Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 
22 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่๑๒

ตอนที่๑๒
ลินลดาเดินตามหลัง 'ศัตรูหัวใจ' อย่างเงียบๆ เรื่องราวเกี่ยวกับตัวหล่อนที่ติดพันโจนาธานอย่างไม่ยอมเลิกรากลายเป็นที่กล่าวขวัญและรับรู้ทั้งบริษัท ฉะนั้น หล่อนย่อมตกเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มาก แต่หล่อนก็ไม่สนใจไยดีกับคำติฉินนินทาที่แว่วเข้าหู ใครอยากพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไป หล่อนสนใจแต่ความต้องการของตัวเท่านั้น และหล่อนจะเขี่ยผู้หญิงอื่นที่หาญกล้าช่วงชิงชายหนุ่มลูกครึ่งให้หลุดจากสังเวียนการต่อสู้ให้หมด มีเพียงหล่อนที่จะเป็นผู้ครอบครองตัวเขาเพียงผู้เดียว

สณาจิณห์ก็ไม่ปริปากว่ากระไร หล่อนเดินนำฝ่ายตรงข้ามอย่างใจเย็น ลินลดาท่าทางเขี้ยวลากดินไม่น้อย หล่อนเดาว่าดีไซน์เนอร์สาวคงผ่านสังเวียนแห่งการแย่งชิงอย่างโชกโชน หล่อนจึงต้องคอยดูท่าทีและอ่านทางของฝ่ายตรงข้ามให้ออก การเดินหมากอย่างสุขุมและใช้สติปัญญามากกว่าอารมณ์จะช่วยให้หล่อนเป็นผู้ชนะ เท่าที่ประเมินอย่างผิวเผินเจ้าหล่อนที่เดินตามน่าจะเป็นบุคคลประเภทยั่วยุขึ้นซึ่งทำให้ง่ายต่อการถูกเล่นงาน และช่วยให้แสดงธาตุแท้โดยง่าย ต่อให้ 'แม่หมอ' เป็นคนเพศเดียวกัน หล่อนก็ไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้แม้แต่น้อย โจนาธานกับน้องชายก็คงจะคิดเหมือนหล่อน

หญิงสาวหยุดเดินและเปิดประตูห้องทำงานให้ลินลดาอย่างรักษามารยาท

"เชิญค่ะคุณลินลดา"

ฝ่ายหลังเดินเชิดหน้าอย่างทะนงตนและเริ่มใช้สายตาสำรวจทั่วทั้งห้อง รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้า

'กระจอกจริงๆ' หล่อนนึกคิด

เจ้าของห้องปิดประตูตามหลังอย่างเบามือ

"เชิญนั่งค่ะ" พูดจบหล่อนก็ประจำที่ของตน

"ห้องของคุณแม่หมอน่าจะดูดีกว่าที่เห็นนะคะ" ลินลดาเอ่ยอย่างดูแคลน

"สิ่งของภายในห้องเป็นแค่องค์ประกอบที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของคนเหมือนกับการปรุงแต่งตัวของคน มันทำให้เราคิดวิเคราะห์และมองคนๆนั้นแค่เปลือกนอก รวย จน มีระดับ ไร้รสนิยม ไฮโซ โลโซ ซันเน้นสิ่งที่อยู่ภายใน เน้นคุณภาพของการทำงาน องค์ประกอบหรือเปลือกไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญเท่ากับจิตใจของคนเพราะคนที่สวยแต่รูป ภายในเน่าเฟะก็มีค่ะ" ประโยคสุดท้ายคนพูดจงใจมองฝ่ายตรงข้ามตรงๆ

คนฟังถ้อยความสอนสั่งกึ่งแดกดันอยู่ในทีแค่นยิ้ม

'นังหมอดูก็ใช่เล่น'

"ลินเห็นด้วยค่ะ เพิ่งรู้ว่าคุณแม่หมอเป็นผู้แก่ความรู้นะคะเนี่ย" สุ้มเสียงกลั้วหัวเราะอย่างใส่จริต

