|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่๒๘ จบ
ตอนที่๒๘ สณาจิณห์ต้องคิดหาวิธีแก้ไขเหตุคับขันให้ทันท่วงทีเพราะมีเวลาไตร่ตรองน้อย และเจอร์ราล์ดก็ช่วยลดทอนเวลาด้วยการควบคุมให้นิ้วมือของมาร์คัสเตรียมพร้อมง้างไกซึ่งเป็นช่วงที่ไล่เลี่ยกับเสียงเริ่มต้นนับหนึ่งจากปากของเด็กหนุ่ม
"ฉันจะนับถึงแค่สาม" เขาจงใจเว้นช่วงนับเพื่อบอกหล่อน
หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มผมทองที่ร่างกายเริ่มมีเหงื่อซึม หน้าตาของเขาแลดูบิดเบี้ยวเพราะความพยายามฝืนตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่ไร้ผล หล่อนตระหนักรู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะขัดขืนการควบคุมของเจอร์ราล์ด และการจะช่วยเขาได้ก็ต้องเสี่ยงเล่นงานผู้บงการ
หล่อนเบนสายตามองหน้าน้องชายของโจนาธาน แววตาของฝ่ายหลังเย็นชากึ่งกระด้าง สณาจิณห์รวมจิตเป็นหนึ่งและนึกคิดถึงเปลวไฟจากเทียนที่หล่อนเคยเพ่งอย่างที่เรียกว่าเป็นการทำกสิณ และไฟก็คือเตโชกสิณ
เอริคมองหน้าหลานชายคนเล็กสลับกับ 'แม่หมอ' ราวกับคนทั้งสองกำลังทำสงครามทางจิตอย่างสงบ โจนาธานก็พลอยจับจ้องอากัปกิริยาของน้องชายและคนรัก
"สอง" เจอร์ราล์ดนับเลขด้วยใจที่เยือกเย็น
นัยน์ตาของหญิงสาวก็ปรากฏภาพเปลวไฟแทนที่ศูนย์กลางของดวงตา หล่อนเพ่งไปที่เด็กหนุ่ม พอเขาอ้าปากจะนับสาม เปลวไฟที่ร้อนแรงไร้ต้นกำเนิดก็ลุกไหม้ท่อนขาของเขา
"เฮ้ย!" น้องชายของโจนาธานอุทานอย่างตื่นตกใจ
สณาจิณห์ประสบความสำเร็จกับการเบี่ยงเบนความสนใจของฝ่ายตรงข้ามและดึงให้เจอร์ราล์ดต้องรวมกระแสจิตเพื่อดับไฟของหล่อน เท่ากับเป็นการช่วยปลดปล่อยมาร์คัสให้ร่างกายของเขาหลุดพ้นจากการถูกควบคุม
มาร์คัสหมุนตัวจะหันปากกระบอกปืนไปทางเอริค ผู้มีวัยมากกว่าก็ล้วงหยิบปืนอีกกระบอกที่เหน็บไว้กับเอวออกมายิงสวนอย่างทันควันตามสัญชาตญาณ
เปรี้ยง! เสียงปืนดังลั่น สณาจิณห์กับโจนาธานหันมองมาร์คัสที่ปล่อยให้วัตถุในมือตกพื้นและมืออีกข้างกุมแขนที่บาดเจ็บซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับข้อมือด้วยสีหน้าบ่งบอกความเจ็บปวด เอริคก็ยิ้มกว้างอย่างพอใจกับผลลัพธ์
"มาร์ค ฉันซ้อมยิงปืนบ่อยกว่าเธอเสียอีก เรื่องความแม่นยำก็ไม่ต้องพูดถึง เธอทั้งช้าทั้งพลาดเป้า ฉันเคยบอกเธอว่าถ้าเธอพลาด เธอก็ต้องเป็นผู้รับผลของมัน" เขาเยาะ
