Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
วันพระที่ 9 วันวิสาขบูชา

วันนี้ดิฉันถือศีลแปดวันที่ 9 แล้วแหนะ ... ไม่น่าเชื่อว่า เลข 9 จะโป๊ะเชะ กับ วันวิสาขะพอดี วันนี้นัดกับพี่เอกไว้ที่เดิม ตอนตี 5 ครึ่ง จะไปวันบุญญาวาสกัน ชลบุรี อะเกน ... ออกจากบ้านตอนตีสี่ สี่สิบ มุ่งหน้าไปแถวอารีย์ ซึ่งไกลแล้วก็มืดด้วย แต่แปลก จากเด็กผู้หญิงคนนึง ซึ่งถูกเลี้ยงมาเป็นไข่ในหิน กลับไม่มีความกลัวอะไรเลย พร้อมจะเดินทาง พร้อมจะทำอะไร ๆ ด้วยตัวเองนานแล้ว ... ที่ ๆ จะไปไกลกว่า สวนสันติธรรมเยอะเลย ระหว่างทาง พี่เอกฟัง คาราบาว หวงเฟยหง เพลงไทยเดิม I will ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ... วนไปมา โดยเฉพาะ หวงเฟยหง นี่ เป็นสิบรอบได้ เพิ่งมารู้ความจริงทีหลังว่า ทำไมฟังบ่อยนัก อ่อ ... พี่หนุ่ย ทำการบ้านภาษาจีนอยู่หน้ารถนั่นเอง ... ก็จริง ๆ ถือศีล 8 เค้าว่า ห้ามร้องรำทำเพลง ประโคมดนตรี ... วันนี้เจอจัง ๆ เพราะต้องเดินทาง ... นึกถึงคำที่เคยถามแม่ชีที่ กาญจนบุรี ว่า “อย่างนี้ถ้าถืออุโบสถศีล แล้วข้างบ้านเปิดเพลงดังล่ะเจ้าคะ จะเลี่ยงยังไง” คุณแม่ชีตอบว่า “ฟังเฉย ๆ ไม่ต้องไปคิด” ตอนนั้นไม่เข้าใจหรอกว่า จะฟังเฉย ๆ ได้ไง ก็เล่นร้องตามได้ทุกเพลงที่เค้าเปิด ตอนนี้เข้าใจแล้ว ฟังสักแต่ว่าฟัง แต่ใจไม่ต้องไปอินตามเนื้อเพลง ซี่งวันนี้ ดนตรีประโคมเกือบทั้งวัน แต่ก็เฉย ๆ (เฉย ๆ อีกแล้ว ไม่หงุดหงิด ไม่อึดอัด)

ถือว่า เป็นวันพระใหญ่ ที่ค่อนข้างพิเศษนะ ที่อย่างน้อยก็ได้ไปชื่นชมธรรมชาติไกล ๆ ถ้าไม่มีกัลยาณมิตรที่ดี ก็คงไม่ได้มีวันนี้ วันนี้ได้เดินทางไปเปิดหูเปิดตาไกล ๆ วัดแปลก ๆ ที่ไม่เคยไป แล้วก็คงจะได้ใช้ชีวิตเดิม ๆ อยู่กับบ้าน ดู ๆ แล้ว เหมือน กรรมจัดสรร นะ คือถ้าไม่รู้จักคนนี้ ก็จะไม่รู้จักอีกคนนึง มันเป็นทอด ๆ เลย อย่างนี้ ถ้าไม่รู้จักพี่ส้ม ผู้จัดการ รร. สอนภาษาอังกฤษคนเก่า แล้วเราไม่ได้ไปดูคอนเสิตแจ๊สกัน ก็จะไม่รู้จักพี่กี้ ... และถ้าไม่ได้รู้จักพี่กี้ ก็จะไม่ได้รู้จัก พี่เอก ... ถ้าไม่ได้รู้จักพี่เอก ก็คงจะไม่ได้รู้จัก พี่หนุ่ย ... แล้วถ้าไม่มีพี่หนุ่ยไปด้วย ก็คงไม่รู้สึกสบายใจที่จะร่วมเดินทาง แล้วก็ถ้าไม่ได้รู้จักทั้งพี่เอกและพี่หนุ่ย ก็คงไม่มีโอกาสปฏิบัติธรรมเดินสายอะไรจริงจังแบบนี้
ฉันยังจำได้อยู่เลยว่า เคยโดนขอเดทวันนี้ด้วย เพราะมันเป็นวันหยุดทำงาน แล้วดิฉันก็ดันบอกเค้าไปว่า “อ่อ ไม่ไปค่ะ จะถือศีล” ... งงกันเลยทีเดียว อะไรของมันวะ ผู้หญิงคนนี้