"แก่แต่ความรู้ อายุยังน้อยค่ะ เอ น้อยกว่าคุณลินกระมังคะ" สณาจิณห์สวนทันควันพร้อมรอยยิ้มหวานแสบทรวงเพราะฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาแฝงเหน็บแนมว่าหล่อนแก่เกินวัย

"อุ๊ยตาย! ลินคงแก่กว่าคุณหมอดูไม่มากหรอกค่ะ"

'ไม่มากคงเฉียดสามสิบกว่าๆล่ะมัง' เจ้าของห้องรำพึงและซ่อนรอยยิ้มสมเพชไว้ในสีหน้ากับพวกที่นอกจากจะชอบหลอกตนเองแล้วยังชอบหลอกคนอื่นด้วย

"ซันจะทำนายเรื่องทั่วไปให้พี่ลินก่อน พี่ลินอยากถามเจาะลึกเฉพาะเรื่องไหนก็บอกได้ค่ะ" คนพูดเน้นคำว่า 'พี่' ให้คนฟังสะดุ้งในใจ

"ค่ะ" ดีไซน์เนอร์สาวรับรู้พลางสะกดกลั้นความขุ่นเคืองใจกับถ้อยคำของ 'แม่หมอ'

ลินลดาสับไพ่ด้วยมือข้างซ้ายอย่างช้าๆด้วยความยากลำบาก พอเท่าจำนวนอายุ หล่อนก็ส่งสำรับไพ่คืนให้นักพยากรณ์สาว สณาจิณห์รับมาวางบนโต๊ะก่อนกรีดไพ่อย่างสวยงามด้วยความชำนาญ

ผู้รับคำทำนายเคยเห็นไพ่ยิปซีบ้างและเคยใช้บริการกับนักพยากรณ์ชื่อดังที่ทำให้หล่อนยอมรับต่อความแม่นยำ ถึงคราวทดสอบความแม่นยำในการทำนายของศัตรูหัวใจที่อยู่ต่อหน้าเพราะความอยากลองของ หล่อนก็ไม่คิดจะเชื่อถือแต่อย่างใด

เจ้าของห้องรู้เท่าทันความคิดของฝ่ายตรงข้าม ลินลดาก็เหมือนกับคนอื่นๆที่ใช้บริการของหล่อนเป็นครั้งแรก เจ้าตัวยิ้มน้อยๆด้วยดวงตาเป็นประกายประหลาด

"ถ้าไม่แม่นก็ต้องขออภัยพี่ลินอย่างมากค่ะ" หล่อนเอ่ยอย่างออกตัว หากตรงใจฝ่ายหลัง

"ไม่ว่ากันค่ะ"

'แม่หมอ' ให้คำพยากรณ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่คนฟังรู้สึกเหมือนชีวิตของหล่อนถูกตีแผ่ด้วยไพ่เพียง 10 ใบที่ปรากฏ ถ้อยพยากรณ์ในส่วนที่เป็นเรื่องส่วนตัวจำพวกนิสัยใจคอและความรู้สึกนึกคิดที่ออกจากปากของฝ่ายตรงข้ามอย่างหยั่งรู้ลึกซึ้งทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนลมหายใจติดขัด แต่ละถ้อยคำของหญิงสาวผู้อ่อนวัยทำให้ความรู้สึกหมิ่นแคลนที่มีในเบื้องแรกจางหายจนหมดสิ้น ความสามารถของ 'แม่หมอ' เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายและหล่อนยอมรับว่าศัตรูหัวใจเป็นนักพยากรณ์มืออาชีพที่ใครจะลองดีด้วยไม่ได้

การทำนายที่ใช้เวลาอยู่เป็นนานสิ้นสุดลงด้วยรอยยิ้มเย็นของ 'แม่หมอ' ลมหายใจของลินลดาก็กลับสู่ภาวะปกติ

"เป็นไงบ้างคะพี่ลิน"

