|
ตอนที่๑๑
ตอนที่๑๑ ยุภาตัดสินใจเอ่ยปากขอร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านายเพราะหล่อนอยากรู้อยากเห็นท่าทีของเขายามอยู่ต่อหน้าสณาจิณห์ ปฏิกิริยาของคนทั้งหมดเท่าที่หล่อนสังเกตเห็น
เอริคมีท่าทีสบายๆอันเป็นปกติวิสัย โจนาธานเหมือนจะอึดอัดใจ เขาพูดน้อยเสียจนผิดสังเกตและทำให้อาของเขาเกิดความสงสัย โดยมากเจ้านายของหล่อนจะทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง 'แม่หมอ' พยายามสรรหาหัวข้อสนทนาเพื่อจะเปิดปากเขา ดูเหมือนเอริคที่เริ่มจับเค้าบางอย่างได้จะมีการตอบสนองดีกว่าหลานชาย แม้หล่อนจะช่วยหญิงสาวอีกคนพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ก็ไร้ผล เจ้านายของหล่อนยังคงระมัดระวังท่าทีอย่างยิ่ง
เลขานุการร่างป้อมคิดอย่างเห็นเป็นเรื่องตลกว่าบางทีเจ้านายอาจเกรงดอกพิกุลจะร่วงหล่นจากปากของเขา เขาถึงไม่ใคร่อยากจะสนองตอบด้วยการพูดจากับสณาจิณห์สักเท่าใด น่าเห็นใจในความพยายามของอีกฝ่ายที่มีใจให้ แต่เขากลับเฉยเมยและมีท่าทางเหมือนเจ้าชายน้ำแข็งที่หล่อนเห็นจนชินตายามอยู่กับพวกผู้หญิงที่คิดจะจับเขา ยุภาอยากหาตัวช่วยและเอริคก็เป็นตัวช่วยที่หล่อนนึกภาวนาให้เขายอมร่วมมือเพราะเจ้านายของหล่อนย่อมจะรับฟังอาวันยังค่ำ
ผู้มีวัยมากกว่าเห็นสายตาวิงวอนของร่างป้อมที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาอ่านนัยบางอย่างออกและรู้ในวินาทีนั้นว่าหัวใจของ 'แม่หมอ' มอบให้หลานชายคนโตของเขา เอริคเหลือบมองโจนาธานที่ทำท่าเหมือนเป็นรูปปั้นที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก เขาลอบถอนใจ พอเบนสายตามองหญิงสาวที่ฝักใฝ่หลานชายคนโต แววตาของเจ้าหล่อนสลดลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าบ่งบอกความรู้สึกรันทดท้อที่สุดจะสะกดกลั้น ไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นอีก หล่อนเริ่มพูดน้อยลงเฉกเดียวกับโจนาธานซึ่งทำให้เขารู้สึกเวทนาหล่อนอยู่บ้าง
ชายหนุ่มลูกครึ่งวางใจให้เฉยชากับสณาจิณห์ แม้หล่อนจะอุตสาหะเพียงใด ทว่าเขาก็ควบคุมการวางตัวของตนได้ดีกว่าจนหล่อนต้องยอมยกธงขาว ความรู้สึกวูบหนึ่งยามเห็นสีหน้าที่หมองหม่นของหล่อนทำให้เขาเกิดความสงสารจับจิตใจอย่างประหลาดที่ไม่เคยก่อเกิดมาก่อนไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน เขาอยากจะสนองตอบแต่พอควร หากเกรงจะเป็นการทำลายจุดยืนของตน เขารีบสลัดความรู้สึกนี้ทิ้งในทันใด และดำรงตนเป็นเจ้าชายน้ำแข็งต่อไป
