Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่๒๗

ตอนที่๒๗
สณาจิณห์ใช้อำนาจจิตด้านการหยั่งรู้ของหล่อนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของโจนาธาน ทว่าไร้วี่แววของสัญญาณอันตรายในค่ำคืนที่หล่อนรู้สึกกังวล แต่ก็สัมผัสถึงกระแสแห่งความมุ่งร้ายหมายชีวิตที่ส่อเค้าเสมือนยามลมสงบก่อนเกิดพายุใหญ่ และความไม่ประมาทก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่ทำให้หล่อนต้องใช้อำนาจจิตอีกหนยามกลับถึงที่พักและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เวลาล่วงเลยครึ่งคืนความเหนื่อยล้าก็ครอบงำหล่อนอย่างเต็มที่ หญิงสาวพ่ายแพ้ต่อความอ่อนแรงที่บังเกิดแก่จิตทำให้หล่อนผล็อยหลับพร้อมกับล้มตัวลงสัมผัสกับที่นอนนุ่ม

วันใหม่ที่ท้องฟ้าสดใส 'แม่หมอ' นึกอยากใช้อำนาจของตนตรวจดูความเป็นไปของคนรัก แต่ดวงจิตที่อ่อนแรงอันเป็นผลสืบเนื่องจากการหักโหมตั้งแต่เมื่อคืนทำให้หล่อนไม่อาจรับรู้อะไรมากนักและส่งผลต่อการทำนายให้ลูกค้าอยู่บ้างเพราะภาพที่ปรากฏให้เห็นในสัมผัสพิเศษเพียงรางเลือน หล่อนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ กระนั้นหล่อนก็รับผิดชอบต่อหน้าที่ในการพยากรณ์ หล่อนรู้เห็นเพียงไหนก็บอกเพียงนั้น ตามสัตย์จริงโดยปราศจากการเติมเสริมแต่ง

ภวาวดีรู้สึกผิดสังเกตและก็ได้รับคำตอบจากเพื่อนสาว

"อย่างนี้เอง เธอถึงดูล้าๆชอบกล อื่อ เพิ่งจะสิบโมง พักเสียหน่อยสิซัน ติดป้ายบอกลูกค้าก็ได้ว่าวันนี้เธอไม่ค่อยสบาย ขืนโหมต่อไปสุขภาพเธอจะแย่ อีกอย่างอำนาจจิตของเธอจำเป็นต้องใช้กับเรื่องคุณโจน่า"

คนเป็นเพื่อนก็ยอมรับฟังและปฏิบัติตาม

โจนาธานที่ทำงานอยู่ที่บริษัทสั่งให้เลขานุการหน้าห้องตามตัวญาติผู้พี่ให้เข้าพบด้วยเรื่องที่พวกเขารู้กัน มาร์คัสรับทราบ ฝ่ายเอริคก็ปล่อยให้บุตรชายของวิลเลี่ยมส์ไปพบโจนาธานด้วยท่าทีที่ไม่ติดใจสงสัย เขาแสดงแนบเนียนกว่าชายหนุ่ม ทั้งนี้เขาตระหนักรู้ว่าเจอร์ราล์ดเตรียมการใดสำหรับโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า

"พี่อยากรู้ว่านายคิดยังไงกับ…เรื่องที่นายได้ยิน" เป็นคำถามสุ้มเสียงกระตือรือร้นของญาติผู้พี่

คนฟังไม่ตอบ

"โจน่า นายฟังเทปหรือยัง" มาร์คัสเปลี่ยนคำถาม

"ฟังแล้วครับ"

"คิดยังไงล่ะ" เขาย้ำถามญาติผู้น้อง

"ผมไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่"

"พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน"

"ผมขอบอกตรงๆว่าโกรธมากกับการกระทำของคุณซันและพี่" คนพูดเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

"หมายความว่านายไม่ยอมรับความจริง" มาร์คัสพูดเป็นเชิงถามด้วยสีหน้าเคียดขึ้งกึ่งหนักใจ

"ผมเสียใจครับพี่มาร์ค"

"ควรเป็นพี่ที่พูดคำนั้น พี่รู้สึกผิดหวังในตัวนายจริงๆ และเห็นใจคุณซันที่ทุ่มเทให้นายขนาดนี้ สิ่งที่เธออุตส่าห์ทำกลับเปล่าประโยชน์"

"เรื่องนี้ผมจะบอกกับคุณซันอีกที และเรื่องเทป ผมจะเก็บไว้เพราะมีเรื่องต้องพูดกับเธอเยอะ" โจนาธานบอกขรึมๆ

ญาติผู้พี่รู้สึกเสียอารมณ์เป็นกำลัง เขาผุดลุกยืนและทิ้งท้ายเสียงหนักๆว่า

"พี่ขอเตือนให้นายระวังตัวให้มาก โจน่า"

