Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 
30 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่๒๐

ตอนที่๒๐
เสียงโทรศัพท์ที่เล็กแหลมส่งผลกระทบต่อโจนาธานอย่างมาก นับแต่เสียงแรกก็ทำให้เขารู้สึกปวดหัวเหมือนหัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่มือยังยึดจับพวงมาลัยพาหนะด้วยความพยายามกุมสติให้มั่น ยิ่งเครื่องมือสื่อสารกรีดเสียงดังนานเขาก็ยิ่งรู้สึกทรมานแสนสาหัส เสียงร้องกอปรกับอาการที่บ่งบอกความเจ็บปวดอย่างเหลือแสนของเขาก็ทำให้สณาจิณห์ตื่นตระหนกสุดขีด ด้วยความห่วงใยที่มีต่อตัวชายหนุ่มลูกครึ่งและความประหลาดใจกับอาการของเขาทำให้หล่อนรู้สึกใจเสียจนตั้งตัวไม่ติดทำอะไรไม่ถูกอยู่ เป็นครู่ ร่างบางละล่ำละลักเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตารื้นคลอเบ้า หากคนร่างสูงก็ยังเปล่งเสียงร้องดังลั่น รถยนต์ส่ายไปมาอย่างน่าใจหาย เสียงร้องของผู้คนและการชี้ไม้ชี้มือชี้ชวนให้มองดูเหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวดังแว่วอยู่สองข้างทาง

พอสณาจิณห์ตั้งสติได้ หล่อนก็ก้มตัวลงและรวบรวมแรงกำลังที่มีเพื่อยกเท้าทั้งสองข้างของโจนาธานออกจากแป้นเหยียบด้วยความยากลำบาก มือข้างหนึ่งควานหาโทรศัพท์มือถือจากช่องเก็บของด้านหน้าและกดรับสายเพื่อหยุดเสียงที่รบกวนโสตประสาทของคนขับแล้วกรอกเสียงลงไป ปลายสายเงียบกริบชวนให้รู้สึกติดใจสงสัย หล่อนนิ่วหน้าแต่ยังไม่อยากเสียเวลาคิดให้มากเพราะคนขับกับรถยนต์ที่เกือบเสียการควบคุมน่าวิตกกว่า หล่อนจึงเก็บโทรศัพท์มือถือคืนที่เดิมโดยเร็ว และใช้มือทั้งสองข้างช่วยประคองพวงมาลัยให้แล่นตรงทาง เคราะห์ดีที่ถนนโล่งและรถยนต์คันหลังไม่คิดจะเสี่ยงแซงหรือแล่นเข้าใกล้ แต่อาการของชายหนุ่มลูกครึ่งก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย

หล่อนรวบรวมสมาธิจิตให้แน่วนิ่งก่อนเปิดริมฝีปากท่องบทสวดมนต์ชินบัญชรด้วยใจที่สงบและกระแสเสียงใสกังวานแฝงเร้นอำนาจ บทสวดที่หล่อนพร่ำสังวัธยายทุกค่ำคืนทำให้สมาธิจิตของหล่อนกล้าแข็ง คนร่างสูงที่ได้ยินเสียงของหล่อนก็ซึมซับกระแสอันเยือกเย็นที่เสมือนแผ่กระจายออกจากตัวหล่อนและบทสวดที่เข้าสู่โสต เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งที่ความเจ็บปวดบรรเทาเบาบางลง เขารู้สึกตัวและสติสัมปชัญญะก็ค่อยๆคืนกลับ

"คุณซัน" เสียงแผ่วเรียกขานหญิงสาว

หล่อนยิ้มอ่อนๆให้เขา

"ให้ผมบังคับรถเถอะครับ"

สณาจิณห์ปล่อยมือจากพวงมาลัยและคืนหน้าที่สารถีให้อีกฝ่าย โจนาธานก็ขับรถยนต์เข้าข้างทางอย่างเชื่องช้า เขาต้องการหยุดพักสักครู่ ดวงตาหลายคู่ของผู้เห็นเหตุการณ์ก็ยังคงให้ความสนใจกับพวกเขา

"ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ" หล่อนถาม

"แค่มึนๆครับ"

หล่อนถอนใจปนหอบอย่างโล่งหัวอก เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีเหงื่อซึมตามร่างกายและรู้สึกเหน็ดเหนื่อยราวกับวิ่งมาหลายกิโลเมตร

"คุณช่วยผมไว้แท้ๆ" คนพูดเอ่ยอย่างเชื่อมั่นกับความรู้สึกเร้นลับที่เขาสัมผัส

"รู้สึกจะเกินกำลังของซัน" หล่อนสารภาพด้วยท่าทางที่อิดโรยและอ่อนแรง

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

"ขอพักแป๊บนึงค่ะ เดี๋ยวก็หาย" พูดจบก็เอนกายกับพนักพิงหลัง

"คุณหลับดีกว่าไหมครับ พอถึงร้านอาหาร ผมจะปลุกคุณเอง" เขาพูดพลางติดเครื่องยนต์พาหนะ

หล่อนยิ้มเนือยๆแทนคำตอบ

พาหนะหยุดเพราะติดสัญญาณไฟแดง คนร่างสูงก็เหลียวมองร่างบางที่หลับตาอยู่ข้างๆ เขารู้สึกชื่นชมกับความหาญกล้าและความมีสติของหล่อน ถ้าหล่อนมัวแต่ตื่นกลัว ป่านนี้หล่อนกับเขาก็คงจะประสบอุบัติเหตุเป็นแน่แท้ หนำซ้ำหล่อนยังเป็นฝ่ายช่วยเหลือเขา เขารู้สึกสำนึกที่ทำให้หล่อนต้องลำบากไปด้วย สายตาอ่อนโยนจ้องมองคนข้างตัว ริมฝีปากเปิดรอยยิ้มละมุน ความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจท่วมท้นขึ้นทุกที ความจริงใจของหล่อนทำลายบรรทัดฐานและทัศนคติซึ่งเป็นปราการน้ำแข็งแห่งใจให้ทลายลงอย่างสิ้นเชิง ผู้หญิงตัวเล็กๆทุ่มเทให้เขาอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน หล่อนยอมนำพาตัวเองให้ตกลงสู่กับดักที่ดำมืดเพียงเพื่อความรักเท่านั้น

โจนาธานดับเครื่องยนต์และเรียกชื่อ 'แม่หมอ' หล่อนก็ลืมตาตื่น

"เป็นไงบ้างครับ"

"ดีขึ้นเยอะค่ะ" สณาจิณห์ยิ้มกว้าง สีหน้าแววตาบ่งบอกว่าหล่อนรู้สึกสดชื่นแจ่มใสอย่างที่เอ่ย

เขาลงจากรถยนต์และเป็นฝ่ายเปิดประตูด้านที่นั่งให้หล่อน

ร่างบางเดินเคียงเขา ดวงตาก็เฝ้ามองอย่างสำรวจร้านอาหารที่ตั้งอยู่ชั้นล่างสุดภายในตัวโรงแรมมีระดับ บรรยากาศและลักษณะของการจัดร้านแฝงกลิ่นไอของประเทศแถบทวีปยุโรป ผนังฉาบทาด้วยโทนสีอ่อนสบายตา โต๊ะเก้าอี้รูปแบบทันสมัยจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เพลงที่เปิดคลอเบาๆเป็นเพลงรักหวานซึ้ง พนักงานชายก็ต้อนรับลูกค้าด้วยอัธยาศัยไมตรีและใบหน้าที่แย้มยิ้ม ถ้อยคำ ที่เอ่ยไพเราะรื่นหู เขานำโจนาธานกับสณาจิณห์ไปนั่งโต๊ะด้านในที่ห่างจากลูกค้ารายอื่นก่อนถามรายการอาหารที่คนทั้งคู่จะสั่ง