คนถูกถามมองหน้าสณาจิณห์ก็สบกับดวงตาเป็นประกายกล้าที่กำลังจ้องมองลึกในดวงตาของหล่อนราวกับเจาะทะลวงจิตใจ ความหวาดเกรงอะไรบางอย่างทำให้หล่อนหลบสายตาคมคู่งาม

"พี่ลินคงไม่อยากบอก ไม่เป็นไรค่ะ" หญิงสาวผู้อ่อนวัยชิงตัดบท

"อยากรู้เรื่องไหนอีกไหมคะ" หล่อนถามต่อ

ดีไซน์เนอร์สาวส่ายหน้าแทนคำตอบ หล่อนไม่อยากถูกเจาะใจอีก เท่านี้หญิงสาวผู้อ่อนวัยก็ล่วงรู้ความคิดของหล่อนมากพอ ถ้าให้ศัตรูหัวใจล่วงรู้ความคิดของหล่อนมากกว่านี้ หล่อนนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายตกที่นั่งลำบาก และฝ่ายตรงข้ามก็จะยิ่งได้เปรียบ

"ขอบคุณคุณแม่หมอค่ะ" ลินลดาเอ่ยเสียงอ่อนเบา หล่อนคิดผิดถนัดที่นึกดูถูก 'แม่หมอ' และแทนที่จะเป็นฝ่ายอ่านเชิงของฝ่ายตรงข้ามก็กลายเป็นว่าหล่อนถูกอ่านเชิงเสียเอง คิดจะเขี่ยนังหมอดูให้หลุดจากสังเวียนแย่งชิงตัวโจนาธานคงเป็นเรื่องยากพอดู

รอยยิ้มละไมปรากฏบนใบหน้าของสณาจิณห์ ลินลดากลับยิ้มเจื่อน

"พี่ลินจะกลับเลยหรือเปล่าคะ หรือจะอยู่ต่อ" คำถามใคร่รู้ชัดเจนทุกถ้อยคำ ประกายตาแฝงเร้นอำนาจจับจ้องใบหน้าของลินลดา

"กลับดีกว่าค่ะ" สุ้มเสียงแผ่วยอมตอบตามตรง

คนถูกถามยังไม่พร้อมจะรับมือกับหญิงสาวผู้อ่อนวัยที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตน ถ้าดันทุรังอยู่ต่อก็ต้องปะทะกับฝ่ายตรงข้ามที่มีแววว่าจะสู้รบปรบมือกับหล่อนชนิดไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ดีไม่ดีหล่อนเกิดเล่นงานพนักงานของชายหนุ่มลูกครึ่ง เขาก็อาจเข้าข้าง 'แม่หมอ' หล่อนก็จะกลายเป็นเสือลำบาก ยิ่งหัวเดียวกระเทียมลีบสถานการณ์ของหล่อนก็จะมีแต่แย่กับแย่

พอลินลดาเดินพ้นจากห้องทำงานของสณาจิณห์ ยุภาที่แสร้งเดินผ่านไปผ่านมาก็เข้าไปหาหญิงสาวที่หล่อนเอาใจช่วย เจ้าของห้องเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นของผู้มาเยือน หล่อนก็ปริปากบอกเล่าเฉพาะเหตุการณ์ แต่เก็บรักษาความลับในการพยากรณ์เอาไว้เหมือนลูกค้ารายอื่นๆเพราะเป็นสิ่งพึงปฏิบัติอย่างยิ่ง

"คุณซันเจ๋งจริงๆค่ะ คุณลินกลัวที่คุณดูแม่นจนเริ่มจะเกรงๆ" เลขานุการร่างป้อมชื่นชมอีกฝ่าย

"กลับไปตั้งหลักมากกว่าค่ะเพราะโดนซันล้วงข้อมูลไปแยะ" คนพูดคาดเดายิ้มๆ

"ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ คุณก็มีสิทธิ์ชนะเห็นๆ"

"ซันยึดถือความไม่ประมาทค่ะคุณยุ"

เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะการสนทนาของสองสาว เจ้าของห้องเอ่ยปากเชื้อเชิญ คนร่างสูงที่ตีหน้าขรึมใส่หล่อนเป็นนิจก็เอ่ยกับเลขานุการว่า

