Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่๒๖

ตอนที่๒๖
ม้วนเทปอยู่ในกระเป๋ากางเกงของมาร์คัส เขาพยายามทำตัวเป็นปกติอย่างสุดความสามารถ และความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะกระทำการดังใจก็ส่งให้เขามุ่งไปหาญาติผู้น้องยังห้องทำงานโดยที่ไม่รับรู้ถึงสายตาเฉียบคมของใครบางคนที่มองตามแผ่นหลังของเขาด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ใครคนนั้นเพิ่งกลับเข้าบริษัทและเผอิญพบเห็นหลานชายเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยท่าทางที่ติดจะร้อนรน
ความเร่งรีบที่มาร์คัสพยายามปิดซ่อนไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของเอริค ดวงตาคู่สีฟ้าประเมินอากัปกิริยาของหลานชายอย่างเงียบๆ หลานชายของเขาทำท่าเหมือนคนที่กำลังร้อนอกร้อนใจกับบางสิ่ง เพราะเหตุใดเล่า เอริคครุ่นคิดอย่างวิเคราะห์ถึงสาเหตุดังกล่าวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอย่างเก็บซ่อนความรู้สึกนึกคิดเยี่ยมยอด
เขาก้าวเดินเข้าไปในลิฟต์อีกตัวที่อยู่ข้างกัน ประตูลิฟต์เปิดออก ณ ชั้นอันเป็นที่ตั้งห้องทำงานของเขา ลิฟต์ตัวที่เขาขึ้นช้ากว่าลิฟต์อีกตัวเพียงเล็กน้อยทำให้เอริคทันกวาดตามองหาเป้าหมายจากเหล่าพนักงานที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้า แต่ดูเหมือนจะไร้วี่แววของคนที่เขามองหา เอริคตัดสินใจเดินเร็วๆเข้าไปถามพนักงานตรงๆว่าเห็นหลานชายของเขาไหม
"คุณมาร์คัสกดเลขชั้นบนสุด สงสัยจะไปพบคุณโจนาธานครับ" เป็นคำตอบที่ไขความกระจ่างให้กับเอริค
"ขอบใจ" เขาเอ่ยกับพนักงาน
เอริครู้สึกเย็นใจเพราะไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องที่โจนาธานรับรู้ เขาก็ต้องรับรู้เรื่องราวพร้อมกับเจอร์ราล์ดอยู่ดี หากเขาก็ควรจะบอกหลานชายคนเล็กให้รู้เสียแต่เนิ่นๆว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง คิดดังนั้นเขาก็เดินเร็วๆกลับเข้าห้องทำงาน พอนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งเขาก็ทำการติดต่อกับเจอร์ราล์ดทันที
"ครับคุณอา" เจอร์ราล์ดกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์ขณะละเลียดอาหารในจานอย่างสบายอารมณ์
ปลายสายก็เริ่มบอกเล่าสิ่งที่เขาพบเห็นและทราบให้เด็กหนุ่มฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"คุณอาคิดว่าไงครับ" หลานชายคนเล็กถามความคิดเห็นของอา
"อาไม่รู้ว่าเขาออกไปไหน เลยไม่รู้ว่าทำไมกลับเข้ามาเขาถึงร้อนใจนัก"
"เขาจะไปหาโจน่า"
"ก็ใช่"
"คุณอาคงจำได้ว่าผมเคยบอกคุณอาว่าผมเห็นภาพอะไร"
"แน่นอน อาจำได้ เธอเคยบอกว่ามาร์คจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการของพวกเรา"
"งั้นคุณอาก็ไม่ห่วงว่าเขาจะรู้อะไร เพราะสุดท้ายพวกเราก็ต้องรู้จากปากของโจน่า" คำพูดเป็นเชิงถาม
ปลายสายเงียบแทนคำตอบ
"คุณอาจับตาดูมาร์คเหมือนที่เคยทำ ผมคิดว่าเราไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่เท่าไหร่" ถ้อยความตำหนิกลายๆ
"อายอมรับว่าพลาดเพราะประมาทและวางใจเกินไป"
"มาร์คถูกกำหนดให้เข้ามาพัวพันกับพวกเรา คงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้" เจอร์ราล์ดปรารภ
"ถึงอย่างนั้นอาก็จะเพิ่มความระมัดระวัง"
เด็กหนุ่มวางหูโทรศัพท์ลงกับแป้น ดวงตาลุกวาวเป็นประกายกล้าอย่างมาดมั่น ใครที่กล้าขวางทางของเขาก็ต้องถูกกำจัด!
