ครูปั๊กกาเป้า.... O_o
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
14 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

ดั่งดวงตะวัน ... 1






หิน แก้ว ธง อ๊อด สี่หนุ่มจตุรเทพที่เป็นคู่ปรับสมัยเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน เติบโตขึ้นมาเป็นเพื่อนรักที่มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน แต่จุดร่วมที่ทั้งสี่รับบทบาทเดียวกันตลอดมาก็คือความเป็นพ่อ
ปัจจุบันนี้แก้วเป็นเข้าของบริษัทสถาปนิกและใช้ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กับภรรยาชื่อฝ้าย และลูกสาวคนเดียวที่ชื่อไหมทอง แก้วรักไหมทองมาก และประคบประหงมดูแลไหมทองเป็นอย่างดี โดยที่ฝ้ายไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะไม่อยากให้ไหมทองโตขึ้นมาเป็นคนที่รับผิดชอบตัวเองไม่ได้
ในเช้าวันแรกของการไปทำงาน ฝ้ายให้ไหมทองนั่งรถไปกับคนขับรถตามลำพัง และพยายามบอกให้แก้วเลิกเป็นห่วงลูก แต่เอรถออกจากบ้านไปไม่เท่าไร ก็ขับไปเฉี่ยวกระถางต้นไม้จนเกิดอุบัติเหตุ แก้วรีบแล่นออกไปดูด้วยเป็นห่วงลูกสาว
"ไอ้สุนทร แกขับรถยังไงว่ะ"
แก้วต่อยสุนทรจนล้มลงไปนอนกับพื้น ไหมทองรีบเข้าไปห้าม
"พ่อขา ไหมไม่เห็นไรค่ะ ไม่เจ็บเลย หัวชนกระจกนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
"ผมหักหลบไปโดนกระถางต้นไม้นะครับ เบรกแรงไปหน่อยก็คนนี้น่ะ โผล่ตัดหน้าผม"
มอเตอร์ไซด์ส่งเอกสารที่ล้มอยู่แถวนั้น รีบมาบอกพร้อมยื่นเอกสาร
"รีบเอางานมาให้คุณนะครับ กลัวไม่ทันพรีเซนต์"
"จะรีบยังไงก็ไม่ควรประมาท ถ้าลูกผมเป็นอะไรไปจะทำไง มานี่เอากุญแจรถมา ผมจะขับไปส่งลูกเอง"
"พี่แก้วค่ะ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น นี่ก็สายแล้ว ไปพรีเซนต์งานด้วยกันเถอะนะ"
"ฝ้ายไปเถอะ ถ้าลูกค้าไม่พอใจก็บอกมันไปจ้างบริษัทอื่น สำหรับพี่เงินสิบล้านร้อยล้าน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกสาวพี่ ไปไหมทอง"
แก้วหงุดหงิด ดึงไหมทองขึ้นรถ
"เดี๋ยวซิพี่แก้ว พี่แก้วค่ะ"
ในขณะที่ธง ประกอบอาชีพเป็นครูอยู่โรงเรียนประชาบาลแห่งหนึ่ง ครอบครัวของธงตรงข้ามกับแก้วอย่างสิ้นเชิง เพราะเมียของธงทนความยากแค้นจากการเป็นครูจนๆไม่ไหว เลยตัดสินใจหอบเสื้อผ้าหนีไป ทิ้งนกน้อยลูกสาวคนเดียวไว้ให้ธงดูแล
ส่วนอ๊อด ซึ่งมีอาชีพเป็นนักแสดงที่ไม่ได้โด่งดังอะไรนัก ใช้ชีวิตอย่างโลดโผนเต็มที่ในฐานะเพลย์บอลจนกระทั่งเข้าสู่วัยกลางคน จนเริ่มได้คิดว่าตัวเองคงจะต้องตายอย่างเดียวดาย ทำให้อ๊อดเริ่มคิดถึงเข้มกับเปรี้ยวหวานลูกนอกสมรสสองคนที่อ๊อดไม่เคยยอมรับว่าเป็นพ่อ
และคนสุดท้าย หิน ตำรวจชั้นผู้น้อยซึ่งยึดมั่นในความสื่อสัตย์ยิ่งกว่าสิ่งใด หิน มีลูกชายชื่อดิน ซึ่งไม่ลงรอยกันนัก จนกระทั่งเคยเป็นปากเป็นเสียงกันอย่างรุนแรงในอดีต เมื่อหินรู้ว่าดินแอบไปสอบโรงเรียนนายร้อยโดยไม่บอกตน
"เป็นตำรวจ.... ไม่ พ่อยอมไม่ได้ ให้แกเป็นตำรวจไม่ได้"
"ทำไมล่ะครับ ในเมื่อพ่อก็เป็นตำรวจ"
"ทำไมแกไม่บอกว่าแกจะไปสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย แกแอบไปสอบโดยไม่ขออนุญาตพ่องั้นหรือ?"
ดินเสียใจมากมองพ่อน้ำตาคลอ อดทนสอบมานานเป็นปี แต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงข้ามกับที่คิด
"ผมนึกว่าพ่อจะดีใจ นึกว่าวันนี้จะเป็นวันดีๆของเรา แต่นี่มันตรงกันข้าม มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง"
"ไปสละสิทธิ์ซะ"
ดินพูดประโยคสำคัญที่ทำให้แผลระหว่างคนทั้งคู่ ร้าวลึกตลอดชีวิต
"พ่ออิจฉาผม"
"อะไรนะ?"
"พ่ออิจฉาผม พ่ออายที่จะมียศต่ำกว่าลูก พ่อรู้สึกพ่ายแพ้เสียใจที่ไม่ได้บ้าอำนาจกับผมอีก ที่แท้พ่อก็เป็นแบบนี้!"
หินตบหน้าดินเปรี้ยง ดินน้ำตาร่วง หินนิ่งไม่พูด แต่แววตาเสียใจ
"ผมจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น และจะทำทุกอย่างเพื่อเป็นตำรวจที่เก่งกว่าพ่อให้ได้!"
ดินจะอกอจากบ้าน แอ๋วบอกดินเสียงอ่อนโยน
"ความจริงพ่อเขาก็แค่.."
"คุณไม่ใช่แม่ผม แค่เมียใหม่ของพ่อ ผมไม่ต้องฟังความเห็นคุณก็ได้"
แอ๋วจ๋อยเดินออกไป
สิบปีต่อมา ดินกลายเป็นนายตำรวจที่มียศสูงกว่าหินจริงๆ/ และกำลังอยู่ระหว่างการติดตามคดีโต๊ะบอลของเข้ม ที่เปิดโรงพิมพ์หนังสือบังหน้าธุรกิจพนันบอล วันหนึ่งดินพาจ่านิดไปเฝ้าดูเข้มที่โรงพิมพ์ และตัดสินใจแอบเข้าไปด้านในเพื่อหาหลักฐาน
ดินไม่รู้ว่าโรงพิมพ์ มีเปรี้ยวหวานน้องสาวของเข้มกำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยอยู่ เปรี้ยวหวานหันมาเจอดินเข้าก็ตกใจ เผลอทำกระปุกกาวตรงช้างที่ถืออยู่หกใส่ตัวเอง ทำให้ดินที่ขยับเข้ามาหาตัวเปื้อนกาวไปด้วย
เปรี้ยวหวานจะขยับหนีดินแต่กาวตราช้างกลับดึงชายเสื้อเธอขาด จึงต้องคว้าตัวดินเข้ามาประกบกับตัวเองเหมือนเดิมเพราะไม่อยากให้อีกฝ้ายเห็นเสื้อชั้นในของตน
"ไหนบอกอยากให้ผมอยู่ห่างๆนี่คุณกอดผมนะ"
"เสื้อฉันเลอะกาว แล้วคุณก็มาโดนตัวฉัน ถ้าคุณเอาตัวออกตอนนี้ ก็จะฉีกเสื้อฉัน ฉันก็จะโป๊น่ะสิ"
"อ๋อๆ แล้วผมต้องทำไงล่ะ"
เปรี้ยวหวานและดินทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กอดกันอยู่อย่างนั้น
"ใครอยู่ข้างนอกบ้าง...เฮ้อ นี่ก็พักเที่ยงออกไปกินข้าวกันหมด นี่มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาหน่อย ฮื้อ นี่มันวิบากกรรมอะไรของฉันเนี่ย"
"วิบากกรรมหรือ?"
ดินกับเปรี้ยวหวานกอดกันอยู่จนกระทั่งเป้และแป๊ด พนักงานของโรงพิมพ์เข้ามาเห็น หลังจากอธิบายกันจนทั้งสองหายตกใจแล้วเป้กับแป๊ดก็รีบเข้าไปช่วย แล้วหาเสื้อตัวใหม่ให้ดินเปลี่ยน เพื่อจะขยับออกมาจากตัวเปรี้ยวหวานได้
"ผมชื่อดินครับ พวกคุณ เอ้อ..."