"ขอบคุณครับ" ญาติผู้น้องตอบรับเสียงเรียบ

พอมาร์คัสปิดประตูห้อง เจ้าของห้องทำงานก็ต่อโทรศัพท์สายในถึงอาของเขาด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

"เรียบร้อยครับคุณอา"

เอริคที่ตัดการติดต่อกับหลานชายคนโตก็ฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดีด้วยรู้สึกเชื่อมั่นและวางใจกับสิ่งที่หลานชายคนเล็กกระทำ เพราะถ้อยคำที่ออกจากปากของหลานชายคนโตระหว่างที่สนทนากับมาร์คัสก็ล้วนแต่เป็นข้อความที่เจอร์ราล์ดเป็นผู้ป้อนใส่สมองของพี่ชายทั้งสิ้น

บุตรชายของวิลเลี่ยมส์กลับเข้ามาด้วยท่าทางอย่างคนหัวเสีย เอริคยิ้มในสีหน้า ทว่าก็แสร้งถาม

"หลานทะเลาะกับโจน่าหรือไง"

"เอ้อ เปล่าครับ แค่ผมรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ทำงานผิดพลาด"

"เรื่องธรรมดาสามัญ ใครๆก็เคยผิดพลาด แต่หลานอย่าพลาดให้บ่อยนักเพราะคนที่ต้องรับผลโดยตรงคือตัวหลาน" คนพูดเอ่ยอย่างแฝงนัย

คนฟังก็มองหน้าอีกฝ่ายอย่างค้นหา

"มาทำงานกันต่อดีกว่ามาร์ค" เอริคจงใจเบี่ยงเบนความสนใจของชายหนุ่ม

"ครับคุณอา" คนตอบบอกอย่างเสียไม่ได้

ช่วงเวลาเลิกงานชายหนุ่มที่สณาจิณห์หวังจะพบหน้ากลับเป็นใครอื่นที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกสนเท่ห์เพราะมาร์คัสมาหาหล่อนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและท่าทางเหมือนไม่พอใจใครสักคน เขาเอ่ยทักทายหล่อนด้วยน้ำเสียงที่ติดจะห้วนพลางกระแทกตัวนั่งเก้าอี้ที่อยู่เบื้องหน้าเคาน์เตอร์ หัวคิ้วชายหนุ่มผมทองขมวดมุ่น ท่าทางของเขาเหมือนคนที่กำลังอัดอั้นอย่างที่สุด

ภวาวดีกับคนรักเหลียวมอง 'แม่หมอ' เป็นเชิงถาม ฝ่ายหลังส่ายหน้าน้อยๆ

"เอ่อ คุณมาร์คคะ มีอะไรหรือคะ" สณาจิณห์จำต้องเอ่ยถาม

เขามองหน้าหล่อนตรงๆก่อนตอบอย่างหลุดคำพูดและต้องการระบายอารมณ์

"โจน่าไม่เชื่อเราครับ ทั้งที่มีหลักฐาน แต่เขาก็ไม่เชื่อเราแม้แต่น้อย หนำซ้ำเขายังโกรธคุณกับผมมาก"

"มากจนไม่ยอมมารับซัน" หญิงสาวต่อให้และไม่รู้สึกแปลกใจกับคำบอกเล่าของอีกฝ่ายเพราะทุกอย่างเป็นดังที่หล่อนคาดคิด

"ใช่ครับ"

"อะแฮ่มๆ ใครพอจะบอกผมได้บ้างครับว่าโจน่าไม่เชื่ออะไร หลักฐานอะไร" ธัชรัตน์พงศ์ที่นั่งอยู่ด้วยก็ถามอย่างทะลุกลางปล้อง

"โก้ไม่รู้หรือครับคุณวดีคุณซัน" มาร์คัสถามสองสาว ความฉงนฉงายปรากฏบนใบหน้า

"โก้ไม่รู้ค่ะ" สณาจิณห์เป็นฝ่ายตอบแบบทวนคำถาม

"วดีครับ" ธัชรัตน์พงศ์หันไปขอคำตอบจากคนรัก

"ต้องถามซันค่ะโก้" หล่อนยิ้มเจื่อนๆ

สณาจิณห์ทำหน้ามุ่ย แต่หล่อนก็ยอมเล่าเรื่องราวให้คนรักของเพื่อนสนิทฟัง พอหล่อนเล่าจบก็เกิดความเงียบที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตึงเครียด

"เป็นอันว่าคุณอาเอริคกับน้องจิลเป็นคนร้าย" ธัชรัตน์พงศ์พูดเป็นเชิงถามคนอื่นๆ

"ฉันมั่นใจ" 'แม่หมอ' ตอบไม่ตรงคำถามนัก

"โจน่าเลยไม่เชื่อ" มาร์คัสพูดเสริมสั้นๆและทุกๆคนก็เข้าใจตรงกันถึงความรักใคร่ที่โจนาธานมีต่อคนในครอบครัว