"ที่แท้คุณยุก็อยู่ที่นี่"

"ขอโทษค่ะคุณโจน่าที่จู่ๆยุก็แว่บหาย" หล่อนบอกอย่างสำนึก

"อย่าหายบ่อยนักล่ะ เกิดผมเปลี่ยนเลขาฯ คุณจะเตะฝุ่นเปล่าๆ"

โจนาธานมองหน้าสณาจิณห์ที่ยิ้มหน้าชื่นอย่างนึกเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจเป็นห่วงหล่อน เขามีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ถามหล่อนด้วยน้ำเสียงเรียบ

"คุณลินล่ะครับ"

"คงจะมาใหม่วันหลังมังคะ" หญิงสาวตอบหน้าซื่อตาใส

"ไม่มาอีกเลยเป็นดีค่ะ" ยุภาพูดสอดแทรก

เขาทำท่าเหมือนจะปริปากว่ากระไร ทว่าเปลี่ยนใจกลางคัน และบอกให้เลขานุการตามเขากลับไปที่โต๊ะทำงาน

คล้อยหลังคนทั้งสอง สณาจิณห์ก็ทำหน้ามุ่ยเพราะชายหนุ่มลูกครึ่งไม่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยหล่อนสักนิด

คนร่างสูงเดินเร็วกว่ายุภา แต่แล้วเขาก็หยุดเท้าอย่างกะทันหันทำเอาคนที่เดินตามพลอยหยุดเดินอย่างงุนงง

"คุณล่วงหน้าไปก่อน พอดีผมเพิ่งนึกอะไรออก" พูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับทางเดิม มีบางสิ่งรบกวนจิตใจเขา บางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ และเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดการกระทำอย่างที่ตัวเขาก็ให้รู้สึกแปลกใจ

ประตูห้องทำงานของ 'แม่หมอ' เปิดออกอีกครั้ง หล่อนละสายตาจากหนังสือที่พกติดตัวไว้อ่านยามว่างและก็เห็นคนที่หล่อนเพิ่งนึกตัดพ้อ…ยืนอยู่หน้าห้อง

"ผมต้องขอโทษคุณเรื่องคุณลิน เป็นเพราะผมผลักเรื่องยุ่งยากมาให้คุณ" เสียงอ่อนบอกอย่างรู้สึกผิด

ความสนเท่ห์ฉายชัดบนใบหน้าของคนฟัง

"คะ" หล่อนย้ำถามเสียงสูง

เขาระบายลมหายใจยาวและทวนถ้อยความเดิมทั้งหมด หญิงสาวก็ยิ้มออก

"คุณลินอยากใช้บริการของซัน คุณก็ช่วยให้ซันมีลูกค้าในอนาคตเพิ่มอีกคน ถือเป็นความผิดของคุณหรือคะ"

โจนาธานนิ่งอึ้งอยู่เป็นครู่ที่หล่อนไม่นึกเคืองเขา ท่าทางอึกอักของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกทำให้ร่างบางต้องกลั้นหัวเราะด้วยความขบขันกึ่งเอ็นดู

"คุณโจน่าคะ ที่เย็บกระดาษที่ซันขอ" หล่อนแบมือประกอบคำพูดทวงถาม

"อ้อ ผมลืมสนิท เดี๋ยวผมจะให้คนเอามาให้" เขาบอกอย่างเก้อเขิน

"ผมขอตัว" เขาพูดต่อพร้อมกับปิดประตูห้องให้หล่อน

สณาจิณห์ก็หลุดเสียงหัวเราะอย่างใจ

คนร่างสูงคิดเห็นว่าการกระทำของตนเป็นเรื่องตลกและพิลึกพิลั่นอย่างที่สุด ในใจของเขามีคำถามมากมายที่ไร้คำตอบและยากจะหาคำอธิบาย แรกทีเดียวเขารู้สึกกังวลกับการปล่อยให้ 'แม่หมอ' เผชิญหน้ากับลินลดาเพียงลำพัง ทั้งที่เป็นความต้องการของเขาตั้งแต่แรก และความกระวนกระวายใจก็เกิดตามมาถึงขนาดทำให้เขาต้องออกจากห้องทำงาน เห็นหล่อนยังหน้าระรื่น ความปริวิตกก็มลายหายไป ความรู้สึกจากจิตสำนึกผิดถูกยกออกจากหัวอกเนื่องจากการผลักภาระให้หล่อน ความสบายใจอย่างบอกไม่ถูกก็ก่อเกิด