เจอร์ราล์ดที่ดับไฟของสณาจิณห์ด้วยพลังจิตจนมอดดับและไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดก็เพิ่งจะรับรู้เหตุการณ์ที่เกิด เขามองเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลที่แขนของญาติผู้พี่ด้วยสีหน้าเฉยเมย
"จิล เธอจัดการนังหมอดูกับโจน่า อาจะจัดการกับมาร์ค" เอริคแสยะยิ้ม
"ดีเหมือนกันครับ" หลานชายคนเล็กตอบรับ
"เอ้ามาร์ค ฉันจะให้โอกาสเธอวิ่งหนี แต่ถ้าฉันพบตัวเธอก็เป็นอันจบเกม" เอริคเอ่ยกับมาร์คัส
ชายหนุ่มผมทองขบกรามแน่น เขาข่มทั้งโทสะทั้งความเจ็บปวดที่เนื่องจากถูกยิง เขาเหลียวมองหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว หล่อนสบตาเขาและส่งสัญญาณให้เขาทำตามข้อเสนอของเอริค
มาร์คัสกัดฟันออกวิ่งสะเปะสะปะในความมืด ผู้ล่าก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาหยิบไฟฉายขนาดเล็กและกดปุ่มเปิดแสงไฟ
"หนีเข้ามาร์ค อาจะล่าเธออย่างสนุกทีเดียว" เอริคหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาออกเดินกึ่งวิ่งโดยมีไฟฉายส่องนำทางและค้นหาเหยื่อ
"ทีนี้ก็ธุระของพวกเรา" เจอร์ราล์ดเอ่ยกับคู่รักด้วยประกายตาอำมหิต ปืนกระบอกที่มาร์คัสทำตกลอยล่องจากพื้นสู่อากาศและหันไปหาเป้าหมาย
"เกมของพวกเราเอาไงดีน้า" เขาถามด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ ริมฝีปากเปิดรอยยิ้มที่ชวนให้คนมองรู้สึกขนพองสยองเกล้า
"อ้อ คิดออกละ คุณหมอดูกับโจน่า
เอาตัวให้รอดจากกระสุนปืนนี่ดูดีไหม ผมจะเริ่มนับใหม่อีกสักรอบ" เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะเปิดปากอีกคำรบ
เด็กหนุ่มนับเลขหนึ่งและทิ้งช่วงอย่างไม่รีบร้อน ริมฝีปากของสณาจิณห์ก็ขยับท่องอีกบทสวดมนต์
"พุทธัง สัตตะรัตนะมหาปะการัง สรณังคัจฉามิ ธัมมัง สัตตะรัตนะมหาปะการัง สรณังคัจฉามิ สังฆัง สัตตะรัตนะมหาปะการัง สรณังคัจฉามิ
"
หล่อนพร่ำบ่นเจ็ดครั้งอย่างเร็วไวและนึกวาดวงกลมเวียนจากขวาไปซ้ายควบคู่ทุกครั้ง ดวงแก้วขนาดมหึมาที่เห็นเพียงรางๆก็ชัดขึ้นทุกขณะจิต พอครบรอบสุดท้ายก็ปรากฏเป็นดวงแก้วสุกสว่างที่กลายเป็นเกราะคุ้มกันหล่อนกับโจนาธานและเป็นจังหวะที่กระสุนนัดแรกพุ่งออกจากปากกระบอกปืนหลังจากน้องชายของโจนาธานนับเลขถึงสาม
กระสุนสีเหล็กปะทะกับเกราะแก้วและหยุดนิ่งกลางอากาศก่อนร่วงหล่นทำให้หัวคิ้วของเด็กหนุ่มขมวดมุ่นด้วยความกังขา เขาใช้ความคิดครู่เดียวก็พบวิธีทำลายเกราะคุ้มกัน
