119 :: เด็กวัยสี่เดือนถึงห้าเดือน: ลักษณะของเด็ก
() ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเยงเดือนเดียว แต่ทารกจะเจริญเติบโตและรู้เรื่องขึ้นมาก รู้จักแสดงออกเวลาดีใจหรือโกรธ เวลาไม่พอใจอะไรจะแผดเสียงร้องดังทีเดียว เวลาดีใจหรือสนุกสนานจะส่งเสียงหัวเราะ ความแตกต่างระหว่างเด็กขี้แยร้องเก่ง กับเด็กที่เลี้ยงง่ายไม่ค่อยร้องจะเห็นชัดขึ้น เด็กวัยนี้เวลามองดูอะไรจะไม่เพียงแต่ดูเฉย ๆ เด็กจะพยายามจดจำด้วย เด็กเริ่มจำหน้าแม่ได้ เมื่อเห็นหน้าแม่จะแสดงท่าทางดีใจ เด็กบางคนพอเห็นแม่เดินห่างออกไปจะร้องไห้ เด็กที่เคยร้องลั่นเมื่อถูกหมอฉีดยา คราวต่อไปเมื่อเห็นคนแต่งชุดเสื้อคลุมสีขาวเหมือนหมอ จะร้องไห้ทันที ชีวิตประจำวันของเด็กวัยนี้ยังคงถูกกำหนดด้วยการนอน เด็กจะกินได้มากหรือออกกำลังกายได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเวลานอน เด็กที่นอนเก่ง ตื่นเช้าตอน 8 โมงเช้า นอนถึงเที่ยง ตอนบ่ายนอนจากบ่าย 2 โมงถึงบ่าย 3 โมง แล้วนอนตอนเย็นอีกจาก 5 โมงถึงหนึ่งทุ่ม ตอนกลางคืนนอกนรวดเดียวจาก 4 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า ถ้าคุณแม่ให้นมตอน 8 โมง เที่ยง บ่าย 3 หนึ่งทุ่ม และ 4 ทุ่ม อาบน้ำให้ตอน 9 โมงกับ 4โมงเย็น ตอนเช้าและตอนเย็นพาออกเที่ยวนอกบ้าน คุณแม่คงเหลือเวลาป้อนข้าวลูกเพียงมื้อเที่ยงมื้อเดียวเท่านั้น สำหรับเด็กที่นอนเก่งแบบนี้ ถ้าจะให้อาหารเสริมวันละ 2 มื้อ คงต้องปลุกให้ลุกขึ้นมากิน ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นก็เรียกว่าไร้สติ ควรปล่อยให้เด็กนอนตามธรรมชาติของแก เพราะถ้าฝืนปลุกให้ตื่น เด็กจะอารมณ์เสีย เด็กที่ชอบนอนเราควรปล่อยให้นอน ส่วนเด็กที่กลางวันไม่ค่อยนอน เวลาที่เด็กตื่นอยู่ คุณแม่ควรทำให้ลูกมีความสุข สนุกสนานที่สุด ควรพาออกเที่ยวนอกบ้านอ ย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง เมื่อคุณแม่เลี้ยงลูกมา 4 เดือนแล้ว มักจะยอมรับนิสัยการกินของลูก ถ้าชงนมไว้ให้ตามที่เขียนไว้ข้างกระป๋อง แล้วเหลือ 20-30 ซี.ซี. ทุกครั้งไป คุณแม่จะเลิกพยายามบังคับให้ลูกกินให้หมด เพราะรู้ว่าไม่ได้ผล และคงจะ “ยอมแพ้”แต่โดยดี ส่วนคุณแม่ที่มีลูกกินเก่ง ชงให้ตามสลากข้างกระป๋องแล้วยังไม่พอ มักจะชงเพิ่มให้อีก บงคนคิดว่าลูกยิ่งอ้วนยิ่งดี ชงนมให้ถึงมื้อละ 250 ซี.ซี.