มีสิ่งผิดปกติเร้นลึกบังเกิดกับเขา ชายหนุ่มลูกครึ่งรู้ตัวดี ความรู้สึกที่บางเบากำลังสั่นคลอนความมั่นคงทางจิตใจให้สั่นไหวและกัดเซาะเกราะป้องกันความรู้สึกที่ไม่พึงปรารถนาทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามครรลองมัน อีกนานนักกว่าเขาจะยอมปล่อยให้ครรลองที่ว่าดำเนินไปตามวิถีทางอย่างที่ควรจะเป็น เขาย้ำกับตนเองอย่างแน่วแน่ ยัง…ยังก่อน แต่ย่อมมีวันที่เขาจะรู้ใจตนอย่างแน่ชัด ทว่าไม่ใช่เวลานี้

งานของ 'แม่หมอ' เริ่มตั้งแต่ช่วงสายจรดเวลาเลิกงานเพราะพนักงานในฝ่ายต่างๆมาหาหล่อนเป็นระยะๆตามตารางเวลาที่กำหนด กระนั้นหล่อนก็มีช่วงว่างเว้นเพื่อพักเรียกกำลังให้กลับคืน ทุกครั้งที่หล่อนพยากรณ์ หล่อนจะรู้สึกเหมือนพลังชีวิตเหือดหาย เหมือนสูญเสียพลังงาน และความอ่อนเพลียก็เข้าแทนที่ความมีชีวิตชีวา หากพักบ้างหล่อนก็จะสามารถประคองตัวต่อไป

โจนาธานที่เดินผ่านหน้าห้องทำงานของหญิงสาวเหลือบแลเห็นท่าทางระโหยโรยแรงของร่างบางที่ก้าวเดินออกจากห้อง เขาก็ชะงักเท้าและเอ่ยถามหล่อนอย่างแสดงน้ำใจในฐานะผู้บริหารบริษัท

"ท่าทางคุณเหมือนไม่สบาย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

เสียงทุ้มของคนถามและคำถามที่เข้าหูทำให้สณาจิณห์ส่งยิ้มเนือยๆให้ยามตอบ

"นิดหน่อยค่ะ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักพยากรณ์อย่างซัน"

"มีอะไรที่ผมควรรู้ไหมครับ"

"คือเวลาที่ซันทำนาย ถือเป็นการใช้สมาธิจิต ทำนายเสร็จก็เท่ากับสูญเสียพลังบางส่วน มันมีผลต่อร่างกายบ้างน่ะค่ะ"

หน้าผากที่ย่นน้อยๆบ่งบอกถึงการใช้ความคิดกับเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ

"คุณโจน่าอย่าสนใจเลยค่ะ" หล่อนบอกพลางปิดล็อคห้องทำงาน

"จะกลับละหรือคะ" หล่อนถามต่อ

"ครับ"

"คุณเอริคล่ะคะ" หล่อนมีแก่ใจถามไถ่ถึงอาของเขา

"กลับก่อนผมครับ"

ชายหนุ่มลูกครึ่งยืนปักหลักอยู่กับที่อย่างชั่งใจก่อนเอ่ยว่า

"ผมจะไปส่งคุณ"

สายตาของร่างบางมีคำถาม

'คุณจะไปส่งฉันจริงอะ'

"สภาพของคุณเหมือนหมดเรี่ยวแรง ผมเป็นเจ้านาย ผมก็ควรจะดูแลสวัสดิภาพของลูกน้องที่ผมรับเข้าทำงานด้วยตัวเอง" เขาบอกอย่างกล่าวอ้าง

