Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 
21 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่๑๑

ตอนที่๑๑
ยุภาตัดสินใจเอ่ยปากขอร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านายเพราะหล่อนอยากรู้อยากเห็นท่าทีของเขายามอยู่ต่อหน้าสณาจิณห์ ปฏิกิริยาของคนทั้งหมดเท่าที่หล่อนสังเกตเห็น…เอริคมีท่าทีสบายๆอันเป็นปกติวิสัย โจนาธานเหมือนจะอึดอัดใจ เขาพูดน้อยเสียจนผิดสังเกตและทำให้อาของเขาเกิดความสงสัย โดยมากเจ้านายของหล่อนจะทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง 'แม่หมอ' พยายามสรรหาหัวข้อสนทนาเพื่อจะเปิดปากเขา ดูเหมือนเอริคที่เริ่มจับเค้าบางอย่างได้จะมีการตอบสนองดีกว่าหลานชาย แม้หล่อนจะช่วยหญิงสาวอีกคนพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ก็ไร้ผล เจ้านายของหล่อนยังคงระมัดระวังท่าทีอย่างยิ่ง

เลขานุการร่างป้อมคิดอย่างเห็นเป็นเรื่องตลกว่าบางทีเจ้านายอาจเกรงดอกพิกุลจะร่วงหล่นจากปากของเขา เขาถึงไม่ใคร่อยากจะสนองตอบด้วยการพูดจากับสณาจิณห์สักเท่าใด น่าเห็นใจในความพยายามของอีกฝ่ายที่มีใจให้ แต่เขากลับเฉยเมยและมีท่าทางเหมือนเจ้าชายน้ำแข็งที่หล่อนเห็นจนชินตายามอยู่กับพวกผู้หญิงที่คิดจะจับเขา ยุภาอยากหาตัวช่วยและเอริคก็เป็นตัวช่วยที่หล่อนนึกภาวนาให้เขายอมร่วมมือเพราะเจ้านายของหล่อนย่อมจะรับฟังอาวันยังค่ำ

ผู้มีวัยมากกว่าเห็นสายตาวิงวอนของร่างป้อมที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาอ่านนัยบางอย่างออกและรู้ในวินาทีนั้นว่าหัวใจของ 'แม่หมอ' มอบให้หลานชายคนโตของเขา เอริคเหลือบมองโจนาธานที่ทำท่าเหมือนเป็นรูปปั้นที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก เขาลอบถอนใจ พอเบนสายตามองหญิงสาวที่ฝักใฝ่หลานชายคนโต แววตาของเจ้าหล่อนสลดลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าบ่งบอกความรู้สึกรันทดท้อที่สุดจะสะกดกลั้น ไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นอีก หล่อนเริ่มพูดน้อยลงเฉกเดียวกับโจนาธานซึ่งทำให้เขารู้สึกเวทนาหล่อนอยู่บ้าง

ชายหนุ่มลูกครึ่งวางใจให้เฉยชากับสณาจิณห์ แม้หล่อนจะอุตสาหะเพียงใด ทว่าเขาก็ควบคุมการวางตัวของตนได้ดีกว่าจนหล่อนต้องยอมยกธงขาว ความรู้สึกวูบหนึ่งยามเห็นสีหน้าที่หมองหม่นของหล่อนทำให้เขาเกิดความสงสารจับจิตใจอย่างประหลาดที่ไม่เคยก่อเกิดมาก่อนไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน เขาอยากจะสนองตอบแต่พอควร หากเกรงจะเป็นการทำลายจุดยืนของตน เขารีบสลัดความรู้สึกนี้ทิ้งในทันใด และดำรงตนเป็นเจ้าชายน้ำแข็งต่อไป