"ฉันชื่อแป๊ด นี่เป้ เราสองคนทำงานให้คุณเปรี้ยวหวาน ที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์"
"น้องสาวนายเข้ม"
ดินพึมพำ
"อะไรนะคะ?"
"เอ้อ เปล่าครับ"
"คุณบอกว่ามาเสนองานให้โรงพิมพ์เรา หนังสือประเภทไหน?"
ดินอึกอักมองไปที่ชั้นวาง เห็นหนังสือธรรมะวางเรียงมากมาย เพราะเป็นจุดขายของโรงพิมพ์
"หนังสือธรรมะ คุณพิมพ์เยอะที่สุดใช่ไหม?"
พวกของเปรี้ยวหวานพยักหน้า
"ธรรมะเรื่องอะไร?"
"คนเราเดี๋ยวนี้โกรธเกลียดกัน แล้วไม่รู้จักการอนุโมทนาเลย เลยว่าจะเขียนเรื่องการอนุโมทนา"
"เขาเรียกอโหสิ ไม่ใช่หรือ อโหสิ ไม่ใช่อนุโมทนา"
แป๊ดทำหน้างง
"เอ้อ ใช่ๆ อโหสิ ครับ อโหสิ ตื่นเต้นไปหน่อย เอ้อ ขออโหสิคุณๆด้วยที่ใช้คำผิด"
เป้และเปรี้ยวหวานมองดิน ชักไม่ไว้วางใจ
"แล้วไหนล่ะต้นฉบับ?"
"เอ้อ ลืมเอามา"
"อะไรวะ เข้าทางข้างหลัง ทำลับๆล่อๆ แล้วยังไม่มีต้นฉบับอีก แบบนี้ไม่น่าไว้ใจแล้วนะเนี่ย"
เป้ลุกขึ้นดึงคอเสื้อดินโวยวาย ดินรีบยกมือไหว้ขอร้อง ทำตัวไม่มีพิษสง
"เอ้อ ผมไม่ได้มาขโมยของน
ะครับ ผมไหว้ล่ะครับ ไม่เชื่อค้นตัวผมได้นะครับ ค้นได้เลย"
ดินทำตาใส ใส่ทุกคน จนแป๊ดใจอ่อน
"เอาล่ะๆ ช่างเถอะเป้ ท่าทางเขาก็ปกติดี แต่งตัวก็ดี หล่อๆแบบนี้ไม่ใช่โจรขโมยหรอก"
ดินไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเข้มเปิดโต๊ะบอลเอาไว้หลังโรงพิมพ์นี่เอง โดคยใช้ร้านหนังสือบังหน้าและเป็นเหตุบังเอิญอีกเช่นกันที่ร้านเบเกอรี่ของไหมทองเพิ่งมาเปิดขายอยู่ข้างๆกับโต๊ะบอลของเข้ม ทำใสห้ทั้งสองได้พบกันเมื่อวันที่ไหมทองเดินมาดูหนังสือที่ร้าน
"นางประดุจแสงโคมเจิดจ้า ราวกับดวงดาวกะพริบ เสมือนอัญมณีหาค่ามิได้"
ไหมทองงง เงยหน้ามองเข้ม เข้มตายังมองหนังสือ เลยไม่รู้ว่าเข้มพูดกับตนหรือไม่
"อะไรนะคะ?"
เข้มเงยหน้ามองไหมทองตรงๆ ชื่นชม
"ช่างงามเหนือคำบรรยาย พระเจ้าส่งนางลงมายังโลก ทำให้หัวใจข้าเต้นระส่ำ"
ไหมทองหน้าแดง เข้มยังไม่ละสายตาไปจากตน เข้มเป็นผู้ชายที่ดูดีมากเหลือเกิน
"ไรมิโอชมจูเลียต...จากเล่มที่คุณถืออยู่ไง"
เข้มชี้ไปที่หนังสือที่ไหมทองถือ ซึ่งคือโรมิโอจูเลียต
"อ้าว ฉันนึกว่า.."
"ผมเป็นเจ้าของร้าน สมัยนี้ไม่มีใครอ่านหนังสือแบบนั้นกันแล้วจริงๆ คนไทยอ่านหนังสือแค่ปีละแปดบรรทัดเท่านั้นเอง"
"คุณเก่งจังนะคะ ท่องบทกวีได้ ฉันเปิดร้านขายเบเกอรี่อยู่ใกล้ๆนี่เอง"
"อ๋อ ร้านที่เปิดใหม่"
"ค่ะ ไปก่อนนะคะ"
ไหมทองอาย วางหนังสือ เข้มรีบเรียก
"เอ้อ เดียว ผมให้ฟรี"
เข้มยื่นหนังสือโรมิโอจูเลียตให้
"จะดีหรือค่ะ ฉันจ่ายดีกว่า"
"เลี้ยงขนมผมสิ จะได้ไม่ต้องจ่ายเงิน แล้วจะแวะไปที่ร้านฯ
ไหมทองเขินอาย
"ก็ได้ค่ะ"
"เอ้อ ประโยคเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะจูเลียตเท่านั้นนะครับ ผมว่ามันเหมาะกับคุณด้วย"
ตั้งแต่วันนั้นมา เข้มกับไหมทองก็เริ่มคุ้นเคยกันและแอบคบหากันอย่างเงียบๆ
วันหนึ่งแก้วและฝ้ายแวะมารับไหมทองที่ร้านตามปกติ และสังเกตเห็นไหมทองกำลังอ่านหนังสืออยู่ จึงถามด้วยความสงสัย ไหมทองคิดจะบอกพ่อเรื่องเข้มอยู่เหมือนกัน แต่ก็รู้สึกเขินอาย จึงเปลี่ยนใจ
"พี่แก้วคะ งานเราเยอะขึ้นทุกวัน เราน่าจะสอนลูกขับรถ ลูกจะได้ไม่ต้องรอเราถึงดึกขนาดนี้"
"ไม่ พี่จะมารับลูกเอง"
"ไหมก็ชอบให้พ่อกับแม่มารับค่ะ อย่างไหม หัดไปก็คงขับรถชนชาวบ้าน ไม่ไหวหรอกค่ะ"
ฝ้ายรู้สึกอึดอัดมานานแล้ว แก้วไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากลูก ส่วนไหมทองก็ทำตัวอ่อนแอ ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น ความรักของฝ้ายจะเป็นความห่วงใยอีกแบบเลยระเบิดออกมาก
"แต่ยังไงไหมก็ต้องโต ต้องดูแลตัวเอง พ่อกับแม่ไม่มีทางอยู่ค้ำฟ้าหรอกนะ.."
"แม่โมโหอะไรค่ะ?"
"อย่าทำให้ลูกตกใจสิ กลับบ้านค่อยคุยกัน"
"พี่แก้ว ไหมทองเรียนจบแล้วนะคะ มีงาน มีร้านของตัวเอง อีกหน่อยเขาต้องแต่งงาน มีลูก มีชีวิตอีกยาวไกล ในขณะที่พวกเราต้องจากเขาไป"
"แล้วไง เราก็เลือกสามีที่ดีให้เขาสิ?"
"ใช่ค่ะ แค่เลือกคนที่ดีเหมือนพ่อของไหม"
ไหมทองแอบมองเข้มฝันหวาน
"แล้วถ้าเขาไม่ใช่คนดีล่ะ?"
"ฝ้าย พูดอะไรน่ะ?"
"ชีวิตที่พี่เตรียมไว้ให้ไหมทองนะเหมือนเจ้าหญิงในนิยายมากกว่าความเป็นจริง ถ้าเขาเจอคนที่ไม่ดีเท่าคุณ ถ้าครอบครัวเขามีปัญหา ถ้าเขาป่วย ถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จ สารพันปัญหาที่คนเราจะเจอ แล้วดูไหมทองสิ เขาไม่เคยแก้ปัญหาอะไรด้วยตัวเองได้สักอย่าง"
ไหมทองหน้าเศร้า แก้วโกรธสีหน้าตึงขึ้นมา ประจันหน้ากับฝ้าย
"ถ้าครอบครัวเขามีปัญหา ผมจะช่วยแก้ ถ้าเขาป่วย ผมจะช่วยรักษา ถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จผมจะเอาความสำเร็จยัดเยียดใส่มือนี่ และถ้าเขาเจอคนเลว ผมจะฆ่าคนเลวนั้นด้วยตัวเอง!"