เจอร์ราล์ดเอื้อมมือแตะอาวุธที่อยู่ตรงหน้า กระสุนนัดที่สองเรืองแสงและพุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังเป้าหมาย ณ ตำแหน่งเดิม คราวนี้เกราะแก้วเกิดการสั่นสะเทือนน้อยๆ หนำซ้ำยังส่งผลต่อสณาจิณห์ ร่างบางวูบไหว หล่อนรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนเรือที่ปะทะคลื่นลมจนโคลงเคลง โจนาธานก็ปราดเข้าพยุงตัวหล่อน
"ฮื้อ รู้ละ" เด็กหนุ่มยิ้มอย่างสมใจ
และกระสุนปืนนัดแล้วนัดเล่าก็เข้าเป้าที่จุดเดิมทำให้เกราะแก้วเริ่มจางหาย ความเหน็ดเหนื่อยทางจิตรุมเร้า 'แม่หมอ' ที่ใช้กระแสพลังประคองเกราะคุ้มกัน หล่อนรู้สึกอ่อนล้าเหลือกำลัง พลังจิตก็ใกล้จะถดถอยเต็มที ทว่าหล่อนก็รวบรวมพลังจิตและพลังใจ รับมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยอมท้อถอย หน้าของหล่อนซีดเซียวจนชายหนุ่มลูกครึ่งรู้สึกห่วงกังวลหล่อนจับใจ เขาอยากช่วยหล่อน แต่เขาก็เป็นแค่คนธรรมดา
มาร์คัสวิ่งพลางสะดุดล้มพลาง แต่ดวงตาเริ่มชินกับความมืดรอบกาย เขาวิ่งหลบหลังเสาระหว่างที่เอริคใช้ไฟฉายสอดส่ายเพื่อหาตัวเขา ลมหายใจเหนื่อยหอบถี่ๆ เหงื่อไหลย้อยทั่วร่างของชายหนุ่มผมทองและเลือดก็ไหลหยด
ผู้ล่ามองแสงไฟที่ส่องพื้นเป็นระยะๆเพราะรอยเลือดเป็นทางและเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มย่อมเป็นเครื่องชี้นำอย่างดี ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะวิ่งวน
"มาร์ค เธอห่วงนังหมอดูใช่ไหมถึงไม่ยอมหนีห่างรัศมีน่ะ" เอริคร้องถาม ดวงตาก็กวาดมองอย่างระแวดระวัง
ไม่มีเสียงตอบจากเหยื่อ
"ทำแบบนี้โง่มากนะ"
เหยื่อยังคงเงียบเสียง
"ฉันหาเธอเจอแน่ๆมาร์ค"
มาร์คัสมองแขนของตนอย่างขัดใจ เขาตั้งสติใคร่ครวญก็พบว่าเลือดเป็นสิ่งชี้บ่งตำแหน่งของเขา และเสียงรองเท้า กระทบพื้นก็ช่วยให้ทุกอย่างชัดเจน เขาตัดสินใจถอดมันออก ด้วยความคิดบางอย่างที่มาดมั่นกลับทำให้เขาไม่ยอมทิ้งรองเท้า
"หาผมเจอแน่ๆเหรอคุณอา อย่าเก่งแต่ปากล่ะ" เขาออกวิ่งเพื่อหาที่หลบซ่อนตัวด้วยความระมัดระวัง
ดวงแก้วสลายกระสุนนัดสุดท้ายก็ยิงถูกโจนาธาน
ชายหนุ่มลูกครึ่งไม่ส่งเสียงร้อง เขาทรุดฮวบลงกับพื้น
หญิงสาวตะลึงงัน เลือดในกายของหล่อนเสมือนเย็นเฉียบ ความรู้สึกหนาวเยือกจับขั้วหัวใจ ระลอกต่อมาคือความห่วงใยเป็นล้นพ้น
"คุณโจน่า!" หล่อนกรีดร้อง
เจอร์ราล์ดยิ้มละไมขัดกับดวงตาที่แวววาม
มาร์คัสใจหายวาบกับเสียงของหญิงสาว หรือจะเกิดเรื่องร้ายกับญาติผู้น้องของเขา โจน่า!