ร่างบางพยายามจนเหนื่อยและหยุดเอง ความสูญเปล่าทำให้หล่อนต้องขอพักยกชั่วคราว โจนาธานใจแข็งอย่างที่ยุภาเคยพูดไว้และเป็นการยากต่อการเจาะปราการที่เขาสร้างขึ้นเพื่อห่อหุ้มหัวใจที่อ่อนนุ่ม เขาทำเหมือนไม่สนใจไยดีตัวหล่อน ไม่อยากเสวนา ไม่อยากรับรู้ถึงการมีตัวตนของหล่อน เขามองหล่อนเหมือนเล็งแลความว่างเปล่า ดวงตาของเขานิ่งอย่างที่ทำให้ใจของหล่อนต้องเจ็บแปลบ ดีที่หล่อนมีความเข้มแข็งอยู่คู่ตัว หล่อนจึงไม่สิ้นความพยายามหรือยอมแพ้ง่ายๆ

โจนาธานทานอาหารหมดจานอย่างรวดเร็วและขอแยกตัวกลับห้องทำงานทั้งที่ยังไม่หมดเวลาพักเที่ยง เขาปล่อยให้คนอีกสามคนนั่งมองหน้ากันไปมาอย่างจนใจ

"คุณสณาจิณห์ คุณมีอะไรอยากบอกผมไหมครับ" เอริคเอ่ยทำลายความเงียบงันที่เกิดขึ้นชั่วขณะ

ความฉงนฉงายฉายชัดบนใบหน้าของหญิงสาว หล่อนปิดปากเงียบ

"คุณอยากให้ผมเดาปฏิกิริยาของหลานชายตัวเองหรือครับ ถ้าผมพูด คุณจะยิ่งกระดากนะ"

"คุณซันคะ ยุเห็นท่าทางของคุณ ยุก็พอจะทราบ ทางที่ดีคุณบอกคุณเอริคเถอะค่ะ"

สณาจิณห์จำต้องยอมเผยความรู้สึกของตนแบบอ้อมค้อมกึ่งสงวนท่าที

"เอ่อ คุณโจน่าเป็นบุคคลที่ใครๆก็ต้องรู้สึกสนใจเป็นธรรมดา เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรง สมบูรณ์แบบอย่างเจ้าชายในฝันของผู้หญิงทุกคน ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้หญิงคนไหนหรอกค่ะ"

"กระทั่งนักพยากรณ์อย่างคุณก็ไม่มีข้อยกเว้นใช่ไหมครับ" เอริคยิ้มอ่อนๆ

คนถูกถามเลือกที่จะไม่ปริปาก แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อเป็นคำตอบที่แจ่มแจ้งอยู่ในตัว

"โก้เคยบอกคุณหรือเปล่าว่าโจน่าจะแสดงท่าทีแบบไหนกับผู้หญิงที่มาชอบเขา" ผู้มีวัยมากกว่าถามอีก

"บอกค่ะ" คนตอบพยักหน้าประกอบคำพูด

"แปลว่าที่คุณเข้ามาทำงานในบริษัทก็เพราะโจน่าน่ะสิ" เขาจับทางได้

"โก้เคยพาคุณโจน่าไปหาซันที่ร้านของเพื่อน และซันก็เคยทำนายโชคชะตาให้ หลังจากที่ซันเกิดความรู้สึกดีๆกับคุณโจน่า โก้ก็เป็นคนจัดการหมดค่ะ แต่ที่ซันเสนอความช่วยเหลือก็เพราะอยากช่วยจริงๆ"

"ผมจะเชื่อคุณได้กี่มากน้อย" เขาถามขรึมๆ

"คุณเอริคไม่จำเป็นต้องเชื่อคำพูดของซัน ซันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นค่ะ" หล่อนบอกอย่างหนักแน่นและจริงจัง

"ยุเชื่อคุณซันค่ะคุณเอริค" ยุภาเข้าข้างคนเพศเดียวกัน

"หึๆ รู้สึกเลขาฯของโจน่าจะแปรพักตร์เสียแล้ว" เอริคเอ่ยราวกับปรารภ

"ก็คุณซันเป็นคนดีในสายตาของยุนี่คะ"

"อย่าเพิ่งตัดสินคนที่คุณเพิ่งรู้จักว่าเป็นคนดี ดีกว่าค่ะ" สณาจิณห์แย้งเสียงอ่อน

"เพราะบางทีซันอาจไม่ดีจริง" หล่อนพูดต่อ

"จะยังไงก็ตาม คุณสณาจิณห์ คุณควรรู้ว่าผมสอนสั่งหลานชายมาแบบไหนเขาถึงเป็นอย่างที่คุณเห็น" คนพูดเว้นจังหวะนิดหนึ่ง เขาเห็นหล่อนตั้งใจจะรับฟัง เขาก็เฉลยว่า