"คงถึงเวลาเรียกทนายความมาแก้ไขพินัยกรรม" สุ้มเสียงเหี้ยมเกรียมเอ่ยกับตนเอง

เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของสณาจิณห์เห็นสัญญาณสุดท้ายของการติดต่อสื่อสาร แต่เทปหมดม้วนก่อนหน้านี้โดยที่หล่อนลืมตรวจสอบเพื่อเปลี่ยนม้วนเทปเสียสนิททำให้ไม่ทันดักอัดเสียงสนทนา ทั้งยังพบว่าหล่อนใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเกินควรทำให้ทุกอย่างช้าเกินการ หล่อนจึงจำยอมปล่อยให้สิ่งที่ไม่อาจหวนคืนผ่านไปอย่างสุดแสนเสียดายและนึกตำหนิตนอย่างรู้สำนึก

มาร์คัสเผชิญหน้ากับญาติผู้น้องด้วยการพูดคุยถามไถ่เรื่องงาน สีหน้าของโจนาธานเอาการเอางานต่างจากตัวเขาที่แม้วางสีหน้าให้เรียบเฉยก็ยังยากลำบากเพราะรู้สึกถึงความยุ่งยากอย่างชัดแจ้ง ด้วยเรื่องที่ต้องการจะบอกกับอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่เขาไม่คิดว่าญาติ ผู้น้องจะยอมรับฟังโดยดีหรือคล้อยตามแต่อย่างใด
โจนาธานจับสังเกตก็พบว่าญาติผู้พี่ขาดความตั้งใจฟังในการที่เขาอธิบายงาน ดวงตาของฝ่ายหลังกะพริบน้อยครั้งและจดจ้องกับความว่างเปล่ามากกว่าแฟ้มงานตรงหน้า ร่องรอยของความหมกมุ่นแฝงอยู่ในแววตาของมาร์คัส
"พี่มาร์คครับ"
รอยยิ้มเครียดจุดที่มุมปากของมาร์คัส เขาไม่ปริปากว่ากระไร
"พี่ฟังที่ผมพูดอยู่หรือเปล่าครับ" ญาติผู้น้องถามตรงๆ
"โทษทีโจน่า พอดีพี่มีเรื่องต้องคิด"
คนฟังนิ่วหน้าเป็นเชิงถาม
"เรื่องสำคัญโจน่า"
"ถ้าพี่มาร์คว่าสำคัญ ก็คงจะสำคัญมากจริงๆ" เจ้าของห้องทำงานคล้อยตาม
"ใช่ นายจะยอมฟังพี่ไหมล่ะ"
"ผมยินดีรับฟังความในใจที่พี่อยากระบาย เผื่อจะทำให้พี่สบายใจขึ้น" โจนาธานบอกด้วยความเต็มใจ
"เรื่องสำคัญที่ว่า…เกี่ยวข้องกับนายมากกว่าใครเพื่อน"
"ผมเหรอ"
มาร์คัสพยักหน้าแทนคำตอบ
"พี่ขอให้นายฟังพี่พูดให้จบ และพิจารณาตาม"
"ได้ครับ" คนตอบยอมรับปาก
"คืองี้ วันนี้พี่ไปหาคุณซัน"
สายตาของญาติผู้น้องฉายแววดุดันด้วยความหึงหวง มาร์คัสก็รีบเอ่ยต่อว่า
"พี่ขอคำปรึกษาจากเธอเพราะพี่กำลังสับสนกับชีวิตของตัวพี่เอง พี่เลือกไม่ได้ระหว่างการออกท่องเที่ยวอย่างใจกับทำงานอยู่ที่นี่เพื่อคุณพ่อกับคุณแม่ นายรู้ไหม คำทำนายที่เธอบอกพี่ มีบางสิ่งที่กระทบใจ" เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่ง
"เธอบอกให้พี่ระวังอันตราย…ถึงชีวิต แต่เธอบอกปัดที่จะอธิบายขยายความ พี่ก็ไม่ซัก ตอนขากลับ…ช่วงที่ติดไฟแดง พี่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการจราจร ก็เลยอยากจะฟังซีดีเพลงที่ซื้อมา แต่กลับเจอม้วนเทปที่ไม่ใช่ของพี่ ถ้าปกเทปไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำว่า 'ซัน' พี่จะไม่ฟัง" พูดจบเขาก็ล้วงหยิบม้วนเทปในกระเป๋ากางเกงและยื่นส่งให้โจนาธาน