"ซัน เธอไม่เคยคิดจะบอกเพื่อนคนนี้บ้างหรือ" คนรักของภวาวดีต่อว่าเสียงขุ่น

"โธ่ โก้ ก็ฉันไม่อยากให้ใครเดือดร้อน" เจ้าตัวคราง

"สุดท้ายพวกเราก็มานั่งรวมกลุ่มคิดหนักอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ" เขาพูดจาเหน็บแนม

"โก้ ซันเขายอมเอาตัวเองเข้าเสี่ยงมาตลอด และยอมเสี่ยงอยู่คนเดียวเพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน คุณน่าจะเข้าใจหัวอกของซันนะคะ" ภวาวดีปกป้องเพื่อนสาว

ชายหนุ่มทำท่าโบกมือยอมแพ้เพราะไม่อยากโต้เถียงกับหล่อน

"เทปอยู่ไหนคะคุณมาร์ค" สณาจิณห์เอ่ยอย่างนึกขึ้นได้

"โจน่าเก็บไว้ครับ เขาพูดเหมือนต้องการเคลียร์เรื่องเทปกับคุณ แต่ไม่ได้บอกว่าตอนไหน"

"คงจะตอนที่อารมณ์ของเขาสงบลงบ้าง" เป็นถ้อยคำของธัชรัตน์พงศ์

"พี่ก็คิดงั้น" มาร์คัสฝืนหัวเราะ

"คุณซันจะทำยังไงต่อไปครับ" เขาถามต่อ

"ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ" เจ้าหล่อนบอกง่ายๆ

"ซัน เธอน่าจะเตรียมการอะไรบ้าง" ธัชรัตน์พงศ์เอ่ยเหมือนตำหนิ

"เตรียมอะไรยะพ่อคุณ ของงี้ใครจะรู้ ยิ่งกับน้องจิลยิ่งรู้อะไรได้ยาก"

"หน็อย ละทำหยิ่งไม่เอากำลังเสริม กะเป็นวีรสตรีตายเดี่ยวๆว่างั้น"

"โก้ ปากเหรอที่พูด"

"อ้าว ก็เธออยากทำอวดเก่ง"

สณาจิณห์ไม่ทันจะต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่ม ภวาวดีก็ห้ามทัพด้วยน้ำเสียงเข้ม

"พอๆ ขอที ฟังละปวดหัว"

"ผมไม่ปล่อยให้คุณซันฉายเดี่ยวแน่ๆ" มาร์คัสฉวยโอกาสบอกทุกคน

"ฮะ คุณจะไปกับซันเหรอคะ" คำถามเจือแววตระหนก

"ครับ เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้คุณเผชิญอันตรายอยู่คนเดียว ผมก็ลูกผู้ชาย และรักษาคำพูดที่ว่าจะช่วยคุณ"

"คุณมาร์คบอกคุณโจน่าหรือเปล่าคะว่าวดีรู้เรื่อง และกิ๊กเป็นคนอัดเสียงทางโทรศัพท์" เป็นอีกข้อคำถามที่บ่งชี้ถึงความปริวิตกของสณาจิณห์

"เปล่าครับ"

"ดีแล้วค่ะที่เขาไม่รู้ นั่นหมายความว่าวดีกับกิ๊กจะปลอดภัย"

"ใช่ วดี กิ๊ก และฉันที่เพิ่งรู้เรื่องก็ต้องปลอดภัย เธอกับพี่มาร์คต่างหากที่ต้องตกอยู่ในอันตราย เฮ้อ เสียดายที่โจน่าไม่ยอมเชื่อซันกับพี่มาร์ค พ่อตัวดีจะรู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้คนที่รักถึงสองคนต้องเสี่ยงอันตราย และเขาก็เป็นต้นเหตุของเรื่องเสียด้วย" คนรักของภวาวดีพูดเหมือนปรารภ

คนฟังอีกสามคนต่างก็มีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความหลากใจระคนกังวลไม่น้อยไปกว่ากัน

โจนาธานดูโทรทัศน์กับน้องชายและอาถึงเวลาห้าทุ่ม เจอร์ราล์ดก็สั่งพี่ชายของเขาให้โทรศัพท์ติดต่อกับสณาจิณห์

ช่วงเวลาก่อนหน้า…หญิงสาวทำสมาธิบนเตียงโดยมีเพื่อนสาวของหล่อนนอนอยู่ในห้องเดียวกัน แล้วจู่ๆกระแสบางอย่างที่รุนแรงก็กระทบดวงจิตของหล่อน สณาจิณห์ก็พลันรับรู้ถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวคนรักและตัวหล่อน รวมถึงชายหนุ่มอีกผู้หนึ่ง หล่อนถอนสติและลืมตาอย่างช้าๆก็เป็นจังหวะที่หางตาเหลือบแลเห็นเครื่องมือสื่อสารที่หล่อนตั้งระบบสั่นไว้เคลื่อนตัวเล็กน้อย หน้าจอมีแสงไฟกะพริบ มือเรียวก็คว้าหยิบโทรศัพท์มือถือจากหัวเตียงและกดปุ่มรับสาย