ร่างบางพยายามจนเหนื่อยและหยุดเอง ความสูญเปล่าทำให้หล่อนต้องขอพักยกชั่วคราว โจนาธานใจแข็งอย่างที่ยุภาเคยพูดไว้และเป็นการยากต่อการเจาะปราการที่เขาสร้างขึ้นเพื่อห่อหุ้มหัวใจที่อ่อนนุ่ม เขาทำเหมือนไม่สนใจไยดีตัวหล่อน ไม่อยากเสวนา ไม่อยากรับรู้ถึงการมีตัวตนของหล่อน เขามองหล่อนเหมือนเล็งแลความว่างเปล่า ดวงตาของเขานิ่งอย่างที่ทำให้ใจของหล่อนต้องเจ็บแปลบ ดีที่หล่อนมีความเข้มแข็งอยู่คู่ตัว หล่อนจึงไม่สิ้นความพยายามหรือยอมแพ้ง่ายๆ
โจนาธานทานอาหารหมดจานอย่างรวดเร็วและขอแยกตัวกลับห้องทำงานทั้งที่ยังไม่หมดเวลาพักเที่ยง เขาปล่อยให้คนอีกสามคนนั่งมองหน้ากันไปมาอย่างจนใจ
"คุณสณาจิณห์ คุณมีอะไรอยากบอกผมไหมครับ" เอริคเอ่ยทำลายความเงียบงันที่เกิดขึ้นชั่วขณะ
ความฉงนฉงายฉายชัดบนใบหน้าของหญิงสาว หล่อนปิดปากเงียบ
"คุณอยากให้ผมเดาปฏิกิริยาของหลานชายตัวเองหรือครับ ถ้าผมพูด คุณจะยิ่งกระดากนะ"
"คุณซันคะ ยุเห็นท่าทางของคุณ ยุก็พอจะทราบ ทางที่ดีคุณบอกคุณเอริคเถอะค่ะ"
สณาจิณห์จำต้องยอมเผยความรู้สึกของตนแบบอ้อมค้อมกึ่งสงวนท่าที
"เอ่อ คุณโจน่าเป็นบุคคลที่ใครๆก็ต้องรู้สึกสนใจเป็นธรรมดา เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรง สมบูรณ์แบบอย่างเจ้าชายในฝันของผู้หญิงทุกคน ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้หญิงคนไหนหรอกค่ะ"
"กระทั่งนักพยากรณ์อย่างคุณก็ไม่มีข้อยกเว้นใช่ไหมครับ" เอริคยิ้มอ่อนๆ
คนถูกถามเลือกที่จะไม่ปริปาก แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อเป็นคำตอบที่แจ่มแจ้งอยู่ในตัว
"โก้เคยบอกคุณหรือเปล่าว่าโจน่าจะแสดงท่าทีแบบไหนกับผู้หญิงที่มาชอบเขา" ผู้มีวัยมากกว่าถามอีก
"บอกค่ะ" คนตอบพยักหน้าประกอบคำพูด
"แปลว่าที่คุณเข้ามาทำงานในบริษัทก็เพราะโจน่าน่ะสิ" เขาจับทางได้
"โก้เคยพาคุณโจน่าไปหาซันที่ร้านของเพื่อน และซันก็เคยทำนายโชคชะตาให้ หลังจากที่ซันเกิดความรู้สึกดีๆกับคุณโจน่า โก้ก็เป็นคนจัดการหมดค่ะ แต่ที่ซันเสนอความช่วยเหลือก็เพราะอยากช่วยจริงๆ"
"ผมจะเชื่อคุณได้กี่มากน้อย" เขาถามขรึมๆ
"คุณเอริคไม่จำเป็นต้องเชื่อคำพูดของซัน ซันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นค่ะ" หล่อนบอกอย่างหนักแน่นและจริงจัง
"ยุเชื่อคุณซันค่ะคุณเอริค" ยุภาเข้าข้างคนเพศเดียวกัน
"หึๆ รู้สึกเลขาฯของโจน่าจะแปรพักตร์เสียแล้ว" เอริคเอ่ยราวกับปรารภ
"ก็คุณซันเป็นคนดีในสายตาของยุนี่คะ"
"อย่าเพิ่งตัดสินคนที่คุณเพิ่งรู้จักว่าเป็นคนดี ดีกว่าค่ะ" สณาจิณห์แย้งเสียงอ่อน
"เพราะบางทีซันอาจไม่ดีจริง" หล่อนพูดต่อ