หญิงสาวมอบหน้าที่ในการสั่งอาหารให้กับชายหนุ่มลูกครึ่งเพราะหล่อนไม่ชินกับการทานอาหารในร้านใหญ่แบบนี้ แม้ตัวหล่อนจะเคยเข้าร้านใหญ่อย่างนานๆครั้งบ้างก็ตาม ปากของโจนาธานเอ่ยรายการอาหารสองสามอย่าง แต่มือขยับเขียนข้อความใส่กระดาษแล้วส่งให้พนักงาน ฝ่ายหลังรับและเดินจากไป หญิงสาวก็ถามคนร่างสูง

"คุณเขียนอะไรคะ"

"ประเดี๋ยวคุณก็จะทราบครับ" เขายิ้มในสีหน้าอย่างมีเลศนัย

หล่อนจำใจเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะท่าทางของคนตรงหน้าใช่จะยอมให้หล่อนซักไซ้ไล่เลียง

"คุณมาร้านนี้บ่อยหรือคะ"

"เท่าที่โอกาสจะอำนวยครับ" คนตอบเหมือนเล่นลิ้น คนฟังไม่ใส่ใจ

"ร้านเขาหรู อาหารคงแพงหูฉี่ใช่ไหมคะ"

"พอสมควรครับ" เขาบอกอย่างพาซื่อ

"คุณน่าจะพาซันไปร้านที่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋านะคะ" หล่อนพูดอย่างขบขัน

"ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีและเต็มใจอย่างยิ่ง" ดวงตาเป็นประกายของเขาทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นผิดจังหวะอย่างไรชอบกล

สณาจิณห์นั่งหน้าร้อนผ่าวและรู้สึกขัดเขินจนต้องเสเปลี่ยนเรื่อง

"ตอนที่คุณลอเรนซ์พบคุณ นอกจากเรื่องงาน เขาพูดอะไรกับคุณอีกคะ"

เขายิ้มขันๆ เขาหรืออุตส่าห์จะเกี้ยวหล่อน เจ้าหล่อนกลับเฉไฉพูดเรื่องอื่น หากมีหรือที่คนอย่างเขาจะยอม

"อืม ผมว่าไว้เราพูดกันตอนประชุมที่บ้านดีกว่าครับ"

"ซันอยากเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ค่ะ"

"ไว้ช่วยกันวิเคราะห์ได้ไหมครับ เพราะก่อนหน้า เราก็เจอเรื่องร้ายๆ ตอนนี้ผมอยากให้เราสบายใจทั้งคู่"

พอเห็นสีหน้าสีตาบ่งบอกความดันทุรังของหล่อน เขาก็เปลี่ยนวิธีเป็นการวอนขอ

"ถือว่าผมขอร้อง"

'แม่หมอ' เทใจให้เขาจนหมดแต่แรก เจอไม้เด็ดของเขาเข้าหล่อนก็ต้องจำยอมโดยดี

"ค่ะ คุณขอร้อง แล้วจะร้องเพลงอะไรคะ"

คนฟังหลุดเสียงหัวเราะชอบใจอย่างน้อยครั้งที่จะมีใครเคยได้ยินและเสียงเพลงใหม่ก็ดังขึ้น

"เพลงนี้" เขาเกริ่นสั้นๆ

"คุณจะร้องเหรอคะ" หล่อนเย้ายิ้มๆ

"ผมแค่จะบอกว่าเป็นเพลง Falling ของริชาร์ด มาร์กซ์ จากอัลบั้ม My Own Best Enemy ครับ และที่คุณถามว่าผมเขียนอะไร ผมแค่เขียนชื่อเพลง ชื่อศิลปิน และอัลบั้ม เพื่อให้เขาเปิดเพราะที่นี่มีบริการพิเศษรับคำขอเพลงจากลูกค้าครับ" คนร่างสูงบอกอย่างอารมณ์ดี

