|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
กู้เงินด่วนอย่างไรไม่ให้ตกหลุมพราง
กู้เงินด่วนอย่างไรไม่ให้ตกหลุมพราง
......ดอกเบี้ย 0% นาน 15 เดือน .......กู้วันนี้แถมกระเป๋าเดินทางมูลค่า 3 พันบาทฟรี .....ชำระหนี้ตรง 3 เดือน ฟรี 1 เดือน ....อนุมัติเงินด่วนภายใน 30 นาที .....กู้ 1 แสน ชำระคืน 95,000 บาท ....
สารพัดสารพันสิ่งล่อใจที่พร้อมจะดึงให้คุณก้าวลงไปตก "หลุมพราง" ของหนี้ที่ยุคสมัยนี้การสร้างหนี้เกิดขึ้นโดยง่ายดายอย่างน่าอัศจรรย์ โลกยิ่งแคบลง การเป็นหนี้ยิ่งทำได้ไวขึ้น ไวจนบางครั้งคุณเองก็ลืมดูเงื่อนไขอย่างละเอียดถี่ถ้วน มารู้ตัวอีกทีก็สายเสียแล้ว หลายครั้งหลายคราที่เงินด่วนแทนที่จะเนรมิตอำนาจซื้อให้คุณได้ทำตามความฝันหรือปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งที่แบกมานาน กลับกลายเป็นว่ายิ่งสร้างภาระให้คุณแบกอย่างแสนสาหัสยิ่งกว่าเดิม ถ้าไม่อยากติดกับดักของหนี้ที่เกิดจากการกู้เงินด่วน ก่อนตกลงปลงใจเป็นลูกหนี้เงินกู้ส่วนบุคคล ควรจะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ไว้ก่อน
เปรียบเทียบรายละเอียดของผู้ให้กู้ค่ายต่างๆ.... เป็นเรื่องพื้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เงินอยู่แล้วว่า อันดับแรกคุณต้องเปรียบเทียบรายละเอียดของสถาบันการเงินรายต่างๆ ที่ให้บริการสินเชื่อบุคคล เพราะแต่ละแห่งย่อมมีโปรโมชั่น และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สถาบันการเงินส่วนใหญ่อาจจะกำหนดเงื่อนไขว่าผู้กู้ต้องมีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท ถ้าคุณเงินเดือนยังไม่ถึงเกณฑ์ ก็อาจต้องมองหาสถาบันการเงินรายอื่นที่ตั้งเกณฑ์ไว้ต่ำกว่า เช่น กรณีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และบริษัท บัตรกรุงไทย อาจจะกำหนดรายได้ขั้นต่ำไว้ที่เดือนละ 1 หมื่นบาท ขณะที่ซิตี้ แบงก์ อาจจะตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 15,000 บาท แต่คุณมีรายได้ไม่ถึง ก็อาจต้องหันไปพิจารณาแคปิตอล โอเค ซึ่งกำหนดขั้นต่ำไว้ที่เดือนละ 4,000 บาทเท่านั้น ระยะเวลา-วงเงินให้กู้....... เป็นเงื่อนไขที่ต้องไม่ลืมพิจารณาเช่นกัน สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาเงินกู้อยู่ที่ 1-5 ปี เป็นหน้าที่ของคุณแล้วว่าจะเลือกระยะเงินกู้กี่ปีดี คุณเท่านั้นที่จะรู้กำลังการผ่อนชำระของตัวเองว่าควรจะอยู่ในระดับไหน
ถ้ามีภาระต้องใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนมาก ก็ควรเลือกผ่อนชำระให้นานเข้าไว้ วงเงินผ่อนจะได้น้อยและไม่เป็นภาระจนเกินไป แต่ถ้ามีกำลังผ่อนได้เยอะก็ควรจะเลือกระยะเวลาผ่อนให้สั้นเข้าไว้ เพราะแบงก์ชาร์จดอกเบี้ยในแต่ละเดือนไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเลือกผ่อนชำระหลายปีคุณก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยแบงก์มากเท่านั้น
ส่วนวงเงินให้กู้จะประมาณ 4-5 เท่าของเงินเดือน ถ้าคุณอยากได้มากกว่านั้น ก็อาจต้องเลือกสถาบันการเงินที่ให้วงเงินสูง 6-7 เท่า เช่น เพอร์ซัลนัลโลนของซิตี้ แบงก์ หรือ สินเชื่อเคทีซี แคช ของบริษัท บัตรกรุงไทย
ดอกเบี้ย..... ดูเหมือนว่าดอกเบี้ยจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดสำหรับการกู้เงิน ไม่ว่าจะกู้มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม ดอกเบี้ยเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง แม้สินเชื่อบุคคลจะมีระยะกู้สั้นๆ แค่ 1-5 ปี
คุณอาจรู้สึกว่าไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ในระยะนานเหมือนกู้ซื้อบ้าน แต่ใช่ว่าจะปล่อยเลยตามเลย และสิ่งที่ต้อง "ระวัง" และ "รอบคอบ" ให้มากที่สุดก็เรื่องดอกเบี้ยนี่แหละ
