัตเชปสุต ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากหุบเขากษัตริย์ วิหารนี้มีขนาดใหญ่มาก เรียกว่าครองภูเขาทั้งลูกเลย รู้สึกสะใจจริง ๆ ที่เห็นผู้หญิงโบราณสามารถอำนวยการให้สร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ ค่าตั๋วเข้าที่นี่ราคา 15 EP. ต่อคน ที่ผนังของวิหารนี้บางส่วนยังมีสีชัดเจนอยู่ แต่จำนวนมากก็สีสันหายไปหมดแล้ว ที่สำคัญส่วนที่เป็นรูปของฮัตเชปสุตก็ถูกขูดทำลายจนหมด เราเดินจนทั่วยังมีเวลาเล็กน้อยก่อนเวลานัด จึงนั่งพักและกินเสบียงที่เตรียมมา เพราะตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราใช้เวลาที่วิหารนี้ประมาณ 1 ชม.


















วิหารฮัตเชปซุต


ภาพเขียนสีของทุตโมซิสที่ 3 ที่วิหารฮัตเชปซุต


ภาพเขียนของฮัตเชปซุตที่ถูกขูดทำลาย










ภาพเขียนสีที่ผนังวิหารฮัตเชปซุต

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปยังหุบเขาราชินี ที่นี่เรามีปัญหาเล็กน้อย เพราะคนขับรถพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เขาเข้าใจว่าเราจะไปที่วิหารฮาบู ความจริงเราซื้อตั๋วแล้ว แต่ก่อนจะออกจากห้องขายตั๋วได้ถามคนขายเพื่อความแน่ใจว่านี่คือหุบเขาราชินีหรือเปล่า เขาบอกไม่ใช่ เราเลยให้เขาช่วยคุยกับคนขับรถให้หน่อยว่าเราจะไปที่หุบเขาราชินี ซึ่งทางไปหุบเขาราชินีก็อยู่บริเวณนั้น ค่าตั๋วเข้าชม 15 EP. ต่อคน ดูได้ 3 หลุมเหมือนกัน ที่นี่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ เราเดินเข้าไปจึงพบว่ามี tomb ที่เข้าได้ 3 tomb พอดี tomb ของ Nefertari ยังปิดบูรณะอยู่ ที่นี่ไม่มีคนตรวจตั๋วอยู่ที่ปากทางเข้า tomb เรียกว่าใครอยากจะเข้าออกก็ตามใจ เพราะก็มีอยู่แค่ 3 tomb เท่านั้น tomb ที่นี่มีขนาดเล็ก และไม่ลึก แต่ภาพเขียนต่าง ๆ มีสีสันและความสมบูรณ์ไม่แพ้ที่หุบเขากษัตริย์เลย เราก็เลยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการเที่ยวที่นี่


หุบเขาราชินี

หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ ขากลับแวะที่ Colossi of Memnon เป็นรูปั้นขนาดยักษ์ 2 ตัว ที่มีสภาพไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ ตอนนั่งรถขากลับ คนขับรถพยายามจะพูดภาษาอังกฤษให้เราไปแวะดูโรงงานทำหินอะลาบาสเตอร์ พอเราบอกไม่ไป สักพักก็ชวนเราไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารอีก เราก็บอกคำเดียวว่า hotel เขาเลยไม่พูดอีก กลับมาถึงโรงแรมประมาณบ่ายสองโมง เรายังไม่ได้คืนห้องเพราะตกลงกับ Mohammed ไว้ตั้งแต่วันแรกว่าจะขอกลับมาอาบน้ำก่อน ดังนั้นเราก็เลยได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน check out เพราะคืนนี้เราต้องนอนบนรถไฟ เพื่อกลับไปที่ไคโร เรา check out ประมาณบ่ายสามโมง รถไฟจะมาจากอัสวานถึงลุกซอร์ประมาณสามทุ่ม เราเลยยังมีเวลาอีกนาน เลยกะว่าจะไปที่พิพิธภัณฑ์ลุกซอร์ ซึ่งอยู่บริเวณถนนเลียบแม่น้ำไนล์