คนฟังยิ้มด้วยดวงตายิบๆขัดกับสภาพร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หล่อนรู้ดีว่าต่อให้เขาขันอาสา เขาก็ยังคงเป็นเจ้าชายน้ำแข็งอยู่นั่นเอง และหล่อนก็นึกเห็นภาพบรรยากาศในรถยนต์ที่คุ้นตาเช่นเคย แต่อย่างไรเสียหล่อนก็ได้ใกล้ชิดเขา

ภวาวดีกับธัชรัตน์พงศ์จ้องมองชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่วางตา เพื่อนสนิทของหญิงสาวที่มากับคนร่างสูงยิ้มในสีหน้า คนรักของหล่อนกลับมองคนเป็นเพื่อนเหมือนเห็นเขางอกออกมาจากศีรษะของอีกฝ่าย

'เกิดอะไรขึ้นกับโจน่าหว่าถึงยอมมาส่งซัน' เขาตั้งคำถาม

"โก้ นายจ้องฉันทำไม" โจนาธานแสร้งถามเสียงขุ่น

"เห็นพวกนายมาด้วยกัน ฉันก็แค่แปลกใจเพราะตอนแรกนายไม่ยอมท่าเดียว"

"ฉันใช้งานคุณซันหนัก ก็ต้องรับผิดชอบ เกิดคุณซันเป็นอะไร นายก็จะโวยวายเอากับฉัน" คนตอบฉลาดหลบเลี่ยง

คนฟังเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างล้อเลียนเพื่อนสนิท ฝ่ายหลังมองตอบเป็นเชิงข่มขู่ ธัชรัตน์พงศ์ก็จำต้องเลิกจับผิด

"เออๆ ขอบใจที่ช่วยเอาตัวเพื่อนแฟนมาส่ง"

ชายหนุ่มลูกครึ่งใช้ความนิ่งสยบทุกคน ยกเว้นสณาจิณห์ที่ยิ้มพรายยามเอ่ย

"ขอบคุณมากค่ะคุณโจน่า"

คนร่างสูงขอตัวกลับ คนทั้งสามก็ยอมปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย

"นึกว่าโจน่าจะทิ้งให้เธอกลับเอง เห็นเธอมากับเขา ฉันรู้สึกมึนตึ้บจริงๆ" คนรักของภวาวดีทำท่าทางประกอบคำพูด

"หรือเขาจะใจอ่อน" คนเป็นเพื่อนถามสณาจิณห์

"ฉันก็อยากให้เขาใจอ่อนแหละ เขาอุตส่าห์ทำใจมาส่งฉันก็ดีถม ส่วนจะเพราะอะไรก็ช่างเหอะ แค่นี้ฉันก็เป็นปลื้มละ"

คู่รักมองหน้ากันและเปิดรอยยิ้มอย่างยินดีที่เห็นเพื่อนมีความสุข

'แม่หมอ' ยุ่งอยู่กับงานตลอดสองวันที่เหลือในสัปดาห์และเพราะเวลางานทำให้หล่อนไม่อาจป้วนเปี้ยนหน้าห้องทำงานของโจนาธานสมดังใจ ถ้าหล่อนไม่อยู่ให้เป็นที่ พนักงานคนอื่นก็จะไม่พบตัว และคำตำหนิติเตียนก็จะตกแก่ตัวหล่อน ดีที่มีผู้หวังดีอย่างยุภารับปากคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของเขาให้ทราบ 'แม่หมอ' ก็ให้รู้สึกวางใจ หากเลิกงานเขายอมส่งหล่อนอย่างมีน้ำใจด้วยเหตุผลเดิมๆ แต่ระดับความเคร่งขรึมของเขายังคงที่ วันหยุดต่างหากที่ทำให้หล่อนติดจะหงุดหงิดงุ่นง่าน ทว่าความแม่นยำในการพยากรณ์ให้กับกลุ่มลูกค้ายังคงเดิม ตรงข้ามกับคนที่หล่อนเฝ้าคะนึงหา ผู้ไม่รับรู้ใดๆทั้งสิ้นและใช้เวลาอยู่กับน้องชายตามปกติ

