สิ่งที่เอาเวลาไปจากชีวิตของเราโดยที่เราเต็มใจ นอกจาก หนัง เพลง หนังสือ แล้ว ก็มีกีฬานี่แหละ ดอนเด็กๆชอบดูสนุกเกอร์มาก ตอนกลางวันช่อง 7 จะเอามาฉายให้ดู เราก็นอนกระดิกขาดูสบายใจ ไม่ไปวิ่งซนที่ไหน บางทีก็หลับคาทีวี พอเริ่มเป็นวัยรุ่นก็เริ่มชอบดูเทนนิส โตมาอีกหน่อยก็ชอบฟุตบอลจนถึงตอนนี้ก็มีเทนนิสกับฟุตบอลนี่แหละที่ติดตามอย่างจริงจังถ่ายทอดสดฟุตบอลแม็ทช์นึงจะประมาณ2 ชั่วโมง แต่สำหรับเทนนิสถ้าเป็นรายการใหญ่ๆอย่างแกรนด์แสลมบางทีวันนึง 12 ชั่วโมง เราก็นั่งดูอยู่อย่างนั้นดูเทนนิสหรือฟุตบอลแม็ทช์ดีๆ ก็เหมือนได้ดูหนังดีๆสักเรื่อง ได้ทั้งยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ จบแล้วไม่จบกัน ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองอยู่ในความรู้สึกเวลาดูหนังเราจะสนใจตัวละครมากที่สุด เวลาดูกีฬานอกจากรูปเกมส์แล้ว เราก็สนใจคนที่อยู่ในเกมส์ไม่แพ้กัน นักกีฬาเป็นตัวละครที่น่าดูมากๆ พวกเขาถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบที่เรียกว่า กฎ กติกา แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ตามแต่สถานการณ์จะพาไป เกมส์ยิ่งกดดัน นักกีฬาก็ยิ่งมีปฏิกริยา คนดูอย่างเราก็ยิ่งสนุกนักเทนนิสที่เราชื่นชมในแง่ของฝีมือมากๆคือ โรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์ ดูเขาเล่นก็เหมือนดูหนังยุโรป สงบนิ่ง ไม่เร้าอารมณ์ แต่เฉลียวฉลาดและเหนือชั้นแต่นักเทนนิสที่เป็นเหมือนตัวละครที่เปี่ยมเสน่ห์ ดึงดูดความรู้สึกและทำให้เราหลงรักก็คือ ราฟาเอล นาดาล กับ มารัต ซาฟิน สองคนนี้วันไหนที่พวกเขาเล่นได้ดีจะน่าดูมากๆ แต่พวกเขาต่าง โรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์ ตรงที่แม้ในวันที่พวกเขาเล่นได้ไม่ดี มันก็ยังน่าดูอยู่ดีเราขอไม่พูดถึงเจ้าหนูราฟา ก็แล้วกันไม่งั้นคงจะยาวมากๆแน่ๆมารัต ซาฟิน เป็นคนที่มีทั้งความเป็นศิลปินและนักกีฬาอยู่ในตัวเขามีวัยเด็กที่ค่อนข้างยากลำบากและต้องรับผิดชอบเกินตัว เขาชอบดื่ม ชอบเที่ยว กันเองกับแฟนๆกีฬาจนบางทีเจ้าหน้าด้านความปลอดภัยก็ปวดหัว ใช้ชีวิตเกินกรอบของการเป็นนักกีฬา บางทีปาร์ตี้ทั้งคืน ทั้งๆที่วันรุ่งขึ้นต้องลงแข่ง แต่ก็ยังอุตส่าห์ชนะอีก บางแม็ทช์เขาเล่นแย่มากๆ เขาจะทิ้งแม็ทช์นั้นไปเลย คือจงใจเล่นให้แพ้ไปเลย ซึ่งผิดวิสัยนักกีฬามากๆ แต่เหมือนศิลปินที่ต้องการให้งานของตัวเองออกมาดีที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่อย่างนั้นไม่ทำซะดีกว่าบ่อยครั้งมากที่เราจะเห็นเขาแสดงความอัดอั้นตันใจ โดยการตะโกนบ่น ด่าว่าตัวเอง เถียงกับกรรมการ และจบลงด้วยการฟาดแร็กเกตลงกับพื้นจนพังยับคามือ หากมองเพียงแต่นั้น เขาก็คงป็นแค่นักกีฬาอารมณ์ร้ายคนหนึ่ง แต่สำหรับเราการเห็นเขาพังแร็กเกตก็ไม่ต่างไปจากการเห็นร็อกสตาร์เอากีตาร์พาดพื้นเวทีหรือหวดกับกลองจนแหลกละเอียด มันไม่ได้มีแค่อารมณ์โมโหอยู่ในนั้นเพียงอย่างเดียวส่วนความเป็นนักกีฬาของเขา พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนในแม็ทช์มหากาพย์ กับ โรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์ ในรายการออสเตรเลียนโอเพ่นเมื่อปีที่แล้ว การต่อสู้เป็นไปอย่างคู่คี่สูสีผลัดกันแพ้ชนะจนต้องเล่นกันถึงเซทที่ 5 ใช้เวลาไปร่วม 5 ชั่วโมง แต่แล้วคะแนนสุดท้ายในไทรเบรก โรเจอร์ พยายามวิ่งไปรับลูกที่ท้ายคอร์ทแล้วพลาดล้มลง ถึงจะตีลูกข้ามไปได้ แต่ก็ลุกขึ้นมาไม่ทันรับลูกที่ มารัต ซาฟิน ตีสวนกลับไป มารัต ซาฟิน จึงเป็นฝ่ายชนะ มันเป็นแม็ทช์ที่เขาเล่นได้ดีมากๆ แม้เกมส์จะเต็มไปด้วยความกดดัน แต่เขาก็สามารถชนะมือ 1 ของโลก คนที่ใครๆต่างก็ยอมรับว่าฝีมืออยู่ในขั้นเทพและกำลังท็อปฟอร์มสุดๆไปได้แต่สิ่งที่ มารัต ซาฟิน ทำหลังจากนั้นไม่ใช่การตะโกนก้องด้วยความดีใจ สะใจในชัยชนะ เขาเพียงแต่เดินไปที่หน้าเน็ตด้วยอาการสงบนิ่งจับมือกับ โรเจอร์ ด้วยสายตาและสีหน้าที่เห็นใจและเข้าใจจิตใจของคู่ต่อสู้ ตบบ่า โรเจอร์ เบาๆด้วยท่าทีของคนที่ยอมรับในฝีมือของอีกฝ่าย เพียงแต่ในวันนั้นอะไรบางอย่างทำให้ให้เขาได้แต้มนั้นและเป็นฝ่ายชนะไปแค่นั้นเอง สิ่งที่เขาทำในวันนั้น เรารู้สึกว่าเขา..โคตรเท่ ถ้า มารัต ซาฟิน เป็นตัวละคร เราว่าเขาเหมาะอย่างยิ่งที่จะอยู่ในหนังประเภทจอมยุทธ์ ใช้ชีวิตอยู่นอกกฎเกณฑ์ของสังคม เมามาย ร่ายกลอน แต่กระบี่ก็กวัดแกว่ง ไม่ทำร้ายเด็ก ผู้หญิง และศรัตรูที่ไม่มีกระบี่อยู่ในมือ
แต่ขวัญใจผมจริงๆ คือ กุตาโว เคอร์เท่น