"มาร์ค ดูท่าโจน่าจะแย่ เธอน่าจะรีบไปช่วย หรือว่าไงมาร์ค" น้ำเสียงเรียบเรื่อยของเอริคเอ่ย
ชายหนุ่มผมทองมองรองเท้าในมืออีกข้างเพราะเขาปล่อยแขนข้างที่บาดเจ็บให้ตกลงข้างตัว ใจก็นึกภาวนาขอให้แผนการของเขาลุล่วงด้วยดี เขารอคอยให้ผู้ล่าเข้าใกล้ที่หลบซ่อนตัว
"อะฮ้า มาร์ค ฉันอยู่ใกล้เธอแล้ว" เอริคพูดด้วยความยินดี
พอได้ระยะมาร์คัสก็โยนรองเท้าไปฝั่งตรงข้ามทำให้ผู้ล่าหันเหความสนใจไปตามต้นเสียง จังหวะที่เอริคเผลอ เหยื่อของเขาก็ใช้รองเท้าข้างที่เหลือฟาดเข้าที่ศีรษะของเขาอย่างแรง รองเท้าหนังมีน้ำหนักพอประมาณก็สร้างความมึนงงให้แก่เอริคพอควร
"เจ้าบ้าเอ๊ย!" เป็นเสียงของเอริคที่กำลังสะบัดศีรษะ เขาช่างเพลี่ยงพล้ำอย่างไม่น่าให้อภัย
เหยื่อพยายามแย่งอาวุธจากมือของผู้ล่าเกิดเป็นการต่อสู้ประชิดตัว แต่ผู้ล่าเสียทีที่ยังคงมีอาการงงงัน มาร์คัสก็ชกเข้าที่หน้าของเอริคทำให้ฝ่ายหลังเสียหลักล้มลง กระบอกปืนกับไฟฉายกระเด็นหลุดมือ
ชายหนุ่มผมทองฉวยวัตถุที่ตกขึ้นจากพื้นและจ่อหน้าอกของผู้ล่า
"ผมต้องให้คุณอาช่วย"
สณาจิณห์ที่น้ำตาไหลอาบแก้มประคองตัวคนร่างสูงให้พิงกายหล่อนในท่านั่ง หน้าอกข้างขวาของเขามีเลือดไหลออกอย่างมากทั้งลมหายใจก็แผ่วเบา หล่อนยื้อชีวิตของเขาจากมัจจุราชด้วยการใช้อำนาจจิตของตนหล่อเลี้ยงชีวิตของเขาทำให้สีหน้าของหล่อนเผือดลงกว่าเดิม
"น้องจิลคิดว่าคุณเอริคยอมร่วมมือด้วยความจริงใจหรือคะ" หล่อนกลั้นใจถามอย่างถ่วงเวลา
"คุณอาไม่เคยทำอะไรให้ฉันรู้สึกสงสัย" เขาโต้
"งั้นน้องจิลก็คงมองข้ามอะไรไป"
"คิดจะทำให้พวกฉันระแวงกันเอง ไม่ได้ผลหรอก"
"พี่เห็นจากดวงตาของคุณเอริค แว่บนึงที่เขาบอกให้แยกกันจัดการกับพวกพี่ เขามองน้องจิลด้วยหางตา และแววตาของเขาก็เหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์"
"โกหก!" เจอร์ราล์ดเอ่ยเสียงห้วน
หญิงสาวยิ้มในสีหน้าที่เหลือเพียงคราบน้ำตาด้วยสะกดกลั้นความโศกสลด
"คุณซันจะ
โกหกนายทำไม จิล ทั้งพี่ทั้งคุณซัน
ต่างก็รักนาย" พี่ชายพูดอย่างกระท่อนกระแท่นและกล้ำกลืนความทรมานที่เกิดจากพิษบาดแผล
"คงอยากเอาตัวรอดมากกว่า" เด็กหนุ่มโต้กลับ
"พี่ยืนยันว่าเห็นอย่างนั้น คุณเอริคไว้ใจไม่ได้" สณาจิณห์ยืนกรานหนักแน่น หล่อนเชื่อมั่นกับสิ่งที่เห็น และเป็นช่วงสั้นที่อำนาจจิตของหล่อนสัมผัสถึงความปรารถนาแฝงเร้นของเอริค
"น้องจิลมัวแต่ปิดกั้นตัวเองจากพวกพี่ ทำให้มองข้ามคุณเอริค" หล่อนพูดต่อ
"ฉันไม่เชื่อ!" เจอร์ราล์ดบอกเสียงกร้าว
"เจ้าตัวมาละค่ะ" หล่อนเหลียวมองผู้มาสมทบ
มาร์คัสจ่อกระบอกปืนที่ด้านหลังของเอริค เป้าวิถีกระสุนเพียงมีสีหน้าที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