"คุณโจน่า" หล่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบาเพราะไม่ต้องการรบกวนภวาวดี

"คุณซันครับ ผมอยากพบคุณ…"

ภวาวดีตื่นขึ้นด้วยเสียงต่างๆ อาทิ เสียงปิด-เปิดประตูห้องน้ำ และห้องนอน แม้คนเป็นเพื่อนจะเบามือแค่ไหน หูของหล่อนก็ไวต่อเสียงอยู่นั่นเอง ส่งให้หล่อนทันเห็นหลังอีกฝ่ายที่แต่งชุดลำลองอยู่ไวๆและกำลังจะก้าวพ้นประตูห้อง หล่อนจึงเรียกรั้งตัวไว้

"ซัน จะออกไปไหน"

"คุณโจน่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับฉัน"

คนฟังแหงนมองนาฬิกาที่แขวนกับฝาผนัง หล่อนก็พูดเสียงสูง

"ดึกๆดื่นๆเนี่ยนะ"

"วดี จำที่ฉันเคยบอกเธอได้ไหม ถ้าฉันออกไปหาเขา…ให้เธอทำตามคำที่ฉันเคยพูดได้เลย"

สีหน้าของคนฟังสลดลง

"ฉันต้องรีบไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทเขา"

"ขอให้…ให้โชคดี ซัน รีบไปรีบกลับล่ะ" คนพูดโผเข้ากอดสณาจิณห์อย่างแนบแน่นด้วยความรู้สึกห่วงใยอย่างเหลือล้น

"รู้จ้ารู้" เพื่อนสนิทบอกยิ้มๆ

มาร์คัสออกจากบ้านแทบจะในทันทีที่ถูกญาติผู้น้องเรียกตัวทำให้เขาต้องรีบติดต่อกับสณาจิณห์เพื่อหารือ หากหล่อนก็บอกเขาว่าโจนาธานนัดพบเช่นกัน ไม่มีความบังเอิญที่เหลือเชื่อแต่อย่างใด เขาตัดสินใจบอกให้หล่อนคอยเขาอยู่หน้าที่พัก ชายหนุ่มผมทองขับรถยนต์ด้วยความเร็วเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อไปรับหล่อน แม้ 'แม่หมอ' จะรับรู้ว่ามีภัยรออยู่ แต่สุ้มเสียงที่เขาฟังผ่านทางสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีรอยหวั่น ดังนั้น เขาผู้อาสาเสี่ยงภัยพร้อมตัวหล่อนด้วยความเต็มใจจะหวาดเกรงได้อย่างไร และยามนี้ความกล้าก็เป็นสิ่งจำเป็น ทั้งสติปัญญาก็จะช่วยให้รอดพ้นจากผู้มุ่งร้ายถึงสองคน ขณะที่มีผู้รับรู้ว่าสณาจิณห์กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงภัย ตัวเขากลับมีความต่างจากหล่อนตรงที่เขาไม่เคยปริปากบอกครอบครัวถึงเรื่องราวที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเกรงจะชักนำให้ครอบครัวต้องติดร่างแหและพลอยเดือดร้อน

ประตูใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าบริษัทเปิดอ้าพอเป็นที่สังเกตของมาร์คัสกับสณาจิณห์และแสดงถึงความเตรียมพร้อมต้อนรับคนทั้งคู่ ถึงจุดที่ต้องผ่านป้อมยาม เหล็กที่กั้นรถยนต์ก็ยกค้างอยู่ก่อนทำให้รถยนต์ของพวกเขาสามารถผ่านเข้าไปได้อย่างสะดวก สณาจิณห์กวาดตามองทั่วบริเวณ หล่อนมองหาเอริคกับเจอร์ราล์ด

รถยนต์เคลื่อนตัวเข้าสู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทที่มีแต่ความมืดมิดปกคลุม แสงไฟจากหน้ารถของมาร์คัสก็ส่องกระทบถูกพาหนะอีกคันที่คุ้นตาอย่างง่ายดาย โจนาธานเปิดประตูรถยนต์และก้าวเท้าออกมายืนอยู่ด้านนอก

'แม่หมอ' พยายามใช้ดวงตามองฝ่าม่านแห่งราตรีกาลเพื่อค้นหาเป้าหมาย ทว่าไม่เป็นผล หล่อนจำต้องเปลี่ยนวิธีการเสียใหม่ด้วยการใช้สัมผัสพิเศษ แต่เจอร์ราล์ดผู้มีอำนาจจิตเหนือกว่าก็ปกปิดร่องรอยจนหล่อนไม่อาจพบเจอตัวเขากับเอริคง่ายๆ หล่อนรู้เพียงพวกเขาต้องอยู่ร่วมในเหตุการณ์ หากก็ไม่อาจรู้ตำแหน่งของพวกเขาอย่างแน่ชัด หญิงสาวได้แต่ทอดถอนใจอย่างจนแต้ม