"'Top Secret Of Sun'" คนรับอ่านออกเสียง
"คำว่า 'ซัน' นั่นล่ะที่ทำให้พี่เกิดความอยากรู้อยากเห็น และถ้อยคำสนทนาที่พี่ได้ยินจากเทปก็ทำเอาพี่ช็อคทีเดียว"
ญาติผู้น้องเขม้นมองม้วนเทปในมือและพลิกตลับดูทุกด้าน
"ไม่มีอะไรที่นายมองหา นอกจากข้อความที่นายอ่านเมื่อครู่"
"ครับ" โจนาธานบอกพร้อมกับพยักหน้า
"เธอไม่เอ่ยถึงคำทำนายที่แท้จริงให้พี่รู้ แต่พี่ก็รู้จนได้ว่าคำทำนายจริงๆบ่งบอกถึงอันตรายที่ยังไม่หมดไปเพราะเทป และพี่ยังจำคำทำนายครั้งแรกได้ว่าโชคชะตาของพี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนาย โจน่า คนร้ายที่เปิดเผยตัวตนให้ใครๆรู้ เขาไม่ใช่คนร้ายตัวจริง คนร้ายตัวจริงอยู่ใกล้ตัวนายอย่างที่นายนึกไม่ถึงเชียวละ และคนร้ายก็มุ่งเอาชีวิตนายอย่างไม่ยอมเลิกรา เทปที่พี่ให้นาย นายต้องฟังและจงเก็บรักษาให้ดี อย่าให้คุณอากับจิลรู้ และอย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น เสียงที่นายจะได้ยินได้ฟังจะช่วยให้นายรู้ตัวคนร้าย จำไว้ว่าคนร้ายอยู่ใกล้ตัวนาย เป็นคนที่ใกล้ชิดนายที่สุด คนที่นายไม่ทันจะนึกด้วยซ้ำ"
"คนที่ใกล้ชิดผมและผมไม่ทันนึก พี่ยังบอกอีกว่าไม่ให้คุณอากับจิลรู้ แถมพี่ยังพูดเหมือนคุณลุงลอเรนซ์ไม่ใช่คนร้าย คนที่ต้องสงสัยคือคุณอากับจิลต่างหาก หมายความว่ายังไงครับพี่มาร์ค" สุ้มเสียงแข็งถามด้วยความคลางแคลงใจระคนขึ้งโกรธ
"นายหัวไวกว่าพี่ ก็น่าจะรู้ว่าที่พี่พูดหมายความว่ายังไง พี่ไม่ขอให้นายเชื่อ แต่ขอให้นายฟังเทปและคิดตริตรอง มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของนายที่คุณซันต้องเสี่ยงทำตัวคนเดียว ฉะนั้นพี่อยากให้นายยอมรับความคิดเห็นของเธอและเชื่อมั่นกับสิ่งที่เธอกระทำเพราะทั้งหมด…ก็เพื่อนาย…โจน่า เธอไม่กล้าบอกนายเพราะแคร์ความรู้สึกของนาย เธอรู้ว่านายรักคนในครอบครัวมากแค่ไหน เธอถึงไม่พูด และเพราะเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนายต้องร้าวฉาน คุณซันรักและเป็นห่วงนายขนาดไหน นายย่อมรู้ดีแก่ใจ"
คนฟังไม่ทันจะโต้แย้งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นราวกับรู้จังหวะว่าถึงเวลาอันควรแก่การขัดขวางการสนทนาของผู้ที่อยู่ในห้อง เอริคเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่าตนตกเป็นเป้าสายตาที่ต่างสีถึงสองคู่ ดวงตาสีมรกตของมาร์คัสฉายแววประหลาดใจระคนหวาดระแวง มีเพียงสีหน้าที่ปรับเปลี่ยนให้แลดูยิ้มแย้มอย่างเป็นปกติวิสัย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของโจนาธานฉายแววครุ่นคิด สีหน้าเคร่งขรึมอย่าง เปิดเผย