"จิล นายคงไม่อยากให้คุณอาเป็นอะไรใช่ไหม"
"ตลกแย่ละ" เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ
"นายไม่มีพลังจิต นังหมอดูล้ากำลัง โจน่าก็อาการน่าเป็นห่วง นายยังจะต่อลองกับฉันอีกหรือมาร์ค"
"อย่างน้อยพี่ก็อยากจะลองดู"
น้องชายของโจนาธานยักไหล่
"ก็ลองดู" เขาเอ่ยอย่างทวนคำพูดของญาติผู้พี่ด้วยดวงตาฉายแววประหลาด
หากสิ้นเสียงของเขา มาร์คัสก็รู้สึกเหมือนถูกแรงปะทะตรงๆอย่างจังทำให้เขากระเด็นไปไกล อาวุธก็หลุดมือ และชายหนุ่มก็หมดสติอยู่ห่างจากคนอื่นๆ
เอริคกดปิดไฟฉายและเอ่ยถามหลานชายคนเล็ก
"ปืนกระบอกนั้นยังมีลูกกระสุนอยู่หรือเปล่าจิล"
"หมดครับ"
"อาต้องการปืนกระบอกโน้น" คนพูดบุ้ยใบ้ทางด้านหลังที่ทั้งร่างของมาร์คัสทั้งอาวุธแยกคนละทิศละทาง
กระบอกปืนที่ตกพื้นก็ลอยสู่มือของเอริค
"ขอบใจ"
"คุณอาสวมถุงมือตลอดหรือครับ" เจอร์ราล์ดถามอย่างตั้งข้อสังเกต
"เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง" คนตอบบอกด้วยสีหน้าอ่านยาก
"เราน่าจะจัดการกับพวกเขาให้เสร็จๆ" ผู้มีวัยมากกว่าพูดต่อ
"เริ่มจากโจน่าดีไหมครับคุณอา ถือว่าเราช่วยสงเคราะห์เขา"
คนฟังหัวเราะในลำคอหึๆ เขาเหยียดแขนและเล็งเป้าหมายในอ้อมแขนของสณาจิณห์ หล่อนโอบกอดโจนาธานแน่นเข้า
"นาทีระทึกใจ" เด็กหนุ่มพูดสุ้มเสียงกลั้วหัวเราะ
เปรี้ยง! หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและเหลียวมองคนร่างสูงที่หล่อนรัก โจนาธานก็ก้มมองกายของตน เลือดออกจากจุดที่ถูกเจอร์ราล์ดเล่นงานเพียงจุดเดียว คนทั้งคู่ต่างสบตากัน ความฉงนสนเท่ห์ฉายชัดบนใบหน้าของคนทั้งสอง
"คุณอา
ทำไม" เสียงของเจอร์ราล์ดขาดเป็นห้วงๆ เขาถูกยิงที่หน้าท้องทั้งที่นั่งล้อเข็น
"จิล!" พี่ชายของเด็กหนุ่มร้องเรียกเสียงแห้ง
'แม่หมอ' เบนสายตามองเอริคเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผู้มีวัยมากกว่าต้องทำอย่างนี้
"ฉันมีความแค้นกับอัลเบิร์ต เธอกับโจน่าเป็นทายาทของเขา เหตุผลง่ายๆแค่นี้เธอน่าจะรู้" น้ำเสียงของเอริคเย็นเยียบ
"ตะ
แต่
ผม
ไม่เคย
รู้เลย ไม่เคย
อ่านพบ
"
"เธอจะอ่านใจอาได้ยังไงในเมื่ออาอยู่กับเธอจนรู้วิธีปิดบังความรู้สึกนึกคิด และรู้วิธีหลบเลี่ยง"
"ใจของคุณเอริคมุ่งคิดแต่จะยิงคุณโจน่า แต่จริงๆเขาต้องการยิงน้องจิล น่าทึ่งที่คุณเอริคสามารถแยกแยะความคิดกับการกระทำออกจากกันได้" หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเอ่ย
เจอร์ราล์ดมีสีหน้าเจ็บร้าวที่ถูกคนที่เขาไว้ใจหักหลัง
"พี่เพิ่งจะเตือนน้องจิล" สณาจิณห์พูดอย่างตอกย้ำ
"ฉัน
ไม่ยัก
เชื่อเธอ แต่สาย
เกินไป" พูดจบเขาก็ตวัดสายตามองเอริค