"จะยังไงก็ตาม คุณสณาจิณห์ คุณควรรู้ว่าผมสอนสั่งหลานชายมาแบบไหนเขาถึงเป็นอย่างที่คุณเห็น" คนพูดเว้นจังหวะนิดหนึ่ง เขาเห็นหล่อนตั้งใจจะรับฟัง เขาก็เฉลยว่า
"ด้วยความที่เขาเป็นทายาทของพี่ชายผมและเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผมจำเป็นต้องสอนสั่งให้เขาระมัดระวังการคบหาเพศตรงข้าม เพราะพวกเธออาจต้องการทรัพย์สมบัติและอาศัยฐานะของเขาเพื่อเสริมความเด่นดังให้ตัวเธอเอง หาใช่ต้องการตัวเขาหรือรักที่ตัวเขา ผมสอนให้โจน่าปิดกั้นตัวเองจากผู้หญิงที่เข้ามาหา และเขาก็ช่างรู้วิธีปฏิบัติตน ด้วยการทำตัวเหมือนไร้หัวจิตหัวใจ คุณก็ทราบว่าเขามีน้องชาย เหตุนี้เขายิ่งจะรักษาบรรทัดฐานแห่งความคิดและยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น นอกเสียจากเขาจะพบกับรักแท้ แต่ใครคนนั้นก็ต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากมาย ทั้งยังต้องอาศัยความอดทนที่เป็นเลิศด้วย วิธีการของเขาทำให้พวกผู้หญิงที่หวังในสิ่งที่เขามี ต้องล้มเลิกความคิดมานักต่อนัก คุณสณาจิณห์ คุณจะยอมเสียเวลากับหลานชายของผมหรือ ทั้งที่คุณน่าจะใช้เวลาอันมีค่ากับชายหนุ่มอื่นเพราะหน้าตาของคุณก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ คุณคิดดีหรือยัง ตัดสินใจดีอยู่หรือ บอกตรงๆ ผมเห็นคุณเหมือนลูกเหมือนหลาน ผมถึงอยากให้คุณตรองให้ดีๆ"
"ขอบคุณคุณเอริคมากค่ะ นับแต่วันแรกที่ซันตัดสินใจ ซันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเพราะซันแน่ใจในความรู้สึกที่มีให้คุณโจน่า ถ้าไม่ใช่คุณโจน่า ซันก็ไม่ต้องการใครอื่นค่ะ" หล่อนบอกอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
"ถ้าโจน่าปฏิเสธคุณล่ะ" เขาถามเสียงเรียบเรื่อย
"ซันก็จะครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตค่ะ"
"ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะคุณซัน" ยุภาทำตาโต
"ซันจริงจังค่ะคุณยุ"
เอริคเปิดยิ้มกว้างด้วยความพอใจกับคำตอบของหล่อน
"ผมดีใจที่มีคนรักที่ตัวของโจน่า และผมก็ขอภาวนาให้คุณสมหวัง ผมคงจะช่วยคุณได้ไม่มากเท่ากับที่คุณต้องช่วยตัวเอง"
"ว้าว! คุณเอริคยอมเปิดไฟเขียวให้คุณซันหรือคะ" หญิงสาวร่างป้อมรู้สึกยินดีกับสณาจิณห์
เอริคพยักหน้าแทนคำตอบ
"ทีนี้ก็เหลือแต่ไฟเขียวจากบุคคลสำคัญอย่างจิล คุณต้องยอมลำบากแสนสาหัสล่ะนะ" เขาเอ่ยกับหญิงสาวอีกคนโดยตรง
"ซันพร้อมที่จะลำบากค่ะ"
"ฮื่อ ผมหวังให้จิลยอมรับคุณเหมือนที่ผมยอมรับ"
สณาจิณห์ยิ้มในสีหน้าอย่างหมายมาด เอริคยอมเป็นพวกหล่อน ต่อให้หนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคแค่ไหน แม้ต้องพบเจอกับสิ่งใด หล่อนก็จะสู้ไม่ถอยเพื่อให้ความปรารถนาเป็นจริงสมใจ