"คุยเรื่องงานอยู่หรือ" ผู้มาใหม่ที่เดินไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดจากมาร์คัสแสร้งถามหลานๆด้วยสุ้มเสียงเรียบเรื่อย ทั้งที่เขาอ่านท่าทีของชายหนุ่มทั้งสองออก โจนาธานกำลังใช้ความคิดด้วยความขุ่นเคืองใจเป็นที่สุด หลานชายอีกคนมองเขาอย่างติดจะเคลือบแคลง แม้พยายามกลบเกลื่อนก็ไม่อาจทำสำเร็จ
"ครับคุณอา" มาร์คัสเป็นฝ่ายตอบ
"มิน่า หน้าตาถึงดูเอาจริงเอาจังนัก"
"หน้าผมยังดูเหมือนอย่างนั้นอีกหรือครับคุณอา"
"มาร์ค หลานยังอายุน้อย มีหรือจะสู้คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างอาได้" ถ้อยคำของคนพูดแฝงนัยบางอย่าง
"นั่นสิครับ" บุตรชายของวิลเลี่ยมส์ยักไหล่
"หลานๆมีปัญหาเรื่องงานหรือไง" คนถามยิ้มน้อยๆ
สีหน้าและแววตาของโจนาธานยังไม่เปลี่ยน ส่วนมาร์คัสก็ยิ้มสู้สถานเดียวและปล่อยให้ญาติผู้น้องเป็นฝ่ายตอบคำถามของอา
"นิดหน่อยครับคุณอา"
คนฟังเพียงหัวเราะเบาๆ
"หลานพบเจออะไรเข้าหรือมาร์ค" น้ำเสียงเย็นเยือกเอ่ยถาม
"เอ่อ แค่ปัญหาเล็กๆครับคุณอา จุดเล็กที่โจน่าแก้ไขได้"
"อ้อ" เอริคยอมเออออห่อหมกกับถ้อยความเท็จของคนพูด
"ครับ ไม่มากมายอะไร" โจนาธานพูดอย่างรับลูกหน้าตาเฉย
"ไม่มากมาย แต่ก็เล่นเอาพวกหลานหน้าเครียดแน่ะ"
ชายหนุ่มลูกครึ่งหัวเราะเบาๆอย่างฝืนความรู้สึกเช่นเดียวกับญาติผู้พี่
"ผมขอตัวกลับไปทำงานดีกว่า" พูดจบมาร์คัสก็ลุกยืนและสบตากับโจนาธานเป็นเชิงกำชับเรื่องม้วนเทป
ฝ่ายหลังไม่แสดงท่าทีตอบรับหรือปฏิเสธ
"ไปล่ะโจน่า" ปากพูดขัดกับดวงตาที่ส่งสัญญาณทิ้งท้าย พอรู้ตัวว่าเอริคมองอยู่ เขาก็ส่งยิ้มทะเล้นให้ ทว่าแววตาไม่ยิ้มเหมือนริมฝีปากที่โค้งขึ้น
ญาติผู้น้องก็พยักหน้ารับคำอย่างเสียไม่ได้ เขานึกเคืองญาติผู้พี่กับ 'แม่หมอ' ผู้เป็นคนรักที่ร่วมกันกล่าวหาอากับน้องชายของเขา สณาจิณห์คิดข้อสงสัยใส่ร้ายคนทั้งสองได้อย่างไร หล่อนคิดอะไรของหล่อนกันแน่ และนึกอย่างไรถึงบอกมาร์คัส
เอริคนึกดูแคลนหลานชายทั้งสองที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนผู้ให้กำเนิดอย่างวิลเลี่ยมส์และอัลเบิร์ตแม้แต่น้อยราวกับสองหนุ่มไม่ได้รับการถ่ายทอดทางสายเลือดจากผู้เป็นบิดาของตนสักนิด

สณาจิณห์รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแรง หลายครั้งที่หล่อนอยู่ในช่วงของการพยากรณ์ให้ลูกค้า หากภาพของเงาดำมรณะก็ผุดในหัวเสมือนจงใจสะกัดกั้นสัมผัสอื่นใดในการหยั่งรู้ของหล่อน ความถี่ของภาพสังหรณ์ที่เกิดทำให้หล่อนรับรู้ว่าเจอร์ราล์ดกำลังคิดทำการบางอย่างให้เด็ดขาด ความไม่สบายใจของหล่อนทวีขึ้นในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มลูกครึ่งเลิกงานเพราะ 'แม่หมอ' ได้รับโทรศัพท์จากเขาที่บอกว่าไม่อาจมารับหล่อนเพราะคนที่บ้านโทรศัพท์รายงานเขาว่าเจอร์ราล์ดป่วยอย่างกะทันหัน เขาขอให้หล่อนกลับที่พักพร้อมกับภวาวดีและธัชรัตน์พงศ์ ครั้นหล่อนขอไปเยี่ยมน้องชายของเขา โจนาธานก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลโดยให้เหตุผลว่าอาจเป็นการไม่สะดวกนักถ้าหล่อนจะไปบ้านเขาซึ่งเกิดเหตุวุ่นวายอยู่ขณะนี้