กระบอกปืนหลุดจากมือของฝ่ายหลังราวกับถูกกระชาก ชั่วพริบตาเจอร์ราล์ดก็ครอบครองอาวุธไว้ในมือ
"ลาก่อน
คุณอา"
เสียงปืนดังขึ้นครั้งเดียว แต่เด็ดขาด และกระสุนพลังจิตก็เจาะเข้าที่หัวใจทำให้หน้าอกของเป้าหมายระเบิดกระจุย เลือดสาดทั่วบริเวณ เอริคไม่ทันจะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ แล้วร่างของเขาก็ผงะหงายและล้มตึงไปด้านหลัง
มาร์คัสได้สติ เขายันกายลุกขึ้นและวิ่งไปหาญาติผู้น้องกับสณาจิณห์ พอเห็นร่างที่ไร้ลมหายใจของเอริค เขาก็ชะงักเท้า ดวงตาเหลียวมองเจอร์ราล์ด เขาเห็นชุดของเด็กหนุ่มเปียกชุ่มด้วยเลือดสีสด
"นายถูกยิง"
"ครับ
พี่มาร์ค" เสียงพูดของเจอร์ราล์ดแผ่วเบาเกือบเท่าเสียงกระซิบ เขาหันไปทางพี่ชาย
ชายหนุ่มผมทองก็มองตามสายตาของเด็กหนุ่ม โจนาธานอาการทรุดหนัก หญิงสาวก็ประหนึ่งจะย่ำแย่
"เกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ ซัน" เขาถาม 'แม่หมอ'
"ซันพยายามจะช่วยคุณโจน่าค่ะ" เสียงของหล่อนปนหอบ
"ช่วย ยังไงครับ"
"ถ่ายทอดกระแสจิตประคองชีวิตเขาค่ะ"
'พี่มาร์ค ผมจะช่วยพี่โจน่าเอง' เจอร์ราล์ดเลือกการส่งกระแสจิตแทนการพูดที่ทำให้เขาเหนื่อยหนัก
"คุณซัน จิลจะช่วยครับ"
คนฟังมองหน้าเด็กหนุ่ม เขาก็พยักหน้า
"ก็ได้ค่ะ"
'รบกวนพี่มาร์คช่วยอุ้มผมไปหาพี่โจน่าทีครับ' น้องชายของโจนาธานบอกญาติผู้พี่
มาร์คัสก็วางร่างของเจอร์ราล์ดไว้ใกล้กับโจนาธาน เด็กหนุ่มยันกายกึ่งตะแคงข้าง
'พี่ซันกับพี่มาร์คต้องถอยออกห่างครับ' เขาส่งกระแสจิตบอก
คนทั้งสองยอมทำตาม และแทบจะในทันใดที่ 'แม่หมอ' ผละจากคนรัก อาการของเขาก็ทรุดอีก
"จิล" ดวงตาของโจนาธานที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มเหม่อลอย
"พี่รัก
นายนะ
"
"ผม
รู้" น้องชายยิ้มอ่อนๆทั้งน้ำตาคลอหน่วย เขาจับมือข้างหนึ่งของพี่ชายพร้อมกับถ่ายทอดกระแสพลังจิตทั้งหมดในกายมอบให้อีกฝ่ายเพื่อรักษาชีวิต
แสงสว่างเจิดจ้าพลันบดบังร่างของสองพี่น้องแลนด์ดอล์ฟ สณาจิณห์กับมาร์คัสจำต้องหลับตา รอบกายดุจไร้สรรพเสียงใดๆเกิดเป็นความสงบเงียบที่น่าอัศจรรย์อยู่เป็นนานกว่าเจ้าของร่างบางจะรับรู้ว่ายืนอยู่ท่ามกลางความมืดอีกครั้ง หล่อนลืมตาและแลเห็นร่างคนสองคนยืนอยู่กลางลำแสงซึ่งไร้ที่มา เจอร์ราล์ดยืนเคียงข้างผู้หญิงคนหนึ่ง รอยยิ้มของหล่อนช่างคุ้นตา ความทรงจำก็บอกหล่อนว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้เป็นมารดาของเด็กหนุ่ม
"คุณป้า" สณาจิณห์เรียกขานเสียงแผ่วหวิว
สุทธินียิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนรักของบุตรชายคนโต
'พี่ซันครับ ฝากบอกพี่โจน่าว่าผมขอโทษ และผมก็รักพี่เขาเช่นกัน' เป็นกระแสเสียงของเจอร์ราล์ด
"ค่ะ น้องจิล"