"ด้วยความที่เขาเป็นทายาทของพี่ชายผมและเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผมจำเป็นต้องสอนสั่งให้เขาระมัดระวังการคบหาเพศตรงข้าม เพราะพวกเธออาจต้องการทรัพย์สมบัติและอาศัยฐานะของเขาเพื่อเสริมความเด่นดังให้ตัวเธอเอง หาใช่ต้องการตัวเขาหรือรักที่ตัวเขา ผมสอนให้โจน่าปิดกั้นตัวเองจากผู้หญิงที่เข้ามาหา และเขาก็ช่างรู้วิธีปฏิบัติตน ด้วยการทำตัวเหมือนไร้หัวจิตหัวใจ คุณก็ทราบว่าเขามีน้องชาย เหตุนี้เขายิ่งจะรักษาบรรทัดฐานแห่งความคิดและยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น นอกเสียจากเขาจะพบกับรักแท้ แต่ใครคนนั้นก็ต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากมาย ทั้งยังต้องอาศัยความอดทนที่เป็นเลิศด้วย วิธีการของเขาทำให้พวกผู้หญิงที่หวังในสิ่งที่เขามี ต้องล้มเลิกความคิดมานักต่อนัก คุณสณาจิณห์ คุณจะยอมเสียเวลากับหลานชายของผมหรือ ทั้งที่คุณน่าจะใช้เวลาอันมีค่ากับชายหนุ่มอื่นเพราะหน้าตาของคุณก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ คุณคิดดีหรือยัง ตัดสินใจดีอยู่หรือ บอกตรงๆ ผมเห็นคุณเหมือนลูกเหมือนหลาน ผมถึงอยากให้คุณตรองให้ดีๆ"

"ขอบคุณคุณเอริคมากค่ะ นับแต่วันแรกที่ซันตัดสินใจ ซันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเพราะซันแน่ใจในความรู้สึกที่มีให้คุณโจน่า ถ้าไม่ใช่คุณโจน่า ซันก็ไม่ต้องการใครอื่นค่ะ" หล่อนบอกอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ

"ถ้าโจน่าปฏิเสธคุณล่ะ" เขาถามเสียงเรียบเรื่อย

"ซันก็จะครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตค่ะ"

"ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะคุณซัน" ยุภาทำตาโต

"ซันจริงจังค่ะคุณยุ"

เอริคเปิดยิ้มกว้างด้วยความพอใจกับคำตอบของหล่อน

"ผมดีใจที่มีคนรักที่ตัวของโจน่า และผมก็ขอภาวนาให้คุณสมหวัง ผมคงจะช่วยคุณได้ไม่มากเท่ากับที่คุณต้องช่วยตัวเอง"

"ว้าว! คุณเอริคยอมเปิดไฟเขียวให้คุณซันหรือคะ" หญิงสาวร่างป้อมรู้สึกยินดีกับสณาจิณห์

เอริคพยักหน้าแทนคำตอบ

"ทีนี้ก็เหลือแต่ไฟเขียวจากบุคคลสำคัญอย่างจิล คุณต้องยอมลำบากแสนสาหัสล่ะนะ" เขาเอ่ยกับหญิงสาวอีกคนโดยตรง

"ซันพร้อมที่จะลำบากค่ะ"

"ฮื่อ ผมหวังให้จิลยอมรับคุณเหมือนที่ผมยอมรับ"

สณาจิณห์ยิ้มในสีหน้าอย่างหมายมาด เอริคยอมเป็นพวกหล่อน ต่อให้หนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคแค่ไหน แม้ต้องพบเจอกับสิ่งใด หล่อนก็จะสู้ไม่ถอยเพื่อให้ความปรารถนาเป็นจริงสมใจ

คนทั้งสามที่สนทนากันไม่รู้ตัวว่าตลอดเวลาพวกตนตกเป็นเป้าสายตาของคนอีกกลุ่ม ลอเรนซ์และวิลเลี่ยมส์ กับคนของเขา