คนทั้งสามที่สนทนากันไม่รู้ตัวว่าตลอดเวลาพวกตนตกเป็นเป้าสายตาของคนอีกกลุ่ม ลอเรนซ์และวิลเลี่ยมส์ กับคนของเขา
"ท่าทางเหมือนกำลังคุยเรื่องสำคัญ" วิลเลี่ยมส์บอกอย่างคาดเดา
"ลองทายสิว่าเรื่องอะไร" ลอเรนซ์ถามคนทั้งกลุ่ม
ลูกน้องพากันส่ายหน้า วิลเลี่ยมส์ครุ่นคิดอย่างหนักก่อนบอกง่ายๆว่า
"ผมไม่รู้"
"โจน่าลุกเป็นคนแรก ปรกติเขาควรจะมีมารยาทกับเอริค แต่เขาก็ปล่อยให้อาของตัวอยู่กับเลขาฯและนังเด็กหมอดู วิลล์ นายไม่รู้จริงๆเหรอ ท่าทีหลีกหนีใครหรืออะไรของโจน่า นายน่าจะเดาออก" ญาติผู้พี่บอกใบ้
"เรื่องผู้หญิง" ญาติผู้น้องเอ่ยเป็นเชิงถาม
"ถูกต้อง"
"ผู้หญิงที่ไหนครับคุณลอเรนซ์" ลูกน้องคนหนึ่งถามอย่างใคร่รู้ อีกสองคนถามไถ่กันอย่างปรึกษา
"เลขาฯของโจน่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตน เหลือก็แต่หมอดูประจำบริษัท หรือที่ผมแซวพวกเขาสนุกๆ
" วิลเลี่ยมส์พูดค้างคา เขารู้สึกไม่ชอบใจกับข้อสันนิษฐานที่รู้อยู่เต็มอกแม้แต่น้อย
"วิลล์ ฉันเคยเตือนนายว่าไงเรื่องนังเด็กนั่น" ลอเรนซ์ย้ำเตือนความทรงจำให้อีกฝ่าย
"ผมรู้" ญาติผู้น้องแสร้งหัวเราะในคำอย่างต้องการกลบเกลื่อนอาการของตน
"งั้นก็ช่วยจำให้ขึ้นใจหน่อย"
คนฟังยิ้มเจื่อน
ในความรู้สึกของสณาจิณห์ หล่อนรู้สึกเหมือนเวลาช่างหมุนผ่านอย่างเชื่องช้าตรงข้ามกับความกระตือรือร้นในการสำรวจตามชั้นต่างๆของตึกใหญ่ที่หมดไปอย่างมากในช่วงเวลาแต่ละนาที ความเฉื่อยชาและเหนื่อยอ่อนถาโถมเข้าสู่ตัวของหล่อนเพราะจิตใจที่สลดหดหู่จากท่าทีของโจนาธานที่แสดงออกซึ่งติดตาติดใจก็พลอยฉุดดึงกำลังกายให้ถดถอย พอหล่อนไปเกินครึ่งทางก็พบกับวิลเลี่ยมส์ เขาดักรออยู่หน้าลิฟต์ มือข้างหนึ่งของเขาถือขวดน้ำ อีกข้างถือกล่องกระดาษ
"สวัสดีครับคุณสณาจิณห์" เขายิ้มเก๋ให้หล่อน
หญิงสาวยิ้มเนือยๆอย่างนึกเบื่อหน้าฝ่ายตรงข้าม
"สวัสดีค่ะ" หล่อนทักทายเสียงเนิบๆ
"เหนื่อยไหมครับ ผมมีน้ำกับขนมให้คุณ" เขาบอกอย่างเอาใจด้วยดวงตาเป็นประกายพราว
"ขอบคุณค่ะ ซันยังไหว" หล่อนบอกเป็นเชิงปฏิเสธ
"จะฝืนทำไมครับ ผมว่าคุณต้องการพักเพราะแว่วว่าคุณเดินเที่ยวตั้งแต่เช้า แถมโจน่าก็ไม่ห่วงพนักงานใหม่เท่าที่ควร" ประโยคท้ายๆเขาจงใจพูดจี้ตรงจุด
คนฟังสำเหนียกใจความก็ทราบเจตนาของคนพูด
"ซันเป็นพนักงานที่รับบทหนักด้านการให้คำปรึกษากับพนักงานคนอื่นๆ ซันก็ต้องทำความรู้จักและทราบข้อมูลบางอย่างเพื่อใช้ประโยชน์บ้าง มันเป็นสิ่งที่ซันเต็มใจทำ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ส่วนคุณโจน่า