ชั่วเสี้ยววินาทีทั้งลำแสงทั้งน้องชายกับผู้เป็นมารดาของโจนาธานก็อันตรธาน 'แม่หมอ' ก็บอกให้มาร์คัสลืมตา ฝ่ายหลังมองหาสองพี่น้อง หญิงสาวก็เป็นฝ่ายเดินนำเขา
สณาจิณห์แลเห็นรอยยิ้มอย่างเป็นสุขใจปรากฏบนใบหน้าของเจอร์ราล์ด
"จิล" มาร์คัสลงนั่งยองๆและเขย่าแขนของญาติผู้น้อง
"คุณแม่ของน้องจิลมารับไปค่ะ"
"ว่าไงนะครับ"
"น้องจิล
ตายค่ะ ซันเห็นน้องจิลไปกับคุณสุทธินี"
คนฟังก็มีสีหน้าหมองเศร้า
"โจน่าล่ะครับ"
หญิงสาวยอบตัวลง หล่อนคุกเข่าและเรียกชื่อของชายหนุ่มลูกครึ่งพลางเขย่าตัวเขาอย่างเบามือ
"คุณโจน่าคะ"
คนถูกเรียกลืมตาอย่างช้าๆเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เขากะพริบตาถี่ๆก่อนจะลุกนั่งด้วยตนเอง ครู่ต่อมาเขาก็ให้รู้สึกแปลกใจที่ร่างกายไม่มีร่องรอยถูกยิง หลงเหลือเพียงเสื้อที่ขาดและเปื้อนเลือด พอนึกอะไรขึ้นได้เขาก็หันมองน้องชาย
"น้องจิลตายแล้วค่ะ คุณแม่ของคุณเป็นคนมารับ" สุ้มเสียงปลอบประโลมบอกเขา
น้ำใสๆหล่อรื้นในดวงตาของโจนาธาน แต่เขาไม่ยอมให้มันไหลออกมาจึงมีเพียงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความโศกเศร้าต่อการสูญเสียอย่างสุดแสน
"น้องจิลฝากคำพูดถึงคุณค่ะ
เขาบอกว่า 'ขอโทษ และเขาเองก็รักคุณ'"
คนฟังแทบไม่อาจกลั้นน้ำตา หญิงสาวก็โอบกอดเขาอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มลูกครึ่งตอบสนอง
"ไม่ใช่ความผิดของใคร และไม่ใช่คุณค่ะ ถึงน้องจิลจะไม่อยู่ในโลกนี้ แต่เขาจะอยู่กับเราเสมอ
ในความระลึกถึงค่ะคุณโจน่า"
คนฟังกอดหล่อนแน่น ญาติผู้พี่ก็นิ่งเงียบกับการจากไปของเจอร์ราล์ดอยู่เป็นครู่ หูของเขาก็แว่วเสียงไซเรนของรถตำรวจและคงจะมีรถพยาบาลติดตามมา เขาลุกยืนโดยปล่อยให้คู่รักปลอบใจกันตามลำพัง พอโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในรถยนต์ส่งเสียง เขาก็เดินไปเปิดประตูรถและรับสาย
"โก้ ทุกอย่างจบละ มีคนตาย คุณอากับจิล โจน่ากับคุณซันปลอดภัย ฝากบอกคุณวดีด้วย เพราะเธอคงจะเป็นห่วงเพื่อน อ้อ จิลตายเพราะช่วยชีวิตโจน่า"
"เรื่องมันยาว เดี๋ยวนายก็เจอพี่กับคนอื่นๆ ก็เอาแค่นี้แหละ" เขาตัดสัญญาณการติดต่อและมองภาพชายหญิงที่สวมกอดอย่างไม่ยอมปลดปล่อยกันและกันก่อให้เขาเกิดความรู้สึกสุขปนเศร้า เขาระบายลมหายใจยาวก่อนเบือนหน้ามองทางอื่น
"คุณซันครับ" โจนาธานเอ่ยด้วยเสียงที่แปร่งปร่าเนื่องจากความเศร้าสลด
"คะ"
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง"
"ซันยินดีจะเคียงข้างคุณเสมอค่ะ"
ชายหนุ่มลูกครึ่งคลายวงแขน เจ้าของร่างบางก็ปล่อยแขนจากร่างของเขา คนร่างสูงเหลียวมองร่างของน้องชายอย่างพยายามทำใจยอมรับ หล่อนก็ไม่ปริปากว่ากระไร