สภาพที่ไร้แสงสว่างย่อมทำให้พวกเขาเสียเปรียบ มาร์คัสตัดสินใจเปิดไฟหน้าของพาหนะทิ้งไว้ และบอกกับร่างบางที่อยู่ข้างๆว่า

"คุณซันครับ อยู่ใกล้ๆผมนะครับ"

"ค่ะ" หล่อนรับคำ

คนทั้งคู่เปิดประตูรถและเดินเข้าหาโจนาธานที่ยืนนิ่ง

"โจน่า ทำไมนายมาอยู่ในที่มืดๆ" มาร์คัสเอ่ยถาม แต่ไม่มีคำตอบจากญาติผู้น้อง

สณาจิณห์ที่ประสาทสัมผัสไวกว่าคนธรรมดาก็รู้ได้ว่าชายหนุ่มลูกครึ่งต้องถูกสะกดจิต หล่อนเริ่มท่องบทสวดมนต์ชินบัญชรที่คล่องลิ้น กระแสเสียงของหล่อนกังวานใสทำให้จิตใจของผู้ฟังสงบเยือกเย็นอย่างชวนให้รู้สึกพิศวง มาร์คัสรับฟังเสียงของหญิงสาวราวกับต้องมนตร์ ฝ่ายโจนาธานก็แว่วเสียงของหล่อนที่เสมือนดังจากที่ไกลๆและภาพความทรงจำที่พร่ามัวในห้วงคำนึงก็ทำให้เขาสำเหนียกถึงใครบางคนที่สำคัญ…เป็นคนที่เขามอบความรักให้ สติของเขาค่อยๆกลับคืนและภาพของหล่อนก็ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆพร้อมๆกับการที่เขาเริ่มรู้สึกตัว อำนาจที่สะกดจิตใจของเขาก็เสื่อมลงเป็นลำดับ

เจอร์ราล์ดเม้มปากแน่นกับเหตุที่เกิดขึ้น 'สณาจิณห์' มีความสามารถึงขนาดทำลายอำนาจการสะกดจิตของเขา เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย ดวงตาของเขาวาวโรจน์ด้วยความรู้สึกขัดใจ

"คุณอาครับ ผมว่าถึงเวลาที่เราควรแสดงตัว"

เอริคไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าทักท้วง หลานชายคนเล็กล่วงรู้ความคิดของอา เขาเอ่ยว่า

"นังหมอดูมีอะไรดีๆที่ผมไม่ยักรู้ ขืนผมใช้อำนาจจิตอยู่ไกลขนาดนี้อาจพลาด สู้ประจันหน้าให้รู้ดำรู้แดงเรื่องจะได้จบเร็วขึ้นไม่ดีกว่าหรือครับ" เด็กหนุ่มพูดจบ ล้อเข็นของเขาก็เคลื่อนตัวออกจากที่หลบซ่อนโดยมีอาเดินตามไม่ห่าง

โจนาธานคืนสติอย่างสมบูรณ์ เขาก็ยิงคำถามถามญาติผู้พี่กับคนรักอย่างคนที่กำลังงงงวย

"เกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ พี่มาร์ค คุณซัน พวกคุณมาทำอะไรครับ"

"นายโดนฉันสะกดจิตไงโจน่า ที่มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะตายพร้อมกับพวกชอบแส่" เสียงเหี้ยมเกรียมออกจากของเจอร์ราล์ด

ดวงไฟจากรถยนต์ของมาร์คัสทำให้คนทั้งสามมองเห็นคนอีกสองคนที่เพิ่งสมทบอย่างชัดเจน และคนทั้งคู่ก็อยู่ห่างจากเป้าหมายของพวกเขาอย่างได้ระยะ

"จิล" พี่ชายของเด็กหนุ่มนิ่วหน้า พอมองด้านหลังน้องชาย เขาก็เห็นเอริค

"คุณอา" เขาเอ่ยต่อ

"มันอะไรกัน" ชายหนุ่มลูกครึ่งรู้สึกงงงัน

"ที่จิลบอกเมื่อกี้ เธอก็ได้ยินเต็มสองรูหูไม่ใช่หรือโจน่า" เอริคพูดเสียงเย็นเยียบ

"ผมไม่เข้าใจ" หลานชายคนโตสวนคำ

"ฉันอยากให้นายเข้าใจว่า นายกับสองคนนั่นมาที่นี่เพื่อมาตาย เข้าใจชัดไหมพี่ชาย"

ท่าทางของคนฟังดูจะไม่รับรู้เรื่องราวแม้สักนิด

"ดูท่านายคงอยากจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฉันจะยอมเสียเวลากับพวกนาย" เจอร์ราล์ดเหยียดยิ้ม