คุณวิลเลี่ยมส์ก็น่าจะทราบว่าหลานชายของคุณงานยุ่งตลอด จะให้เขามีเวลาห่วงใครล่ะคะ เอ ซันว่า คนที่ว่างงานจัดจนมีเวลายุ่งกับคนอื่นก็คงมี หรือคุณวิลเลี่ยมส์ว่าไงคะ" หล่อนโต้ตอบอย่างนุ่มนวล ดวงตาจับจ้องผู้มากวัย ริมฝีปากเปิดรอยยิ้มกึ่งหยามเหยียดกึ่งขบขัน
"ผมคิดเหมือนคุณครับ" วิลเลี่ยมส์หัวเราะเบาๆอย่างฝืนๆทั้งที่รู้ว่าหญิงสาวจงใจพูดจากระทบกระเทียบเขา
"ถ้าคุณวิลเลี่ยมส์ไม่มีธุระ ซันก็ขอตัวค่ะ" หล่อนไม่รอฟังคำตอบ แต่กลับหมุนตัวและเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง
"จะรอดพ้นจากเงื้อมมือผมทุกครั้งหรือคุณสณาจิณห์" คนที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่ลำพังตั้งคำถาม ไกลห่างรัศมีของชายเจ้าชู้อย่างวิลเลี่ยมส์ 'แม่หมอ' ก็เม้มปากอย่างขัดใจ หล่อนอยากโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามให้เผ็ดร้อน หากก็เกรงเรื่องจะรู้ถึงหูของชายหนุ่มลูกครึ่ง และคะแนนนิยมของหล่อนก็จะพลอยตก การที่ต้องสงวนถ้อยคำด่าทอไว้ในใจทำให้หล่อนนึกอยากกู่ก้องร้องตะโกนดังๆเป็นการระบายอารมณ์ออกบ้าง มิฉะนั้นโรคประสาทอาจถามหา เท่าที่คิดคือหาทางปลดปล่อยอารมณ์ ที่เก็บกลั้นด้วยการกลับเข้าห้องทำงานที่อุดอู้และอบอ้าวด้วยความร้อนเพื่อวาดรูปของคนที่ก่อกวนต่อมโทสะของหล่อนและทำพิธีสาปแช่งให้หนำใจ หลังจากอารมณ์ของหล่อนสงบ หล่อนก็พึ่งพาความเย็นฉ่ำอยู่กับยุภาตลอดช่วงเวลางานที่เหลือ
ช่วงก่อนเลิกงานธัชรัตน์พงศ์โทรศัพท์ติดต่อโจนาธาน เจตนาก็เพื่อช่วยเพื่อนสาวของคนรัก ทว่าเพื่อนสนิทของเขาไม่เล่นด้วย
"โจน่า นายช่างใจร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กๆลงคอ ทำงี้ได้ไง ใจคอจะปล่อยให้ซันนั่งรถเมล์กลับจริงอะ โห กว่าซันจะกลับถึงที่พักก็มืดค่ำ อันตรายสำหรับผู้หญิงนะโจน่า เกิดซันเป็นอะไรใครจะรับผิดชอบ" ปลายสายร่ายยาวโดยหารู้ไม่ว่าคนฟังยกหูฟังออกห่างจากหูของตนเป็นที่เรียบร้อย
"โจน่า นายฟังอยู่หรือเปล่า" ธัชรัตน์พงศ์รู้สึกเอะใจที่เพื่อนสนิทเงียบเสียง
"ฟังอยู่" น้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญใจ
"เออ ฟังอยู่ก็ดี ช่วยไปส่งซันที่เดิมที ถ้าบริษัทของฉันอยู่ใกล้ๆกับบริษัทของนาย ฉันจะไม่รบกวนนายเลย"
โจนาธานส่ายหน้าน้อยๆอย่างรู้เท่าทันเพทุบายของปลายสาย เขาพูดปดว่า
"ฉันสัญญากับจิลว่าจะรีบกลับไปดูรายการโปรดด้วย รายการออกอากาศห้าโมงสี่สิบ หวังว่านายคงเข้าใจ อ้อ เผอิญมีสายเรียกซ้อน ขอโทษทีเพื่อน" พูดจบเขาก็วางสายก่อนจะยกหูโทรศัพท์ออกจากแป้นด้วยเกรงธัชรัตน์พงศ์จะติดต่อมาอีก
