Bloggang.com : มะลิไทยแลนด์ : วันที่ 27 ตุลาคม 2551 ไปคอปติกไคโร แล้วแวะชอปปิ้งตลาดข่าน

วันที่ 27 ตุลาคม 2551 ไปคอปติกไคโร แล้วแวะชอปปิ้งตลาดข่าน

มาถึงโรงแรม เราถามพนักงานพบว่าไม่มีห้องว่างในตอนเช้านี้ เราเลยอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมของโรงแรม ก่อนที่จะออกไปเที่ยว ซึ่งเช้านี้เราวางแผนว่าจะไปที่คอปติกไคโรก่อน แล้วตอนบ่ายจะไปที่สุเหร่าอัลฮัซฮา และ shopping ที่ตลาดข่าน เราถามทางพนักงานโรงแรมให้แน่ใจอีกครั้ง เราจะไปโดยรถไฟใต้ดิน จากสถานี Nasser นั่งไป 5 สถานี จะถึงสถานี Mar Girgis ลงจากสถานีรถไฟก็จะเจอบริเวณคอปติกไคโร หรือไคโรเก่าเลย บริเวณนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก และไม่เสียเงินค่าเข้าชมสักที่ เป็นชุมชนของคริสต์ศาสนา เช่น โบสถ์แม่พระ หรือ อัล-ลูอัลลากาห์ (แปลว่า สิ่งที่ถูกแขวน) อันเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรนานนับศตวรรษ ส่วนภายในกำแพงก็ยังมีโบสถ์อีกหลายแห่งอย่างโบสถ์เซนต์เซอร์เจียสและเซนต์แบกกัส โบสถ์เซนต์บาร์บารา โบสถ์เซนต์ซีริล และโบสถ์เซนต์จอนห์น โบสถ์เหล่านี้เป็นของนิกายคอปติกออร์โธดอกซ์ ซึ่งในบรรดาโบสถ์เหล่านี้ โบสถ์เซนต์เซอร์เจียสและเซนต์แบกกัส เป็นสถานที่พำนักของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ก็คือครอบครัวของพระเยซูนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีสุเหร่ายิวเบนเอซรา หนึ่งในสุเหร่า 29 แห่งของไคโรซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้รำลึกถึงบทบาทของอียิปต์ในการส่งเสริมประเพณีทางศาสนาของยิวเซฟาร์ดิก จากนั้นเราก็ไปยังพิพิธภัณฑ์สถานคอปติก ค่าเข้าชมคนละ 20 EP. พิพิธภัณฑ์นี้สร้างได้สวยงามมาก ภายในมีวัตถุโบราณจำนวนมาก เรียกว่าเดินจนเมื่อยเลย เสียดายที่เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพทั้งภายนอกและภายในอาคาร โดยจะมีการตรวจกล้องถ่ายรูปตรงประตูทางเข้า ทีแรกตำรวจจะยึดกระเป๋ากล้องเราไว้ แต่เราเจรจากับเค้าแล้วรับรองว่าเราจะไม่ถ่ายภาพแน่นอน เค้าก็เลยอนุโลมให้เอาเข้าไปได้

สถานที่ท่องเที่ยวย่านคอปติกไคโร

พอเที่ยงเราก็ขึ้นรถไฟเพื่อไปยังสุเหร่าอัลอัซฮา โดยเราต้องไปลงที่สถานี Sadat แล้วเปลี่ยนจากสายแดงไปสายเขียว นั่งไป 2 สถานี ลงที่สถานี Ataba จากนั้นเราก็ไปถามตำรวจแถวนั้น คุณตำรวจเลยบอกให้เรานั่งแท็กซี่แบบที่เอามาทำเหมือนรถสองแถวบ้านเรา คือนั่งไปด้วยกันหลาย ๆ คน ที่ไปบนเส้นทางเดียวกัน ราคาคนละ 1 EP. เราก็เข้าไปนั่งเบียดกับคนอียิปต์ เราจ่ายไป 2 EP. คนขับยังทอนเงินมาให้อีก 50 เพียสเตอร์ พอไปถึงหน้าสุเหร่าคนขับรถก็จอดให้เราลง ก่อนเข้าที่นี่เราได้ไปเดินหาอาหารกลางวันกิน เลยได้ลองอาหารที่ร้านข้างทาง ซึ่งเราเล็งแล้ว เล็งอีกเห็นว่าสะอาด และไม่มีแมลงวัน เลยลองกินเป็นมักกะโรนีและสปาเก็ตตี ราดน้ำรสชาติคล้ายมะเขือเทศ ราคาถ้วยละ 5 EP. อร่อยดี

อาหารกลางวัน

สุเหร่าอัลอัซฮาเป็นสุเหร่าแห่งแรกของไคโรในยุคฟาติมิดที่สร้างขึ้นเมื่อปี 971 และยังเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งแรก ๆ ของโลก อีกทั้งยังคงสิทธิ์อำนาจทางด้านการศาสนาสูงสุดของอียิปต์เอาไว้อีกด้วย ภายในสุเหร่าเงียบสงบ มีนักศึกษามาอ่านหนังสือจำนวนมาก พอเราเดินเข้าไปก็มีหนุ่ม ๆ ทั้งชาวอียิปต์ เขมร และจีน มาต้อนรับและพูดคุยให้ข้อมูลหลายอย่าง

สุเหร่าอัลอัซฮา

จากนั้นเราก็ข้ามฟากไปยังสุเหร่าฮุซเซน แล้วเข้าไป shopping ที่ตลาดข่าน ซึ่งอยู่ด้านข้างสุเหร่า ได้ของฝากตามที่ตั้งใจ ก็กลับโรงแรม โดยใช้วิธีเดิม คือ ขึ้นรถแท็กซี่ประจำทาง ราคา 1 EP. ไปลงบริเวณรูปปั้นของปาชา ตอนแรกเราหาทางไปสถานีรถไฟไม่เจอ เราเลยถามชายหนุ่มที่เดินผ่านมา ซึ่งเป็นคนใจดีมาก ๆ พาเราเดินข้ามถนนไปส่งถึงที่สถานีรถไฟเลย บอกแล้วว่าชาวอียิปต์ใจดี จากนั่งเรานั่งรถไฟกลับไปที่สถานี Sadat แล้วเปลี่ยนไปสายแดง 1 สถานีก็ถึง Nasser โผล่ขึ้นมาไม่ลืมแวะกินน้ำผลไม้เจ้าประจำ วันนี้ทดลองกินน้ำทับทิมอร่อยดี แล้วแวะไปหาข้าวกินก่อนกลับโรงแรม ขากลับโรงแรมยังลองซื้อ Chicken shawerna แบบอียิปต์ที่ต่างจากจอร์แดนตรงที่เค้าใช้ขนมปังแทนแป้งโรตี ราคา 10 EP. รสชาติอร่อยดี กลับโรงแรมพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวซิทาเดลช่วงเช้า ตอนบ่ายจะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ตลอดบ่าย จากนั้นก็เดินทางไปสนามบินเพื่อกลับบ้าน