Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
1 :: ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงวันคลอด

()
เมื่อคุณรู้ว่าคุณตั้งครรภ์ ควรไปรับการตรวจ
และฝากครรภ์กับแพทย์ทันที
แพทย์จะสั่งตรวจเลือดว่ามีเลือดกามโรคหรือไม่
เพราะถ้าตรวจพบในขณะที่ตั้งครรภ์เดือนแรก ๆ
แล้วรีบทำการรักษาก็จะหายขาด
และลูกที่เกิดมาก็จะสมบูรณ์ทุกประการ

การฉายเอกซเรย์บริเวณหน้าอก
เมื่อจำเป็นต้องตรวจ
ครั้งหรือสองครั้งในระหว่างที่ตั้งครรภ์
จะไม่มีผลต่อลูกในท้อง
แต่ควรหลีกเลี่ยงการเอกซเรย์บริเวณหน้าท้อง
เพื่อตรวจโรคต่าง ๆ
เพราะลูกในท้องไม่ควรได้รับรังสีเอกซเรย์
ก่อนอายุ 3 เดือน

คุณควรวางแผนว่าจะคลอดลูกที่บ้านหรือที่ไหน
สำหรับท้องแรก ควรคลอดที่โครงพยาบาล
จะปลอดภัยกว่า และควรให้แพทย์คนเดียวกัน
ดูแลครรภ์ของคุณจนกระทั่งคลอด

ส่วนใหญ่หญิงมีครรภ์จะเริ่มรู้สึกแพ้ท้อง
ในระยะ 6-8 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
อาการแพ้ท้องเกี่ยวเนื่องกับจิตใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้นถ้าจิตใจของคุณพะวงอยู่กับการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องของคุณก็จะหนักขึ้น
คนที่ทำงานนอกบ้าน
มักแพ้ท้องน้อยกว่าคนที่อยู่กับบ้าน
เพราะจิตใจหมกมุ่นอยู่กับงานมากกว่า
ถ้าอาการแพ้ท้องคลื่นไส้อาเจียนของคุณหนัก
จนกินอาหารไม่ได้
ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนกินอาหาร
อาจดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้แทน
หากอาการไม่ดีขึ้น จึงควรปรึกษาแพทย์



บางคนอาการแพ้ท้องดีขึ้นเมื่อเข้าโรงพยาบาล
ซึ่งอาจเป็นเพราะการเปลี่ยนบรรยากาศ
และถึงแม้อาการแพ้ท้องของคุณจะหนักมากก็ตาม
ไม่ควรกินยาแก้แพ้ด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาหมอ
และถ้าคุณอดทนสักหน่อย
อาการแพ้ท้องก็จะหายไปเอง

ถ้าคุณไปหาแพทย์เป็นระยะๆก็จะได้รับการตรวจปัสสาวะ
ชั่งน้ำหนัก และวัดความดันโลหิต
เพื่อตรวจดูว่าคุณเป็นโรคไตหรือเป็นโครครรภ์เป็นพิษหรือไม่
ถ้าเป็นจะได้ทำการรักษาได้ทันที
ในระยะหลังของการตั้งครรภ์
แม่ส่วนใหญ่มักมีอาการบวมที่ข้อเท้า
ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติ
และถ้าได้นอนพักผ่อนสักเล็กน้อยก็จะหาย
ถึงแม้จะบวมขึ้นมาถึงขา
ถ้าความดันโลหิตและปัสสาวะ
ไม่มีอะไรผิดปกติก็ไม่มีปัญหา

ในระยะหลังของการตั้งครรภ์
คุณจะต้องระวังมิให้หกล้ม
ไม่ควรสวมรองเท้าสูง
ปีนเก้าอี้หยิบของจากที่สูง
ไม่ควรขี่จักรยาน จักรยานยนต์
หรือเดินในที่ที่อาจทำให้ล้มง่าย ฯลฯ
คุณไม่จำเป็นต้องฝืนกินอาหารให้มากจนเกินไป
แต่เมื่ออาการแพ้ท้องของคุณทุเลาลง
และกินอาหารอะไรก็ได้แล้ว
คุณต้องระวังอย่าให้ขาดอาหารจำพวก แคลเซี่ยม
เหล็ก ไอโอดีน วิตามิน โปรตีน ฯลฯ
แคลเซี่ยมจำเป็นสำหรับการสร้างกระดูกและฟันของเด็ก
แคลเซี่ยมมีมากในน้ำนม
ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรดื่มนมประมาณครึ่งลิตรทุกวัน


สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับนมวัว และดื่มแล้วท้องเสีย
ควรดื่มนมถั่วเหลืองและกินปลาตัวเล็ก ๆ
ที่กินได้ทั้งตัว (เช่น ปลาไส้ตัน ฯลฯ)
สำหรับเหล็กนั้นจะได้จาก ไข่แดง ตับ หอยนางรม
ปลา ผักสีเขียวจัด (เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า)
ไอโอดีน ได้จากอาหารทะเล
ส่วนวิตามิน คุณอาจกินวิตามินรวมสำหรับสตรีมีครรภ์
ก็สะดวกดี

ร่างกายของเด็กถูกสร้างด้วยโปรตีน ดังนั้น
อาหารประเภทโปรตีนจึงจำเป็น
โดยเฉพาะโปรตีนจากสัตว์
เช่น ปลา ไข่ เนื้อ เป็นต้น สำหรับผักสด ผลไม้
ก็ไม่ควรขาดเช่นกัน
ควรกินข้าวให้ได้สัดส่วนกับอาหารประเภทอื่น
อย่ากินแต่ข้าวอย่างเดียว
เพราะอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล
จะทำให้คุณอ้วนเกินความจำเป็น
และหลังคลอดจะลดน้ำหนักลงยาก
เมื่อตั้งท้องได้ 8 เดือน ถ้าลูกของคุณตัวโตเกินไป
แพทย์อาจจะสั่งให้คุณลดอาหารลง
การที่คุณตั้งครรภ์และมีไขมันมาก
จะเพิ่มภาระการทำงานให้แก่หัวใจ
ดังนั้น ไม่ควรกินของมัน ๆ เช่น มันหมู
อาหารทอดน้ำมัน ฯลฯ มากเกินไป

คุณไม่ควรกินอาหารรสจัดหรืออาหารชูรสเกินขนาด
(เช่น แกงเผ็ด ๆ, พริก, กระเทียม ฯลฯ)
สำหรับกาแฟนั้น ถ้าเพียงวันละแก้วก็ดื่มได้
บุหรี่ถ้าเป็นไปได้ควรงด
แต่ถ้าเลิกสูปไม่ได้ก็ควรลดลงให้กว่าครึ่ง
ควรงดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์ เป็นต้น )

สำหรับการเดินทางไกลนั้น ผู้ที่จะแนะนำคุณได้ดีที่สุด
คือแพทย์ที่ดูแลคุณอยู่
การเดินทางไกลไม่ควรทำก่อนระยะครรภ์ 3 เดือน
และหลังอายุครรภ์ 8 เดือน
และถ้าเป็นไปได้ควรเดินทางด้วยรถไฟมากกว่ารถยนต์
สำหรับผู้ที่เคยแท้งควรจะระวังให้มาก

แม่บ้านที่ทำงานอยู่กับบ้าน
ไม่ควรเลิกทำงานบ้านในระหว่างตั้งครรภ์
ควรทำงานต่อไปตามปกติ
ยกเว้นระยะที่มีอาการแพ้ท้องมาก
และควรเดินเล่นออกกำลังกายทุกวัน
แต่ต้องหยุดพักทันทีที่คุณรู้สึกเหนื่อย
หญิงมีครรภ์ไม่ควรไปเล่นน้ำทะเล
และแม่น้ำลำคลอง เพราะน้ำบางแห่งสกปรก

การร่วมเพศกับสามี
ควรหลีกเลี่ยงในระยะแรกของการตั้งครรภ์
เพื่อป้องกันการแท้งลูก
และไม่ควรร่วมกับสามีในระยะ 4 สัปดาห์
ก่อนกำหนด คลอด

คุณควรถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา
สำหรับผู้ที่ท้องผูกบ่อย ๆ เมื่อตั้งครรภ์
ท้องจะผูกมากขึ้น
คุณควรพยายามถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาหลังอาหารเช้า
กินผักสด ผลไม้ (เช่นมะละกอ กล้วย ฯลฯ) ให้มาก ๆ
ดื่มน้ำมาก ๆ หลังตื่นนอนตอนเช้า
การใช้ยาถ่ายรุนแรงอาจทำให้แท้งลูกได้
การขาดการออกกำลังกายเป็นประจำก็ทำให้ท้องผูกได้
คุณควรเดินเล่นเป็นประจำทุกวัน