เพื่อนสาวแลเห็นสีหน้าที่บ่งบอกความหวั่นวิตกของสณาจิณห์หลังจากตัดการติดต่อกับปลายสาย หล่อนก็เอ่ยถาม
"ซัน ใครโทร.มา"
"คุณโจน่า เขาบอกว่าน้องจิลป่วย เขาให้ฉันกลับกับเธอ"
"เด็กนั่นป่วยจริงหรือเปล่า หรือเป็นแผนของเขา ข้อนั้นใช่ไหมที่เธอกังวล"
"เธอเก่งที่รู้ใจฉัน"
"โธ่ ซัน เรามันเพื่อนซี้ปึ้ก เธอคิดอะไร ฉันต้องรู้บ้างแหละน่า"
"ละเธอคิดจะทำไง" ภวาวดีถามต่อ
"รอเวลาอย่างเดียวเพราะฉันไม่รู้ว่าน้องจิลคิดจะทำอะไร ฉันสังหรณ์แต่เขาจะทำให้เรื่องจบลงโดยเร็วเท่านั้น" น้ำเสียงของคนพูดเจือรอยหวั่นใจ
"ฉันพร้อมจะช่วยเธอเสมอ ขอเพียงเธอออกปาก"
"วดี ฉันจะใช้อำนาจจิตด้านการหยั่งรู้ ฉันอยากรู้ว่าคุณโจน่าปลอดภัยอยู่ไหม ถ้าเกิดเรื่องกับเขา ฉันก็จำเป็นต้องไป วดี ถ้าฉันไปเมื่อไหร่ เธอบอกโก้ได้เมื่อนั้น และบอกกิ๊กให้เอาเทปอีกม้วนมาให้พวกเธอด้วย กรณีที่ฉันไม่ติดต่อกลับมา พวกเธอก็ส่งเรื่องให้ตำรวจ จะให้ดีก็เล่าให้กิ๊กฟังและให้คุณป๋าของกิ๊กช่วยจัดการอีกแรง เพราะบารมีของคุณป๋าจะเร่งให้ตำรวจดำเนินการเร็วขึ้น"
"เธอแน่ใจเหรอว่าไม่อยากให้โก้ไปกับเธอ" คนเป็นเพื่อนรู้สึกห่วงใยอีกฝ่ายจับใจ
"อย่าเลย น้องจิลมีอำนาจจิตแข็งกล้า คนธรรมดาไม่มีทางต่อกร"
"ไหวเหรอซัน"
สณาจิณห์ยิ้มอ่อนๆอย่างคนที่รู้สภาพของตน
"ฉันพร้อมจะเผชิญหน้ากับน้องจิล" น้ำเสียงหนักแน่นบอกชัดเจนทุกถ้อยคำ
โจนาธานกลับถึงบ้าน คนรับใช้ก็รายงานเขาว่าน้องชายอยู่ในห้องนอนโดยมีเอริคคอยดูแล เขาเดินเร็วจนแทบจะเป็นวิ่งเพื่อขึ้นบันไดและตรงไปยังห้องนอนของเจอร์ราล์ด ความปริวิตกท่วมท้นหัวใจของคนเป็นพี่
ประตูห้องเปิดอ้า เอริคก็มองเห็นหลานชายคนโตทำท่าจะก้าวเท้าเดินต่อ แต่เด็กหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเหลียวมองพี่ชายด้วยดวงตาคู่สีฟ้าที่เป็นประกายคมกล้า กระแสบางอย่างที่รุนแรงและเข้มข้นแล่นตรงสู่เป้าหมายทำให้โจนาธานชะงักงันและหยุดนิ่งเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ เจอร์ราล์ดยิ้มเหมือนเด็กน้อยที่มีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์
"โจน่า มาร์คไปพบเธอทำไม" อาของเขาเป็นผู้ถาม
คำพูดที่พรั่งพรูออกจากปากของชายหนุ่มลูกครึ่งค่อนข้างเหม่อลอย และพอสิ้นเสียงเนือยเนิบของคนพูด เจอร์ราล์ดก็เอ่ยอย่างชื่นชมกับความหลักแหลมของสณาจิณห์