"พี่แก้ว"
"พวกไอ้หิน พวกที่ทำงานทุกคนก็ด่าผมเหมือนที่คุณด่า ทุกคนหาว่าผมรักลูกมากเกินไป แต่สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีคำว่า มากเกินไป มีแต่คำว่า ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวันจบสิ้น พ่อแย่ๆอย่างผมคิดได้แค่นี้แหล่ะ"
แก้วโมโหจัด หาไหมออกไป หิ้วกระเป๋าให้ ฝ้ายยื่นเบื่อหน่ายกับสิ่งที่พยายามมาตลอดชีวิต
ดินยังคงมาซุ่มดูความเคลื่อนไหวของเข้มอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หินซึ่งแอบเป็นห่วงความปลอดภัยตลอด ก็ค่อยโทรหา จ่านิดเพื่อให้รายงานความเคลื่อนไหวของดินเป็นระยะเช่นกัน
ดินขับรถสะกดรอยตามเข้มไปถึงร้านสนุ้กเกอร์ แล้วบอกจ่านิด
"สถานที่เที่ยวแบบนี้ อืมม์ เข้าเค้านะ มันอาจจะเปิดเป็นที่สำหรับแทงบอลก็ได้"
ที่นี่เปิดมานาน ก่อนหมวดมาอยู่ เอ...สายไม่เคยรายงานนะ"
"มันอาจมีสำนักงานซ่อนอยู่ข้างหลังก็ได้ ใครจะไปรู้ เอาไงดีนะ"
"จับบอลไม่ใช่จับไพ่นะหมวด มันแทงบอลด้วยการโทรศัพท์กริ๊กเดียว เราจะเอาหลักฐานที่ไหน?"
ดินนึกในใจ แล้วหยิบกล้องวีดีโอแบบพกพาจากกระเป๋าด้านหลัง ใส่เข้าไปในแจ็กเก็ต ซ่อนไว้ในเสื้อ
"นี่ไง ฉันจะเอากล้องวีดีโอเข้าไปด้วย ถ้ามีใครในนั้นทำผิดกฎหมายละก็ เสร็จฉันแน่"
"เอ จะดีหรือครับ?"
ดินลงจากรถแล้วผลุนผลันเข้าไปด้านใน แกล้งมองดูฟุตบอลในทีวีแล้วถามหาแหล่งรับพนันบอลกับเข้ม
"ผมคันไม้คันมือน่ะ ที่นี่เขามีให้แทงบอลไหม?"
"ไม่รู้สิ"
"แหม ดูท่าทางคุณคุ้นเคยกับที่นี่จะตาย รู้จักทุกคนไปหมด ผมอยากหาเงินติดไม้ติดมือสักก้อน เดี๋ยวนี้ที่ไหนเขารับแทงบอลกันทั้งนั้นล่ะใช่ไหม?"
"ใช่ ที่ไหนๆก็มี แต่ที่ไม่มีคือ คนที่เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาถามหาโต๊ะบอลกับคนแปลกหน้า!"
คราวนี้ดินอึ้งหนักกว่าเดิม เข้มฉลาดและไม่กล้วตนสักนิด ทั้งสองประจันหน้ากัน ไม่มีใครละสายตาจากใคร
ดินสังเกตเห็นเข้มเดินเข้าไปหล้งร้านอย่างมีพิรุธ จึงเตรียมกดบันทึกภาพที่กล้องวีดีโอแล้วจะตามเข้าไป หินกับธงซึ่งซุ่มดูอยู่นอกร้านทำท่าจะตามเข้าไปบ้าง แต่เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งทะเลาะกันอยู่หน้าร้าน จึงเปลี่ยนใจไปช่วยแต่กลับกลายเป็นถูกพวกนักเลงอัดกระเด็นมาตรงหน้าดิน
"พ่อ"
นักเลงตามมากระทืบหินต่อ ดินช่วย เตะนักเลงกลับไป นักเลงคนนั้นเขามาต่อย ดินโต้ตอบ
"ต่อยลูกกูเหรอ นี่แน่ะ"
การต่อสู้เริ่มขยายวงกว้าง จ่านิดวิ่งเข้ามาอีกคน เพิ่งมาจากนอกร้าน
"แหม มีอะไรสนุกๆ ก็ไม่บอก จ่านิดมาแว้ว"
ธงซ่อนบางอย่างไว้ข้างหลังระหว่างเดินตะโกนบอกกลุ่มนักเลง
"เฮ้ย หยุด อย่าใช้กำลัง ไม่ดี ไม่ดี"
พอนักเลงเซมาหาธง ธงเอาขวดที่ซ่อนอยู่ในมือตีเข้าที่กลางแสกหน้าของนักเลงคนนั้นเปรี้ยง!
"แหะ ใช้กำลังมันเจ็บมือ แต่อุปกรณ์ไม่เป็นไร ฮิฮิ"
สองพ่อลูกเตะต่อยกัน เข้มวิ่งออกมาจากด้านใน เข้ามาถามบ๋อย
"เฮ้ย อะไรกัน?"
ดินเตะนักเลงไปมา กล้องวีดีโอตกลงพื้นกลิ้งไปแทบเท้าเข้ม ดินหน้าซีดเมื่อเข้มหยิบกล้องขึ้นมา
"กล้องวีดีโอ หยุด หยุด นี่ พวกแกพกกล้องเข้ามาหรือ แกเป็นใคร?"
ดินควักตราตำรวจออกมาทันที
"นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ"
"เปิดเผยตัวทำไมวะ?"
ทุกคนร้องกรี๊ด โวยวายอื้ออึงว่าตำรวจ ตำรวจ เข้มอึ้งไป
"ที่นี่เป็นสถานบันเทิงที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วพวกเราก็เป็นลูกค้า จะจับข้อหาอะไรไม่ทราบ ?"
"พวกแกมาซ่องสุมพนันบอลกันใช่ไหม อย่าคิดนะว่าจะตบตาจำรวจได้"
"ไหนครับโพยบอล ไหนครับ หลักฐานการแทงบอล อยู่ไหนล่ะ"
"ยังทำปากแข็ง ก็ในห้องนี้ไงล่ะ"
ดินมั่นใจมาก เดินไปที่ประตูบานนั้นทันที ดินเปิดแล้วเดินเข้าไปข้างใน คนอื่นตามไปแต่แล้วก็ต้องช็อค เมื่อห้องตรงนั้นกลายเป็นห้องครัว
ดินกลับไปรายงานให้สารวัตรทราบที่สถานี และโดนตำหนิที่ตัดสินใจทำอะไรไปอย่างปุมป่าม ดินยอมรับผิด แต่ก็ยังไม่วายโทษว่าเป็นเพราะหินที่ทำให้แผนการของตนบานปลายออกไป
"เขามีเรื่องชกต่อยกับคนที่ไปเที่ยว เราทุกคนเลยต้องเปิดเผยตัว"
"หมวด..."
จ่านิดเตือนสติดินว่ากำลังด่าพ่ออยู่"ไอ้พวกนั้น มันจะทำผู้หญิง ผมทนเห็นไม่ได้"
"คุณนี่จริงๆ ความผิดของคุณยาวเป็นหางว่าว โดยสั่งพักงานเป็นสิบๆครั้ง ก็เพราะใจร้อนนี่ล่ะ เมื่อไหร่จะเข็ดเสียทีห๊า"
หินโมโหมาก โวยลั่น
"ไอ้ลูกบ้า โทษฉันหรือ อยากได้ผลงานนักหรือไง ทั้งหมดนี่น่ะเพราะแกมันโง่ ทำงานไม่เป็น นึกอยากจะเอาผลงานคนเดียว หน็อยเรียนมาตั้งสูง ทำงานไม่เป็นนี่หว่า"
"ไอ้ดิน ไอ้ลูกอกตัญญู นี่แก!"
สารวัตรรีบเข้าไปขวางทั้งสองคน
"หยุด หยุดได้แล้ว ! นี่ขนาดต่อหน้าผมนะ ควบคุมอารมณ์กันหน่อยสิ !"
ทั้งสองเงียบ สารวัตรมองหน้าทิ้งสอง เหนื่อยอ่อนใจ
"ฮึ่ย ครั้งนี้ผมจะภาคทัณฑ์ไว้ก่อน แต่ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ผมจะสั่งขังพวกคุณทั้งหมด !"
ทางด้านเข้ม แม้จะรอดตัวมาได้ แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก จึงเก็บเสื้อผ้าเพื่อเตรียมย้ายออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัยของน้องสาว เปรี้ยวหวานเดินเข้ามาเจอเป้กำลังเก็บเสื้อผ้าก็แปลกใจ
"พี่จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นสักพัก"
"ไปอยู่ที่อื่น ทำไมล่ะคะ เกิดอะไรขึ้น?"
