MILLENNIUM 2 : The Girl Who Played With Fire กะเทาะหนังไตรภาคตอนที่ 2
MILLENNIUM 2: The Girl Who Played with Fire
ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมไตรภาคตอนที่ 2 ที่เหตุการณ์ในหนังล่าสุดนี้ได้ทิ้งช่วงระยะเวลาจากเหตุการณ์ในภาคแรกประมาณ 4 ปี หลังจากที่ ลิซเบธ ซาแลนเดอร์ได้เดินทางไปอยู่ในต่างแดน ขณะที่มิคาเอล บลอมควิสต์ก็เฝ้าเพียรติดต่อเธอมาเรื่อยด้วยความห่วงใย แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อนางเอก ลิซเบธ ซาแลนเดอร์ ต้องตกกลายเป็นผู้ต้องหาการฆาตกรรม 3 ศพ จึงทำให้มิคาเอล บลอมควิสต์ มิอาจอยู่เฉยได้ต้องหาหลักฐานมาหักล้างและเปิดโปงแผนการฆาตกรรมนี้ว่าใครอยู่เบื้องหลังฉาก ในเรื่องราวของภาพยนตร์ตอนใหม่ที่ 2 นี้ต่างได้นักแสดงตัวหลักกลับมาแสดงกันครบถ้วน ทางด้านตัวผู้กำกับภาพยนตร์ในภาคนี้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับฯประจำภาคนี้ และภาค 3 คือ แดเนียล อัลเฟรดสัน งานนี้ผู้กำกับฯแดเนียล อัลเฟรดสัน ทำงานสานต่อในตอนนี้ได้ต่างจากภาคที่แล้วพอสมควร หนังภาคนี้จะมีความไวเพิ่มขึ้นและกระชับในตัวเรื่องราวโดยไม่ได้ลงไปในรายละเอียดปลีกย่อยเหมือนอย่างในภาคแรกนัก อาจจะเป็นเพราะว่าตัวละครและปูมหลังในตอนนี้ไม่มากเท่ากับภาคแรกเลยไม่จำเป็นกับตอนนี้นัก ส่วนลักษณะงานในภาคนี้ค่อนข้างไปในทางที่ค่อนข้างโจ่งครึ่มกว่าในงานด้านภาพ และการแสดงที่เห็นเลือดเห็นเนื้อเหมือนงานหนังสยองขวัญที่ดูสะอิดสะเอียนพอตัวเหมือนกัน ถ้าเทียบกันแล้วงานภาพในภาคแรกดูมีศิลปะในการถ่ายทอดมากกว่างานภาพในภาคที่สองนี้ การที่งานภาพในเรื่องนี้ดูแรงเป็นเรื่องในประเด็นที่เกี่ยงข้องของปูมหลังลิซเบธ ซาแลนเดอร์ กับปัญหาทางครอบครัวในวัยเด็กส่งผลมายังปัจจุบันทำให้งานหนังรุนแรงกว่าภาคที่แล้ว ซึ่งก็แรงสมชื่อกับชื่อเรื่องของภาคนี้ แต่ผู้กำกับฯก็น่าจะสร้างสรรค์งานด้านความรุนแรงให้ดูมีชั้นเชิงกว่านี้ เพราะมันจะดึงจุดดีในหนังเรื่องนี้ให้ด้อยค่าลงมาเลย แม้ว่าโดยรวมทำออกมาได้ดีแล้ว และจุดที่หายไปของหนังภาคนี้คือการผูกปมคลายปมที่ชวนติดตามตลอดในภาคแรกถูกลดทอนลงหายไป นี่ถือเป็นเสน่ห์ของภาคแรกเลยที่ทำให้หนังมีคุณค่าเพิ่มขึ้น ในภาคนี้หนังจะออกกระเดียดไปทางฝั่งฮอลลีวู้ดมากขึ้น ซึ่งผมก็หวังว่าในงานภาคปิดท้ายของ MILLENNIUM 3 น่าจะมีความกลมกลืนและลงตัวกว่าในงานภาค 2 นี้ บทภาพยนตร์ในตอนนี้อยู่ในการดูแลของ โจนัส ฟรายค์เบิร์ก แม้จะไม่ใช่ 2 คนเดิมจากภาคที่แล้ว แต่งานบทเรื่องนี้ที่ดัดแปลงมาจาก สติ๊ก ลาร์สสัน ก็ยังเป็นบทหนังที่น่าสนใจเช่นเดิมมีการผูกเงื่อนงำและคลายปมเฉลยๆด้ดีระดับหนึ่งแม้ไม่เด็ดเท่าภาคแรกนัก ถ้าหากบทดัดแปลงนี้ใส่รายละเอียดตัวละครบางตัวเพิ่มขึ้นมาคงจะทำให้หนังดูเข้มข้นขึ้นเหมือนเช่นที่ภาคแรกเป็น ลิซเบธ ซาแลนเดอร์ รับบทโดย นุมี ราพาซ ยังคงเป็นเธอเช่นเดิมที่การแสดงในภาคนี้ถือเป็นตัวหลักหัวใจของเรื่อง เพราะมันเป็นเรื่องราวเป็นเรื่องราวของเธอโดยตรง ผู้ชมจะได้ทราบถึงปูมหลังของเธอมากกว่าเดิมจากภาคแรก