เขาคาดการณ์ถูกต้องเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทนโทรศัพท์พื้นฐานและเลขหมายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเป็นของเพื่อนสนิท โจนาธานก็ทอดถอนใจด้วยความอิดหนาระอาใจ เขากรอกเสียงห้วนไปตามสัญญาณ
"ว่าไงโก้"
"ตกลงนายจะไม่ให้ซันกลับกับนายว่างั้น" ธัชรัตน์พงศ์เอ่ยอย่างสรุป
"ฉันให้สัญญากับจิลไว้ นายจะให้ฉันผิดสัญญาเหรอ"
"รบกวนเพื่อนช่วยบอกซันว่าให้ขึ้นรถกลับเองเพราะนายโก้คนนี้ก็ไม่สามารถไปรับได้เหมือนกัน อาจจะลำบาก แต่ไหนๆขามาก็นั่งรถมา ขากลับก็น่าจะนั่งรถกลับ นานๆเข้าก็ชินเอง พึ่งพาคนใจดำไม่ได้แน่ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน แค่นี้แหละ" ปลายสายเป็นฝ่ายตัดสัญญาณอย่างมีอารมณ์บ้าง
โจนาธานย่นหน้าผากน้อยๆ ต่อให้เขาใจแข็งอย่างไร เขาก็ยังมีจิตสำนึก ดวงตาของคนร่างสูงฉายแววครุ่นคิด เห็นทีเขาคงต้องยอมไปส่งหล่อนอีกสักครั้ง เขาปิดแฟ้มงานอย่างเบามือและลุกเดินออกจากห้อง
ประตูห้องทำงานของชายหนุ่มลูกครึ่งเปิดออก หญิงสาวร่างบางก็นึกคิดอย่างมีความหวัง และหล่อนก็ไม่ผิดหวังที่เขาออกปากจะส่งหล่อนไปหาเพื่อนเหมือนเช่นเคย
คนร่างสูงรักษามาดขรึมอย่างดียิ่ง กระนั้นก็ไม่ถึงกับเงียบเฉยเสียทีเดียว เขาพูดบ้างเป็นบางครั้งและแทบนับคำได้ทำให้คนชวนคุยเหนื่อยจนเกือบถอดใจ แต่ลูกฮึดของหล่อนยังมีและไม่ละความพยายาม ท้ายที่สุดก็สวมบทบาทดีเจรายการวิทยุที่พร่ำพูดเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว บางทีพูดเองเออเอง หากคนฟังก็ลอบยิ้มอย่างขบขันโดยที่หล่อนไม่รู้ตัว
ภวาวดีที่อาบน้ำต่อจากคนเป็นเพื่อนก็ออกจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีหวาน หล่อนมองเห็นอีกฝ่ายนั่งทอดสายตาติดจะเหม่อลอยอย่างคนทอดอาลัย โทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งโดยไร้คนเหลียวแล
"ซัน" หล่อนเรียกขานเพื่อนสนิท
"ฮือ" คนถูกเรียกเริ่มคืนสติอย่างช้าๆ
"คุณโจน่าใช่หรือเปล่า" คนพูดเอ่ยอย่างคาดเดา
'แม่หมอ' พยักหน้าแทนคำตอบ
"ยังไหวอยู่ไหม" ภวาวดีถามด้วยความห่วงใย
"ไหว โธ่ วดีเห็นฉันเป็นคนอ่อนแอเหรอ ก็ไหนเธอบอกว่าฉันเข้มแข็งไง"
"คนนี่ ไม่ใช่ก้อนหินที่ไม่มีความรู้สึก และเธอเป็นฝ่ายวิ่งตามคุณโจน่า
ก็ต้องมีอาการท้อบ้าง"
รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏบนใบหน้าของคนฟัง
"ฉันมั่นใจกับรักแท้ ถึงเป็นฝ่ายวิ่งตามก็จะต้องสมหวังในสักวัน"
"ฉันเอาใจช่วยซันเสมอ ถ้ามีอะไรอยากบอกอยากระบายก็ปล่อยมันออกมา อย่าเก็บกดนัก เดี๋ยวจะบ้า"
"จ้า"
"นอนเถอะซัน ฉันว่าเธอคงเหนื่อยมาทั้งวันละ