"เริ่มตั้งแต่ต้น…น้องจิลกับคุณเอริคเป็นคนทำร้ายคุณโจน่าแต่แรกใช่ไหมคะ" สณาจิณห์เป็นผู้ถาม

"ใช่ กะไม่ให้ตาย ตามความต้องการของจิล" เอริคตอบ

"ทำไม" สุ้มเสียงของโจนาธานพร่าสั่น ความรู้สึกขื่นระคนเจ็บปวดแล่นจุกอก

"ทำไมเหรอ นายไม่รู้จริงๆเหรอโจน่า" น้องชายแค่นหัวเราะ

พี่ชายส่ายหน้าแทนคำตอบ

"จิลก็เหมือนฉัน โจน่า ความรักลำเอียงของคนเป็นพ่อก่อให้เกิดมุมมืดในหัวใจ ความมืดดำขยายตัวขึ้นเรื่อยๆตามวัยและเพราะการกระทำที่สั่งสมของคนเป็นพ่อ รู้อะไรไหมโจน่า อัลเบิร์ตชื่นชมแต่ลูกชายคนโตอย่างเธอ เหมือนที่พ่อของฉันชื่นชมแต่พี่ชาย คนเป็นพ่อทำเหมือนมีลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวโดยไม่เห็นค่าของลูกชายคนที่เหลือ มันเป็นเรื่องที่ขมขื่นและเจ็บลึก ยิ่งกับจิลที่พิการแต่กำเนิด อัลเบิร์ตเลี้ยงดูเขาเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่ในฐานะของลูก เขาลืมไปว่าจิลก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาและจิลก็มีหัวใจ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เขารักแต่เธอ ความเกลียดชังกลับถูกยัดเยียดให้จิล ทั้งที่การตายของสุทธินีเป็นเรื่องสุดวิสัยและหล่อนก็ต้องการให้จิลถือกำเนิด หล่อนรักจิล แต่อัลเบิร์ตถูกความรักบังตาจนเห็นแต่ค่าของหล่อน เขาไม่สนใจว่าเด็กในท้องจะเป็นยังไง เขาต้องการเอาเด็กออก เขาจะฆ่าสิ่งที่อาจทำให้หล่อนต้องตาย เขาไม่ยอมให้อะไรมาพรากหล่อนไป สุทธินีเองก็ไม่มีวันยอมเพราะหล่อนรักเลือดเนื้อในครรภ์ หล่อนดึงดันจนอัลเบิร์ตต้องยอมตามใจ พอหล่อนตาย เขาก็โทษจิล ความผิดตกแก่เด็กผู้บริสุทธิ์ อัลเบิร์ตไม่ควรกล่าวโทษจิลเพราะจิลไม่มีความผิด และไม่มีใครหลีกหนีความตายได้ สุทธินีมีร่างกายที่อ่อนแอก็ไม่อาจเลี่ยงจากความตาย โจน่า เธอเป็นที่รักของพ่อ แต่จิล เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เหมือนขยะไร้ค่าที่อยู่ร่วมชายคา เขาไม่กล้าเปิดเผยลูกชายอีกคนต่อโลกภายนอก เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอับอาย จิลมีค่าอะไรในฐานะลูก ไม่…ไม่เคย จิลเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอมในความคิดของอัลเบิร์ตเท่านั้น และฉันไม่แปลกใจกับพินัยกรรมที่ระบุตัวผู้รับมรดกเพียงคนเดียว…คือเธอ โจน่า" อาของเขาบอกเล่าเสียงเรียบเรื่อย

ดวงตาของหลานชายคนเล็กแดงก่ำทว่าคมกล้า เขาข่มความรู้สึกคับแค้นใจระคนหมองเศร้าอย่างไม่ต้องการให้ใครรับรู้

"จิล ถึงอย่างนั้นตั้งแต่เล็กจนโตพี่ก็รักนาย" โจนาธานเอ่ยเสียงแผ่วโหย

"รักเหรอ นายเรียกว่ารักเหรอโจน่า ไม่หรอก นายเวทนาฉันมากกว่า เป็นความรู้สึกสงสาร เห็นใจ สมเพช ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่แน่ๆ" เด็กหนุ่มพูดเสียงกร้าว

"น้องจิลคะ น้องจิลมีอำนาจจิต จะไม่รู้เชียวหรือคะว่าพี่ชายรักน้องจิลจากใจ" สณาจิณห์พูดสอดแทรก

"เธอเข้าข้างเขาเพราะความรัก หึ อย่างเธอจะเข้าใจอะไร แม่หมอผู้บูชาความรัก เพราะเธอเป็นที่รักของครอบครัว ไม่เหมือนฉันที่ไม่เป็นที่ต้องการ" สุ้มเสียงของเด็กหนุ่มปนล้อเลียนแกมเสียดสี

"น้องจิลคิดไปเองถึงไม่ยอมเปิดใจรับความรู้สึกของพี่ชาย ทำให้บดบังสัมผัสของตนและบิดเบือนการรับรู้" หล่อนแย้ง