ก็มี เด็กในวัยนี้ไม่ควรให้น้ำหนักเพิ่ม เฉลี่ยเกินวันละ 30 กรัม เด็กที่กินนมเก่ง มักกินข้าวเก่งด้วย ถ้าให้อาหารเสริมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และปริมาณนมที่ให้แต่ละมื้อไม่ได้ลดลง น้ำหนักเกจะเพิ่มเกินกว่าวันละ 30 กรัม เรื่องอาหารเสริม คุณแม่ไม่ต้องรีบร้อนให้ สำหรับเด็กในเดือนนี้ การให้อาหารเสริมควรคิดว่า เป็นการฝึกการใช้ช้อนก็พอ เด็กที่ไม่ชอบกินนมหรือเด็กที่นมแม่ไม่พอ ควรให้อาหารเสริม แต่ถ้าเด็กยังกินช้อนไม่ค่อยได้ ไม่จำเป็นต้องเร่งให้อาหารเสริม รอไปอีกหนึ่งเดือนก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณแม่พาลูกไปฉีดวัคซีนแล้ว หลังจากนั้น เด็กดูท่าทางไม่เหมือนปกติ คุณควรงดอาหารเสริมสักพัก แต่ถ้าเด็กร่าเริง กินนมได้ก็ให้อาหารเสริมได้ตามปกติ เมื่อคุณต้องงดให้อาหารเสริมลูก หลังฉีดวัคซีนไปพักหนึ่ง เวลากลับมาให้ใหม่ ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากทีละช้อนอีก เริ่มให้ใหม่ในปริมาณ 70-80 %ของที่เคยให้ได้เลย เกี่ยวกับการขับถ่ายของเด็ก ลักษณะของทารกระยะ 3-4 เดือน สำหรับเด็กที่ท้องผูกบ่อย พอถึงเดือนนี้เด็กคงใช้ช้อนได้เก่งแล้ว คุณแม่ให้กินนมเปรี้ยวบ้าง ผลไม้ครูดบ้าง (เช่น กล้วย มะละกอ มะเขือเทศ ส้ม) อาการคงดีขึ้น เมื่อคุณแม่เริ่มให้อาหารเสริม สีของอุจจาระอาจเปลี่ยนไปมีสีดำขึ้น หรือเป็นสีน้ำตาลบ้าง เมื่อถึงวัยนี้ เด็กบางคนจะนอนรวดเดียว ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า โดยไม่ตื่นเลย และไม่ฉี่ด้วย แต่เด็กส่วนใหญ่มักฉี่ตอนกลางคืน ครั้งหนึ่งแล้วตื่น คุณแม่คงลังเลว่าตอนนี้จะชงนมให้กินดีหรือไม่ ถ้าไม่ให้นมแต่อุ้มเขย่าสักพัก เด็กจะหลับ ก็ไม่ต้องให้กิน เพราะสะดวกกว่าสำหรับแม่ แต่ถ้าคุณมีนมแม่ก็ให้เด็กดูดสักพัก เด็กจะรู้สึกอบอุ่น เดี๋ยวเดียวก็หลับสบาย เด็กที่เลี้ยงด้วยนมวัว ถ้าตื่นกลางดึกแล้วไม่ได้กินนม จะไม่ค่อยยอมนอน ก็ให้กินนมมื้อดึกได้ ไม่มีข้อห้ามอะไร สำหรับเด็กที่เมื่อฉี่แล้ว ตอนเปลี่ยนผ้าอ้อมให้จะร้องไห้โยเยกวน ถ้าปล่อยให้นอนแช่ฉี่แล้วก้นไม่แดง ปล่อยให้นอนแช่อย่างนั้นดีกว่าไปกวนให้ตื่น ตามประเพณีตะวันตก เมื่อทารกอายุได้ 4 เดือน พ่อแม่มักให้นอนแยกห้อง แต่ประเพณีไทยแม่มักนอนกับลูกจนโต โดยเฉพาะตามบ้านในชนบท มักจะนอนเรียงกันเป็นแถวทั้งครอบครัว เมื่อนอนอยู่ด้วยกัน เวลาลูกร้องเพราะฉี่เปียกแม่จะทนฟังอยู่ไม่ได้ จำต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนให้ ถ้านอนแยกห้องกันแบบฝรั่ง แม่จะพยายามหัดให้ลูกเลิกกินนมแม่เร็ว ๆ กลางคืนจะไม่เปลี่ยนผ้าอ้อม ให้นอนแช่ฉี่ถึงเช้า ถ้าทำเช่นนี้ได้ก็สะดวกดีสำหรับคุณแม่ ไม่ต้องตื่นกลางดึก แต่เด็กบางคนถ้าปล่อยให้แช่ฉี่ทั้งคืน ก้นจะแดง เด็กวัน 4-5 เดือนนี้ จะเคลื่อนไหวมากขึ้น ส่วนใหญ่คอจะแข็งแล้ว