"จะเป็นอย่างที่คุณพูดว่า 'จิลจะอยู่กับเราเสมอในความระลึกถึง'" ถ้อยคำเป็นเชิงถามและหันหน้ากลับ
"ค่ะ น้องจิลจะมีชีวิตอยู่กับความทรงจำของเราตลอดไป" หล่อนเอ่ยอย่างหนักแน่นพลางจับมือของอีกฝ่ายบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
เขายิ้มน้อยๆในสีหน้าด้วยดวงตาอ่อนแสงก่อนปล่อยให้ความเงียบปกคลุมในจังหวะเดียวกับที่เสียงเครื่องยนต์ของพาหนะหลายคันแล่นเข้ามายังลานจอด
สามสัปดาห์ที่โจนาธานทำตัวเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะอาลัยรักน้องชาย เขาได้แต่ทำงานอย่างหนักเพื่อลบความรู้สึกสูญเสียและแทบจะลืมเรื่องความรักระหว่างเขากับสณาจิณห์ ทว่าหญิงสาวก็เพียรเยี่ยมเยียนถึงที่บ้านที่บริษัทบ้างด้วยเจตนาช่วยแบ่งเบาความรู้สึกของชายหนุ่ม หล่อนอยู่เคียงข้างเขาในเวลาที่เกือบล้มเพราะการตายของเจอร์ราล์ด คอยอยู่เคียงข้างในเวลาที่เขาอ้างว้าง ความรู้สึกทั้งหมดของสณาจิณห์ก็ยิ่งทวีอานุภาพและสื่อลึกถึงกลางใจของโจนาธานมากยิ่งขึ้นไปอีกและยังช่วยให้เขามีชีวิตจิตใจกว่าสภาพเดิมที่เหมือนคนทอดอาลัย
"ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก" เป็นถ้อยคำที่โจนาธานเอ่ยในยามค่ำคืนที่บ้านปราศจากเงาของเอริคและเจอร์ราล์ด
"ซันยินดีค่ะคุณโจน่า" หล่อนกุมมืออีกฝ่ายคล้ายจะปลอบกึ่งให้กำลังใจ
คนที่นั่งเกือบแน่วนิ่งก็รับรู้สัมผัสของความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างเขา
"พลังของคุณแทรกซึมในร่างผม" เขายิ้มอ่อน
"เป็นพลังแห่งรักค่ะ" หล่อนยิ้มตอบปานกัน
"นั่นสินะ ผมสูญเสียคุณอาและจิล แต่ยังมีคุณคอยอยู่ข้างกาย" เขานิ่งเกือบอึดใจก็เอ่ยต่อว่า
"พลังแห่งรักของคุณยิ่งใหญ่มาก และทลายปราการของผมให้สลายจนหมด"
"แปลว่าอะไรคะ" สณาจิณห์แสร้งเฉไฉ
"ก็แปลว่าผมรักคุณไงครับ" เขายื่นแขนโอบกอดร่างบางที่เคียงกาย
โจนาธานสูญเสียญาติสนิทสองคน แต่ยังมีอีกหนึ่งที่อยู่กับเขาเสมอและเขาสัญญาว่าจะรักษาหล่อนเอาไว้ด้วยชีวิตเสมือนหนึ่งการสูญเสียที่ไม่อาจชดเชย
"ผมรักคุณนะคนดี" ชายหนุ่มลูกครึ่งก็กระชับอ้อมกอดแลกเปลี่ยนและดังจะถ่ายทอดไออุ่นกับอีกฝ่ายให้นานเท่านาน
"ฉันก็รักคุณค่ะ" สณาจิณห์หลับตาพริ้มอย่างเปี่ยมสุขใจอ้อมแขนของโจนาธานที่มอบจุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม.
Create Date : 09 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 13:09:55 น. |
|
1 comments
|
Counter : 970 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เพลิงวารี วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:17:21:30 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จำได้แล้วค่ะ
ต้องพี่มาร์คๆๆๆๆ