"ท่าทางเหมือนกำลังคุยเรื่องสำคัญ" วิลเลี่ยมส์บอกอย่างคาดเดา

"ลองทายสิว่าเรื่องอะไร" ลอเรนซ์ถามคนทั้งกลุ่ม

ลูกน้องพากันส่ายหน้า วิลเลี่ยมส์ครุ่นคิดอย่างหนักก่อนบอกง่ายๆว่า

"ผมไม่รู้"

"โจน่าลุกเป็นคนแรก ปรกติเขาควรจะมีมารยาทกับเอริค แต่เขาก็ปล่อยให้อาของตัวอยู่กับเลขาฯและนังเด็กหมอดู วิลล์ นายไม่รู้จริงๆเหรอ ท่าทีหลีกหนีใครหรืออะไรของโจน่า นายน่าจะเดาออก" ญาติผู้พี่บอกใบ้

"เรื่องผู้หญิง" ญาติผู้น้องเอ่ยเป็นเชิงถาม

"ถูกต้อง"

"ผู้หญิงที่ไหนครับคุณลอเรนซ์" ลูกน้องคนหนึ่งถามอย่างใคร่รู้ อีกสองคนถามไถ่กันอย่างปรึกษา

"เลขาฯของโจน่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตน เหลือก็แต่หมอดูประจำบริษัท หรือที่ผมแซวพวกเขาสนุกๆ…" วิลเลี่ยมส์พูดค้างคา เขารู้สึกไม่ชอบใจกับข้อสันนิษฐานที่รู้อยู่เต็มอกแม้แต่น้อย

"วิลล์ ฉันเคยเตือนนายว่าไงเรื่องนังเด็กนั่น" ลอเรนซ์ย้ำเตือนความทรงจำให้อีกฝ่าย

"ผมรู้" ญาติผู้น้องแสร้งหัวเราะในคำอย่างต้องการกลบเกลื่อนอาการของตน

"งั้นก็ช่วยจำให้ขึ้นใจหน่อย"

คนฟังยิ้มเจื่อน

ในความรู้สึกของสณาจิณห์ หล่อนรู้สึกเหมือนเวลาช่างหมุนผ่านอย่างเชื่องช้าตรงข้ามกับความกระตือรือร้นในการสำรวจตามชั้นต่างๆของตึกใหญ่ที่หมดไปอย่างมากในช่วงเวลาแต่ละนาที ความเฉื่อยชาและเหนื่อยอ่อนถาโถมเข้าสู่ตัวของหล่อนเพราะจิตใจที่สลดหดหู่จากท่าทีของโจนาธานที่แสดงออกซึ่งติดตาติดใจก็พลอยฉุดดึงกำลังกายให้ถดถอย พอหล่อนไปเกินครึ่งทางก็พบกับวิลเลี่ยมส์ เขาดักรออยู่หน้าลิฟต์ มือข้างหนึ่งของเขาถือขวดน้ำ อีกข้างถือกล่องกระดาษ

"สวัสดีครับคุณสณาจิณห์" เขายิ้มเก๋ให้หล่อน

หญิงสาวยิ้มเนือยๆอย่างนึกเบื่อหน้าฝ่ายตรงข้าม

"สวัสดีค่ะ" หล่อนทักทายเสียงเนิบๆ

"เหนื่อยไหมครับ ผมมีน้ำกับขนมให้คุณ" เขาบอกอย่างเอาใจด้วยดวงตาเป็นประกายพราว

"ขอบคุณค่ะ ซันยังไหว" หล่อนบอกเป็นเชิงปฏิเสธ

"จะฝืนทำไมครับ ผมว่าคุณต้องการพักเพราะแว่วว่าคุณเดินเที่ยวตั้งแต่เช้า แถมโจน่าก็ไม่ห่วงพนักงานใหม่เท่าที่ควร" ประโยคท้ายๆเขาจงใจพูดจี้ตรงจุด