"เปรี้ยวหวาน ฟังพี่นะ เราสองคนเคยอยู่กับยาย อดมื้อกินมื้อเราเคยลำบาก เคยจนมาด้วยกัน ถึงวันนี้เห็นหรือยังว่าพี่ทำอะไรให้น้องบ้าง"
"พี่เข้มทำให้เรามีบ้าน มีรถ มีโรงพิมพ์ ทั้งหมดนี้เพราะพี่เข้มคนเดียว"
"ใช่ เราจะไม่มีวันกลับไปลำบากแบบนั้นอีกแล้ว พี่ให้สัญญา แต่เปรี้ยวหวานต้องเชื่อฟังพี่นะ พี่จะไปอยู่ที่อื่นสักพัก น้องไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานเดี๋ยวพี่ก็กลับมา"
เข้มไม่สนใจเสียงทัดทานของเปรี้ยวหวาน เดินออกไปขึ้นรถที่เป้จอดรออยู่
"แกไปส่งฉันที่คอนโดฯ แล้วเอารถคันนี้ให้เปรี้ยวหวานไปใช้"
"ตำรวจแค่คนเดียว มันอาจะไม่ได้ตั้งใจตามสืบพี่ก็ได้ ผมว่าพี่คิดมากเกินไป ไม่เห็นจำเป็นต้องย้ายบ้าน"
"กันไว้ดีกว่าแก้ ฉันย้ายไปอยู่คอนโดฯใหม่ ส่วนแกดูแลที่โรงพิมพ์กับร้านหนังสือแทนฉันด้วย ต่อไปนี้ฉันจะถอยมาอยู่เบี้องหลังคงต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัวมากขึ้น"
"ทำโต๊ะบอลได้เงินมาเยอะแยะ แต่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ไม่เห็นมีโอกาสใช้เงิน"
"ไอ้เป้ !"
"พูดเล่น"
เป้รีบออกตัว แล้วขับรถพาเข้มไป
หินนั่งซึมอยู่ที่บ้าน หลังจากทะเลาะกับดินเสียใหญ่โตจนเพื่อนๆ ต้องแวะมาเยี่ยม แอ๋วจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่าหินไม่เห็นด้วยกับการที่ดินไปเป็นตำรวจ เพราะดินสุขภาพไม่ดี ทำให้หินกลัวว่าดินจะล้มป่วยลงเหมือนสมัยเด็กๆ
"เฮ้ย ถ้าเอ็งกลุ้มใจมาก ก็ชวนยายแอ๋วเล่นจ้ำจี้บ่อยหน่อยแล้วมีลูกอีกสักคน สอนให้มันเป็นแต๋ว มันจะได้รักเรามากๆไง"
แก้วแกล้งพูดเหมือนเป็นเรื่องตลก
"ไม่ได้เรื่อง เอางี้ดีกว่า หาเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ถ้าโตขึ้นไม่สวย ก็หาผู้ชายรวยๆมาแต่งงาน เรียกสินสอดแพงๆ แต่ถ้ามันสวยก็จับมาทำเมีย"
"เฮ้ย ไร้สาระ คนมันเศร้าอยู่นะโว้ย ฉันว่าทำกิฟต์ดีกว่า เอาเชื้อไปฉีดให้ผู้หญิงหลายๆคนมีลูกออกมาก็ส่งขายมาเลย์ เหลือตัวที่ดุๆไว้จะได้เฝ้าบ้าน"
แก้วกับอ๊อดมองหน้าธงที่ชอบส่งมุกขำแปลก
"นี่คิดว่าขำสุดชีวิตแล้วใช่ไหม?"
ธงยิ้มแห้งๆก็แค่อยากขำตามเพื่อน หินไม่สนใจเพื่อนผู้ไร้สาระยืนมองรอใครบางคน จ่านิดขึ้นรถมอเตอร์ไซด์มาจอด
"จ่า โทร ตามผมทำไมหรือ"
หินนิ่งไปครู่หนึ่ง
"เฮ้อ จะฝากด่าลูกอีกละซิ เบื่อจริงโว้ย"
หินยิ้มออกมา ไม่มีความเครียดใดๆเหลืออยู่ ดูแปลกตาเป็นคนละคน ยื่นถุงให้
"นี่ยา ...ฝากให้ไอ้ดินมันด้วย"
"ทำไมเยอะแยะอย่างนี้ล่ะ?"
นิดเปิดถุงดู มีทั้งยาพ่น ยาน้ำและยาแผง หินบรรยายเรื่องยาอย่างมีความสุขที่ได้จัดยาให้ลูก
"แกเป็นคนไปซื้อยาให้ไอ้ดินมันใช่ไหม ไอ้ยาพ่นยี่ห้อที่แกซื้อน่ะ มันจะทำลายโพรงจมูก ส่วนยาแก้แพ้น่ะ ต้องยี่ห้อนี้ ราคาถูกกว่าแถมไม่ง่วงด้วย ส่วนยาแก้ไข้ที่เป็นเม็ดน่ะ มันไม่กินหรอก มันชอบกินยี่ห้อนี้"
ธง แก้ว อ๊อด ยืนตะลึงตกลงที่นั่งเม่อเป็นวันๆ ไหงออกมาตรงกันข้าม
"เฮ้ยอะไรกันวะ?"
ไอ้หิน แกไม่โกรธไอ้ดินมันหรือ ?"
หินยิ้มนึกถึงอดีตอันสวยงามลูกน้อยก็คือลูกน้อย
ไหมทองเห็นว่าเข้มหายหน้าไปหลายวัน จึงแวะไปถามเป้ที่ร้านหนังสือ แต่จู่ๆ เข้มก็โทร มาหาและบอกให้เธอมาหาที่คอนโดฯ ซึ่งอยู่ห่างจากร้านไปไม่กี่เมตร ไหมทองรีบรีบตามไปหาเข้ม หลังจากที่รู้ว่าเข้มออกมาอยู่ตามลำพัง
"อันนี้เขาเรียกข้าวต้มสมุนไพร เวลาพ่อหรือแม่ไม่สบาย ฉันทำให้ทานบ่อยๆ"
"ใส่หลายอย่างจัง"
"ต้นหอมแก้ไข้ ผักชีแก้คลื่นไส้กระเทียมแก้ท้องอืด ขิงช่วยขับลม ถั่วแดงช่วยให้แผลหายเร็ว ข้าวกล้องวิตามินสูง ไม่ว่าคุณเป็นอะไร.. ขอให้หายหมด เพี้ยงๆ นี่ไงใส่คาถาลงไปด้วย"
"ไม่ใช่น้ำลายหรือ เป่าลมซะขนาดนั้น"
ไหมทองตีเข้มด้วยความสนิทสนม ทั้งสองหัวเราะกัน เข้มมองหน้าจริงจังเต็มไปด้วยความรัก
"คุณดีกับผมจังเลย พ่อทิ้งผมไปตั้งแต่เล็กๆ แม่ก็เสียไปตั้งแต่ผมสิบขวบ ผมโตขึ้นมาได้เพราะยาย นอกจากยายและน้องสาว คงมีแต่คุณที่ดีกับผมขนาดนี้"
ไหมทองมองหน้าเข้มตกใจ ทั้งคู่มองตากันลึกซึ้ง สักครู่โทรศัพท์ดังขึ้น ทั้งสองสะดุ้งเขินกันไป เข้มรีบปล่อยมือ
ไหมทองรับสายถึงรู้ว่าเป็นโทรศัพท์จากแก้ว ที่บอกว่าจะมารับ และได้ยินแก้วบ่นเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ที่มีหญิงสาวถูกทำอนาจาร ไหมทองก็เริ่มกลัวจึงรีบขอตัวกับเข้ม
"ผมไม่ใช่คนดีเท่าไหร่หรอกนะ คุณจะอยู่ห่างๆผมก็ได้"
เข้มพูดดักคออย่างเข้าใจ
"อะไรกันคะ?"
"แต่เรื่องหนึ่งที่ไว้ใจได้ คือผมไม่เจ้าชู้ อาจจะเป็นเพราะพ่อผมเจ้าชู้มากละมั้ง ผมเลยไม่มีนิสัยอย่างนี้ ถ้าผมรักใคร ผมรักจริง!"
ไหมทองซาบซึ้ง เชื่อสนิทใจ
"ค่ะ"
"คุณจะมาอีกไหม?"
เข้มลุ้นคำตอบ ไหมทองมองหน้า และแล้วความรักที่มีต่อเข้มก็ชนะความรักที่มีต่อพ่อแม่ ไหมทองพยักหน้าในที่สุด
"มาค่ะ"
วันหนึ่งในตอนกลางดึก อ๊อดตัดสินใจชวนแก้วขับรถที่บ้านของเปรี้ยวหวาน เพื่อมาแอบดูลูกสาวอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเริ่มคิดถึงครอบครัว หลังจากรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคหัวใจ แก้วรู้สึกแปลกใจกับความลับของอ๊อดเรื่องลูก จึงยุส่งให้อ๊อดรีบไปแสดงตัวให้เปรี้ยวหวานรู้
เปรี้ยวหวานออกมาต้อนรับอ๊อด้วยความงงงัน แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมาอ้าวตัวว่าเป็นพ่อ ท่าที่ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
นี่อยู่คนเดียวหรือ พี่ชายของหนูไปไหนล่ะ ?"