เมื่อได้ยินเสียงจะหันไปดู เด็กจะใช้แขนได้ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเอามือใส่ปากดูด เด็กบางคนสามารถเอามือประสานกันด้านหน้าได้ เมื่อเด็กอายุใกล้ เดือน จะพยายามคว้าของที่อยากได้ด้วยตัวเอง เวลานอนคว่ำเด็กจะชูคอขึ้นสูง และถ้าให้ถือของเล่นจะฟาดของเล่นไปมา บางครั้งฟาดเอาหน้าตัวเองจนร้องไห้ ถ้าจับให้นั่งแล้วเอาหมอนหนุนด้านหน้า เด็กจะนั่งได้ แต่ยังนั่งเองคนเดียวไม่ได้ อาจมีเด็กบางคนที่นั่งได้เร็ว นั่งเองได้สัก 2–3 นาที แต่คุณแม่ไม่จำเป็นต้องพยายามฝึกให้ลูกนั่ง เวลาตื่นเด็กมักไม่ยอมอยู่นิ่ง จะพยายามพลิกตัวไปมา เด็กบางคนก็คว่ำเองหงายเองได้แล้ว ถ้าจับเด็กยืนบนตัก มักจะชอบถีบขากระโดด ตุ๊บ ๆ เด็กบางคนเป็นเด็กเฉย ๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ถ้าลูกของคุณอายุ 4 เดือนเศษแล้ว ยังไม่เคลื่อนไหวออกแรงดังที่เขียนไว้ข้างต้น วันหนึ่ง ๆ ชอบนอนอยู่เฉย ๆ ควรหัดกายบริหารให้ออกกำลังบ้าง ถ้าคุณเห็นลูกคนอื่นซึ่งอายุไล่เลี่ยกับลูกของคุณ นั่งได้แล้ว แต่ลูกของคุณยังไม่มีทีท่าว่าจะนั่งได้เลย คุณแม่ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ ถึงกับพยายามฝึกให้ลูกนั่ง นิสัยของเด็กจะแสดงออกมาให้เห็นที่การเคลื่อนไหว เด็กบางคนซนมาก แต่บางคนชอบอยู่เฉย ๆ แต่ในที่สุด เด็กก็จะนั่ง ยืน เดิน ได้เหมือนกัน มาแข่งขันกันตอนนี้ว่าใครจะทำได้เร็วกว่า เดือนสองเดือนนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย เด็กอายุ 4-5 เดือน มักไม่เป็นโรคร้ายแรง เด็กที่มีเสมหะมาก เมื่ออากาศเปลี่ยนมักมีเสียงครืดคราดในหน้าอก ถ้าเด็กแข็งแรงแจ่มใสดีไม่มีไข้ และกินนมตามปกติก็ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณแม่พาไปหาหมอ หมอบางคนอาจบอกว่า เป็นโรคหลอดลมอักเสบคล้ายหืด ให้พาไปรักษาเป็นประจำ เมื่อไปร้านหมอบ่อย ๆ อาจติดโรค จากห้องรอคนไข้ได้ เด็กอายุ 4 เดือนที่เป็นโรคติดต่อ เช่น ไอกรนหรืออีสุกอีใส มักจะเป็นเพราะติดโรคจากห้องรอคนไข้ บางครั้งอาจติดโรคตาแดงก็มี เด็กวัยนี้ไม่ค่อยเป็นไข้สูง (38-39 องศา) ถ้าเป็นไข้สูง มักเป็นเพราะเป็นโรคหูอักเสบ โดยเฉพาะในกรณีที่ตอนกลางคืน ร้องกวนไม่ยอมนอน ให้นึกถึงโรคหูก่อนอื่น เมื่อเด็กเคลื่อนไหวมากขึ้น คุณแม่ต้องระวังอุบัติเหตุตกเตียง ซึ่งจะเกิดบ่อยขึ้นตามอายุของเด็ก ที่มาของสาระดีๆ ขอขอบคุณ
Create Date : 10 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 11:00:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 237 Pageviews. |
|
|
|
| |