คนฟังสำเหนียกใจความก็ทราบเจตนาของคนพูด

"ซันเป็นพนักงานที่รับบทหนักด้านการให้คำปรึกษากับพนักงานคนอื่นๆ ซันก็ต้องทำความรู้จักและทราบข้อมูลบางอย่างเพื่อใช้ประโยชน์บ้าง มันเป็นสิ่งที่ซันเต็มใจทำ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ส่วนคุณโจน่า…คุณวิลเลี่ยมส์ก็น่าจะทราบว่าหลานชายของคุณงานยุ่งตลอด จะให้เขามีเวลาห่วงใครล่ะคะ เอ ซันว่า คนที่ว่างงานจัดจนมีเวลายุ่งกับคนอื่นก็คงมี หรือคุณวิลเลี่ยมส์ว่าไงคะ" หล่อนโต้ตอบอย่างนุ่มนวล ดวงตาจับจ้องผู้มากวัย ริมฝีปากเปิดรอยยิ้มกึ่งหยามเหยียดกึ่งขบขัน

"ผมคิดเหมือนคุณครับ" วิลเลี่ยมส์หัวเราะเบาๆอย่างฝืนๆทั้งที่รู้ว่าหญิงสาวจงใจพูดจากระทบกระเทียบเขา

"ถ้าคุณวิลเลี่ยมส์ไม่มีธุระ ซันก็ขอตัวค่ะ" หล่อนไม่รอฟังคำตอบ แต่กลับหมุนตัวและเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง

"จะรอดพ้นจากเงื้อมมือผมทุกครั้งหรือคุณสณาจิณห์" คนที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่ลำพังตั้งคำถาม

ไกลห่างรัศมีของชายเจ้าชู้อย่างวิลเลี่ยมส์ 'แม่หมอ' ก็เม้มปากอย่างขัดใจ หล่อนอยากโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามให้เผ็ดร้อน หากก็เกรงเรื่องจะรู้ถึงหูของชายหนุ่มลูกครึ่ง และคะแนนนิยมของหล่อนก็จะพลอยตก การที่ต้องสงวนถ้อยคำด่าทอไว้ในใจทำให้หล่อนนึกอยากกู่ก้องร้องตะโกนดังๆเป็นการระบายอารมณ์ออกบ้าง มิฉะนั้นโรคประสาทอาจถามหา เท่าที่คิดคือหาทางปลดปล่อยอารมณ์ ที่เก็บกลั้นด้วยการกลับเข้าห้องทำงานที่อุดอู้และอบอ้าวด้วยความร้อนเพื่อวาดรูปของคนที่ก่อกวนต่อมโทสะของหล่อนและทำพิธีสาปแช่งให้หนำใจ หลังจากอารมณ์ของหล่อนสงบ หล่อนก็พึ่งพาความเย็นฉ่ำอยู่กับยุภาตลอดช่วงเวลางานที่เหลือ

ช่วงก่อนเลิกงานธัชรัตน์พงศ์โทรศัพท์ติดต่อโจนาธาน เจตนาก็เพื่อช่วยเพื่อนสาวของคนรัก ทว่าเพื่อนสนิทของเขาไม่เล่นด้วย

"โจน่า นายช่างใจร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กๆลงคอ ทำงี้ได้ไง ใจคอจะปล่อยให้ซันนั่งรถเมล์กลับจริงอะ โห กว่าซันจะกลับถึงที่พักก็มืดค่ำ อันตรายสำหรับผู้หญิงนะโจน่า เกิดซันเป็นอะไรใครจะรับผิดชอบ" ปลายสายร่ายยาวโดยหารู้ไม่ว่าคนฟังยกหูฟังออกห่างจากหูของตนเป็นที่เรียบร้อย

"โจน่า นายฟังอยู่หรือเปล่า" ธัชรัตน์พงศ์รู้สึกเอะใจที่เพื่อนสนิทเงียบเสียง

"ฟังอยู่" น้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญใจ

"เออ ฟังอยู่ก็ดี ช่วยไปส่งซันที่เดิมที ถ้าบริษัทของฉันอยู่ใกล้ๆกับบริษัทของนาย ฉันจะไม่รบกวนนายเลย"