อ๊อดถามหลังจากเดินตามเปรี้ยวหวานเข้าไปในบ้านแล้ว
"ไปต่างจังหวัด"
เปรี้ยวหวานตอบเสียงห้วน อ๊อดเก้อเขินไม่คุ้นชินกับความเป็นพ่อแถมยังตื่นเต้น พูดผิดพูดถูก
"คือ....ผม เอ้อ พ่อเคยมาหาหนู เมื่อตอนเด็กๆแต่แม่เขาไม่ชอบให้พ่อมาหา แต่พ่อก็ส่งเงินมาให้หนูตลอด แม่เคยบอกไหม? "
"คุณพูดมาตรงๆดีกว่า ว่าคุณต้องการอะไร? "
"เมื่อไม่นานมานี้ พ่อหัวใจวาย นอนอยู่ที่โรงพยาบาล จู่ๆพ่อก็นึกถึงแม่ของหนูกับหนูทั้งสองคน"
คราวนี้เปรี้ยวหวานทิ้งทุกอย่าง มองหน้าอ๊อดเฉยๆ ดวงตาเรียบไม่แสดงความรู้สึกสองหนุ่มงง ยืนนิ่งตามไปด้วย แก้วกระซิบ
"เฉยๆอย่างนี้แปลว่าอะไรวะ?"
เปรี้ยวหวานยกกะละมังขนาดใหญ่ขึ้น อ๊อดกับแก้วร้องเสียงดังมุดหัวหลบเพราะนึกว่าโดนเอาชามโขกหัวแล้ว
"ยัง!"
เปรี้ยวหวานหยุดมือไว้ ยื่นชามให้อ๊อด
"ช่วยถือหน่อยค่ะ"
เปรี้ยวหวานเดินเลี่ยงเอาอาหารไปเทให้หมาจรจัดในซอยใกล้บ้าน โดยมีอ๊อดกับแก้วตามไปติดๆ
"ม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไนห ฉันจะเลี้ยงอาหารหมาจรจัด ฉันทำแบบนี้ตั้งแต่สิบขวบ รู้ไหมคะ ทำไม?"
เปรี้ยวหวานเล่าเรื่องที่เข้มสอนให้เปรี้ยวหวานมองดูหมาจรจัดที่สู้ชีวิตตามลำพังเป็นตัวอย่าง ให้เป็นแรงบันดาลใจในการเอาตัวรอด ตอนเด็กๆฉันเคยแอบหวังว่าคุณจะมารอฉันที่หน้าบ้านเหมือนวันนี้ แต่คุณกลับมาในวันที่คุณป่วยใกล้ตาย ทำไมคะ คุณหวังจะให้ฉันเลี้ยงดูคุณตอนแก่งั้นหรือ!"
"ไม่ ไม่ใช่นะลูก.."
"คุณหวังว่าฉันจะคอยดูแลคุณในขณะที่คุณไม่เคยดูแลฉัน แล้วถ้าฉันปฎิเสธ เพื่อนที่มาด้วยของคุณคงพูดว่า..พ่อก็คือพ่อ ถ้าฉันไม่ดูแล ฉันก็อกตัญญู เพื่อนคุณก็ต้องว่างั้นใช่ไหม?"
"เฮ้ย ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ"
"คุณกลับไปเถอะ เราเคยมีชีวิตกันอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น อย่ามาพบ มาเจอกันอีกเลย"
"ไม่นะ ไม่ เปรี้ยวหวานฟังพ่อก่อน...เปรี้ยวหวาน"
"อ๊อด ...ลูกแกเขาคงต้องการเวลาน่ะ... อย่าเพิ่งใจร้อนเลยนะ"
"ฉันไม่ได้มีความสุขอย่างที่เขาคิด เขาคิดว่าเขาไม่มีความหมายกับฉัน ไม่จริงสักหน่อย"
อ๊อดพึมพำ
วันต่อมาดินแวะเอาต้นฉบับไปส่งให้เปรั้ยวหวานที่โรงพิมพ์ แล้วพยายามถ่วงเวลาอยู่ต่อ เพื่อสำรวจความผิดปกติในโรงพิมพ์ในเวลานั้นอ๊อดมาหาเปรี้ยวหวานที่โรงพิมพ์และพบกับแป๊ดกับเป้ เมื่อได้ยินว่าเปรี้ยวหวานมีผู้ชายมาจีบ ก็แอบฟังจนเข้าใจผิดว่าทั้งคู่กำลังทำมิดีมิร้ายกัน
อ๊อดรีบพรวดพราดเข้าไปแล้วต่อยหน้าดินทันที
"นี่แน่ะ ไอ่คนชั่ว แกทำลูกฉันอย่างนี้ได้ไง"
"ผมทำอะไร แค่หยิบหนังสือ นี่หรือครับ?"
"เย็บหนังสือหรือ แล้วทำไม มีเสียวไม่เสียวด้วยล่ะ?"
แป๊ดถามอย่างสงสัย
"ก็หนูเสียวมือโดน เข็มใหญ่จะตาย นี่ที่บุกเข้ามานี่เพราะคิดว่า ว่า อี๊..."
"เฮ้ย ผมเปล่านะ"
ดินหันไปเจอเปรี้ยวหวานมองด้วยสายตาอ่อนโยน
"อุ๊ย หน้าแดงเชียวน่ารักจัง"
อ๊อดโมโหผลักดินไปติดฝาผนัง
"ฮึ่ย นี่แกคิดจะมาจีบลูกสาวฉันใช่ไหม?"
"ลูกสาวหรือ?"
เป้หันมามองแป๊ด แป๊ดส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง
"เมื่อก่อนเขาไม่มีพ่อมีแม่ผู้ชายเจ้าชู้อย่างแกคงได้ใจ แต่ตอนนีเขามีพ่อแล้ว พ่ออย่างฉันจะปกป้องเขาจากผู้ชายอย่างแก เอ๊ะ เราเคยเจอกันหรือเปล่า ทำไมหน้าคุ้นๆ"
อ๊อดมองหน้าดินอย่างคลับคล้ายคลับคลา
"ออกไป!"
"เห็นไหม ลูกฉันไล่แกแล้ว"
"ฉันหมายถึงคุณ"
"เปรี้ยวหวาน!"
อ๊อดร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
"ถ้าคุณไม่ออก ฉันออกเองก็ได้"
เปรี้ยวหวานเดินออกไปทันที อ๊อดเดินตาม เป้หันมาคุยกับแป๊ด ดินได้ยินด้วย
"อะไรกันเนี่ย ไหนว่าคุณเปรี้ยวหวานเป็นกำพร้าไง?"
"พ่อเขาเลิกกับแม่ จริงๆที่เขาลือกันหนักกว่านี้ เขาว่าพ่อของคุณเปรี้ยวหวานน่ะ ตั้งใจทิ้งครอบครัวไป เพราะเจ้าชู้น่ะ ไอ้เราก็ลืม ถึงว่าหน้าคุ้นๆ"
"อ๋อ ที่ว่าเป็นดาราใช่ไหม มิน่าหน้าคุ้นๆ"
"นายเข้มมีประวัติครอบครัวอย่างนี้เองหรือ"
ดินพึมพำคนเดียวด้วยความสงสัย
ดินออกมาจากโรงพิมพ์ รีบโทรศัพท์หาจ่านิดเพื่อบอกเรื่องข้อมูลที่ได้รับมา โดยไม่รู้ว่าอ๊อดแอบมาได้ยินดินพูดกับจ่านิดว่าหนังสือที่เอามาเสนอเปรี้ยวหวานเป็นหนังสือที่ลอกมาจากต้นฉบับของคนอื่นอีกที พอตกเย็นอ๊อดได้เจอกับเพื่อนทั้งสี่ที่สนามบอล ก็รีบมาเล่าเรื่องของดินให้ฟังด้วยความโกรธ
"ลอกหนังสือชาวบ้านเขามาเสนองั้นหรือ?" แก้วทวนคำ
"เด็กผู้ชายสมัยนี้มันแย่จริงๆ เขาไม่สอนกันแล้วหรือไงเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษน่ะ"
จู่ๆหินก็พูดขึ้นมา โดยไม่รู้ว่ากำลังด่าตัวเอง
"ต้องโทษที่พ่อแม่มัน ความเป็นลูกผู้ชายต้องสอนตั้งแต่ในครัวเรือน แบบนี้ใช้ไม่ได้"
"ก็ถึงว่าไอ้หิน วันนี้เอ็งพูดถูกใจ ข้าจะจำคำเอ็งไปด่ามัน ด่ามันถึงพ่อมันด้วย"
"ด่าไปเลย ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!"
"เยี่ยม พูดได้ดี ชนแก้ว"
ทั้งหมดพูดพร้อมกันขณะชนแก้ว
"ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!"
ทั้งหมดดื่ม โดยไม่รู้ตัวว่าด่าใครไป
"ใช่ ไอ้นักเขียนกำมะลอคนนี้ ต้องเจอพ่ออย่างข้า ยุ่งกับลูกสาวฉันอีกเมื่อไหร่ เจอดีแน่!"