เช้าวันจันทร์อันเป็นสัปดาห์ใหม่ของการทำงาน เลขานุการร่างป้อมต่อโทรศัพท์ภายในถึงสณาจิณห์เพื่อบอกให้ฝ่ายหลังทราบว่าหญิงสาวนามแอนนี่เข้าพบเจ้านายของหล่อนตอนที่หล่อนเผลอ คนรับฟังที่อยู่ปลายสายแทบเต้น ทว่าหล่อนติดงาน พนักงานหญิงคนหนึ่งกำลังรอฟังคำทำนายจากหล่อนอย่างใจจดจ่อกึ่งลุ้นระทึก หญิงสาวเพียงฝากฝังให้ยุภาคอยจับตาและเกาะติดสถานการณ์แทนตัวหล่อน พอวางหูโทรศัพท์ลงกับแป้นหล่อนก็ข่มอารมณ์ของตนให้นิ่งเพื่อสมาธิจิตที่แน่แน่วในการทำนาย

พักกลางวันสณาจิณห์ที่อกใจร้อนรุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหายุภาที่โต๊ะ

"คุณแอนนี่กลับไปแล้วค่ะ คงเห็นว่าเฝ้าตั้งแต่เช้าคุณโจน่าก็ยังเฉย เลยกลับดื้อๆ"

"เป็นอันว่าเจอกับความเย็นสุดขั้วจนหมดความอดทน" หญิงสาวร่างบางสรุปอย่างสบายใจ

"คุณโจน่ายังอยู่ข้างในค่ะ โอกาสเป็นของคุณซันบ้าง" คนพูดชี้ช่องทาง

โจนาธานรู้สึกถึงการมาของใครบางคน เขาละสายตาจากงานก็เห็นเจ้าหล่อนยืนยิ้มแป้น

"ถึงเวลาทานข้าวค่ะ" น้ำเสียงแจ่มใสบอกกล่าว

"แล้วไงครับ" เขาถามตรงๆ

"ก็อยากให้คุณทานข้าวไงคะ"

"คุณน่าจะทานกับคุณยุภานะครับเพราะรู้สึกพวกคุณจะสนิทกันดี" เขาแสร้งบอกอย่างพาซื่อ

"เอ่อ ค่ะ ก็สนิทกันระดับหนึ่ง"

ขณะที่หล่อนพูด ชายหนุ่มลูกครึ่งก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

"ผมอยากให้คุณคุ้นเคยกับพนักงานคนอื่นๆ" ปากพูดโดยที่ไม่เงยหน้า

สณาจิณห์ก็ยอมล่าถอย

ยุภาเห็นสีหน้าของคนที่เดินออกมา หล่อนก็รู้ชัดถึงความผิดหวังของอีกฝ่าย

"น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนจริงไหมคะคุณซัน"

"จริงค่ะ" น้ำเสียงแผ่วบอกอย่างยอมรับ

ท้ายสัปดาห์เลขานุการของโจนาธานก็บอก 'แม่หมอ' ให้รับรู้ถึงการเยือนของลินลดา สณาจิณห์หาโอกาสจากช่วงว่างเว้นตามตารางงานจนได้ คราวนี้หล่อนตัดสินใจเขียนข้อความใส่กระดาษและแปะติดประตูห้องเพราะลินลดาเป็นตัวอันตรายหมายเลขหนึ่งที่หล่อนต้องยอมลงทุนและเสี่ยงถูกตำหนิ

'ขออภัยค่ะ ซันรู้สึกปวดหัวมาก ขอพักสักครู่ค่ะ'

หญิงสาวก้าวเดินเพียงสามก้าว เสียงของลอเรนซ์ที่อ่านทวนข้อความอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำก็ดังอยู่เบื้องหลัง หล่อนจำใจหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับผู้มากวัยด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งเต็มที่ ดูท่าเขาคงจ้องจับผิดเฉพาะหล่อนเป็นพิเศษ

