ความจำสั้น แต่ไม่มีวันลืมเธอ
ร้อง...ไม่ร้อง

เราเป็นพวกต่อมน้ำตาตื้นเขิน ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งตื้นมากขึ้นเรื่อยๆ สะกิดนิด โดนหน่อย ก็ทำเป็นน้ำตาร่วง บางทีก็หมั่นไส้ตัวเองเหมือนกัน ดูโฆษณา ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูหนัง หรือแม้แต่ตัวอย่างหนัง ก็ร้องได้ ไม่รู้ว่าเจ๊จะอะไรนักหนา แต่บางทีก็กลับรู้สึกดี เหมือนได้ระบายออก น้ำมูก น้ำตา ไหลออกไป สมองหนักๆก็โล่งขึ้น ความรู้สึกแหว่งๆโหวงๆก็ถูกเติม ถึงไม่เต็มเปี่ยมแต่ก็ปริ่มๆ


NaDa Sou Sou

เรื่องนี้คิดว่าดูแล้วต้องร้องไห้แน่ๆ เพราะแค่ดูหนังตัวอย่างก็ร้องนำไปก่อนแล้ว ถึงจะอยากดูมาก แต่วันแรกที่หนังเข้าก็ตัดใจยังไม่ไปดูเพราะตรงกับวันวาเลนไทน์ เกรงใจ..เกรงว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด คิดว่าเราพลาดรถไฟขบวนสุดท้ายเลยร้องไห้ ไม่ใช่เพราะดูหนังมา ก็เลยไปดูวันที่15 แต่แล้วก็ผิดหวังค่ะ ไม่ใช่เพราะไม่ร้องไห้ เพราะมันไม่ใช่ว่าหนังที่ดี หนังที่ชอบคือหนังที่ดูแล้วร้องไห้ แต่เราผิดหวังเพราะเราเฉยๆมากๆ ไม่ประทับใจอะไรเลย ไม่มีอารมณ์แบบตอนที่ดูหนังตัวอย่างเลยแม้แต่นิดเดียว พยายามสำรวจความรู้สึกตัวเองอยู่หลายวันหมือนกัน แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร แต่เราอาจเป็นคนส่วนน้อยนะที่ไม่ประทับใจหนังเรื่องนี้ ถึงขั้นผิดหวัง เพราะนี่หนังก็ฉายจะครบ 1 เดือนแล้ว ก็ยังยืนโรงอยู่ที่สยาม ยังไม่ลงมาลิโด้เลย

King and the Clown

เรื่องนี้ก่อนจะดูไม่คิดว่าจะร้องไห้นะ แต่คิดว่าน่าจะเป็นหนังที่สามารถสร้างความประทับใจได้ เพราะก่อนดูก็อ่านเบื้องหลังบ้าง ก็เห็นได้รางวัลโน่นนี่พอสมควร และดังมากๆที่เกาหลีถึงขั้นเป็นตัวแทนประเทศเข้าชิงออสการ์ แต่พอดูแล้วก็ผิดคาด แต่ไม่ผิดหวังเลย ผิดคาดเพราะดีกว่าที่คิดไว้และมีความประทับใจมากมายหลายส่วน แล้วเราก็ร้องไห้ซะ...เสียดายแต่ว่ากระแสหนังในเมืองไทยค่อนข้างเงียบ ไม่รู้ว่าเพราะมีบางส่วนเบื่อซีรี่ส์เกาหลีรึเปล่า ก็เลยทำให้ไม่ค่อยอยากจะดูหนังเกาหลี