โจนาธานส่ายหน้าน้อยๆอย่างรู้เท่าทันเพทุบายของปลายสาย เขาพูดปดว่า

"ฉันสัญญากับจิลว่าจะรีบกลับไปดูรายการโปรดด้วย รายการออกอากาศห้าโมงสี่สิบ หวังว่านายคงเข้าใจ อ้อ เผอิญมีสายเรียกซ้อน ขอโทษทีเพื่อน" พูดจบเขาก็วางสายก่อนจะยกหูโทรศัพท์ออกจากแป้นด้วยเกรงธัชรัตน์พงศ์จะติดต่อมาอีก

เขาคาดการณ์ถูกต้องเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทนโทรศัพท์พื้นฐานและเลขหมายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเป็นของเพื่อนสนิท โจนาธานก็ทอดถอนใจด้วยความอิดหนาระอาใจ เขากรอกเสียงห้วนไปตามสัญญาณ

"ว่าไงโก้"

"ตกลงนายจะไม่ให้ซันกลับกับนายว่างั้น" ธัชรัตน์พงศ์เอ่ยอย่างสรุป

"ฉันให้สัญญากับจิลไว้ นายจะให้ฉันผิดสัญญาเหรอ"

"รบกวนเพื่อนช่วยบอกซันว่าให้ขึ้นรถกลับเองเพราะนายโก้คนนี้ก็ไม่สามารถไปรับได้เหมือนกัน อาจจะลำบาก แต่ไหนๆขามาก็นั่งรถมา ขากลับก็น่าจะนั่งรถกลับ นานๆเข้าก็ชินเอง พึ่งพาคนใจดำไม่ได้แน่ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน แค่นี้แหละ" ปลายสายเป็นฝ่ายตัดสัญญาณอย่างมีอารมณ์บ้าง

โจนาธานย่นหน้าผากน้อยๆ ต่อให้เขาใจแข็งอย่างไร เขาก็ยังมีจิตสำนึก ดวงตาของคนร่างสูงฉายแววครุ่นคิด เห็นทีเขาคงต้องยอมไปส่งหล่อนอีกสักครั้ง เขาปิดแฟ้มงานอย่างเบามือและลุกเดินออกจากห้อง

ประตูห้องทำงานของชายหนุ่มลูกครึ่งเปิดออก หญิงสาวร่างบางก็นึกคิดอย่างมีความหวัง และหล่อนก็ไม่ผิดหวังที่เขาออกปากจะส่งหล่อนไปหาเพื่อนเหมือนเช่นเคย

คนร่างสูงรักษามาดขรึมอย่างดียิ่ง กระนั้นก็ไม่ถึงกับเงียบเฉยเสียทีเดียว เขาพูดบ้างเป็นบางครั้งและแทบนับคำได้ทำให้คนชวนคุยเหนื่อยจนเกือบถอดใจ แต่ลูกฮึดของหล่อนยังมีและไม่ละความพยายาม ท้ายที่สุดก็สวมบทบาทดีเจรายการวิทยุที่พร่ำพูดเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว บางทีพูดเองเออเอง หากคนฟังก็ลอบยิ้มอย่างขบขันโดยที่หล่อนไม่รู้ตัว

ภวาวดีที่อาบน้ำต่อจากคนเป็นเพื่อนก็ออกจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีหวาน หล่อนมองเห็นอีกฝ่ายนั่งทอดสายตาติดจะเหม่อลอยอย่างคนทอดอาลัย โทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งโดยไร้คนเหลียวแล

"ซัน" หล่อนเรียกขานเพื่อนสนิท

"ฮือ" คนถูกเรียกเริ่มคืนสติอย่างช้าๆ

"คุณโจน่าใช่หรือเปล่า" คนพูดเอ่ยอย่างคาดเดา

'แม่หมอ' พยักหน้าแทนคำตอบ

"ยังไหวอยู่ไหม" ภวาวดีถามด้วยความห่วงใย

"ไหว โธ่ วดีเห็นฉันเป็นคนอ่อนแอเหรอ ก็ไหนเธอบอกว่าฉันเข้มแข็งไง"

"คนนี่ ไม่ใช่ก้อนหินที่ไม่มีความรู้สึก และเธอเป็นฝ่ายวิ่งตามคุณโจน่า…ก็ต้องมีอาการท้อบ้าง"

รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏบนใบหน้าของคนฟัง

"ฉันมั่นใจกับรักแท้ ถึงเป็นฝ่ายวิ่งตามก็จะต้องสมหวังในสักวัน"

"ฉันเอาใจช่วยซันเสมอ ถ้ามีอะไรอยากบอกอยากระบายก็ปล่อยมันออกมา อย่าเก็บกดนัก เดี๋ยวจะบ้า"

"จ้า"

"นอนเถอะซัน ฉันว่าเธอคงเหนื่อยมาทั้งวันละ…กับการไล่ตามหัวใจของคุณโจน่า" คนรักของธัชรัตน์พงศ์กดรีโมทปิดโทรทัศน์

"ขอสวดมนต์ไหว้พระก่อน"

"ตามสบาย ฉันง่วงเต็มที" คนพูดเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นล้มตัวลงนอน

"วดี พรุ่งนี้อย่าลืมให้คนส่งรูปภาพกับกระถางต้นไม้ที่ฉันบอกให้ซื้อ ไปที่บริษัทของคุณโจน่าล่ะ"

"รู้น่า" ภวาวดีบอกทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท

หล่อนปล่อยให้คนเป็นเพื่อนนอนหลับ ตัวเองก็กระทำการสวดมนต์อันเป็นกิจวัตร

สณาจิณห์รับคำสั่งงานอย่างเป็นทางการจากชายหนุ่มลูกครึ่งและเริ่มปฏิบัติงานในหน้าที่ ตารางงานของพนักงานฝ่ายต่างๆระบุชัดถึงช่วงเวลาและวันหนึ่งในสัปดาห์ที่ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้าพบ 'แม่หมอ' แต่ละวันนักพยากรณ์สาวต้องทำการพยากรณ์ให้แก่พนักงานจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบคน เป็นงานที่แสนสบายในความคิดของคนอื่น แต่หนักสำหรับหญิงสาวเพราะหล่อนต้องใช้สมาธิจิตอย่างมาก

อุปกรณ์คลายความร้อนสองเครื่องซึ่งมากกว่าจำนวนที่หล่อนร้องขอ เครื่องหนึ่งจัดตั้งหันไปทางเจ้าของห้องตรงๆ อีกเครื่องสำหรับผู้รับคำทำนาย หล่อนติดรูปภาพสามภาพกับผนังห้องอันเป็นด้านที่ผู้มาเยือนจะเป็นฝ่ายมองเห็น กระถางต้นไม้ตั้งอยู่คนละจุด จุดแรกมุมห้องด้านหลังทางขวามือของหล่อน จุดที่สองมุมห้องด้านซ้ายมือห่างจากประตูทางเข้า ทุกอย่างเกือบลงตัวและหล่อนก็รู้สึกพึงพอใจ

โจนาธานแวะไปหาหล่อนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย เขาพูดคุยกับหล่อนสองสามประโยคก็ขอตัว พอกลับเข้าห้องทำงานก็พบกับลินลดาที่นั่งรออยู่

"คุณยุภาปล่อยให้คุณเข้ามาหรือครับ" เจ้าของห้องถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ

"เลขาฯของคุณทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ลินก็ยังเข้ามาจนได้" หล่อนยิ้มใส่ตาเขา

"ข่าวว่าบริษัทของคุณมีหมอดูมาประจำ" หล่อนพูดต่อ

"ครับ มี"

"แม่นไหมคะ"

"คุณลินอยากรู้ก็ต้องพิสูจน์ครับ"

"ลินจะถือคำพูดของคุณเป็นการอนุญาตให้ลินใช้บริการแม่หมอ"

ยุภาที่ควรนั่งประจำโต๊ะกลับคาบข่าวไปบอกสณาจิณห์ที่ห้องทำงานของฝ่ายหลัง ร่างบางก็ให้ร้อนใจ หล่อนคิดหาข้ออ้างเพื่อเข้าพบชายหนุ่มลูกครึ่ง

"อุปกรณ์สำนักงานสักอย่างกับโทรศัพท์สายในที่ควรติดตั้งในห้อง" เจ้าของห้องเกิดความคิดอย่างฉับไว