อย่างที่เคยเกริ่นไว้ว่าสถาบันการเงินมักโฆษณาและป่าวประกาศเฉพาะอัตราดอกเบี้ยถูกแสนถูกในระยะโปรโมชั่น แต่อัตราที่ชาร์จหลังพ้นระยะโปรโมชั่นไปแล้วนี่สิส่วนมากจะเงียบกริบนั่นเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องถามไถ่จากเจ้าหน้าที่ขายให้ละเอียดและถี่ถ้วนที่สุดเช่นว่า แคปิตอล โอเค เขย่าตลาดด้วยโปรโมชั่น "ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินต่อเดือน 0% มากถึง 15 เดือน" แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลูกค้าทุกคนจะได้อัตรานี้ เพราะกำหนดให้เฉพาะลูกค้าที่เลือกระยะเวลาผ่อนชำระคืน 60 เดือนและผ่อนชำระครบถ้วนตรงตามกำหนดทุกๆ 3 งวดติดต่อกันจนสิ้นสุดระยะเวลา 60 เดือน หรือเพอร์ซันนัลโลนของซิตี้ แบงก์ ที่โฆษณาว่าดอกเบี้ยฟรี 0% 3 เดือน ก็ไม่ใช่ว่าผู้กู้ทุกคนจะได้อัตรานี้แต่หมายความว่าคุณต้องเป็นลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และกู้วงเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ส่วนลูกค้าต่างจังหวัด 0% แค่เดือนแรกเท่านั้น อ่านเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ให้ถี่ถ้วน...... ข้อเสียที่ผู้กู้เงินหรือผู้ที่ทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินส่วนใหญ่ คือ ไม่ค่อยอ่านเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ให้ละเอียด จึงมักเกิดปัญหาตามมามากมายโดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่เกิดการเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ เพราะบางครั้งสถาบันการเงินมักจงใจล่อใจผู้กู้ด้วยการประโคมอัตราดอกเบี้ยที่เป็นระยะโปรโมชั่น จนผู้กู้บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นอัตราเท่านี้ตลอดสัญญาเงินกู้ หรือบางครั้งก็ชาร์จอัตราดอกเบี้ยในราคาถูกจริง แต่เพียงแค่คุณชำระล่าช้าหรือทำผิดเงื่อนไขนิดหน่อย ก็เท่ากับว่าคุณต้องถูกชาร์จดอกเบี้ยอีกอัตราหนึ่งซึ่งแพงระเบิดเถิดเทิง
ยอมเสียเวลาสักนิด ในการนั่งอ่านและทบทวนรายละเอียดทั้งหมดของสัญญาเงินกู้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งคอตกทีหลัง ค่าธรรมเนียม....... นอกจากอัตราดอกเบี้ยจะเป็นสิ่งที่ผู้กู้ต้องดูให้ถ้วนถี่แล้ว "ค่าธรรมเนียม" ประเภทต่างๆ ที่ต้องจ่าย ยังเป็นสิ่งที่คุณต้องไม่ลืมสำรวจหรือสอบถามเจ้าหน้าที่ขายให้ละเอียดด้วย เพราะในการกู้แต่ละครั้งไม่ได้มีเพียงแค่ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกหลายอย่างที่คุณควรจะรู้ไม่ว่าจะเป็น - ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ที่โดยปกติจะคิดไม่เกิน3% ของวงเงินสินเชื่อต่อเดือน - ค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ อัตราปกติไม่เกิน 5% ของวงเงินสินเชื่อหรือขั้นต่ำ 500 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า - ค่าปรับกรณีชำระล่าช้า ประมาณ 5% ของยอดค้างชำระ หรือขั้นต่ำ 100 บาทต่องวด แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า - ค่าปรับกรณีเช็คคืน ฉบับละ 200 บาทต่อครั้ง - ค่าธรรมเนียมการใช้คืนสินเชื่อก่อนครบกำหนดเวลาชำระคืน ประมาณ 5% ของจำนวนยอดเงินที่ค้างชำระ แต่ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ทบทวนวัตถุประสงค์ก่อนกู้..... การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ แต่เอาเข้าจริงๆ ดูเหมือนชีวิตของคนในยุคนี้ ไม่อยากมีลาภอันประเสริฐกันเท่าไหร่นักบางคนตัดสินใจเป็นหนี้ด้วยวัตถุประสงค์ผิดๆ เช่น เอามาปรนเปรอความสะดวกสบายของตัวเอง กู้มาซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ กู้เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ กู้เพราะอยากได้เสื้อผ้าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่
แต่สำหรับบางคน การกู้สินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินทั้งแบงก์ และนอน-แบงก์ เพื่อนำไปโปะหนี้นอกระบบที่อัตราดอกเบี้ยแพงหูฉี่ อันนี้ถือว่าเป็นการรีไฟแนนซ์หนี้ที่ทำให้ภาระน้อยลง
ฉะนั้น ก่อนจะตกลงปลงใจกู้เงินแต่ละครั้งคิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน ทบทวนจุดมุ่งหมายในการกู้เงินให้ดี จะได้ไม่ติดกับดักหนี้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ Smart Spending โดยคุณกาญจนา หงษ์ทอง
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 28 เมษายน 2554 16:04:10 น. |
|
1 comments
|
Counter : 915 Pageviews. |
|
|
|
โดย: dada IP: 124.120.7.136 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:50:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!