"จะยังไงก็ช่าง สิ่งที่คุณพ่อทำกับฉันก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ" เขาโต้ทันควัน

"และการกระทำของอัลเบิร์ตก็ทำให้ลูกชายต้องฆ่าเขา" เอริคเอ่ยเสียงต่ำ

โจนาธานมองหน้าน้องชาย ฝ่ายหลังยิ้มรับ

"ฉันฆ่าคุณพ่อเพราะรู้เรื่องมรดกเข้า วันนั้นคุณพ่อเรียกคุณทนายมาพบเพราะโจน่าจะจบการศึกษา เขาก็ทำพินัยกรรมเพื่อยกทรัพย์สินให้ลูกชายคนโปรดที่โตพอและมีความรับผิดชอบ คุณอาก็อยู่ด้วย สิ่งที่เข้าหูฉันทำให้ความอดทนอดกลั้นของฉันสิ้นสุดลง ฉันเข้าไปเผชิญหน้ากับทุกคนและถามถึงส่วนที่ฉันควรได้รับ คุณพ่อกลับหัวเราะและพูดจาหยาบคายใส่หน้าฉัน ฉันโกรธมากถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันจ้องหน้าคุณพ่อ ความโกรธเกลียดและเคียดแค้นก็ทำให้ฉันนึก…อยากให้ท่านตาย คุณพ่อตอบสนองความคิดของฉันด้วยการวิ่งถลันไปที่โรงรถและขับรถออกจากบ้านด้วยความเร็วสูงอย่างไม่มีจุดหมาย อุบัติเหตุที่เกิดกับคุณพ่อ เป็นฝีมือฉัน ก็ท่านอยากไม่ยุติธรรมจะโทษใคร" เจอร์ราล์ดสารภาพหน้าชื่นอย่างไม่สะทกสะท้าน

"จิล…นาย…นายกล้าฆ่าคุณพ่อ นายต้องเสียสติไปแล้ว" พี่ชายเค้นคำพูดอย่างนึกไม่ถึงว่าน้องชายของเขาจะกล้าทำเรื่องเลวร้าย เรี่ยวแรงของเขาเหมือนหดหาย ร่างกายก็เหมือนจะซวนเซ ดีแต่ยังตั้งสติและหยัดยืนอยู่ได้

มาร์คัสกับสณาจิณห์ต่างก็ตกตะลึงกับถ้อยความจากปากของเจอร์ราล์ด

"เปล่า ฉันสติดี"

"ฉันก็รู้ตอนนั้นว่าจิลมีพลังจิต คนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ด้วย" เอริคพูดเสริม

"ฉันเหลือทางเลือกน้อยมาก ทางเดียวคือครอบงำคนในบ้าน รวมทั้งคุณทนาย" เด็กหนุ่มบอกด้วยโทนเสียงเดิม

"ฉันก็เกิดความคิดในขณะนั้น ฉันคิดว่าจิลกับฉัน…เรามีความเหมือนที่น่าจะร่วมมือกันได้ ฉันเจรจากับเขาเรื่องมรดกและอิสรภาพสู่โลกภายนอก ฉันถึงรอดจากอำนาจจิตของเขา และรู้ว่าแท้จริงจิลมีพลังจิตตั้งแต่เกิด" เอริคเอ่ยอย่างใจเย็น

"เราบรรลุข้อตกลงร่วมกันเพราะความเข้าใจ คุณอาเคยมีสภาพไม่ต่างจากฉัน เขาถูกคุณพ่อกดขี่และเหยียบย่ำ คุณปู่ก็ลำเอียงรักแต่คุณพ่อ ซ้ำร้ายคุณพ่อยังแย่งผู้หญิงที่คุณอารัก…สุทธินี…แม่ของฉันกับนาย คุณพ่อใช้วิธีการสกปรกเพื่อแย่งชิง ความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด พออยู่เหนือกว่าขีดที่ว่า ก็ต้องคิดทำอะไรลงไปสักอย่าง"

"ตอนที่อัลเบิร์ตตาย ฉันก็ส่งข่าวบอกเธอ โจน่า และฉันก็บอกให้จิลรอคอยต่อไป ข้อตกลงของฉันกับจิลต้องเลื่อนระยะเวลาเพราะเธอ ที่เธอยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะเราต้องรอให้จิลบรรลุนิติภาวะ แต่จิลก็ทำร้ายเธอด้วยวิธีการที่เขาเห็นสมควร เป็นการแก้แค้นที่สาสมโดยไม่ทำให้เธอตาย เธอเป็นนักโทษของเขา และเขาก็มีสิทธิ์ทรมานเธอทั้งเป็นจนกว่าจะถึงเวลาต้องกำจัดเธอ"