"ยุว่าคุณซันควรรีบไปหาคุณโจน่า" หญิงสาวร่างป้อมเร่งเร้า

สองสาวยืนอยู่หน้าห้องทำงานของโจนาธาน สณาจิณห์สูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความกล้าโดยมีกองเชียร์อย่างยุภาอยู่ข้างๆ

"คุณซันสู้เขาค่ะ ยุเอาใจช่วยเต็มที่" คนพูดจับลุกบิดประตูและเปิดทางให้ 'แม่หมอ'

คนที่อยู่ในห้องหันขวับมองผู้มาเยือนพร้อมกัน พอประตูปิดตามหลัง หญิงสาวก็เดินอย่างมาดมั่นไปหาเจ้าของห้อง

"ใครคะคุณโจน่า" ลินลดาปรายตามองหญิงสาวอีกคนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

เป้าสายตารู้สึกตัวชาวาบก่อนความโกรธจะพุ่งขึ้น

"สณาจิณห์ค่ะ พนักงานคนใหม่ในฝ่ายงานใหม่ของบริษัท" หล่อนแนะนำตัว

"หรือคุณจะเป็นแม่หมอ" ลินลดาถามอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองเพราะฝ่ายตรงข้ามอายุยังน้อย ดูอ่อนวัยกว่าหล่อนด้วยซ้ำ

"ใช่ค่ะ"

"น่าทึ่งค่ะ แต่ลินก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณ"

"ซันจะเป็นที่รู้จักของคนที่อยากรู้จักน่ะค่ะคุณลินลดา" สณาจิณห์เล่นลิ้น

คนฟังรู้สึกถึงความเป็นอริเพราะถ้อยความของคนพูดฟังขัดหูชอบกล อาจเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันจึงอ่านท่าทีของกันออก

"ลินอยากใช้บริการของคุณ"

"ยินดีค่ะ"

ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่กลางสมรภูมิรบของลูกผู้หญิงกลับนั่งด้วยท่วงท่าสบายๆ ใบหน้าคมเข้มเท่านั้นที่เรียบเฉยติดจะเย็นชา ครั้นนึกอะไรขึ้นได้เขาก็เอ่ยปากถามสณาจิณห์

"คุณมีธุระกับผมหรือครับ"

"ซันอยากจะขออุปกรณ์สำนักงานจำพวกที่เย็บกระดาษ อย่างอื่นยังไม่จำเป็น และซันอยากขอความกรุณาคุณช่วยติดตั้งโทรศัพท์ในห้องค่ะ"

"ผมจะจัดการตามคำขอของคุณ" เขารับปาก

"ขอบคุณค่ะ" หล่อนยิ้มเยื้อนให้คนร่างสูง

ลินลดาไม่ใคร่จะพอใจ 'แม่หมอ' นัก หล่อนเห็นฝ่ายตรงข้ามขวางหูขวางตาเหลือเกิน

'ถ้าคิดจะสู้กับฉันล่ะก็ ฝันไปเถอะนังหมอดูอ่อนหัด'

"ซันไม่รบกวนเวลางานของคุณละค่ะ" คนพูดหมุนตัว

"คุณลินคะ คุณอยากใช้บริการของซันก็เชิญตามมาค่ะ" หล่อนเอ่ยอย่างต้องการจะนำตัวหญิงสาวอีกคนออกไปจากห้องทำงานของโจนาธาน

"ช่วงนี้คุณซันกำลังว่าง ถ้าคุณปล่อยโอกาสดีๆให้หลุดลอยก็ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสให้คุณซันทำนาย" โจนาธานขับไล่ทางอ้อม

"แหม ลินไม่พลาดหรอกค่ะ ลินอยากพิสูจน์ 'ฝีมือ' ของแม่หมอจะตาย" ลินลดาเน้นหนักคำบางคำอย่างแฝงนัย

"ขอบอกอีกครั้งว่ายินดีจริงๆค่ะ" สณาจิณห์รับคำท้าด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น


Create Date : 21 มิถุนายน 2550
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 13:10:34 น. 0 comments
Counter : 319 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.