Billy Elliot

ขอย้อนไปไกลหน่อยค่ะ เรื่องนี้ความรู้สึกแรกที่อยากดูเพราะเห็นหน้าเจ้าหนูเจมมี่ เบล แล้วรู้สึกเอ็นดูสุดๆ อยากรับมาเลี้ยง กอดเช้ากอดเย็น หอมแก้มก่อนนอน ทำอาหารเช้าให้กิน พาไปส่งโรงเรียน บ่ายก็พาไปซ้อมเต้น นั่น..คิดไปขนาดนั้น สรุปคือคิดไว้ว่าดูเรื่องนี้แล้วคงนั่งอมยิ้มไปตลอดเรื่องแน่ๆ แต่มันกลับกลายเป็นหนังเรื่องแรก(เฉพาะหนังที่ดูในโรง)ที่ร้องไห้มากขนาดนั้น เราเริ่มสตาร์ทเครื่องตั้งแต่กลางเรื่อง แล้วก็ร้องเป็นระยะๆไปจนจบ คือไม่ได้ร้องแบบน้ำตาไหลอาบแก้มสวยงาม แต่แบบสะอื้นฮักๆ พยายามกลั้นแล้วแต่ไม่ไหว ก้อนสะอื้นมันขึ้นมาจุกอยู่ที่คอตลอดเวลา พอหนังจบเราก็เดินหน้าบวมเหมือนนักมวยโดนน็อคออกมาจากโรงหนัง ตอนนั้นยังหน้าบางอยู่ อายคนมาก เดินก้มหน้างุดๆกลับบ้าน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแล้ว จะร้องก็ปล่อยร้องเลย จมูกจะแดง ตาจะช้ำ หน้าจะบวม ไม่ค่อยสนแล้ว บางทีลืมตัวไปยืนต่อแถวเข้าห้องน้ำ คนข้างหน้าหน้าเขาหันมาเห็น แล้วสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด เราเลยต้องพยายามฝืนยิ้มให้เขา อยากบอกเหมือนกันว่าเพิ่งออกมาจากโรงหนังดูเรื่องเดียวกับคุณมานั่นแหละ ไม่ได้ไปชกกับใครมาหรอก

สำหรับเรื่องที่ดูแผ่นที่บ้านแล้วร้องไห้หนักที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง Dancer in the Dark นะ ส่วนเรื่องที่ดูมากครั้งที่สุดแล้วก็ร้องไห้มันซะทุกครั้งที่ดูคือ My Own Private Idaho เรื่องนี้อาจเป็นเพราะคิดถึง ริเวอร์ ฟินิกซ์ ด้วยแหละ ไม่ใช่เพราะตัวหนังอย่างเดียว ซึ่งจริงๆตัวหนังเองมันก็เศร้ามากอยู่แล้ว

เกือบ 10 ปีมานี่เราดูหนังคนเดียวประมาณ 95 % เวลาคุยกับเพื่อนเรื่องไปดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้มา เพื่อนจะถามก่อนเลยว่า ร้อง หรือไม่ร้องไห้ แล้วถึงคุยเรื่องรายละเอืยดอื่นๆของหนังต่อ พอเราบอกว่าร้อง ก็จะเผลอขำออกมาพร้อมกัน เหมือนกับว่าเออ..ไม่น่าถามเลย






Create Date : 12 มีนาคม 2550
Last Update : 12 มีนาคม 2550 21:57:22 น. 12 comments
Counter : 1084 Pageviews.

 
เราเองก็เป็นพวกนิยมดูหนังคนเดียวเช่นกัน

เราว่ามันได้ความรู้สึกของหนังดีกว่า อาจจะคิดไปเองคนเดียว

ิbilly Elliot ก็ชอบนะ โดยเฉพาะฉากที่ไปคัดตัว

แล้วหันมาตอบกับกรรมการก่อนที่จะออกไปหนะ

มันได้ความรู้สึกดี... คนเขียนบทเก่ง ที่ไม่ให้ตอบเลยตอนนั้น

แต่ให้มาตอบตอนก่อนจะออกจากห้องทดสอบ


ว่าถึงหนังที่ทำให้น้ำตาซึม เราชอบ Dead Poets Society

โดยเฉพาะฉากที่ Ethan Hawke ซึ้งตอนนั้นหน้าละอ่อนมาก

พูดว่า oh captian my captian แล้วยืนขึ้นบนโต๊ะ

ไม่รู้ว่าน้ำตามาจากไหนเหมือนกัน...



โดย: Always วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:12:34:48 น.  

 
ชอบบิลลีย์ เอลเลียต ด้วยคนค่ะ--
ส่วนเรื่องอื่นที่พูดถึงยังไม่ได้ดูเลย

เป็นพวกบ่อน้ำตาตื้นเช่นกัน...ทีแรกก็คิดว่าพออายุมากขึ้นแล้วอาการแบบนี้จะหายไป(เพราะใช้มานานจนสึกหรอ และบ่อน้ำตาที่ว่าตื้นตื้นนั่นที่จริงมันควรจะเป็นหลุมลึกลงไปมากแล้ว...ที่ไหนได้...)