... เข้าเรื่องวัดกันต่อ ... วัดนี้เจนก็ไม่เคยไปมาก่อนหรอก ครั้งแรกเหมือนกัน รู้สึกว่า กลิ่นธรรมชาติ ป่าไม้ นี่มันน่าชื่นใจดีนัก จะว่าหอมไม่ใช่หอมนะ แต่กลิ่นมันสดชื่นมาก ... สถานที่เป็นวัดป่าจริง ๆ แหละ ยุงตัวบักเอ้ก โบก ๆ ไม่ไปด้วย ต้องเป่าอย่างเดียว แล้วก็ แมลงวันเยอะมาก นั่งกินข้าวไป นั่งปลงชีวิตว่า นี่ตัวเองเน่าขนาดแมลงวันมาตอมเลยเหรอเนี่ย แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คงจะเน่ากันทุกคน เพราะก็โดนตอมกันหมด :D ... อาหารเยอะมาก แล้วพระอาจารย์ตั๋นก็ดูไม่เหมือนอายุ ห้าสิบกว่าเลย ... ท่านน่าจะอายุพอ ๆ กับพ่อฉัน แต่ความชราต่างกันลิบลับ พ่อตอนนี้ หน้าแก่ลง ๆ ... แต่พระอาจารย์ เจอครั้งแรกก็ไม่คิดเลยว่าท่านจะห้าสิบกว่า ถ้าพี่เอกกะพี่หนุ่ยไม่บอก

ขอนอกเรื่องเล็กน้อย ... เด๊วนี้รู้สึกว่ายิ่งปฏิบัติธรรมแล้วยิ่งโมโหร้าย ยิ่งรู้สึกตัวว่าโกรธ ว่าไม่พอใจชัดขึ้น แล้วดูเหมือนทำไมตัวเราร้ายขนาดนี้นะ ไม่ต้องอะไร เด๊วนี้คนในบ้านแทบคุยกันดี ๆ ไม่ได้ ... คุยแล้วหงุดหงิดตลอด หงุดหงิดแม่ตัวเอง ไม่เข้าใจเหมือนกัน รำคาญในบางเรื่อง ในการพูดวน ๆ ซ้ำ ๆ ในเรื่องการเกรงใจกัน แม่จะมาเกรงใจเจนทำไม ทำไมแม่ไม่เข้าใจว่า เจนเป็นคนยังไง พูดไปก็มักจะเข้าใจผิดกัน แต่จำไม่ได้หรอกว่าเรื่องอะไร รู้แค่ว่าไม่ชอบใจ (มาก)... อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันเกลียดน้องล่ะมั้ง แล้วเห็นแม่ไปเอาใจใส่น้องมากเกินไป ก็เลยหวง ซึ่งมองจริง ๆ แล้วก็คือความเห็นแก่ตัวมันผุดขึ้นมาชัด ๆ กลัวตัวเองจะเสียความรัก จะเสียผลประโยชน์ ... เพราะความสับสนกลับกลอกในคำพูดของแม่ด้วยแหละ ที่พอลับหลังก็ เด็กเวร ต่อหน้าก็ โอ๊ ยายก็รักนะ ... อะไรอ่ะ ??? งง ... ทำไม่ได้อ่ะ กับการที่รู้สึกงั้น ๆ แล้วจะต้องไปนั่งบอกว่า รักพวกมัน ... เพิ่งรู้ตัวเอง ว่าตั้งแต่จริงจังกับศีลข้อ 4 ว่าจะไม่พูดเท็จ มันทำให้กลายเป็นคนตรง ๆ มากขึ้น คิดยังไง ก็พูดออกไปอย่างนั้น ไม่ชอบก็ไม่ฝืนบอกว่า ชอบ ... ไม่ได้รัก ก็ไม่ฝืนพูดว่า รัก .... เพราะฉันไม่อยากมีจิตใจบิดเบี้ยวจากความเป็นจริง ... ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายหรอก แล้วทุกวันนี้ ก็ยังคิดเหตุผลไม่ออกเลยด้วย ว่าคนเราจะโกหกใส่หน้ากากหากันเพื่อให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา เพื่อ ??? อย่างมากนะ ถ้าไม่สะดวกใจก็แค่ไม่ต้องพูด ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องโกหก ... การโกหก ไม่เคยนำมาซึ่งความสบายใจหรอก เพราะวันนึงที่ความจริงมันผุดขึ้นมา ก็ต้องกลับมาทุกข์อยู่ดี