"เพราะไหมคะ" ร่างบางเอ่ยถาม

"ต้องลองฟังครับ" โจนาธานบอกสั้นๆอย่างไม่ต้องการขัดเสียงเพลง

I've got a secret That I think I'm ready to share
It may bring us closer It may be our burden to bear It's precious and it's real
And all that I can feel is that I'm Falling As deep as any ocean In ways that can't be spoken I am
Falling For the millionth and the first time Ever and eternally for you
You are a beacon Revealing the places I hide You've given freedom
To so much that I've kept inside And with one look in my eyes
It can't be a surprise that I am Falling As deep as any ocean In ways that can't be spoken I am
Falling For the millionth and the first time Ever and eternally for you
Now there is no darkness My truth laid open and bare
It's in my fresh and bones and it's everywhere Yeah that I am Falling
As deep as any ocean In ways that can't be spoken I am
Falling Like rains that come from heaven Bathed in your affection I am
Falling For The millionth and the first time Ever and eternally for you For you.

ความในใจที่ฉันอยากบอกเธอ ใช่คำเพ้อละเมอแต่อย่างใด
ความใกล้ชิดที่สองเราต่างมีให้ ก่อหัวใจของฉันให้ดิ่งดำ

สู่ห้วงลึกที่ยิ่งกว่าห้วงมหรรณพ เป็นสิ่งที่ค้นพบและชักนำ
เป็นความรู้สึกที่เร้นลึกล้ำ ถ้อยน้ำคำเกินกว่าจักบรรยาย

ความรู้สึกมากมายที่ฉันมี จึงเหลือที่จะเอ่ยออกมาได้
เพราะเธอคือแสงสว่างส่องกลางใจ คือความรักหนึ่งเดียวจากนี้ตลอดไป…ตราบนิรันดร์.

สณาจิณห์ที่เคลิบเคลิ้มกับเสียงเพลงโดยตลอดเพิ่งรู้สึกตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของผู้ร่วมโต๊ะ หล่อนมองหน้าเขาก็สบกับสายตาอ่อนโยนเจือแววหวานอย่างที่ชวนให้อกใจของหล่อนหวั่นไหว รอยยิ้มพรายปรากฏบนริมฝีปากของเขา

"เพลงเพราะดีค่ะ" หล่อนบอกสุ้มเสียงแผ่วหวิว ใบหน้าขึ้นสีเรื่อและหล่อนก็ให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆ ทั้งใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ

'โอย หัวใจจะวาย ทำไมคุณโจน่าถึงแปลกๆจังเนี่ย ขืนเป็นแบบนี้มีหวังแย่แน่เรา' หล่อนรำพึง

"ผมชอบเพลงนี้ ความหมายดีทีเดียวคุณว่าไหมครับ" เขายิ้มทั้งตาทั้งปากหวังจะได้เห็นปฏิกิริยาจากหญิงสาวและก็สมใจ
หล่อนออกอาการขัดเขินอย่างชัดแจ้ง สายตาก็จำต้องเบือนมองทางอื่นเสีย ต่างจากชายหนุ่มลูกครึ่งที่มองแต่ร่างบางตรงหน้าและคิดเห็นว่าอากัปกิริยาของเจ้าหล่อนช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน

"คุณจำได้ไหมครับ ตอนที่คุณจมสระน้ำบ้านผม" เขาถามทำลายความเงียบงันที่ก่อเกิดและเรียกให้หล่อนหันมองเขา

"จำได้ตอนที่เกือบตายอยู่ในน้ำค่ะ"

"คุณหมดสติและกินน้ำเข้าไปมาก ผมก็เลยช่วยอย่างที่ควรจะต้องช่วย" เขาจงใจพูดให้หล่อนคิด

คนฟังนิ่วหน้าเกือบนาที พอนึกออกหน้าก็ร้อนจัด

"คุณผายปอดให้ซันหรือคะ" คำถามเสียงไม่เบานัก

"ครับ" เขายอมรับหน้าตาเฉยด้วยรอยยิ้มที่เปิดกว้าง

สณาจิณห์กลับรู้สึกเหมือนจะจับไข้และความสะเทิ้นอายก็ทวีความรุนแรงทำให้หล่อนนึกอยากเดินหนีคนร่างสูงให้รู้แล้วรู้รอด บทเขาจะเย็นก็เป็นน้ำแข็งสุดขั้วโลก บทจะเกี้ยวสาวเขาก็ทำได้สุดยอดเหมือนกัน หล่อนชักจะวางตัวไม่ถูก หัวใจสี่ห้องของหล่อนให้เขาหมดก็จริง พอโดนรุกแบบไม่คาดฝันหล่อนก็รู้สึกกล้าๆกลัวๆ

พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้าเหมือนระฆังช่วยชีวิต 'แม่หมอ' เพราะหล่อนรู้สึกว้าวุ่นใจระคนสับสนจนกลายเป็นความปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก ดีใจน่ะดีใจอยู่ แต่เขารุกหนักหล่อนก็จะหัวใจวายเท่านั้น ปฏิกิริยาที่แสดงออกกลายเป็นอาการอึกอักอ้ำอึ้งกึ่งลังเลทำให้ชายหนุ่มลูกครึ่งเกิดนึกเสียอารมณ์ โจนาธานรอจังหวะที่พนักงานกลับเข้าครัว เขาก็เอ่ยกับหล่อน

"คุณทำคล้ายกับพยายามหลบเลี่ยงอะไรอยู่"

สายตาของหล่อนมีคำถาม

"ไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกว่าคุณไม่เหมือนทุกที" เขายักไหล่ รู้สึกเหมือนความชุ่มฉ่ำในใจสลายในชั่วพริบตา เจ้าหล่อนน่าจะมีทีท่าสนองตอบให้มากกว่านี้ ทว่าเขากลับรู้สึกผิดคาดที่จู่ๆเจ้าหล่อนก็เป็นฝ่ายสงวนท่าทีทั้งที่เขารู้ว่าหล่อนชอบเขา

"ผมชักจะไม่เข้าใจพวกผู้หญิง" เขาปรารภ

'ก็ทุกทีคุณไม่จีบซันนี่คะ อีกอย่างซันก็เกร็งจนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง ขอโทษค่ะคุณโจน่า' จะให้หล่อนบอกเขาอย่างที่คิดก็เกรงจะเถรตรง ที่สำคัญลองปล่อยให้เขาคิดหาวิธีละลายหัวใจของหล่อนดูบ้างจะเป็นไรในเมื่อหล่อนเป็นฝ่ายพยายามมาตลอด และใช่จะแสดงว่าหล่อนเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นคิดจะเอาคืนกับสิ่งที่เขาเคยกระทำไว้…สาบานได้ว่าเปล่าจริงๆ เล่นตัวหรือ ยิ่งไม่ใช่ หล่อนก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป หวังแต่ว่าหล่อนคงจะไม่ทำอะไรพลาดและเป็นเหตุให้เขาโมโหโกรธาอย่างจริงจัง

"ทานอาหารดีกว่าค่ะ ซันชักหิว" หล่อนเบี่ยงเบนประเด็น

คนร่างสูงตักอาหารเข้าปากอย่างเซ็งๆ เขาสู้อุตส่าห์สร้างบรรยากาศและพูดเป็นนัยๆ เจ้าหล่อนก็ช่างหักมุมบรรยากาศที่กำลังหวานชื่นลงคอ

หญิงสาวยังไม่ทันจะลงมือทาน เสียงโทรศัพท์มือถือของหล่อนก็ทำให้ต้องวางมือจากช้อนส้อม

"สวัสดีค่ะ" หล่อนกรอกเสียงถามเพราะเลขหมายที่ปรากฏบนหน้าจอไม่คุ้นตา

"ทานอาหารอร่อยไหมครับ" มาร์คัสหัวเราะมาตามสัญญาณ

"คุณมาร์ค" หล่อนหลุดปากเอ่ยขานนามของปลายสาย

ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มของใครอีกคนก็จ้องหล่อนเขม็งอย่างจับผิดเต็มที่ทำให้สณาจิณห์รู้สึกน้ำลายฝืดคออย่างกะทันหัน

"คุณมาร์ครู้เบอร์ของซันได้ไงคะ"

"ผมโทร.ถามนายโก้ แต่เจอคู่หมั้นเขาเป็นคนรับ เห็นว่านายโก้แวะไปทานข้าวด้วย ละพอดีเข้าห้องน้ำ คุณวดีก็เป็นคนบอกเบอร์คุณแหละครับ"

