ย่านสามแพร่ง บางกอก (ตอนแรก)
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2551 ได้ไปร่วมกิจกรรมดีๆ กับชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ (Quiet Bangkok Club)
พี่วีน.พี่สาวใจดีที่ชอบชวนไปทำกิจกรรมดีๆ อยู่เรื่อยๆ ส่งอีเมล์มาเมื่อวันจันทร์ชวนไปร่วมกิจกรรมกับชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ กันมั๊ย งง...ไม่รู้จักอ่ะ...เค้าชวนไปเดินดูบ้านเก่าๆ สมัยโบราณ ครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 5 แล้ว และจะไปเดินดูย่านสามแพร่ง อืม...น่าไป ได้เลยพี่จองคิววันเสาร์นี้เลย...
ความเป็นมาของชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ (Quiet Bangkok Club)
ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ได้มีการรวมตัวจากกลุ่มคนหลายอาชีพที่เล็งเห็นว่ากรุงเทพฯ มีภาวะมลพิษเกิดขึ้นทุกตรอกซอยและอยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสงบมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อรณรงค์แก้ไขมลพิษทางเสียง โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า "ชมรมคนรักความสงบและชมรมคนเกลียดเสียงดัง" เพื่อเสนอความคิดของการทำสื่อให้ความรู้เรื่องมลพิษเสียงแก่ประชาชน
ในปี 2548-2549 รถไฟฟ้าบีทีเอส ติดตั้งโทรทัศน์สำหรับพื้นที่โฆษณาที่ชานชาลาและในรถไฟฟ้าซึ่งมีระดับเสียงเกินมาตรฐานไปมาก มีผู้ร้องเรียนจำนวนมากว่าเสียงดังภายในรถสร้างความเครียดและรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้โดยสาร ชมรมคนรักความเงียบและชมรมเกลียดเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นมีสมาชิกอยู่ราวแปดสิบคน ได้ทำจดหมายถึงผู้บริหารบีทีเอส เพื่อเรียกร้องให้ลดเสียง และขอให้ปรับปรุงเป็นโฆษณาที่ไม่ใช้เสียง ได้รับความสนใจเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ
ต่อมาชมรมคนรักความเงียบและชมรมคนเกลียดเสียงดัง ได้สมาชิกเพิ่มขึ้นทั้งนักวิชาการสิ่งแวดล้อม สถาปัตยกรรมศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ วิศวกร แพทย์ ตัวแทนจากภาคเอกชน และนักศึกษา มีผู้ร่วมลงชื่อคัดค้านเสียงดังเป็นจำนวนหลายร้อยคนจึงได้ก่อตั้ง "ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ" ปรับความคิดในการรณรงค์ต่อสู้เสียงดัง มาเป็นการสร้างภาคีความร่วมมือของเอกชนและองค์กรของรัฐ ในการอยู่ร่วมกันในพื้นที่อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน โดยใช้เสียงให้เหมาะสมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลกและส่งเสริมกิจกรรมสร้างสำนึกให้คุณค่าแก่ความเงียบ เพื่อให้เรามีพื้นที่และเวลาในการสงบจิตใจตั้งสติการดำเนินชีวิต ก่อนที่เราจะหลงทางไปไกลกว่านี้ และหูตึงมากไปกว่านี้
ข้อมูลจาก ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ //www.quietbangkok.org
นัดเจอกันที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แถวๆสนามหลวง เวลา 13.45 น. เราจะเดินดูย่านสามแพร่ง พร้อมกับมีผู้บรรยายคือ อาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร ยอมรับว่าไม่รู้จักท่าน และไม่เคยได้อ่านหนังสือของท่านเลย...แต่บางคนที่เป็นหนอนหนังสือ หรืออ่านหลายๆแนว คงจะรู้จักนามปากกา "ดวงใจ" หรือนามปากกาอื่นของท่าน ซึ่ง อาจารย์ประทุมพร ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติและอดีตกรุงเทพฯ เช่น "มุ่งสู่กรุงเทพฯ เมืองเก่า" "พาดผ่านกาลเวลา" นวนิยายเรื่อง "อยู่เย็น เป็นสุข" และอีกหลายเรื่อง จะเป็นแนวเล่าเรื่องอดีตของกรุงเทพฯ วันนี้ อาจารย์ประทุมพร ก็ได้นำหนังสือให้อ่านพร้อมบรรยายไปด้วย ของท่านอื่นๆ ก็มี เช่น "ย่านการค้า"ตะวันตก"แห่งแรกของกรุงเทพฯ" ของคุณศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย
แต่รู้สึกอากาศ ฝนฟ้าจะไม่เป็นใจ ...ฝนตกหนักก่อนที่เราจะออกจากบ้าน พี่ๆ ส่งข่าวบอกว่าแถวๆ ปิ่นเกล้า ราชดำเนินฝนตกหนักมาก เอาร่มมาด้วยนะน้อง ...สักพัก ฟ้าก็เป็นใจ ฝนหยุดตก...ฟ้าใสมากเลย ทำให้การเดินดูย่านสามแพร่ง ไม่ร้อนมาก เย็นสบายๆ ทริปนี้ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ รับแค่ 15 คน เพราะต้องการให้รับฟังการบรรยายอย่างใกล้ชิด.. เห็นสมาชิกแต่ละท่านมีหลายรุ่นมาก แต่ละท่านก็มีความรู้ความสามารถแตกต่างกัน ช่วยเพิ่มเสริมการบรรยายได้ข้อมูลเยอะมาก...(แต่ความจำสั้นอ่ะ..จำอารายไม่ค่อยได้เลย) ขอลอกข้อมูลจากหนังสืออาจารย์ประทุมพร ล่ะกันนะ
ก่อนจะเริ่มไปเดินตรอกซอย ...อาจารย์ก็เริ่มเล่าประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆของกรุงเทพฯ (เหมือนได้เรียนรู้ใหม่เลย นี่ขนาดเรียนมาแล้วนะเนี่ย)
บริเวณเนื้องที่รูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า ท่ามกลางกรอบถนน 4 สาย คือ ถนนอัษฏางค์ ริมคลองคูเมือง ถนนบำรุงเมือง ถนนตะนาว และซอยแพร่งสรรพศาสตร์เป็นชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งกรุงเทพฯ มักถูกเรียกรวมกันว่า "ย่านสามแพร่ง" ซึ่งแบ่งเป็นแพร่งสรรพศาสตร์ แพร่งนรา และแพร่งภูธร คำว่า "แพร่ง" เป็นคำภาษาไทยค่อนข้างโบราณ ไม่สู้นำมาใช้สอยในปัจจุบัน มีหลายความหมาย เช่น เป็นจุดรวมของถนนหลายสาย หรือย่านที่อยู่อาศัยของชุมชน หรือเป็นศูนย์การค้าและธุรกิจระดับที่ไม่ใหญ่โตนัก
"สามแพร่ง" ที่เอ่ยชื่อมานี้ ในอดีตเคยมีความหมายครบถ้วนตามที่กล่าวมา โดยเฉพาะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือเมื่อนานกว่าหนึ่งศตวรรษมาแล้ว
เมื่อแรกเริ่มสามแพร่งคือพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวังของพระราชโอรส 3 พระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ (พระองค์เจ้าชายทองแถมถวัลยวงศ์ ต้นราชสกุล "ทองแถม") พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (พระองค์เจ้าวรวรรณากร ต้นราชสกุล "วรวรรณ") และพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นภูธเรศธำรงค์ศักดิ์ (พระองค์เจ้าชายทวีถวัลยลาภ ต้นราชสกุล "ทวีวงศ์")
ข้อมูลจาก : มุ่งสู่กรุงเทพฯ เมืองเก่า ผู้เขียน : อาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร
ฟังอาจารย์ประทุมพร เล่าแล้วก็เริ่มเกิดภาพอดีตยุคเก่าๆ ก็เริ่มเดินเข้าวซอยด้านข้างโรงแรมรัตน์โกสินทร์
ขอนอกเรื่องแป๊บนะ..คือยังไม่ได้กินข้าวเช้า กลางวันเลย ตื่นมาก็อาบน้ำรีบมาให้ทันเวลาอ่ะเห็นในซอยมีขนมจีน ผักตรึม ท้องก็เลยร้อง แต่...หยุดกินไม่ได้อ่ะ
คลองหลอด เมื่อก่อนเป็นคูเมืองมีอยู่ก่อน พ.ศ. ๒๓๑๕ ปีสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
เป็นวังเก่า ซึ่งจะทำด้วยไม้ ...(จำไม่ได้ว่าเป็นของราชสกุลใด) แต่ถูกทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการบูรณะ พอดีในกลุ่มมีอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมมาด้วย ท่านเลยช่วยอธิบายเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับการสร้าง การตบแต่ง
เริ่มยาวล่ะไปต่อตอนสองดีกว่านะ
ปอปลาลอลิง# ยังอยู่ในรายการของขวัญพิเศษ...นู๋ฝิ่น อยุ่นะ
Create Date : 06 ตุลาคม 2551 |
|
15 comments |
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 13:44:22 น. |
Counter : 2227 Pageviews. |
|
|
|
ยิ่งได้เดินไป ฟังท่านผู้รู้เล่าไป ยิ่งได้ความรู้
เห็นภาพแล้วน่าสนุกค่ะ อยากไปเดินด้วย
อ้อ สงสารจังค่ะที่ต้องเดินผ่านร้านขนมจีนแบบท้องร้องจ๊อกๆ
อิ อิ