อ๊อด พูดอย่างมุ่งมั่น
ค่ำวันนั้นไหมทองยังคงไปใช้เวลาอยู่ที่คอนโดฯของเข้มตามเคย โดยไม่รู้ว่าแก้วกับไหมทองแวะมารอที่ร้านด้วยความเป็นห่วง ความใกล้ชิดที่ไหมทองมีต่อเข้ม ทำให้ทั้งสองเผลอใจมีความสัมพันธ์กัน
เมื่อไหมทองกลับมาที่ร้านด้วยความรู้สึกผิด ก็ต้องตกใจที่เจอพ่อกับแม่รออยู่
"คุณพ่อ คุณแม่ รอนานไหมค่ะ?"
"ไปไหนมา ปิดมือถือทำไม แล้วนี่วิ่งมรหรือ?"
"เอ้อ ไปวิ่งออกกำลังมาค่ะ ใช่ๆ วิ่งออกกำลังกาย"
ไหมทองรีบหาข้อแก้ตัว
ฝ้ายมองเสื้อผ้าที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ชุดออกกำลัง
"ทั้งชุดนี้หรือ?"
"อะไรกันคุณ ลูกเพิ่งมาเหนื่อยๆ มาๆ มานั่งก่อน เจี๊ยบไปเอาน้ำมาให้คุณไหมหน่อย นี่ พ่อตอกที่แขวนไว้ให้หนูด้วยนะ มาดูสิ มาดู"
ไหมทองยิ้มกับพ่อ ที่ไม่รู้สึกเลยถึงความผิดปกติ แล้วหันมามองแม่ หลบสายตาแม่ที่มองมา
เปรี้ยวหวานเก็บเอาคำพูดของดินเรื่องที่แนะนำให้เธอหาข้อมูลมาประกอบการเขียนนวนิยายมาคิด และตัดสินใจเดินเข้าไปที่ร้านนวดแผนโบราณของแอ๋ว เพื่อขอสมัครงาน หาข้อมูลมาใช้ในการเขียน ขณะที่เจรจากันอยู่นั้น จ่านิดเห็นเปรี้ยวหวานก็จำได้และเดินออกมาคุยด้วยจนรู้ว่าดินเป็นคนแนะนำให้เปรี้ยวหวานมา จึงออกปากฝากฝังให้แอ๋วดูแล
แต่นกน้อยซึ่งแอบชอบดินอยู่ รู้สึกหึงหวงเมื่อรู้ว่าเปรี้ยวหวานกับดินสนิทสนมกัน จึงรีบไปฟ้องหินที่สนามบอล
"หา...ไอ้ดินไปติดผู้หญิงอย่างว่าหรือ?"
"ใช่ค่ะ ผู้หญิงคนนี้ สวยก็ไม่สวย แถมใจแตกอีกต่างหาก เดินเข้ามาขอสมัครงานขายตัวกับน้าแอ๋วเฉยเลย หน้าด้านที่สุด ไม่เชื่อไปถามน้าแอ๋วสิคะ"
"แล้วนี่ไอ้ดินมันไปหลงเขาอีท่าไหน มันไม่น่าโง่ขนาดนี้นะ มันไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นผู้หญิงขายตัว"
"นกน้อยว่าพี่ดินเขาไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ยัยเนี่ยหน้าใสใจคด มันคงหลอกพี่ดินอยู่หมัดว่าเป็นผู้หญิงธรรมดา"
"อืมม์.. ผู้หญิงคนนี้มันจะไปสมัครงานกับนังเอ๋อพรุ่งนี้ใช่ไหม ดีล่ะ?"
หินถามเพื่อความแน่ใจ
"ลุงหินจะทำอะไรจ๊ะ?"
"ข้าจะตามไอ้ลูกโง่ไปดูให้เห็นกับตา ให้มันตาสว่างซะทีน่ะสิ ว่าผู้หญิงที่มันชอบน่ะเป็นอีตัว"
นกน้อยยิ้มพอใจที่ปั้นเรื่องโกหกหิน
"เฮ้อ เด็กผู้หญิงสมัยนี้ มันไม่มีงานการอื่นทำแล้วหรือไง"
"สังคมมันฟอนเฟะ ระบบการศึกษาอ่อนแอ สถาบันครอบครัวก็ไม่เข้มแข็ง พ่อแม่ไม่มีเวลามาสั่งสอนลูก"
อ๊อดด่าออกมาเต็มๆ โดยไม่รู้ว่ากำลังด่าตัวเองอยู่ เหมือนที่หินทำคราวที่แล้วเปี๊ยบ
"ใช่ นังหนูคนนี้ พ่อแม่มัมคงไม่สั่งสอน!"
"ถูก นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ..เอ้า ดื่ม"
ทั้งหมดชนแก้วดื่มน้ำ อีกครั้งที่ต่างคนต่างด่าลูกของตนเองออกมา
"พรุ่งนี้ นังหนูนั่น เจอข้าแน่"
นกน้อยยิ้ม ยัยผู้หญิงหน้าสวยคนนั้น ต้องถูกกำจัดออกไปจากชีวิตของดินแน่นอน
นกน้อยใส่ไฟเปรี้ยวหวานเสร็จก็กลับบ้านไป และเจอโจ้ ต่าย เพชร กำลังเตรียมออกไปซื้อกับข้าว ด้วยความรำคาญ เด็กทั้งสามที่ธงอุปการะมาไว้ที่บ้านมานานหลายปี นกน้อยรีบปรี่เข้าไปแย่งเงินเพื่อจะเอาไปซื้อของใช้ของตัวเอง ทั้งสามตกใจรีบวิ่งตามออกมาขอคืน
"พี่นกน้อย ขอเงินเราคืนเถอะนะครับ นั่นน่ะ ต้องอยู่ให้ได้ถึงสิ้นเดือน ถ้าพี่เอาไป เราจะอยู่ยังไง"
นกน้อยผลักโจ้เซไปที่พื้น ต่าย เพชร ตกใจมาก
"โจ้!"
"ฟังนะ ไอ้เด็กกาฝาก เพราะพ่อฉันมัวแต่เลี้ยงดูพวกแก เราถึงลำบาก บ้านเก่า เสื้อผ้าเก่า เพราะพวกแก ชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้"
นกน้อยเดินออกไป เกลียดเด็กทั้งสามมาก ต่ายมองเพื่อนเจ็บแล้วแค้น โวยตามหลัง
"โธ่ พูดดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องผลักกันด้วย"
ทั้งสามคนนั่งจับเจ่ากันอยู่ในบ้านด้วยความหิวโหย จนกระทั้งธงกลับมาที่บ้าน ธงสังเกตเห็นความผิดปกติของทั้งสาม จึงพยายามคาดคั้นจนรู้ว่าเงินที่ให้ไว้ซื้อกับข้าวหายไป
"เคยบอกแล้วใช่ไหม ครูไม่ชอบคนโกหก ใครเอาเงินไป บอกมา"
ทั้งหมดเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่โจ้จะยกมือขึ้น
"ผมเองครับ ผมทำเงินหาย"
"เงินหายหรือ ตอบง่ายไปไหม เป็นคนจน โดนเขาดูถูก วันหนึ่งก็รวยได้ แต่ถ้าเป็นคนเลว ขโมยเงินคนอื่น ต่อให้มีเงินแค่ไหนเขาก็รังเกียจ"
"ครูจะคิดยังไงก็ได้ เชิญครับ"
โจ้ลุกขึ้นเดินมายืนกอดอกให้ครูตีอย่างกล้าหาญ
"ดี!"
ธงตีก้นโจ้หนึ่งที โจ้สะดุ้งเจ็บปวด ต่ายและเพชรนิ่วหน้าเจ็บแทน
"ว่าไง จะยอมพูดออกมาไหม ว่าเอาเงินไปทำอะไร ครูเอาพวกแกมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ทั้งที่ไม่ใช่ลูก ถ้าแกยังขืนโตขึ้นเป็นคนเลว ครูจะตึแกให้ตายคามือนี่ล่ะ"
เพชรทนเห็นเพื่อนเจ็บไม่ไหว วิ่งเข้ามาเอามือขวางเพื่อนไว้
"อย่า อย่าตี ไม่ใช่ครับ ผมผิดผม ผมเองที่ทำเงินหาย ตีผมเถอะครับ"
ต่ายเองก็รู้สึกอย่างเดียวกับเพชร วิ่งเข้ามาขวางเพชรอีกคน
"ผมต่างหาก ผมเป็นคนทำหาย ตีผมดีกว่า"
"นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
นกน้อยเดินกลับมา ยิ้มแย้มฮัมเพลง ในมือ ถือถุงใส่เสื้อผ้า
"พ่อมาแล้วหรือจ๊ะ นี่ๆมีอะไรให้ดู เป็นไง เสื้อผ้าใหม่ๆ สวยไหมจ๊ะพ่อ"
ธง เอะใจ ตะโกนถามเสียงดุ
"นกน้อย ลูกเอาเงินจากไหนไปซื้อเสื้อผ้าพวกนี้?"