'เพื่อนหนอเพื่อน ช่างหาเรื่องให้แท้ๆ' เจ้าของร่างบางรำพึง

"คุณมาร์คมีอะไรกับซันคะ"

"ผมคิดถึงคุณ"

'ทำไมต้องมาคิดถึงซันตอนนี้คะคุณมาร์ค' หญิงสาวนึกคิดอย่างหมดอารมณ์ หล่อนบอกกับตนว่าพลาดไปถนัดและโจนาธานต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน

"ผมขอพูดกับโจน่าหน่อยครับ"

หล่อนทำท่าลังเล ปลายสายก็เร่งเร้าเหมือนรู้ทันว่า

"ผมไม่ทำมื้อกลางวันของคุณพังหรอกครับ น่า ขอผมพูดกับโจน่านิดนึง นิดเดียวจริงๆครับ"

"ได้ค่ะ"

"คุณมาร์คจะพูดกับคุณค่ะ" หล่อนพูดต่อพลางยื่นส่งเครื่องมือสื่อสารให้อีกฝ่าย

ชายหนุ่มลูกครึ่งก็รับสาย

"ครับพี่มาร์ค"

"ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มใส่พี่ นายต่างหากที่นัดคุณซันตัดหน้าพี่" ปลายสายต่อว่าต่อขาน

"ผมว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แค่นี้นะครับ" โจนาธานกดปุ่มตัดสัญญาณการติดต่อในทันที นี่กระมังต้นเหตุที่ทำให้ 'แม่หมอ' หักมุมเอากับบรรยากาศที่เขาตั้งใจสร้างด้วยความมุ่งหมายอย่างใจเรียกร้อง

"ถ้าคุณจะกรุณาปิดมือถือ ผมจะรู้สึกขอบคุณมาก" เขาพูดประชดอย่างมีอารมณ์

คนฟังรู้สึกระคายหู หล่อนจึงไม่ทำตามคำพูดของเขายังผลให้ฝ่ายหลังแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของหล่อนและกดปุ่มปิดเครื่องเสียเองก่อนยึดไว้กับตน

"คุณโจน่า!" หล่อนตั้งท่าจะโวยวาย

"คุณจะสวีทหวานทั้งที่ผมนั่งหัวโด่หรือไง" เขาถามเสียงห้วน

"ทำไมคุณต้องใส่อารมณ์คะ" หล่อนมองตาเขาอย่างค้นหา ในใจก็ภาวนาขอให้หล่อนคิดถูกว่าเขาเกิดอาการหึงหวง

คนร่างสูงนิ่งอึ้งกับถ้อยความของหล่อน ทว่าก็เสเอ่ยไม่ตรงคำถามด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นว่า

"ขี้เกียจมานั่งรำคาญทีหลัง เวลาทานอาหารผมอยากจะทานบรรยากาศ ถ้าปล่อยให้พวกคุณแลกคำหวาน ผมก็ถูกรบกวน ปิดมือถือของคุณก็เท่ากับตัดปัญหา"

"ไม่มีเหตุผล!" หล่อนเอ็ด

"ผมยอมรับ" คนพูดพยักหน้าประกอบถ้อยคำ

"อีกอย่างคุณก็เจอพี่มาร์คออกบ่อยๆ หรือคิดถึงกันมากจนจะลงแดงเลยต้องโทร.หา" เขาพูดต่อ

หล่อนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนพาลและเลือกที่จะตักอาหารใส่ปากเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมกับเขา

บรรยากาศที่ควรจะโรแมนติคกลับถูกทำลายเพราะการติดต่อจากมาร์คัส นอกจากจะทำให้โจนาธานรู้สึกหงุดหงิดและขัดเคืองใจเป็นกำลัง สณาจิณห์ก็อารมณ์เสียเช่นกันเพราะเขาไม่ยอมรับตรงๆว่าลมเพชรหึงขึ้นหน้า บรรยากาศในร้านยังเครียดเคร่งขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบรรยากาศในรถยนต์ของเขา รับรองว่าต้องตึงเครียดอย่างหนักและการปิดปากให้สนิทย่อมเป็นหนทางที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเอาเรื่องกับหล่อน หากเปิดโอกาสให้เขาสบช่องพูดจาหาเรื่องหาราวให้ยืดยาวก็รังแต่จะทำให้เกิดรอยร้าวเสียเปล่าๆ สู้หล่อนไม่ปริปากยังจะดีเสียกว่า และหล่อนก็เรียนรู้ว่าคนอย่างเขายามโกรธมักจะทำเฉยเมยและวางมาดเจ้าชายน้ำแข็งใส่ ถ้าหล่อนเผลอเปิดปากพูดจาอะไร เขาก็จะเป็นฝ่ายเอาความให้ถึงที่สุด สณาจิณห์จำต้องอดทนอดกลั้นและเตือนสติตน หล่อนคิดพลางก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียว

ไฟสุมทรวงให้โจนาธานรู้สึกร้อนรุ่ม ญาติผู้พี่ช่างสรรหาวิธีขัดความสุขของเขาจนได้ ขนาดเขาพาหล่อนออกนอกบริษัท ฝ่ายนั้นก็ยังไม่วายคุกคามความสุขของเขา เห็นทีจะมัวเกรงอกเกรงใจด้วยฐานะญาติเชื้อคงไม่ไหว และเขาต้องล้มมาร์คัสให้ลงก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะมีโอกาสทำคะแนนตีตื้น เป็นครั้งแรกที่เขาคิดต่อสู้เพื่อแย่งผู้หญิงกับใครอื่น ทว่าก็ขัดกับนิสัยอย่างหนึ่งคือถ้าเขาไม่พอใจสิ่งใด หากไม่นิ่งเฉยก็จะชวนทะเลาะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายและเป็นข้อเสียที่ยากจะแก้ไข การที่เขานิ่งเฉยย่อมจะไม่ยังผลดีต่อตัวเขาพอๆกับการชวนทะเลาะ อย่างไรเขาก็ต้องแสดงพฤติกรรมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งซึ่งเป็นทางที่ส่งผลเสียแต่เพียงประการเดียวและเป็นที่น่าหนักใจสำหรับตัวเขายิ่งนัก

เอริคส่ายหน้าน้อยๆเพราะรับรู้การกระทำของมาร์คัสที่ร่วมโต๊ะอาหารกับเขา ดูเหมือนชายหนุ่มผู้รักความยุติธรรมในสังเวียนรักจะลืมตัวและหาทางกลั่นแกล้งโจนาธานอย่างใจจนสำเร็จ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า ดวงตาเป็นประกายวิบวับเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ อาการกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็หายเป็นปลิดทิ้งและถูกแทนที่ด้วยความสบายอารมณ์

"ป่านนี้โจน่าคงเข้าใจคุณสณาจิณห์ผิดเรียบร้อยแล้ว ดีไม่ดีอาจทะเลาะกัน" เอริคเปรยด้วยน้ำเสียงเนือยเนิบ

"ผมก็ยุติธรรมนะครับคุณอา โจน่าน่ะเล่นทำอะไรตัดหน้าผมก่อน" มาร์คัสพูดอย่างปกป้องตนเอง

"ใครไวกว่าถือว่าได้เปรียบ หลานชักช้ายังจะโทษโจน่า"

"คุณอาเข้าข้างโจน่า ผมก็เสียเปรียบ" ชายหนุ่มตีหน้าขรึม

"อาว่าตามถูกผิด"

"ผมว่าผมเล่นตามกติกาครับคุณอา และถือเป็นการเอาคืนที่หายกันกับโจน่าด้วย"

คนฟังระบายลมหายใจยาว

"พวกเราต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อช่วยโจน่า"

"ผมทราบครับคุณอา เรื่องความรักมันคนละเรื่อง" มาร์คัสแย้งเสียงนุ่มนวล

"หนุ่มๆก็มีข้ออ้างเรื่อย"