ในภาคนี้ ลิซเบธ ซาแลนเดอร์ดูมีพัฒนาการความกล้าแกร่งเพิ่มขึ้นกร้านโลกกว่าเดิม ต่างจากภาคที่แล้วอย่างเด่นชัด ซึ่งการแสดงของนุมี ราพาซ ในภาคนี้ทำให้เธอดูเป็นอย่างกับวีรสตรีสาวที่เก่งกาจอย่าง ซิกอร์นี วีเวอร์ ใน เอเลี่ยน 2 ส่วนทางด้านพระเอก ไมเคิล นีควิสต์ ผู้รับบทเป็น มิคาเอล บลอมควิสต์ ก็ให้การแสดงตามบทบาทเหมือนเช่นภาคที่แล้วได้อย่างดีเช่นเดิม มีพลังของคนที่ต้องการค้นหาความจริงอย่างเต็มเปี่ยมตามแบบฉบับนักข่าวผู้มีจริยธรรม และไม่ย่อท้อ ทำให้ตัวละครตัวนี้ดูมีชีวิตชีวาเป็นจริง และอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่องราว อเล็กซานเดอร์ ซาลาเชงโก รับบทโดย จอร์จี้ สไตย์คอฟ ที่ในภาคนี้ผู้ชมจะได้รับรู้ที่มาที่ไปของตัวละครตัวนี้ เพิ่มขึ้น และเข้าใจถึงเหตุผลการกระทำของเขาของเรื่องราวมากขึ้น ถึงแม้จอร์จี้ สไตย์คอฟจะไม่ได้ให้การแสดงที่มากนัก แต่ก็ทำให้เรื่องราวของเรื่องนำไปสู่ไคลแม็กซ์สุดท้ายอย่างที่ไม่คาดถึง งานด้านภาพในตอนนี้ให้บรรยากาศร่วมสมัยกว่างานภาคที่แล้วเนื่องจากเป็นยุคเวลาปัจจุบันที่ไม่ต้องคำนึงถึงอดีตในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกต่อไป ดังนั้นภาพของภาคนี้จึงมีสีสันเพิ่มระดับขึ้นมา ในส่วนการตัดต่อลำดับเรื่องราวก็ไวขึ้นเนื่องว่าต้องมีหลากหลายสถานที่ ที่ใช้ในการดำเนินเรื่องราวก็ทำหน้าที่ได้ดีตามมาตรฐาน งานดนตรีประกอบให้อารมณ์หนังสืบสวนฆาตกรรมมีความชวนสงสัยดีครับในภาคนี้เช่นเดิมถือเป็นจุดดีในหนังเรื่องนี้อีกจุดเนื่องจากงานส่วนนี้ควบคุมโดยทีมงานชุดเดิมจากภาคแรกคือ ปีเตอร์ ฟิวส์ซ และ ราส์มุส แฮนเซ่น งานในภาคนี้อาจจะดูตกลงไปบ้างแต่ก็ถือเป็นหนังที่อยู่ในระดับที่ดีน่าชม ผมว่าแฟนหนังจากภาคที่แล้วไม่ควรพลาดเพราะจากจุดนี้ในภาคสองมันคือการปูไปสู่ภาคสุดท้ายอย่าง The Girl Who Kicked Hornests Nest ของเรื่องราวผู้หญิงที่ชื่อว่า ลิซเบธ ซาแลนเดอร์ นั่นเอง คะแนนความพึงพอใจ 7/10 ความยาวภาพยนตร์ : 129 นาที ระดับวัยผู้ชม : อายุ 18 ปี มีฉากรักเปลือย การต่อสู้ที่รุนแรง ภาษาสนทนาที่ไม่เหมาะสม ผู้กำกับภาพยนตร์ : แดเนียล อัลเฟรดสัน บทภาพยนตร์ : โจนัส ฟรายค์เบิร์ก ผู้กำกับภาพ : ปีเตอร์ โมโครซินสกี้ ลำดับภาพ : แมสเธียส มอร์ฮีเดน นักแสดง : นุมี ราพาซ, ไมเคิล นีควิสต์, ลีน่า เองเดร, ปีเตอร์ แอนเดอร์สัน, จอร์จี้ สไตย์คอฟ, เปาโล โรแบร์โต, โซเฟีย เลอดาร์ฟ, มิคเค่ สไปรส์ซ, ยัสมิน การ์บี้ และฯลฯ ผู้อำนวยการสร้าง : โลน คอร์สลุนด์, มิคาเอล วอลเลน, ปีเตอร์ เนเดอร์มันน์, จอน แมนเกล, เจนนี กิลเบิร์ตสัน
Free TextEditor
Create Date : 03 กันยายน 2553 |
Last Update : 4 กันยายน 2553 11:42:04 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2392 Pageviews. |
|
|
ภาคแรกนี่ผมจัดให้เป็น1ในหนังทริลเลอร์ชั้นดีที่มีชั้นเชิงในการหาหลักฐานโคตรเจ๋ง ดูแล้วน่าเชื่อถือ
แต่มาภาค2 โห ดูจบอุทานความห่วยเลย ไม่มีชั้นเชิงการหาหลักฐานเลย แถมตอนจบOverมาก นึกว่าดูDie Hard