นกน้อยเห็นพ่อท่าทางดุ ซีเรียส ก็หันไปมองเด็กทั้งสามคน นกน้อยผลักเด็กเหล่านั้นลงไปที่พื้น
"ไอ้พวกนี้ ฟ้องพ่อฉันหรือ แกโดนดีแน่!"
ไม่หน่ำใจ นกน้อยจะตามไปตบ ธงรีบดึงมือไว้
"นี่หยุดนะ คนที่ทำใสห้พ่อรู้ว่าใครเอาเงินไป คือหนูนั่นล่ะ พวกเขากำลังบอกพ่อว่าทำเงินหายต่างหาก"
"อะไรน่ะ?"
"พ่อนี่ล่ะที่ดันไปปรักปรำเขาว่าเป็นขโมย แต่สุดท้าย คนที่ขโมยคือลูกพ่อนี่เอง ทำแบบนี้ทำไม หา !"
นกน้อยถูกดุ โจ้ ต่าย เพชร รีบพูดให้
"ครู อย่าตีพี่นกน้อยเลยนะ เขาพูดถูกแล้ว พวกเราต่างหากที่มาอาศัยครู มาเบียดเบียนพี่เขา"
นกน้อยยิ้มพอใจ ปะชด
"ได้ยินชัดหรือยังคะคุณพ่อ ฮึ วันๆมีแต่เรื่องไปลองเสื้อดีกว่า"
นกน้อยค้อนพ่อ เดินหนีเข้าห้องตัวเอง ธงยังไม่หายโกรธเดินตาม
"เงินเดือนของพ่อ พ่อจัดไว้ให้หนูแล้ว หนูไม่ควรไปเบียดเบียนค่าข้าวของน้องอีก"
"พวกเขาไม่ใช่น้องหนู พวกมันก็มีพ่อมีแม่ ทำไมไม่กลับบ้านไปล่ะ?"
ธงเสียงอ่อนลง พยายามอธิบาย
"พ่อแม่เด็กพวกนี้ ทั้งขี้เมา ทั้งติดยา ถ้าปล่อยไว้สามคนนี้ก็หมดอนาคต"
"พ่อก็ดีแต่ห่วงคนอื่น ทำงานเป็นครูเงินเดือนน้อยอยู่แล้ว คนอื่นเขาสอนพิเศษ พ่อก็ไปสอนฟรีที่มูลนิธิ คนอื่นเขาเห็นเงินไว้หาความสุข พ่อก็เอามาเลี้ยงไอ้เด็กพวกนั้"
ธงใจเย็นลงมากแล้ว เสียงอ่อนโยน พยายามสอนลูก
"ความสุขที่ว่าคืออะไรล่ะ คือการดูหนัง ฟังเพลง เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติงั้นหรือ ถ้าเป็นความสุขอย่างนั้น แค่วันสองวัน หนูก็ลืมแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เหมือนกัน ต่อให้แพงแค่ไหนไม่กี่วันหนูก็หายเห่อ ไม่เหมือนความสุขจากการให้ มันจะอยู่กับเราไปชั่วชีวิตนะลูก"
"พ่อพูดเก่งนะคะ พูดจนหนูซึ้งเลย พ่อพูดเรื่องความสุขแล้ว พูดเรื่องความรับผิดชอบให้ฟังบ้างได้ไหมค่ะ?"
"ได้สิลูก คนเราเบียดเบียนโลกมนุษย์ตั้งแต่วันที่เราเกิด เราตักตวงทุกอย่างจากธรรมชาติตลอดเวลา คำว่าความรับผิดชอบในความคิดของพ่อ จึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อสังคม"
นกน้อยเดินมาประจันหน้ากับธงไม่ยอมแพ้ สีหน้าเรียบเย็น
"พ่อรับผิดชอบต่อสังคม แล้วคำว่ารับผิดชอบต่อครอบครัวล่ะ พ่อเอาไปวางไว้ไหน แม่หนีไปเพราะทนความลำบากไม่ได้ แล้วหนูล่ะ พ่อให้หนูเกิดมา แต่เลี้ยงลูกอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ พ่อยังเรียกตัวเองว่ามีความรับผิดชอบงั้นหรือ ..พ่อพูดได้จริงๆหรือคะ ว่าพ่อน่ะมีความรับผิดชอบ"
ธง สลดใจกับคำพูดของนกน้อยจนไม่อยากจะอยู่สุ้หน้าลูกสาว จึงเลี่ยงออกมาหาเด็กทั้งสามและอาสาช่วยทายาให้
"ทำไมไม่บอกครูตามความจริง โดนตีก็ยังไม่ยอมบอก ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน"
"พวกเราจะตั้งใจเรียน จะได้โตเร็วๆหางานดีๆทำ ความจนนี่มันทรมานนะครู"
"รู้ไหม บ้านี้น่ะ พรุ่งนี้ครูตามเพื่อนมาซ่อม ไม่ต้องเสียเงินสักบาท ส่วนของกิน เราก็ทำงานให้หนักขึ้น เดี๋ยวก็ได้เงินมา ใครนึกว่าความจนเป็นปัญหา แต่ปัญหาที่แท้จริงน่ะ อยู่ที่ ความไม่พอ ต่างหาก"
"ครู"
โจ้ ร้องออกมาอย่างซึ้งใจ
"ไม่ต้องย้ายไปไหนหรอก อยู่ด้วยกันนี่ล่ะ"
"แต่ครู ต้องทะเลาะกับพี่นกน้อยนะฮะ ครูไม่กลุ้มหรือ ?"
"ไม่เคย...ตรงกันข้าม วันีน้ครูมีความสุขมาก"
"มีความสุขหรือฮะ ?"
ธง นั่งลงเอามือโอบเด็กทิ้งสาม สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ทั้งสี่คนนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
"มีความสุข เพราะ ลูกชายทั้งสาม ของครูเป็นเด็กดี เป็นลูกผู้ชาย รู้จักเห็นใจ รู้จักเสียสละ ไม่มีอะไรทำให้ครูมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว"
"ครู"
ธงลูบหัวเด็กทั้งสาม ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ของผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
"อดทนไว้นะลูก ทั้งความหิว ความเจ็บและความอดอยาก ไม่ว่ายังไง อย่ายอมให้มันทำลายความเป็นคนของเรา ! แล้ววันหนึ่งเราจะชนะแล้ววันนั้นจะเป็นวันของเรา เชื่อครูนะ"
เด็กทั้งสามคนน้ำตาคลอหน่วย
"ได้ครับ พ่อครู..พวกเราจะเป็นคนดี ให้พ่อครูดู จะเป็นให้ได้!"
วันต่อมาถึงกำหนดที่เปรี้ยวหวานจะมาสมัครงานที่ร้านของแอ๋ว สี่สหายจึงนัดแนะตามมาสังเกตการณ์ โดยนกน้อยแอบโทรศัพท์ไปบอกดินว่าจะมาสมัครงานที่นี่ เพื่อหลอกให้ดินตามมาห้าม จะได้พบกับเปรี้ยวหวานโดยบังเอิญ
หินกับธงแยกตัวกันออกไปดูเปรี้ยวหวาน เพื่อถ่ายรูปมาประจาน ปล่อยให้อ๊อดกับแก้วนั่งรออยู่ที่ด้านหน้าตามลำพัง แต่เมื่อทั้งสองเห็นดินเดินเข้ามาอ๊อดก็รีบปรี่เข้าไปหา
"นี่จำฉันได้ไหม?"
"พ่อคุณเปรั้ยวหวาน"
"ไหนบอกเป็นนักเขียนหนังสือธรรมะ แล้วมาเที่ยวแบบนี้ได้ไง หา"
"เอ้อ ไม่ใช่นะครับ น้องสาวผม เอ้อ คนรู้จักน่ะฮะ เขาจะมาทำงานที่นี่ ผมเลยจะมาห้ามเขา"
"โฮ้ย ตลกว่ะ จะโกหกทั้งที ...ไม่เนียนเล้ย"
"ถ้างั้น คุณอาบอกว่าคุณอาเป็นพ่อตัวอย่าง แล้วมาที่นี่ทำไมครับ?"
อ๊อดสะดุ้งบ้าง
"เฮ้ยไม่ใช่นะ ฉันตามเพื่อนมาลูกของเพื่อนมันจะถูกผู้หญิงในนี้หลอกเอาน่ะ"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณอาว่าผมว่าอะไรนะครับ"
แก้วหัวเราะและเลียนคำพูดอ๊อดเมื่อกี้นี้เหมือนมาก
"โฮ้ย ตลกว่ะ จะโกหกทั้งที.. ไม่เนียนเล้ย"
อ๊อดหันมาด่า จะไปช่วยมันทำไม แก้วจ๋อยกระซิบ
"ไอ้นี่หรือ ที่มาจีบลูกแก ทำไมมันหน้าคุ้นๆวะ"
อ๊อดยังคงหาเรื่องดินอย่างต่อเนื่อง และเกิดความคิดพิเรนทร์รีบโทรศัพท์ไปหาหินเพื่อยืมมือหินมาจัดการกับดิน
"อะไรของแกอีก?"