"ชั่วร้ายอะไรอย่างนี้" มาร์คัสพูดเสียงลอดไรฟัน

"ฉันจะถือเป็นคำชม" เอริคโต้ตอบชายหนุ่มผมทอง

"โจน่าเองก็เป็นฝ่ายตกอยู่ในอำนาจของฉันอย่างง่ายดาย และฉันก็สะกดจิตให้เขารายงานทุกเรื่องที่รู้จากเธอ นับแต่เขาจ้างเธอเข้าทำงาน นอกจากโจน่า คุณอาก็ส่งข่าวบอกฉันอีกคน ฉันรู้เรื่องเธอจากคุณอาเป็นคนแรก คุณลุงลอเรนซ์เป็นคนที่สองเพราะเขาอยากให้ฉันเขี่ยเธอออกจากชีวิตของโจน่า การที่ฉันกับคุณอารู้เรื่องของเธอทำให้พวกเราระมัดระวังตัวและไม่แสดงพฤติการณ์ที่น่าสงสัย เราปกปิดร่องรอยทุกอย่าง เธอเองก็ไม่มีทางรู้เพราะอำนาจจิตของเธอด้อยกว่าฉัน" เจอร์ราล์ดหันไปเอ่ยกับสณาจิณห์

"คุณลอเรนซ์ถึงตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่น่าสงสาร" หล่อนพูดเสียงอ่อน

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูง

"ถ้าฉันกำจัดคุณลุงลอเรนซ์และใส่ร้ายเขาให้มีความผิด หุ้นในส่วนที่คุณอากับฉันจะได้รับก็จะเพิ่มขึ้นโดยปริยาย กรณีเรื่องของโจน่า ฉันกับคุณอาก็ตกลงใจที่จะใช้คุณลุงเป็นตัวคลี่คลายข้อสงสัยต่างๆ เมื่อคุณลุงเป็นคนร้าย แผนของฉันกับคุณอาก็ใกล้ความจริงง่ายเข้า"

"ต่อจากคุณลุงลอเรนซ์ นายคิดกำจัดคุณพ่อของพี่หรือเปล่าจิล" มาร์คัสถามเสียงห้วน

"วิลล์มีอคติกับโจน่าและฉัน แต่เขามีปัญหากับเธอมากพอที่จะไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับแผนการของฉันกับจิล และถ้าเธอไม่คิดจะทำงานในบริษัท หุ้นที่วิลล์ถือครอง ฉันก็คิดจะซื้อด้วยราคาที่สูงพอสมควร ชนิดที่เขาต้องตอบตกลงเพราะฉันคิดว่าการเกลี้ยกล่อมวิลล์ไม่ยากเท่าไหร่" เอริคเฉลย

"ถ้าผมจะทำงานในบริษัทล่ะครับคุณอา"

"ฉันก็มีวิธีกำจัดเธอให้พ้นทางเหมือนกัน" ผู้มีวัยมากกว่ายิ้มอย่างเย็นชา

"หมดเวลาสำหรับไขปริศนาทั้งหลายแหล่ ต่อไปก็ถึงเวลาตายของพวกเธอ" เขาพูดต่อ

"สณาจิณห์ เธอเก่งที่คลายการสะกดจิตของฉัน ถ้าเจอแบบนี้เธอจะทำไง" พูดจบเจอร์ราล์ดก็เพ่งมองมาร์คัส

ร่างกายของเป้าสายตาก็เคลื่อนไหวตามความประสงค์ของเด็กหนุ่ม มาร์คัสเดินเข้าไปหาเอริคโดยที่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เขารู้ตัว แต่ไม่อาจหยุดตนเอง ฝ่ายตรงข้ามก็สวมถุงมือแล้วล้วงหยิบวัตถุสีดำออกจากที่เก็บซ่อนซึ่งเป็นกระเป๋าลับที่อยู่ด้านใน ตัวเสื้อที่เขาสวมใส่

"มาร์ค ปืนเป็นของเธอ และจะมีลายนิ้วมือของเธอเป็นเครื่องยืนยันกับตำรวจ" เอริคบอกพลางยื่นส่งกระบอกปืนให้หลานชาย

ชายหนุ่มผมทองก็รับอาวุธจากมือของอาโดยดี

"ละครฉากสนุกที่ไม่ควรพลาด" น้องชายของโจนาธานหัวเราะเสียงเหี้ยม

"คุณซัน" ชายหนุ่มลูกครึ่งเรียกขานหญิงสาว

คนถูกเรียกล่วงรู้ว่าโจนาธานจะพูดอะไร หล่อนก็เอ่ยด้วยสีหน้ายุ่งยากใจว่า

"คุณมาร์คไม่ได้ถูกสะกดจิตค่ะ ร่างกายของเขาถูกบังคับ"

"เธอจะทำยังไง สณาจิณห์" เด็กหนุ่มย้ำถามขณะที่มาร์คัสเล็งวัตถุในมือไปที่โจนาธาน


Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 13:08:50 น. 0 comments
Counter : 226 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.