แล้วก็อีกเรื่องนึง วันนี้คุยกับพี่อีกคนนึง ออนไลน์ เห็นว่า ขึ้นชื่อว่า ... “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ When the sorrow comes” ก็ถามว่าเป็นอะไร เผื่อเจนช่วยได้ ... ประหนึ่งอยากจะช่วยคิด เลยถามเผื่อว่ามีอะไรที่เจนพอช่วยได้ เพราะตอนนี้ไม่แซด ไม่แฮปปี้ อะไรสุดโต่งเลย อารมณ์กลาง ๆ มาก ซึ่งก็โอเค มีความทุกข์มา ฉันทำใจได้ ... มีความสุขมา ฉันก็รู้ว่า เด๊วไม่นานมันก็จะจากเราไป ปลง ... พี่เค้าก็ตอบว่า พาพี่ไปเที่ยวสิ พี่จะได้หายแซด แล้วก็ต่อว่า อ่อ ทุกเรื่องแหละ เรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องเงิน มันมาพร้อมกัน ปีนี้เป็นปีโชคร้ายของเค้าเลยนะ บทจะดีก็ดี บทจะร้ายก็เป็นอย่างนี้เลย ... เท่าที่คุย รู้สึกได้ถึงความหดหู่ผ่านตัวหนังสือหน้าคอม (อาจจะเวอร์ แต่รู้สึกจริง ๆ) ทีนี้พี่เค้าก็เปลี่ยนเรื่องว่า ไปฟังเพลงที่เจนร้องไว้ดีกว่า ... (คือเมื่อวานก่อนวันพระ ร้อง A love to kill เวอร์ชั่นรันทดไว้ คือไม่ได้แซดอ่ะค่ะ แต่ดันฟังบ่อย เลยคิดว่า เพลงนี้อารมณ์และเสียงน่าจะพอได้ ก๊อปต้นฉบับมา) พี่เค้าตอบว่า ... เนี่ยพี่ชอบฟังเพลงอะไรที่มันกัดกินหัวใจแบบนี้ ... เจนฟังแล้ว งง นิด ๆ แต่ไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ เพรามีคำถามในหัวว่า ทำเพื่ออะไร ? ให้มันกัดกินหัวใจเพื่ออะไร ? สะใจ ? แค่นั้น ? แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะเข้าใจฟีลนี้ดีว่า อ่อ ตอนเฮิท ฟังเพลงเฮิท แล้วก็คงจะเหมือนมีคนที่เข้าใจ มีเพื่อนล่ะมั้ง ... แต่ความแซดหายไปมั๊ย ตอบได้เลยว่า ไม่ ... มันเพิ่ม เพิ่ม เพิ่ม จนบ้าบอ ร้องไห้หนักกว่าเดิม ซึ่งการที่คนเราจะทำใจได้ มันไม่ใช่ว่า ต้องหาเพลงที่โดนมาฟัง

แล้ววันนี้ก็กลับมาบ้าน นอนดูทีวีด้วย ... เค้าบอกว่า ห้ามดูการเล่นใด ๆ ที่เป็นข้าศึกต่อกุศลใช่มั๊ย ก็เลยเลือกดูพวกสารคดี ... เป็นข้าศึกรึป่าวไม่รู้ แต่ก็ดูไปหลับไป เคลิ้ม ๆ ไม่ได้ตั้งใจดู ... แต่ดูแล้วก็ไม่ได้คิดนี่ (this is an excuse) จริง ๆ แล้วควรจะต้องเลี่ยง ... เพราะมันสร้างราคะ โทสะ โมหะ เล็ก ๆ แม้จะไม่รู้สึกอะไรก็ตาม

ถ้ามาถามว่า ทำไมอายุแค่นี้เอง ต้อง เคร่งศาสนา so religious อะไรขนาดนี้ ... ตอบได้เพราะว่า ... อาจจะเจอกับความทุกข์มา แล้วไม่อยากจะเจอกับมันอีก ทางนี้ทางเดียวที่เป็นทางออก ... คำว่า “ธรรมะ” บางคนอาจจะฟังแล้ว ยี้ อย่ามาแก่ อย่ามาธัมมะ ธัมโม ... โห บรรลุแล้วนะเนี่ย ... ฯลฯ คำพูดเหล่านี้เป็นเชิงแฝงเหยียดหยามลึก ๆ ลองคิดดูว่า คนจะพูดคำพวกนี้ออกมาได้ เพราะว่าอะไร ... เพราะว่า มองว่า คนที่ธัมมะธัมโมนั้น เชย ไม่เข้าท่า เรื่องธรรมะมีไว้สำหรับคนที่แย่มาก ๆ เท่านั้นแหละ ประมาณนั้น ... แต่คนกลุ่มนี้อาจจะลืมมองอีกมุมนึงของชีวิต ว่า ธรรมะนี่แหละเป็นยาต้านภัยไข้เจ็บทางใจ เป็นยารักษาโรคทางใจ ได้ดีแท้ ถ้าเราไม่กินยาป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ ปล่อยให้โรคมันลุกลามจนกัดกินชีวิตจิตใจให้เหลือแต่รอวันตาย มันก็คงจะสายเกินไปแล้ว แล้วถ้าเรื่องเวรกรรมดันมีจริง แล้วไม่เคยเชื่อมาก่อนเลย ก็สนุกล่ะทีนี้ เผื่อได้ไปเกิดเป็น อะมีบ้า จะทำไงกับชีวิตติดลบร้อยล้าน