"ฉันกำลังจะมีเรื่อง แกมาช่วยหน่อยเถอะวะ"
"เรื่องอะไรอีกวะ อะไรนะผู้ชายที่มันจีบลูกสาวแกหรือ มันเป็นนักเที่ยวหรือ แล้วมันจะจีบลูกสาวแกได้ไงว่ะ ?"
"ก็นั่นนะสิ ฉันบอกกับมันนะ ว่าฉันมีเพื่อนเป็นคำรวจ มันบอกว่ามันไม่กล้ว ตำรวจก็ปากแตกเป็น...นั่นดูมันพูดเข้า"
"เฮ้ย ผมพูดหรือ พูดเมื่อไหร่" ดินร้องลั่น รีบเถียง
"มันยังบอกอีกนะ มันน่ะอยากเห็นมานานแล้ว เลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์น่ะสีแดงเหมือนกันหรือเปล่า นั่นดูมันพูดนะ ดูมันพูด"
"โหย ไอ้เด็กเดี๋ยวนี้ หลอกผู้หญิงแล้วยังทำปากดี โอเค ข้าไปเดี๋ยวนี้ บอกพ่อมันนะไปถึงแล้ว ไหว้ครูรอไว้เลย เดี๋ยวจ่าหินเคลียร์ให้ งานนี้บอกได้คำเดียวว่า....แหร่ม"
หินบ้าเลือด เดินจากไป จนธง งง
"เอ้าเฮ้ย แล้วทางนี้ล่ะ ไอ้หิน?"
หินพรวดพราดวิ่งออกมาสมทบกับอ๊อดและแก้วที่หน้าร้าน และพากันเดินเข้าไป ถึงกับชะงักไป
"เฮ้ย ไอ้หิน ด่ามันเลย เหมือนที่แกด่าน่ะขอเต็มๆสักทีวะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน พ่อแม่ไม่รู้จักสั่งสอน!"
"พ่อแกน่ะสิ นี่มันลูกข้า"
หินด่ากลับ
"หา...อะไรนะ?"
"นี่แกอย่าบอกนะว่าลูกข้าไปจีบลูกสาวแก" หินมองไปเห็นเปรี้ยวหวานและคณะเดินเข้ามาพอดี
"เฮ้ยๆ นังเด็กใจแตกที่เราตามหาอยู่นั่นไง"
อ๊อดยังไม่ทันหันไปดูก็ด่าออกมาแล้ว
"อ๋อนังหนูหยำฉ่า อยาขายตัว คนนั้นน่ะหรือ นังเด็กสิ้นคิด เฮ้ย! "
อ๊อดสะดุ้งที่เห็นเปรี้ยวหวาน
"เบาไป ข้าด่าเอง นังด็กมักง่าย เผาพันธุ์ไม่ดี หน้าตาแย่ยังคิดจะหลอกผู้ชายอีก"
"พ่อ"
เปรี้ยวหวานร้องเรียกอ๊อดออกมาอย่างตกใจ
"ใคร เรียก ใครพ่อ หน็อยยังไม่ทันไร ทำมาประจาน คนอย่างจ่าหินไม่รับแกเป็นลูกสะใภ้หรอกโว้ย"
"เปล่า เขาเรียกข้า"
"แน้...ประจบฉันไม่พอ ยังประจบเพื่อนฉันด้วย" หินชี้หน้าด่า แล้วหยุดไปสามวินาที นึกขึ้นได้เอง
"เหวอ นี่ลูกแกหรือ ?"
อ๊อดพยักหน้า ทุกคนร้องที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งหมดจะมานั่งคุยกันที่โต๊ะปะติดปะต่อเรื่องราว
"เรื่องมันชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว มานี่ ฉันกับไอ้แก้วจะเรียบเรียงเรื่องราวให้ฟังเอง" ธงเริ่มเกริ่น
"นี่น่ะ นังหนูนี่ชื่อเปรี้ยวหวาน เขาเป็นลูกไอ้อ๊อด แต่อ๊อดไม่ได้เลี้ยง เขาพ่อลูกเพิ่งมารื้อฟื้นความสัมพันธ์เมื่อไม่นานมานี้"
"หมายความว่าไง แล้วนี่ไม่ได้อยากมาทำงานอาบอบนวดหรอกหรือ"
"ฉันแค่มาหาข้อมูลไปเขียนนิยายน่ะ"
"หา ...มาหาข้อมูลเขียนนิยายหรอก?"
"ส่วนนี่น่ะ ชื่อดินเป็นลูกชายคนเดียวของไอ้หิน ดินอาจะแนะนำให้นะ นี่อ๊อดกับอาแก้ว เขามาเข้ากลุ่มก็ตอนแกไปเรียนนายร้อยแล้ว เลยไม่ได้เจอกัน"
"ถึงว่าหน้าคุ้นๆ เคยเจอมันตอนเด็กๆนี่เอง"
"เดี๋ยวนะ เมื่อกี้บอกว่าเรียนนายร้อยหรือ ?" แป๊ดหันไปมองหน้าดิน เอ๋อรีบตอบแทน
"ก็ใช่สิ พี่ดินไม่ใช่นักเขียนสักหน่อยเขาเป็นตั้งร้อยตำรวจตรี"
"เป็นตำรวจ" เปรี้ยวหวานร้องออกมาอย่างตกใจ
"ก็เลยโกหก เอาหนังสือชาวบ้านมาเสนอเปรี้ยวหวานงั้นหรือ"
ดินพยักหน้า ยิ้มแห้งๆ ขอโทษเปรี้ยวหวาน
"นี่คุณหลอกฉันหรือ เห็นฉันโง่นักใช่ไหม พี่แป๊ด...กลับ!"
เปรี้ยวหวานเดินออกไป กับแป๊ด อ๊อดรีบตามไปดักหน้า
"เปรี้ยวหวานจะไปไหนลูก ทีหลังจะหาข้อมูล มาถามพ่อก็ได้นี่ลูก ที่นี่มันอันตรายรู้ไหม"
"จะให้พูดอีกกี่ครั้งฉันก็ยืนยันคำเดิม เลิกยุ่งกับฉันเสียที"
อ๊อดจ๋อย ต้องปล่อยเปรี้ยวหวานกับแป๊ดออกไป ทางด้านดินก็มุ่งหน้าด่าพ่อเหมือนกัน
"ไปกันใหญ่แล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลย พ่อทำงานผมพังอีกแล้ว เพราะพ่อคนเดียว"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงานเลยนะ ข้าห่วงว่าเอ็งจะถูกผู้หญิงหลอกก็เท่านั้น"
"ผมได้แฟนเป็นผู้หญิงขายบริการแล้วไง แล้วพ่อล่ะเมียพ่อก็หมอนวดแผนโบราณเหมือนกัน บางทีผมยังเห็นพ่อไปช่วยผู้หญิงสองคนนี้หาแขกด้วยซ้ำ" ดินชี้แอนกับเอ๋อ
"เอ๊าพี่ดิน ทำไมพูดงี้ล่ะ อาชีพนี้ไม่ได้ไปฆ่าใครตายนะ"
"ทีหลังเลิกยุ่งกับงานผมได้แล้ว !"
ดินเดินตามเปรี้ยวหวานออกไปอีกคน แก้วมองตาม
"โอ้โห แต่ละคน ไอ้พวกลูกบังเกิดเกล้า หวังดีกับมันแท้ๆ"
ถ้ดไปอีกวัน เข้มชวนไหมทองไปเดินเล่นเลือกซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตามประสาคู่รักแต่ไม่ทันไรแก้วก็โทรศัพท์มาหาไหมทองอีก คราวนี้ไหมทองรู้สึกอัดอัดกับความเซ้าซี้ของแก้ว จึงพยายามตัดบทแล้ววางหูไป
"ท่าทางพ่อรักคุณมากนะ" เข้มเปรยขึ้นมา
"ค่ะ เราสนิทกันมาก เมื่อก่อนวันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ก็อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงนั่นล่ะ เพิ่งมาช่วงหลังแม่คุยกับพ่อ อยากให้เราห่างกันบ้าง ท่านกล้วว่าฉันจะไม่เป็นผู้ใหญ่"
"แล้วทำไมต้องปิดพ่อแม่คุณเรื่องผมด้วยล่ะ?"
"คุณโกรธหรือคะ ?"
"ไม่หรอก เพียงแต่ตอนนี้เราเป็นคนเดียวกันแล้ว สักวันหนึ่งครอบครัวเราก็ต้องรู้จักกัน"







 

Create Date : 14 มกราคม 2551
0 comments
Last Update : 16 มกราคม 2551 5:52:53 น.
Counter : 982 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


@ ปั๊กกาเป้า @..อิอิ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




ติดต่อเจ้าของบ้านได้ที่นี่ ............ e - mail
New Comments
Friends' blogs
[Add @ ปั๊กกาเป้า @..อิอิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.