นั่นแหละค่ะ ดูหนังแล้วก็ร้องไห้ได้ง่ายง่ายถ้าเรื่องนั้นนั้นมันมากระทบกระเทือนจิตใจ หรือตรงกับบางส่วนของชีวิตเข้าพอดี

เท่าที่จำได้ ครั้งล่าสุดที่ร้องหนักหนักเห็นจะเป็นเรื่อง nobody know น่ะค่ะ(ซึ่งนานมากแล้วเหมือนกัน) จากนั้นก็คงมีอีก...แต่จำไม่ค่อยได้ แบบว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องครอบครัว ซึ่งฉันอ่อนไหวเป็นพิเศษอ่ะค่ะกับอะไรพวกนี้

ล่าสุดดู volver ก็ร้องไห้อ่ะค่ะ...ทั้งทั้งที่มันก็ไม่ได้เศร้าอะไรนักหนาหรอก แต่เพราะเป็นเรื่องราวของผู้หญิง ของแม่ และของครอบครัว...ก็เลยตาบวมฉึ่งไปเลยอ่ะค่า

ไม่ได้เข้ามานาน เลยตอบซะยาวเลย อิอิ


โดย: lonelybird IP: 124.120.16.108 วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:14:04:56 น.  

 
หวายยยยย

เกิดอะไรขึ้นกับคอมเมนต์ของเราหนอ
เรายินดีให้เจ้าของบล็อคลบได้นะ เดี๋ยวเราเอาคำตอบลงไปไว้อีกเม้นท์นึงละกัน...(ข้างล่างอ่ะ)
ขออภัยเจงๆจ่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:21:19:27 น.  

 
NaDa Sou Sou
สรุปแล้ว เราก็เลยยังไม่ได้ดูอ่ะค่ะเรื่องนี้ เห็นเคยบอกว่าหนังมันจงใจจะเรียกน้ำตาเกินไป ... เลยขอรอแผ่นดีก่า

King and the Clown
อันนี้ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ..

Billy Elliot
เรื่องนี้ จะบ่อน้ำตาตื้น เวลามีอะไรให้สะเทือนใจ บางทีแค่คำพูดดีดี เราก็ร้องแล้ว

เห็นชื่อ ริเวอร์ ฟินิกซ์แล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ยังเอา My Own Private Idaho ออกมาดูอยู่เลย ดูไม่จบหรอก แต่ดูให้หายคิดถึงน่ะ



โดย: renton_renton วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:21:20:31 น.  

 
จำไม่ได้แล้วครับว่าดูหนังแล้วร้องไห้เรื่องสุดท้ายคือเรื่องอะไร
หรือว่าไม่เคยหว่า

ส่วนใหญ่จะแค่น้ำตาซึม(ซึ่งน้อยมาก)
เรื่องล่าสุดคือ the pursuit of happyness
ไม่ได้น้ำตาซึมเพราะซึ้งหรือเสียใจนะครับ แต่เพราะดีใจไปกับตัวละคร


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:3:10:06 น.  

 
ผมเคยมีความคิดว่าอยากจะไปดักคนหลังออกจากโรงหนัง โห่กิ๊วๆคนที่ต่อมน้ำตาแตกออกจากโรงให้เขินหนักขึ้นไปอีก


โดย: อุปกรณ์ประกอบฉาก วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:17:10:37 น.  

 
Nada Sou Sou นี่ผมก็ผิดหวังครับ
คือรู้สึกว่าหนังมันพยายามเรียกน้ำตาคนดูเกินไป
จนกลายเป็นน่าเบื่อ และทำให้ผมไม่มีความรู้สึกร่วมน่ะ
เหมือนดูหนังผีประเภทที่ผีออกมาบ่อยเกินเหตุ ความน่ากลัวแทบไม่เหลือ
อะไรที่มันมากเกินไป ไม่ดีเลยนะครับ
ผิดหวังๆๆๆ อุตส่าห์รอดู เพราะผู้กำกับคือคนเดียวกับที่กำกับ Be With You ซึ่งเรื่องนั้น ผมชอบมาก

King and the Clown ไม่ได้ดูครับ แต่อยากดูนะ

Billy Elliot คือหนังในดวงใจของผม

ส่วนถ้าพูดถึง River Phoenix ผมชอบหนังเขาในหนังเรื่อง Running on Empty มากที่สุดครับ


โดย: King Of Pain วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:19:09:05 น.  

