การวิจัยแบบทดลอง และ การวิจัยแบบไม่ทดลอง
การวิจัยแบบทดลอง
1. การวิจัยแบบทดลอง (experimental research design) เป็นกระบวนการศึกษาที่ผู้วิจัยจัดกระทำ / ให้สิ่งทดลองกับตัวแปรอิสระแล้วดูผลที่เกิดขึ้นกับตัวแปรตาม โดยเปรียบเทียบกับกลุ่าที่ไม่ได้จัดกระทำมีการควบคุมตัวแปรภายนอกให้ผลที่ได้จากการทดลองเป็นผลมาจากตัวแปรอิสระที่ได้จากการจัดกระทำอย่างแท้จริง จุดมุ่งหมายของการวิจัยแบบทดลอง เพื่อหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลของตัวแปร 2 ตัวที่สนใจ และเพื่อพิสูจน์ทฤษฎี ลักษณะสำคัญของการวิจัยแบบทดลองคือ มีการจัดกระทำ (manipulate) มีการควบคุม (Control) และมีการสุ่ม (randomization)
การวิจัยแบบทดลองมี หลายรูปแบบ เช่น
แบบที่ 1 (Pretest - Posttest control group design) มีรูปแบบสังเขป ดังนี้
วิธีการ 1. สุ่มกลุ่มตัวอย่างจากประชากรตามจำนวนที่ต้องการ 2. สุ่มกลุ่มตัวอย่างเข้าเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง 3. ทดสอบก่อนการทดลอง (Pretest) กับทั้ง 2 กลุ่ม 4. จัดกระทำกับกลุ่มตัวอย่าง (ให้ Treatment) 5. ทดสอบหลังการทดลอง (Post-test) ทั้งกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง 6. เปรียบเทียบ Pre-test และ Post-test ของทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 7. เปรียบเทียบค่าที่วัดได้จากทั้ง 2 กลุ่ม
สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบ Independent - T - test dependent t-test หรือ ANCOVA
แบบที่ 2 Post - test only control group design เป็นแบบวิจัยที่มีการสุ่มกลุ่มควบคุมและกลุ่ม ทดลอง แต่ทดสอบหลังการทดลองอย่างเดียว
วิธีการ 1. สุ่มตัวอย่างจากประชากรตามจำนวนต้องการ 2. สุ่มกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มทดลอง 1 กลุ่ม กลุ่มควบคุม 1 กลุ่ม 3. ให้การจัดกระทำ / ให้ Treatment แก่กลุ่มทดลอง 4. วัดค่าตัวแปรตามและเปรียบเทียบค่าที่วัดได้ทั้งสองกลุ่ม
สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบ Independent t- test
แบบที่ 3 Solomon four group design เป็นแบบวิจัยที่มีการสุ่มกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง อย่างละ 2 กลุ่ม และให้ได้รับการทดลอง 2 กลุ่ม ทั้งนี้เพื่อการควบคุม แหล่งที่ทำให้ ขาดความตรงภายใจ และอิทธิพลปฏิกิริยาร่วมระหว่าง Pre-test และ post - test เพื่อ ผลการทดลองที่ได้เป็นผลจากการที่ผู้วิจัยจัดกระทำจริง ๆ
วิธีการ 1. สุ่มตัวอย่างจากประชากรเท่าที่ต้องการ 2. สุ่มกลุ่มตัวอย่างจาก 1 เข้ากลุ่มโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม 3. สุ่มกลุ่มรับการทดลอง 2 กลุ่ม จัดให้เป็นกลุ่ม 1 และ 3 4. สุ่มกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม จากกลุ่มทดลอง 1 กลุ่ม และกลุ่มควบคุม 1 กลุ่ม 5. ทำการทดสอบก่อนทดลองในกลุ่ม 1 และ 2 6. จัดกระทำ / ให้ Treatment กับกลุ่ม 1 และ 3 7. ทำการทดสอบหลักการทดลองทั้ง 4 กลุ่ม 8. ทดสอบผลการจัดกระทำ โดยหาความแตกต่างระหว่าง Pretest - Posttest
สถิติที่ใช้ทดสอบ Inelysendist t-test , dependivt t- test , ANOVA , ANCOVA