กับการไล่ตามหัวใจของคุณโจน่า" คนรักของธัชรัตน์พงศ์กดรีโมทปิดโทรทัศน์
"ขอสวดมนต์ไหว้พระก่อน"
"ตามสบาย ฉันง่วงเต็มที" คนพูดเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นล้มตัวลงนอน
"วดี พรุ่งนี้อย่าลืมให้คนส่งรูปภาพกับกระถางต้นไม้ที่ฉันบอกให้ซื้อ ไปที่บริษัทของคุณโจน่าล่ะ"
"รู้น่า" ภวาวดีบอกทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท
หล่อนปล่อยให้คนเป็นเพื่อนนอนหลับ ตัวเองก็กระทำการสวดมนต์อันเป็นกิจวัตร
สณาจิณห์รับคำสั่งงานอย่างเป็นทางการจากชายหนุ่มลูกครึ่งและเริ่มปฏิบัติงานในหน้าที่ ตารางงานของพนักงานฝ่ายต่างๆระบุชัดถึงช่วงเวลาและวันหนึ่งในสัปดาห์ที่ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้าพบ 'แม่หมอ' แต่ละวันนักพยากรณ์สาวต้องทำการพยากรณ์ให้แก่พนักงานจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบคน เป็นงานที่แสนสบายในความคิดของคนอื่น แต่หนักสำหรับหญิงสาวเพราะหล่อนต้องใช้สมาธิจิตอย่างมาก
อุปกรณ์คลายความร้อนสองเครื่องซึ่งมากกว่าจำนวนที่หล่อนร้องขอ เครื่องหนึ่งจัดตั้งหันไปทางเจ้าของห้องตรงๆ อีกเครื่องสำหรับผู้รับคำทำนาย หล่อนติดรูปภาพสามภาพกับผนังห้องอันเป็นด้านที่ผู้มาเยือนจะเป็นฝ่ายมองเห็น กระถางต้นไม้ตั้งอยู่คนละจุด จุดแรกมุมห้องด้านหลังทางขวามือของหล่อน จุดที่สองมุมห้องด้านซ้ายมือห่างจากประตูทางเข้า ทุกอย่างเกือบลงตัวและหล่อนก็รู้สึกพึงพอใจ
โจนาธานแวะไปหาหล่อนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย เขาพูดคุยกับหล่อนสองสามประโยคก็ขอตัว พอกลับเข้าห้องทำงานก็พบกับลินลดาที่นั่งรออยู่
"คุณยุภาปล่อยให้คุณเข้ามาหรือครับ" เจ้าของห้องถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ
"เลขาฯของคุณทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ลินก็ยังเข้ามาจนได้" หล่อนยิ้มใส่ตาเขา
"ข่าวว่าบริษัทของคุณมีหมอดูมาประจำ" หล่อนพูดต่อ
"ครับ มี"
"แม่นไหมคะ"
"คุณลินอยากรู้ก็ต้องพิสูจน์ครับ"
"ลินจะถือคำพูดของคุณเป็นการอนุญาตให้ลินใช้บริการแม่หมอ"
ยุภาที่ควรนั่งประจำโต๊ะกลับคาบข่าวไปบอกสณาจิณห์ที่ห้องทำงานของฝ่ายหลัง ร่างบางก็ให้ร้อนใจ หล่อนคิดหาข้ออ้างเพื่อเข้าพบชายหนุ่มลูกครึ่ง
"อุปกรณ์สำนักงานสักอย่างกับโทรศัพท์สายในที่ควรติดตั้งในห้อง" เจ้าของห้องเกิดความคิดอย่างฉับไว
"ยุว่าคุณซันควรรีบไปหาคุณโจน่า" หญิงสาวร่างป้อมเร่งเร้า
สองสาวยืนอยู่หน้าห้องทำงานของโจนาธาน สณาจิณห์สูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความกล้าโดยมีกองเชียร์อย่างยุภาอยู่ข้างๆ