เพื่อนฉันเองคนนึง ที่จบ รร. ม.ปลายมาด้วยกัน มันจบก่อนปีนึงแต่ไปเตร็ดเตร่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไม่ทำอะไรอยู่ปีนึง แล้วก็มาบังเอิญต่อมหาลัยที่เดียวกัน ก็พอดีรุ่นเดียวกัน เพราะฉันเรียนช้าไปปีนึงเหมือนกัน มัวแต่ไปงมโข่งอยู่ จำได้เลยว่า ตอนปี 1 เทอม 2 ตอนที่เรา ๆ ในกลุ่มเริ่มมีปัญหากัน สาเหตุวันนี้ค้นพบได้ว่า มาจากความเห็นแก่ตัวเป็นเหตุ อยู่ ๆ มันก็ไม่มาเรียน โทรไปถามก็บอกว่า เบื่ออ่ะ ไม่ไป .... เรียนป.ตรี วิชานึง 4500 กล้าเบื่อด้วยเหรอ - - จริง ๆ ฉันก็เบื่อแหละ แต่ฉันรับผิดชอบอยู่ ไม่กล้าทิ้งแบบนี้แน่ ยังอยากมีอนาคตอยู่ ... สองปีผ่านไป จนวันนี้ เหลืออีกเพียงสอบสองอาทิตย์ ฉันก็จะได้ Bachelor of Arts มาครอง ร้อยวันพันปีไม่เคยทักกัน เพราะว่า ฉันลบอีเมลมันไปนานแล้ว แต่ไม่ได้บลอก วันนั้นมันทักมา แล้วเราลากันตอนประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ด้วยคำว่า ... “เด๊วฉันออกไปแดกเหล้าก่อนนะ ไว้คุยกัน” ถึงว่านะ ว่าทำไมเราเข้ากันยาก เพราะสังคมคนแวดล้อมเราต่างกันสุดโต่งนี่เอง

พอเข้าสู่วัยรุ่นมาสักพักนึง ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะมหัศจรรย์เท่า เรื่องการมีแฟน มี sex เที่ยวผับ กินเหล้า ดูดบุหรี่ กลับบ้านดึก ๆ เช่าหออยู่เอง โดดเรียน ฯลฯ เลย มันน่ามหัศจรรย์ตรงไหน มันน่าค้นหาตรงไหนกันนะเรื่องพวกนี้ ทำไมคนที่ทำตามคอนเซปดังกล่าวที่ว่ามาได้นั้น มีคนกลุ่มนึงยอมรับว่า เก่ง ได้ ... ตอนไปรับน้องมีคนถามฉันด้วยว่า บุหรี่มั๊ย ... เย้ย หน้ากรูเหมือนคนดูดบุหรี่ตอนไหนฟระ ... ถ้าในมุมมองของเพื่อนด้วยกัน ก็จะมองว่า โห ผู้ชายคนนี้หวังดีแฮะ แมร่งไม่รู้จักกันเลย ให้บุหรี่ฟรี ๆ ... เอิ่มม ให้ฟรีแถมตังค์ยังไม่เอาเลย



Create Date : 11 พฤษภาคม 2552
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 17:23:25 น. 1 comments
Counter : 660 Pageviews.

 
เก่งจัง ถือศีลแปดด้วย
เราทำไม่ได้อ่ะค่ะ

เห็นด้วยกับที่เขียนว่าธรรมะนี่แหละเป็นยาต้านภัยไข้เจ็บทางใจ เป็นยารักษาโรคทางใจ


โดย: velvet-mountain วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:07:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenniepoko
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ให้เธอสัมผัสความคิดที่ฉันทิ้งไว้ อาจะไม่เห็นได้ด้วยตา ฉันได้ฝากเอาไว้อยู่บนพื้นดิน และ ท้องฟ้า
มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า ...

Friends' blogs
[Add jenniepoko's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.