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi - experimental research design) มีแบบแผนคล้ายการวิจัยแบบทดลอง คือมีการจัดกระทำแต่ควบคุมได้ไม่เต็มที่เพราะไม่ต้องมีการควบคุมหรือการสุ่ม อาจไม่ต้องมีกลุ่มเปรียบเทียบ หรือการสุ่มไม่ต้องครบทุกขั้นตอน เป็นการวิจัยที่กระทำกับคน และทำให้สภาพแวดล้อมจริงตามธรรมชาติ ทำให้มีข้อจำกัดบางครั้ง ไม่สามารถสุ่มกลุ่มตัวอย่างได้ หรือไม่ได้จัดกลุ่มควบคุม แต่อย่างไรก็ดีต้องมีการจัดกระทำ และติดตามศึกษาผลจากการจัดกระทำนั้น ๆ ในที่นี้จะนำเสนอแบบการวิจัยแบบกึ่งทดลองที่มีนักวิจัยนิยมใช้เพียง 3 แบบ ได้แก่
แบบที่ 1 non - randomized control group pretest - posttest design เป็นการวิจัยแบบกลุ่มควบ คุมไม่ได้สุ่ม แต่มีการทดสอบก่อนหลังการทดลอง แต่ไม่สามารถควบคุมปฏิกิริยา ร่วมระหว่างการทดสอบก่อนทดสอบ กับการจัดกระทำที่ให้ในกลุ่มควบคุมได้ วิธีการ 1. เลือกกลุ่มตัวอย่าง 2กลุ่ม จัดให้เป็นกลุ่มทดลอง 1 กลุ่ม กลุ่มควบคุม 1 กลุ่ม 2. ทดสอบก่อนทดลอง (Pretest) แก่ทั้ง 2 กลุ่ม 3. ให้ Treatment / จัดกระทำกับกลุ่มทดลอง 4. ทดสอบหลังการทดลอง (Posttest) กับกลุ่มทดลองและทดสอบ Posttest กับกลุ่ม ควบคุม 5. เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Posttest - Pretest ของทั้ง 2 กลุ่ม
สถิติที่ใช้เปรียบเทียบ Independent t-test , dependent t-test , ANCOVA
แบบที่ 2 Time series design การวิจัยแบบอนุกรมเวลา ใช้สำหรับการศึกษาระยะยาวทำให้ เห็นลำดับขั้นตอนการพัฒนาของตัวแปร ต้องใช้เวลาในการติดตามนานไม่ต้องมีกลุ่ม เปรียบเทียบ ไม่มีการควบคุม
วิธีการ 1. เลือกกลุ่มตัวอย่าง 1 กลุ่ม 2. ทดสอบติดต่อกันหลายครั้งก่อนให้ Treatment (การจัดกระทำ) เว้นระยะเวลาในการทดสอบพอสมควร 3. จัดกระทำ 4. ทดสอบหลังการจัดกระทำหลายครั้งให้แต่ละครั้งห่างกันพอสมควร 5. สังเกตผลการเปลี่ยนแปลงของการทดสอบ ก่อนการจัดกระทำครั้งสุดท้ายหลังการ จัดกระทำครั้งแรก ว่าแตกต่างจากครั้งที่ 1 ไปครั้งที่ 5 มากน้อยเพียงใด 6. พิจารณาค่าความแตกต่างของการทดสอบก่อนการจัดกระทำ ครั้งที่ 1 - 2 - 3 กับ การทดสอบหลังกระทำครั้งที่ 2 - 3 - 4 ถ้าเกิดความต่างกันมากกว่าปกติน่าจะเป็น ผลจากการจัดกระทำ
สถิติที่ใช้ ANOVA แบบวัดซ้ำ
แบบที่ 3 Control group time series design ใช้กรณีติดตามกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลานานตามธรรมชาติ อาจได้ลำดับขั้นตอนของการ พัฒนาการเปลี่ยนแปลงหรือแนวโน้มได้ชัดเจน แต่จะเสียเวลานานและไม่สามารถ ควบคุมปฏิกิริยาร่วมระหว่างการเลือกกับการจัดกระทำและการทดสอบก่อนการ ทดลองกับการจัดกระทำได้
วิธีการ 1. เลือกกลุ่มตัวอย่างจากประชากรให้เป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 2. ทดสอบก่อนการจัดกระทำทั้งสองกลุ่ม ติดต่อกันหลายครั้งโดยการทดสอบแต่ละครั้งเว้นระยะห่างกันพอสมควร 3. จัดกระทำกับกลุ่มทดลอง ส่วนกลุ่มควบคุม จัดสภาพทุกอย่างให้เหมือนกลุ่มทดลอง 4. ทดสอบหลังการจัดกระทำ ให้แต่ครั้งต่างกันพอสมควร 5. สังเกตการเปลี่ยนแปลงจาก Posttest ครั้งที่ 1 กับ Pretest ครั้งที่ 4 ทั้งสองกลุ่ม