"ความคิดเรื่องดักอัดเสียงทางโทรศัพท์ของหล่อนเฉียบจริงๆ เสียแต่มาร์คสะเพร่าที่เอาม้วนเทปให้โจน่า"
"โจน่า ขอเทปให้คุณอา" เขาสั่งพี่ชายที่ปักหลักยืนอยู่ข้างเตียง
เอริครับม้วนเทปจากหลานชายคนโตแล้วนำใส่เครื่องเล่นที่วางอยู่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ของหลานชายคนเล็ก เทปเริ่มเล่นเจอร์ราล์ดกับอาก็พร้อมใจกันเงียบเสียงเพื่อฟังถ้อยความที่ถูกบันทึก เครื่องเล่นอ่านเทปทั้งสองด้านจบม้วน เอริคก็มองสีหน้าที่ปราศจากความรู้สึกสะดุ้งสะเทือนของหลานชายคนเล็กด้วยความใคร่รู้
"ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องจัดการแก้ไขพินัยกรรมเสียทีครับคุณอา"
เอริคยิ้มอย่างสมใจ
เจอร์ราล์ด เอริค และโจนาธานรอคอยการมาของทนายความประจำตระกูลอยู่เป็นนาน รปภ.วัยกลางคนก็ใช้โทรศัพท์สายในรายงานให้คนในบ้านทราบถึงการมาเยือนของชายวัยห้าสิบตอนปลายที่เอริคเป็นผู้เรียกตัวให้เข้าพบโดยด่วน
ดวงตาของทนายมนูญไร้แววและขาดประกายเหมือนคนที่ไร้ชีวิตจิตใจต่างจากยามที่อยู่กับครอบครัว อากัปกิริยาของเขายามเมื่อเข้าสู่อาณาเขตของแลนด์ดอล์ฟก็ดูคล้ายกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไม่มีผิดเพี้ยน ความรู้สึกนึกคิดขาดหาย หัวสมองว่างเปล่า และไม่เป็นตัวของตัวเอง เขารู้เพียงถูกเรียกตัวด้วยเรื่องสำคัญและต้องทำงานให้ลุล่วงตามความต้องการของเอริคกับหลานชายคนเล็ก
เด็กหนุ่มมองผู้มาเยือนที่มีผมและคิ้วสีดอกเลาด้วยสีหน้าเย็นชา ทนายมนูญก็ให้รู้สึกหวาดกลัวต่อเด็กหนุ่มผู้นี้เสมอมา เขาไม่อาจทราบเหตุผล เขาเพียงตระหนักรู้ว่าตนรู้สึกเกรงกลัวต่อน้องชายของโจนาธานอย่างเหลือจะเอ่ย เป็นการรับรู้ที่อยู่เหนือคำอธิบาย
"ผมอยากให้คุณทนายช่วยพวกเราแก้ไขพินัยกรรมตามความยินยอมของโจน่า"
"ครับผม" ทนายมนูญลากเสียงรับทราบ
"โจน่าพร้อมจะเซ็นชื่อทันทีที่คุณทนายจัดการกับพินัยกรรมฉบับแก้ไขเสร็จและผมอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยเร็วที่สุด" เด็กหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงเฉียบขาด
ผู้มากวัยพยักหน้าช้าๆ
"ต้องรบกวนคุณอาช่วยเพิ่มเติมส่วนที่อาจตกหล่นในพินัยกรรมด้วยนะครับ" เจอร์ราล์ดบอกกับอา
"ด้วยความยินดี" เอริคตอบรับอย่างอารมณ์ดี
คนทั้งหมดใช้เวลากับการแก้ไขพินัยกรรมร่วมชั่วโมง เจอร์ราล์ดกับเอริคก็ช่วยกันตรวจทานข้อความต่างๆด้วยความละเอียดถี่ถ้วนอย่างใจเย็น เด็กหนุ่มอ่านเฉพาะใจความที่เขาจะเป็นผู้รับประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว และอาของเขาเป็นฝ่ายตรวจทานข้อความทุกหน้ากระดาษ บางครั้งเขาก็ซักถามทนายความประจำตระกูลถึงช่องโหว่ทางกฎหมายสำหรับพินัยกรรมฉบับใหม่ ทนายมนูญก็ให้ความกระจ่างจนเป็นที่พอใจแก่เอริค