 
คุณ Always ฉากที่บิลลี่ไปคัดตัว แล้วกรรมการถามประมาณว่าทำไมถึงชอบเต้น ตอนเต้นรู้สึกยังไง แล้วบิลลี่ก็นิ่งไปนิดนึง เราเองก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว พอบิลลี่ตอบกรรมการคนนั้น มันตรงกับที่เราคิดไว้พอดี ก็เลยน้ำตาไหลพรากๆ

คุณ lonelybird เรื่อง Nobody Know นี่ ก็ทำเอาเราแทบแย่เหมือนกันค่ะ แล้วเพลงก็ยังเพราะและเศร้ามากอีก รอดยากค่ะ

เรนตัน (เราขอลบคอมเม้นท์อันนั้นนะ) เห็นด้วยเลยนะ แค่คำพูดดีดี หรือสายตา ท่าทางบางอย่าง เวลาเศร้าๆอยู่นี่ น้ำตามันไหลเอาง่ายๆเลย

คุณ แค่เพียงรู้สึกก็สุขใจ ดีแล้วค่ะที่ไม่ต้องร้องไห้บ่อยๆเวลาดูหนัง เพราะจะว่าไป มันก็ทรมานใช่เล่นเหมือนกัน

คุณ อุปกรณ์ประกอบฉาก คนใจร้ายยยยย

คุณ คิง เรื่อง Running On Empty เราดูช่อง7บิ๊กซีนีม่า ตอนนั้นอยากฟังเสียง ริเวอร์ มาก เลยต้องเปิดวิทยุที่เขาถ่ายทอดเสียงซาว์แทรคไปด้วย ดูภาพกับฟังเสียงภาษาไทยทางทีวีไปด้วย ( เพราะฟังภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็ไม่รู้เรื่องอีก)


โดย: goldfish memory วันที่: 18 มีนาคม 2550 เวลา:16:35:52 น.  

 
ว๊า ไม่ได้ดูหนังที่บอกมาเลยครับ เลยไม่รู้จะ comment เกี่ยวกับมันยังไงดี

ว่าแต่เวลาได้ดูหนังที่ประทับใจหลายๆ เรื่อง น้ำตามันก็ไหลออกมาได้นะครับ... ส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่ออกแนวซึ้ง เหงา เศร้า พลัดพราก..
ล่าสุดก็น้ำตาไหลตอนดูเรื่อง always (ญี่ปุ่น)


โดย: biggg วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:16:14:14 น.  

 
มีอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน(เท่าที่จำได้)ที่ทำให้เราน้ำตาซึม

บิลลี่ เอลเลียตนี่ก็หนึ่งแล้วนะอีกเรื่องก็ Frequency ที่พ่อพระเอกได้คุยกับ
พ่อที่ตายไปแล้วผ่านวิทยุสื่อสาร ตอนคุยนี่ก็ทำให้เราน้ำตาเอ่อๆได้เหมือนกันน่ะ

ส่วนอีกเรื่องก็เป็น Moulin ROugh ตอนจบ พี่ยวนเค้าร้องไห้ได้แบบเอาจริง
เอาจังมาก เหมือนแบบว่าสูญเสียอะไรสำคัญไปจริงๆ



โดย: BloodyMonday วันที่: 25 มีนาคม 2550 เวลา:20:31:34 น.  

 
อ่านแล้ว
ส่ายหน้าอย่างเดียวเลย
ไม่รู้จักสักเรื่อง
เฮ้อ
กีปีแล้วที่ไม่ได้ดูหนัง


โดย: ต้นตุลา วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:50:08 น.  

 
แดนเซอร์อินเดอะดาร์คนี่ไม่ได้ทำเราร้องไห้อย่างเดียวค่ะ

แต่เป็นแบบหดหู่ เครียด และเศร้าหมองไปเป็นนานเลยแหละ

หนังบ้าอะไร ทำร้ายคนดูขนาดนี้


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:14:31:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

goldfish memory
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Soon I'll bloom into what was before.
I'll open the door to death and say...
kill me once more. [ M.Pitt ]
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add goldfish memory's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.