The Bourne Ultimatum ในที่สุดหลังจากไล่ล่ากันไปมาก่อนหน้านี้แล้วสองตอน เรื่องราวของ เจสัน บอร์น สายลับฝีมือเยี่ยมสังกัด CIS ที่ตามหาอดีตของตัวเอง ซึ่งทำมาจากบทประพันธ์ของนักเขียนดังอย่าง โรเบิร์ต ลัดลั่ม ก็มาถึงตอนที่ 3 - The Bourne Ultimatum ในภาคนี้ก็ยังคงใช้บริการผู้กำกับ พอล กรีนแกรส เช่นเดียวกันภาคสอง - The Bourne Supremacy เจสัน บอร์น ยังคงพยายามตามล่าหาความจริงว่าตัวเองเป็นใคร ในขณะที่ทาง CIA ก็ตามล่าเพื่อฆ่าปิดปากเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีโปรเจ็คต์ลับสุดยอด “Blackbriar” มาเกี่ยวข้องด้วย ไล่ตามกันแบบจ่อๆ หายใจรดต้นคอกันไปตั้งแต่มอสโคว ตูริน ฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน มอร็อกโค ไปจนถึงนิวยอร์ก หลังจากอี๋ๆ กับหนังแอคชั่นจั๊งฟู้ดอย่าง Transformer, สนุกกับหนังแอคชั่นเวอร์กันระเบิดระเบ้ออย่าง Die Hard 4.0 ก็ได้มาปลาบปลื้ม-สนุกสนาน-ลุ้นระทึกไปกับหนังแอคชั่นขนบดั้งเดิมแบบ The Bourne Ultimatum นี่เอง เราชอบหนังแอคชั่นที่มันไล่ล่ากันสนุกด้วยสมอง จังหวะ และความเป็นไปได้ มีความเป็นมนุษย์ มากกว่าแบบที่อัด CG เข้ามาเยอะๆ หรือเอามันส์เป็นหลักแล้วเหตุผลเป็นแค่ส่วนเสริม...ในบรรดาหนังตระกูลสายลับทั้งหลาย เราคิดว่า เจสัน บอร์น นี่เข้าทางเรามากที่สุดเรื่องนึง ดูติดดิน สมจริง ชีวิตต้องดิ้นรน ไม่ใช่มาหล่อๆ เท่ๆ ของเล่นเยอะๆ เก่งเว่อร์ๆ แบบ เจมส์ บอนด์ (จ-บ-เหมือนกันเลยแฮะ) หรือ อีธาน ฮันต์ แม้ว่าสิ่งที่บอร์นทำลงไปและรอดมาได้นั้น มันเกินกว่ามนุษย์สามัญจะทำได้ก็เถอะ ความที่การไล่ล่าในหนังมันเป็นแบบจวนเจียนจะทัน เฉียดจะตายอยู่เกือบตลอดเวลา เลยเอื้อให้ได้อัดฉากแอคชั่นเข้าไปได้เต็มที่ (แอบมีลองเทคด้วยนะ) หนีกันทุกรูปแบบตั้งแต่วิ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์ ขับรถ ไปจนถึงกระโดดข้ามหลังคาตึก จังหวะตัดสลับแทนสายตาของแต่ละคนชวนให้ลุ้นระทึกดีมาก ชอบอารมณ์แบบนี้ฮะ ที่เราชอบที่สุดในเรื่องนี้คือทีมนักแสดง ที่ทำได้ดีทุกคน น่าสนใจทุกตัว โดยเฉพาะ แมตต์ เดม่อน ที่รับบท เจสัน บอร์น ซึ่งต้องอุ้มหนังทั้งเรื่องไว้ให้ได้ คนนี้เราว่ามีลักษณะแปลกๆ อยู่ คือต้องดูภาพเคลื่อนไหวเท่านั้นถึงจะดูมีเสน่ห์ เวลาดูภาพนิ่งแล้วหน้าตาจะบื้อๆ หักๆ พิกล อ้อ! ได้อารมณ์อีกอย่างด้วยคือ ดูเป็นคนงั้นๆ บื้อๆ แต่แอบฉลาดอยู่ข้างใน (แคแรคเตอร์แบบใน Goodwill Hunting) ที่เรารู้สึกว่าเขาทำได้ดีมากกับบทนี้เพราะเราคอยเอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีเหตุผล ศีลธรรม หรือความเมตตาใดๆ มายับยั้งไว้บ้างเลย...ฮ่า...ดูหนังแล้วไปเปิด imdb ดู filmography ของ แมตต์ เดม่อน เลยเพิ่งจะรู้ตัวว่าเราดูหนังที่เขาเล่นมาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย (ทั้งหมด 44 เรื่องรวมเครดิตพากย์ด้วย เราดูไป 15 มีหนังที่เขาเล่นแต่ยังไม่ได้ดูอีก 10) มีอีกสองคนที่เราปิ๊งมากๆ ในเรื่องนี้คือ จูเลีย สไตล์ กับบทเจ้าหน้าที่ นิกกี้ พาร์สัน มาเป็นดอกไม้น่ารักในเรื่อง (ส่วน โจน อัลเลน เป็นดอกไม้เหล็กในบท พาเมล่า แลนดี้ เจ้าหน้าที่ที่ตามหาตัว เจสัน บอร์น อยู่เหมือนกันกับ โนอาห์ โวเซ่น รองอธิบดี CIA ที่แสดงโดย David Strathairn แต่ด้วยคนละวิธีการกัน) น้องจูลออกมาไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ได้วิ่งออกกำลังกายเฉียดตายไปกับพี่เจสันด้วย จริงๆ คือเราชอบจูเลีย สไตล์ มาตั้งแต่ 10 things I hate about you แล้วล่ะ ชอบหน้าตาหมวยๆ ดูไม่สวยจัดแต่แอบฉลาดแบบนี้อ่ะ เราว่าเธอมีอะไรคล้ายๆ กับ แมตต์ เดม่อน คือต้องขยับถึงจะดูมีเสน่ห์ ถ้าเป็นภาพนิ่งก็งั้นๆ สรุปว่าเพราะชอบมาแต่ไหนแต่ไร ก็เลยลำเอียงชอบต่อไป (^^) ตอนที่นิกกี้ตัดและทำผมสีเข้มนั้น ให้ลุคคล้าย ฟรานก้า โพเทนเต้ ที่เล่นเป็น มาเรีย เคร้าตซ์ แฟนของ เจสัน บอร์น มากๆ แล้วฟรานก้า ก็ดูหน้าไปเหมือนแมตต์อีกทีด้วย [จูล >> ฟรานก้า >> แมตต์ >> มาร์ก วอลห์เบิร์ก >> มิชเอล บัลลัก...สองคนหลังนี่แถมให้...รวมเป็นแก๊งฝรั่งตาตี่หน้าหัก] อีกคนคือ ไซม่อน รอสส์ นักข่าวที่ทำสกู๊ปเรื่องของ เจสัน บอร์น พร้อมทั้งเปิดประเด็นโครงการ Blackbriar ที่อาจสาวไปได้ถึงประวัติที่มาของบอร์น บทนี้แสดงโดย Paddy Considine ซึ่งเราก็เพิ่งจะเห็นหน้าในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แต่เราว่าแสดงดีว่ะ...แต่คิดไปคิดมาเราอาจลำเอียงเพราะเรารู้สึกว่า Paddy Considine เป็นส่วนผสมของ Gary Oldman (คนโปรดของเรา) บวกกับ Sam Rockwell ก็ได้ 5555 ไปดูใน imdb แล้วถึงรู้ว่าท่าทางจะฝีมือไม่เบาเพราะได้เข้าชิงและได้รางวัลมาหลายเลยเชียว สำหรับเรา The Bourne Ultimatum เป็นหนังที่ดูสนุกและไม่ได้แค่จะตีหัวเข้าบ้านค่ะ...ชอบอย่างออกนอกหน้า (^^)   Create Date : 05 กันยายน 2550 6 comments Last Update : 5 กันยายน 2550 2:27:35 น. Counter : 816 Pageviews. Share Tweet