Colossi of Memnon

จากโรงแรมก็เดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ ถามทางเค้าไปเรื่อย ๆ พอไปถึง ปรากฏว่าพิพิธภัณฑ์จะปิดเวลา 16.00 น. หมายความว่าเราจะมีเวลาเพียง 30 นาที ในการชมพิพิธภัณฑ์ ตอนแรกคิดว่าจะเข้าแต่พอดูราคาตั๋วแล้ว 40 EP. ต่อคน เลยคิดว่าไม่คุ้มกว่าจะเดินเข้าไปก็คงเหลือเวลาสัก 20 นาที ก็เลยไปเดินเล่นแถวริมแม่น้ำไนล์ ซึ่งมีที่นั่งเล่นเยอะแยะ ตอนกำลังนั่งเล่นและเขียนบันทึกอยู่ ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วบอกว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ อยากจะขอปากกาให้ลูกเขาสักด้าม เราเลยหยิบปากกาในกระเป๋าให้ไป 1 ด้าม เขาบอกเขามีลูกคนเล็กอีกคน อยากได้อีกด้าม เลยเอาให้อีก เขาก็เดินไป ไม่ถึง 5 นาที ก็มีเด็กผู้ชายเดินเข้ามาหาเราแล้วขอปากกา 1 ด้าม พอให้ไป ก็บอกอยากขอให้น้องที่บ้านด้วย คราวนี้เราเหลือแต่ด้ามที่กำลังใช้เขียนอยู่ ก็เลยให้ไป แล้วชวนสามีไปเดินถ่ายรูปที่อื่นดีกว่า เพราะตอนนี้ก็เขียนไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีปากกา เดินไปสักพักก็เจอกลุ่มคุณน้าจากซานฟรานซิสโก ได้ทักทายกันเล็กน้อย












วิวแถวถนนเลียบแม่น้ำไนล์


แม่น้ำไนล์ยามพระอาทิตย์ตกดินที่ลุกซอร์

หลังจากนั้นเราก็ไปหาอาหารรับประทาน โดยไปที่ร้านข้าง ๆ ร้านเมื่อวาน ซึ่งก็พบว่ารสชาติของไก่ย่างอร่อยกว่างมาก กรอบนอกนุ่มใน และที่สำคัญไม่มีการเก็บเงินเกินราคาอาหารด้วย หลังจากนั้นก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม จากโรงแรมก็เดินลากกระเป๋าไปเรื่อย ๆ โดยออกจากโรงแรมเดินไปทางซ้ายมือ น่าจะไม่เกิน 1 กม. ก็ถึงสถานีรถไฟ สถานีรถไฟที่นี่สวยดี เรามารอรถไฟตั้งแต่ 1 ทุ่ม ต้องใช้ถามตำรวจและคนแถวนั้นหลายครั้ง เพราะรถไฟที่เราจะนั่งกลับไคโรเป็นรถไฟที่มาจากอัสวาน เราเลยไม่แน่ใจว่ามันจะมาตรงตามเวลาที่พนักงานโรงแรมเขียนให้หรือเปล่า แล้วก็จริง ๆ เพราะรถไฟมาถึงเวลา 20.30 น. คราวนี้เป็น first class แบบเดียวกับที่เรานั่งไปอเล็กซานเดรีย ค่อยยังชั่วหน่อยคงได้นอนสบายกว่าขามา พอขึ้นรถไฟได้ไม่นานก็หลับไป มาตื่นอีกครั้งตอน 6 โมงเช้า ซึ่งรถไฟถึงสถานีรามเสสเวลา 6.30 น. สุดแสนจะดีใจที่ไม่ต้องนั่งรถไฟเกินเวลาเหมือนขาไป พอออกจากสถานีก็มีคนขับแท็กซี่มาถาม เราบอกสถานที่แล้ว เขาเรียก 25 EP. เราบอกทีเดียว 10 EP. เพราะเรารู้ว่ามันไม่ไกลจากโรงแรม และเราต้องการราคาเท่าขามา จากสถานีรถไฟ นั่งรถไปไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงโรงแรม




ร้านอาหารเย็น


ขวามือร้านอาหารเมื่อวาน ซ้ายมืออร่อยกว่า


โรงหนังที่ลุกซอร์


ลาน้อยน่าสงสาร




สถานีรถไฟลุกซอร์


Create Date : 24 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2551 20:28:44 น. 2 comments
Counter : 916 Pageviews.

 
ว้าวววววววว

เป็นดินแดนที่น่าค้นหาจริง ๆ นะคะ อยากมีโอกาสไปเยือนมั่งจัง


โดย: Picike วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:00:43 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามมาแกะรอยอีกแล้ว

ชอบการเที่ยวของคุณมากเลยนะคะ
ไม่หงุดหงิด มองโลกในแง่ดี มีความสุข
อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่าเที่ยวจริง ๆ
ขนาดเขาขอปากกาในมือ ยังให้ไปเลย
ใจดีและทัศนคติดีมาก ๆ เลยนะคะ
ชื่นชมจริง ๆ ค่ะ ชอบ



โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:25:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.