สถิติที่ใช้ t-test
การวิจัยแบบไม่ทดลอง
การวิจัยแบบไม่ทดลอง (non - experimental research design) หมายถึงการแสวงหาคำตอบของปัญหาการวิจัยโดยอาศัยการเก็บข้อมูลจากสิ่งที่เป็นอยู่ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติผู้วิจัยไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือสร้างขึ้นใหม่ เพื่อทราบลักษณะคุณสมบัติของประชากรหรือเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มประชากรหรือเพื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรที่สนใจของเหตุการณืทีเกิดขึ้นในปัจจุบัน อดีต หรืออนาคต ทั้งนี้ผู้วิจัยไม่ได้จัดกระทำใด ๆ กับกลุ่มตัวอย่าง รูปแบบการวิจัยขอนำเสนอในที่นี้ 3 แบบ คือ
3.1 การวิจัยแบบสำรวจ (Server design) เป็นวิธีการศึกษาข้อเท็จจริงจากตัวอย่าง เช่นการรวบรวมสถานการณ์หรือลักษณะของประชากรจากกลุ่มตัวอย่างฉนั้นวิธีการกำหนดขอบเขตประชากรและวิธีการเลือกตัวอย่างให้เป็นตัวแทนของประชากรจึงมีความสำคัญสำหรับการวิจัยแบบสำรวนี้ การวิจัยทำได้แต่ง่าย ๆ ไม่ซ้ำซ้อนจนถึงซ้ำซ้อน วัตถุประสงค์การวิจัยแบบสำรวจเพื่อบรรยาย, อธิบาย, ทำนาย เรื่องราวต่าง ๆ ทีเกิดขึ้น การเก็บรวบรวมข้อมูล ได้จากแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต แบบสำรวจแบบตรวจสอบรายการ การวิจัยแบบนี้มีข้อดี คือ ทำได้ในปัญหาการวิจัยหลายลักษณะ เก็บข้อมูลได้จำนวนมาก แต่ข้อมูลจะผิวเผิน และสิ้นเปลืองงบประมาณ
3.2 การวิจัยแบบย้อนรอย Ex - post facto design เป็นการศึกษาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับของตัวแปร อย่างน้อย 2 ตัว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผลการวิจัยจะบอกได้ว่าตัวแปรสัมพันธ์กันอย่างไร มากน้อยเพียงใดและมีทิศทางทางบวกหรือทางลบ ทำวิจัยได้กว้างขวางโดยศึกษาจากกลุ่มเดียวกันหรือหลายกลุ่มเปรียบเทียบ การเก็บรวบรวมทำได้ไม่จำกัดขึ้นกับความสนใจตัวแปรนั้น ๆ โดยมากใช้กับวิธีที่เป็นวิจัยแบบทดลองไม่ได้แต่คำตอบของวิธีนี้ ตัวแปรไม่สามารถอธิบายความเป็นเหตุเป็นผลได้ เนื่องจากไม่ได้มีการจัดกระทำกับตัวแปรอิสระ ไม่มีการสุ่ม 3.3 การศึกษาเฉพาะกรณี (Case study design) เป็นวิธีการวิจัยที่มีการศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้ง เป็นรายบุคคล รายกลุ่มบุคคล เพื่อวิเคราะห์เหตุของปัญหาที่มีความสำคัญ น่าสนใจ พร้อมการหาวิธีแก้ปัญหานั้น ๆ โดยมีการนำทฤษฎี และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการวิเคราะห์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล มีการรวบรวมข้อมูลที่เป็นระบบระเบียบ และสิ่งสำคัญต่อการค้นพบข้อค้นพบแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ที่มา //www.bcnr.ac.th/e_le/f_res/les9.htm
Create Date : 16 พฤษภาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 13:28:54 น. |
Counter : 43868 Pageviews. |
|
|
|
ตอนนี้มีข่าวทุนเรียนฟรีที่อังกฤษ 1ปี จำนวน 12ทุน มาให้ติดตามกันได้ในบลอกนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