ชอบที่สุดในสามภาคเลยค่ะ   โดย: s.o.s 5 กันยายน 2550 14:04:28 น.

ผมเองก็ตามมาตะเเต่ภาคเเรก แต่ไหงภาคจบ ไม่ได้ไปดู เสียดายมาก ต้องเก้บไว้ ดูที่บ้นแล้วเเหละครับ ชอบ เเมต มาตะเเต่ Itailan Job แล้วครับ   โดย: haro_haro 5 กันยายน 2550 16:19:42 น.

ก็เพราะอานิสงค์ ของภาคเเรกละมั้ง   โดย: haro_haro 5 กันยายน 2550 16:28:06 น.

ดูภาคแรก แล้วข้ามมาภาคนี้เลย ผมว่าก็ไม่ได้อะไรมากมายนะ ก็แค่ทำให้รู้ที่มา ต้นสายปลายเหตุมากขึ้น เดี๋ยวจะแวะไปหาภาคสองมาลองดู   โดย: nanoguy 6 กันยายน 2550 0:41:17 น.

โครตชอบเลยกับหนังเรื่องนี้ ลุ้นให้กับพระเอกทั้งเรื่อง ได้ใจไปเต็มๆ   โดย: ชิ IP: 134.225.187.144 15 กันยายน 2550 5:35:21 น.

คุณ haro_haro ฮะ รู้สึกเรื่อง italian job แมตไม่ได้เล่นนะ แต่เป็นมาร์ค วอลเบิร์ก นะฮะ   โดย: xaijv IP: 58.147.71.2 19 พฤศจิกายน 2550 14:17:50 น.