"คุณซันสู้เขาค่ะ ยุเอาใจช่วยเต็มที่" คนพูดจับลุกบิดประตูและเปิดทางให้ 'แม่หมอ'
คนที่อยู่ในห้องหันขวับมองผู้มาเยือนพร้อมกัน พอประตูปิดตามหลัง หญิงสาวก็เดินอย่างมาดมั่นไปหาเจ้าของห้อง
"ใครคะคุณโจน่า" ลินลดาปรายตามองหญิงสาวอีกคนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
เป้าสายตารู้สึกตัวชาวาบก่อนความโกรธจะพุ่งขึ้น
"สณาจิณห์ค่ะ พนักงานคนใหม่ในฝ่ายงานใหม่ของบริษัท" หล่อนแนะนำตัว
"หรือคุณจะเป็นแม่หมอ" ลินลดาถามอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองเพราะฝ่ายตรงข้ามอายุยังน้อย ดูอ่อนวัยกว่าหล่อนด้วยซ้ำ
"ใช่ค่ะ"
"น่าทึ่งค่ะ แต่ลินก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณ"
"ซันจะเป็นที่รู้จักของคนที่อยากรู้จักน่ะค่ะคุณลินลดา" สณาจิณห์เล่นลิ้น
คนฟังรู้สึกถึงความเป็นอริเพราะถ้อยความของคนพูดฟังขัดหูชอบกล อาจเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันจึงอ่านท่าทีของกันออก
"ลินอยากใช้บริการของคุณ"
"ยินดีค่ะ"
ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่กลางสมรภูมิรบของลูกผู้หญิงกลับนั่งด้วยท่วงท่าสบายๆ ใบหน้าคมเข้มเท่านั้นที่เรียบเฉยติดจะเย็นชา ครั้นนึกอะไรขึ้นได้เขาก็เอ่ยปากถามสณาจิณห์
"คุณมีธุระกับผมหรือครับ"
"ซันอยากจะขออุปกรณ์สำนักงานจำพวกที่เย็บกระดาษ อย่างอื่นยังไม่จำเป็น และซันอยากขอความกรุณาคุณช่วยติดตั้งโทรศัพท์ในห้องค่ะ"
"ผมจะจัดการตามคำขอของคุณ" เขารับปาก
"ขอบคุณค่ะ" หล่อนยิ้มเยื้อนให้คนร่างสูง
ลินลดาไม่ใคร่จะพอใจ 'แม่หมอ' นัก หล่อนเห็นฝ่ายตรงข้ามขวางหูขวางตาเหลือเกิน
'ถ้าคิดจะสู้กับฉันล่ะก็ ฝันไปเถอะนังหมอดูอ่อนหัด'
"ซันไม่รบกวนเวลางานของคุณละค่ะ" คนพูดหมุนตัว
"คุณลินคะ คุณอยากใช้บริการของซันก็เชิญตามมาค่ะ" หล่อนเอ่ยอย่างต้องการจะนำตัวหญิงสาวอีกคนออกไปจากห้องทำงานของโจนาธาน
"ช่วงนี้คุณซันกำลังว่าง ถ้าคุณปล่อยโอกาสดีๆให้หลุดลอยก็ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสให้คุณซันทำนาย" โจนาธานขับไล่ทางอ้อม
"แหม ลินไม่พลาดหรอกค่ะ ลินอยากพิสูจน์ 'ฝีมือ' ของแม่หมอจะตาย" ลินลดาเน้นหนักคำบางคำอย่างแฝงนัย
"ขอบอกอีกครั้งว่ายินดีจริงๆค่ะ" สณาจิณห์รับคำท้าด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
Create Date : 21 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 13:10:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 319 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|