"คุณน่าจะพักอยู่แต่ในห้อง" เขาบอกเสียงเรียบเรื่อย

"ซันจะไปขอยาจากคุณยุภาค่ะ"

"ผมเกรงว่าที่นั่นนอกจากจะไม่มียาที่คุณต้องการ รังแต่จะยิ่งทำให้อาการของคุณทรุดหนัก คุณอย่าไปดีกว่า ไม่สบายก็ควรจะเก็บเนื้อเก็บตัว ถ้าคุณต้องการยา ผมจะให้คนเอามาให้" ดวงตาสีฟ้าฉายแววรู้ทันอย่างเปิดเผย

"ซันไม่กล้ารบกวนคุณลอเรนซ์หรอกค่ะ"

"แต่กล้ารบกวนโจน่า" เขาย้อนถามตรงประเด็น

"คนที่รบกวนคุณโจน่าคือคุณลินลดาค่ะ"

"หึๆ พวกผู้หญิงชอบกวนใจหลานชายผมอยู่เรื่อย คุณไม่ต้องห่วง โจน่ามีวิธีจัดการกับเรื่องกวนใจเสมอ ห่วงตัวคุณดีกว่า ผมอยากเตือนคุณว่าอย่าหาเรื่องปวดหัวเพิ่มเลย พักในห้องให้สบายและทำงานให้คุ้มเงินเดือนเถอะครับ"

"คุณลอเรนซ์อย่าห่วงเลยค่ะ ซันรับผิดชอบงานของซันแน่นอน อ้อ ซันได้รับอนุญาตจากคุณโจน่าให้เดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ ถ้าคุณลอเรนซ์ติดใจก็รบกวนถามหลานชายเอาเองนะคะ ละช่วงนี้พอดี้พอดีเป็นช่วงพัก แต่แหม ซันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆค่ะที่คุณลอเรนซ์คอยสอดส่องด้วยตัวเอง เวลาทุกนาทีมีค่าใช่ไหมคะ ซันต้องขอตัวเตร็ดเตร่แป๊บนึงเพื่อจะกลับมาทำงานต่อค่ะ"

ลอเรนซ์มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่กล้าพูดจายอกย้อนเขาด้วยความขัดเคืองใจ เขาขบกรามแน่นอย่างหมายมาดจะเล่นงานหล่อนให้จงได้ แม้เขาจะไม่ยอมรับลินลดาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับ 'แม่หมอ' และอย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมให้หลานชายตกลงปลงใจกับผู้หญิงคนไหนง่ายๆ

วิลเลี่ยมส์ที่เพิ่งทราบความเคลื่อนไหวของญาติผู้พี่ก็ตามสมทบทีหลังด้วยท่าทางร้อนรน เขาเดินเร็วๆตรงไปหาอีกฝ่ายเพราะห่วงใยในตัวหญิงสาวที่เขาหมายตา

"พี่ลอเรนซ์ พี่มาทำอะไรที่ห้องของ…เด็กสณาจิณห์"

"ก็มาทำหน้าที่ของลุงที่ดี โจน่าต้องรับมืออยู่กับแม่ดีไซน์เนอร์คนนึง จะให้เขาต้องปวดหัวกับนังเด็กหมอดูอีกหรือ ฉันแค่อยากจะช่วยหลาน" เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่ง

"นายห่วงนังเด็กหมอดูสิ"

สีหน้าของญาติผู้น้องบ่งบอกความยุ่งยากใจ ท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกฝ่ายช่วยยืนยันความคิดของลอเรนซ์เป็นอย่างดี

"ไม่จำเป็นต้องตอบ ฉันก็รู้"

วิลเลี่ยมส์ยิ้มเจื่อน

"ที่ห้องทำงานของโจน่ามีเรื่องสนุกให้ดู ไปกันวิลล์" ญาติผู้พี่ยิ้มมุมปาก


Create Date : 22 มิถุนายน 2550
Last Update : 22 มิถุนายน 2550 13:01:30 น. 0 comments
Counter : 319 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.