"ทุกอย่างเรียบร้อย" เขาบอกหลานชายคนเล็ก
"คุณทนาย ช่วยตรวจดูความครบถ้วนสมบูรณ์ที่จะทำให้มีผลทางกฎหมายหน่อยครับ" เด็กหนุ่มสั่งเสียงเย็น
ทนายความประจำตระกูลอ่านทวนทุกบรรทัดและใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเอ่ยว่า
"ไม่มีปัญหาครับ"
"โจน่า ถึงตานายต้องเซ็นชื่อ" เจอร์ราล์ดบอกกับพี่ชาย
โจนาธานลงลายมือชื่อกำกับตามที่ทนายมนูญเป็นผู้บอกตำแหน่งแห่งที่ทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จสิ้น
"ขอบคุณคุณทนาย ธุระของคุณคือจัดการให้การดำเนินการต่างๆเป็นไปตามพินัยกรรมนี้" เอริคบอกแกมสั่ง
"ครับคุณเอริค" ผู้มากวัยรับคำ
"เราหมดธุระกับคุณ เชิญคุณทนายกลับเถอะครับ และขอให้รอการติดต่อจากพวกเรา" เจอร์ราล์ดเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย
ทนายมนูญเก็บเอกสารใส่กระเป๋าก่อนกล่าวลาคนทั้งสาม และพอคล้อยหลัง เด็กหนุ่มก็พูดกับอาของเขา
"ต่อไปก็ถึงตาพวกที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน"
"จิล เธอจะจัดการยังไงกับพวกเขา" เอริคถามหลานชายคนเล็ก
"คุณอาคิดว่าเราควรจะจัดการยังไงกับโจน่า มาร์ค และนังแม่หมอ" เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายย้อนถามอย่างบอกใบ้
"รักสามเส้าคงเหมาะกับพวกเขา" ดวงตาของคนพูดเป็นประกายวาวอย่างแจ่มชัด
"ผมเห็นด้วยครับ"
"ถ้าจะจัดการอะไรลงไป พวกเราควรรีบลงมือ"
"ผมว่าจะให้โจน่าเป็นคนเรียกตัวมาร์คกับนังแม่หมอ…คืนพรุ่งนี้น่าจะเป็นวันดี คืนนี้กับพรุ่งนี้เกือบทั้งวันเราควรปล่อยให้มาร์คกับนังแม่หมอตายใจ"
"เธอคงไม่คิดจะให้บ้านต้องมีกลิ่นคาวเลือดใช่ไหม"
"สถานที่สำหรับชายสองหญิงหนึ่ง…รักสามเส้าที่น่าสลดใจ เอาเป็นลานจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทน่าจะเหมาะนะครับ ยิ่งตอนดึกๆก็ยิ่งดี เป็นช่วงปลอดคนและสะดวกที่ผมกับคุณอาจะดูฉากเด็ดของเรื่องอย่างสะใจ"
"รับรองต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งที่ครึกโครมและอื้อฉาวไม่แพ้ข่าวของลอเรนซ์"
"ญาติๆของเราคงเสียความรู้สึกเป็นครั้งที่สอง" เจอร์ราล์ดหัวเราะในคำ
"ทำไงได้ ก็พวกเขาอยากขวางทางของเรา"
"ปีเดียวจัดงานศพสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ช่างน่าเศร้าสำหรับตระกูลของเราจริงๆ" สุ้มเสียงขบขันเอ่ยขัดกับถ้อยคำ
อาของเขาก็หัวเราะร่วน


Create Date : 08 กรกฎาคม 2550
Last Update : 8 กรกฎาคม 2550 13:19:08 น. 0 comments
Counter : 337 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.