"เรื่องหัวใจสำคัญครับคุณอา"

"เอาเป็นว่าอาเข้าใจ" เอริคบอกอย่างคนเหนื่อยใจ

ช่วงเวลาเลิกงานมาร์คัสรีบเสนอตัวรับหญิงสาวไปบ้านของญาติผู้น้องกับเขาและอาสาส่งหล่อนกลับที่พัก โจนาธานก็ไม่ขัดข้องหรือแม้แต่กระทำการเพื่อขัดขวาง ท่าทีเฉยชาที่แสดงออกต่อหน้าทำให้โอกาสตกเป็นของเขา มาร์คัสยังกล่าวถ้อยคำขอบอกขอบใจฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์และสีหน้าชื่นบาน เขาไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าสลดของหญิงสาวที่เขาขันอาสาหล่อน

จิตใจของ 'แม่หมอ' อยู่ในภาวะหดหู่ห่อเหี่ยวระคนขุ่นข้องหมองใจกับความเจ้าอารมณ์ของชายหนุ่มลูกครึ่งที่วางมาดขรึมเย็นชา หล่อนอยากให้เขาออกอาการบ้าง เขากลับทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด หล่อนนึกอยากจะชกหน้าคมสันของเขาสักทีเผื่อเขาจะรับรู้การกระทำของตนบ้าง แม้เอริคจะช่วยสะกิดสะเกาความรู้สึกของเขา เขาก็แสร้งไม่ใส่ใจ ยิ่งคิดหล่อนก็ยิ่งอยากจะยั่วอารมณ์เขา หล่อนอยากรู้ว่าจะกระตุ้นความหวงแหนได้หรือไม่ และมาดเจ้าชายน้ำแข็งจะละลายหรือเปล่า

ร่างบางก็คล้องแขนมาร์คัสต่อหน้าต่อตาโจนาธานและเอริคที่ยืนอยู่ในลานจอดรถ ยังผลให้สีหน้าของชายหนุ่มลูกครึ่งแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เขาสะบัดหน้าเมินมองทางอื่น เอริคโคลงศีรษะอย่างรู้สึกอ่อนใจกับเรื่องของหนุ่มสาว มาร์คัสอ่านออกว่าหญิงสาวคิดจะทำอะไร เขาก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ แม้ลึกๆในใจจะปวดแปลบก็ตาม เขาเตือนตนว่าต้องคว้าทุกโอกาสที่มี

"ไปค่ะคุณมาร์ค ไว้พบกันที่บ้านคุณนะคะคุณโจน่า" หล่อนส่งยิ้มให้ฝ่ายหลัง

คนร่างสูงทำเป็นไม่ได้ยินถ้อยคำของหล่อน พอคล้อยหลังญาติผู้พี่กับ 'แม่หมอ' เขาก็แสดงท่าทีฮึดฮัดอย่างไม่ปิดบัง เอริคก็จำต้องเอ่ยอย่างสอนสั่งว่า

"จะมัวฟอร์มจัดทำไมโจน่า สู้แสดงออกให้เธอรู้ยังจะดีกว่า เก็บๆงำๆก็ไม่มีอะไรคืบหน้า แถมเป็นผลดีต่อมาร์คเขา"

หลานชายคนโตรับฟังด้วยใจที่สงบลงบ้างขณะที่สายตามองตามรถยนต์คันที่เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ

"ผมจะจำไว้ครับคุณอา"

"อย่าจำโจน่า หลานต้องปฏิบัติตัวใหม่ เอาแต่อารมณ์จะทำให้เสียกับเสีย ถ้าหลานแน่ใจว่า 'ต้องการ' เธอ หลานต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร" เอริคพูดเน้นเฉพาะบางถ้อยคำ ทว่าทุกประโยคชัดเจนก่อนเดินไปที่พาหนะของตนโดยปล่อยโจนาธานยืนอยู่ลำพัง


Create Date : 30 มิถุนายน 2550
Last Update : 30 มิถุนายน 2550 13:39:45 น. 0 comments
Counter : 407 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.