การตั้งครรภ์อาจทำให้ฟันของคุณเสื่อมลงได้
ถ้าฟันของคุณผุ ก็ควรรีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็ว
ควรฉีดยาป้องกันบาดทะยักก่อนอายุครรภ์ได้ 6 เดือน

เด็กในท้องจะเติบโตขึ้นทุกวัน
ดังนั้นคุณไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่รัดหน้าอก หน้าท้อง
ควรสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย เท้าของคุณจะบวมง่ายขึ้น
จึงไม่ควรสวมรองเท้าคับ ๆ

ในกรณีที่ท้องขยายใหญ่รวดเร็วเกินไป
จะทำให้เกิดอาหารท้องลาย
คุณควรระวังไม่ให้น้ำหนักเพิ่มเร็วเกินไป
โดยชั่งน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ
และควบคุมอาหารที่กินโดยเฉพาะอาหารประเภทแป้ง
น้ำตาล และไขมัน

สำหรับผู้ที่มีหัวนมบอด
ควรนวดและดึงหัวนมประมาณ 4-5 นาที
ทุกครั้งหลังอาบน้ำ แต่ไม่ควรกังวลกับมันมากนัก
เพราะส่วนใหญ่ปัญหานี้
มักแก้ตกเมื่อพยายามให้เด็กดูดนม
อย่าล้มเลิกความตั้งใจแล้วหันไปหานมผงเสียง่าย ๆ
เป็นอันขาด

ปัญหาสำหรับหญิงตั้งครรภ์อีกอย่าหนึ่งคือการแท้งลูก
ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ เช่น แม่เป็นโรคติดเชื้อ
เป็นโรคครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง
หรือสาเหตุจากการกินยารักษาโรค ฯลฯ
ส่วนใหญ่การแท้งลูกมักไม่ทราบสาเหตุโดยแน่ชัด
ลักษณะอาการของการแท้งลูกคือ
มีเลือดออกและปวดบริเวณท้องน้อย
ซึ่งบางครั้งอาการปวดอาจไม่รุนแรงนัก
ถ้ามีอาหารดังกล่าวคุณควรนอนพักผ่อนให้สบาย ๆ
และติดต่อแพทย์
เลือดหรือชิ้นเนื้อที่ออกทางช่องคลอด
ควรเก็บไว้ให้แพทย์ดู ในกรณีที่คุณอาจแท้ง
แพทย์จำเป็นต้องให้อยู่โรงพยาบาล
เพื่อให้พักผ่อนร่างกายให้มากที่สุด

การป้องกันการแท้งลูกกระทำได้โดย
ระวังมิให้เป็นโรคติดเชื้อ ไปรับการตรวจครรภ์เป็นประจำ
เพื่อป้องกันโรคครรภ์เป็นพิษ ไม่กินยา
ทุกชนิดด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่มีประวัติการแท้งลูกมาก่อนควรระวังให้มาก
ควรปรึกษาแพทย์และฝากท้องในระยะเริ่มตั้งครรภ์
เมื่อใกล้เดือนที่คุณเคยแท้งลูก
ควรหลีกเลี่ยงการใช้แรงกายอย่างหักโหม
และการร่วมเพศกับสามี

ถึงแม้คุณจะไม่เคยมีประวัติการแท้งลูกมาก่อนก็ตาม
ในระยะแรกตั้งครรภ์จนถึง 3-4 เดือน ไม่ควรกินยา
เพราะระยะนี้เป็นระยะที่อวัยวะต่าง ๆ ของเด็กในท้อง
กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

ยาบางชนิดมีผลทำให้เด็กในครรภ์
กลายเป็นเด็กไม่สมประกอบไปได้
และถึงแม้อายุครรภ์เลย 4 เดือนไปแล้วก็ตาม
ถ้าคุณกินยาที่มีส่วนผสมขอเตตราซัยคลีน
ลูกของคุณจะมีฟันสีเหลือง
ถ้าคุณฉีดยาสเตรปโตมัยซิน หรือกาน่ามัยซิน
ระหว่างตั้งครรภ์ลูกของคุณอาจหูพิการได้

ระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ควรเลี้ยงหรือเล่นกับสุนัขและแมว
เพื่อป้องกันการติดโรค
เช่น พยาธิทอกโซปลาสมา (Toxoplasmosis)
ซึ่งอาจจะทำให้ลูกที่ออกมามีความผิดปกติต่าง ๆ ได้
เช่น หัวโตหรือหัวเล็ก ชักตามองไม่เห็น ฯลฯ
และควรระวังโรคหัดเยอรมันซึ่งจะทำให้ลูกของคุณพิการได้
ถ้าคุณตั้งครรภ์ยังไม่ถึง 3 เดือน
และมีเด็กในละแวกบ้านเป็นหัดเยอรมัน
คุณไม่ควรเข้าใกล้เด็ก ๆ เหล่านั้น
ในกรณีที่ลูกคนโตของคุณเกิดเป็นหัดเยอรมันขึ้นมา
ก็จะเป็นเรื่องยุ่งสักหน่อย
เพราะบางครั้งทั้ง ๆ ที่คุณเป็นหัดเยอรมัน
ก็อาจไม่มีผื่นขึ้น
ดังนั้น ถ้าไม่แน่ใจก็ควรไปปรึกษาแพทย์
แพทย์อาจพิจารณาทำแท้งให้คุณ
ในกรณีที่รู้แน่ชัดว่าเป็นหัดเยอรมัน
และคุณตั้งครรภ์ได้ไม่ถึง 3 เดือน
เพื่อหลีกเลี่ยง และป้องกันเด็กในครรภ์
ไม่ให้เกิดมาพิการ

นอกจากหัดเยอรมันแล้ว
โรคอื่น ๆ ที่จะทำให้เด็กในครรภ์พิการ
อย่างแน่นอกนั้นดูเหมือนจะไม่มี
แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะอายุครรภ์ 3 เดือนแรก
เพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเข้าใกล้คนที่เป็นหวัด
เพราะโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิดที่เป็นอันตราย
ต่อลูกในครรภ์ของคุณก็ได้

เมื่อครบกำหนดคลอดแล้ว
คุณยังไม่คลอดก็ไม่ต้องกังวล
การคลอดล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 2 สัปดาห์นั้น
เป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าเกินกำหนด 2 สัปดาห์ไปแล้ว
เด็กอาจจะเกิดภาวะขาดออกซิเจนได้
คุณไม่ควรกังวลเรื่องความเจ็บปวดตอนคลอด
และไม่จำเป็นต้องขอร้องหมอให้ทำคลอดแบบไม่เจ็บให้
เพราะหมอที่ดูแลคุณอยู่จะรู้ดีว่านิสัยของคุณเป็นอย่างไร
และจะเลือกวิธีทำคลอดที่เหมาะสมให้แก่คุณเอง

เมื่อคุณทราบว่าจะมีลูก
ทั้งคุณและสามีมักคิดถึงเรื่องกรรมพันธุ์
อยากรู้ว่าในครอบครัวของอีกฝ่ายหนึ่ง
มีผู้เป็นโรคที่ติดต่อได้ทางกรรมพันธุ์หรือไม่
เช่น เบาหวาน ตาบอดสี โรคจิต เป็นต้น

ในประเทศไทย ที่พบบ่อยคือ
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
(เป็นโรคโลหิตจางชนิดหนึ่งที่พบได้ในบ้านเรา
ผู้ป่วยจะมีอาการซีดเหลืองและม้ามโตเรื้อรัง
บางครั้งชาวบ้านเรียกว่าโรคป้าง)
ซึ่งอาจพบในคู่สมรสที่เป็นญาติใกล้ชิดกัน
สามารถตรวจเลือดดูได้

การตรวจครรภ์แฝดนั้นค่อนข้างยุ่งยาก
ถ้าคุณรู้สึกว่ามีเด็กดิ้นอยู่ 2 แห่งในท้อง
หรือท้องโตเร็วผิดปกติธรรมดา
ควรบอกแพทย์ให้ทราบ
แพทย์จะได้ฟังเสียงเด็กในครรภ์อย่างละเอียด
และถ้าตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์
ซึ่งใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจ
ก็จะทราบได้ทันทีว่าเป็นครรภ์แฝดหรือไม่
โดยไม่มีอันตรายต่อเด็กในครรภ์
นอกจากนี้ ยังอาจใช้เครื่องอัลตราซาวนด์
ตรวจดูเพศของเด็กในครรภ์ได้
เมื่ออายุครรภ์ 7 เดือนขึ้นไป
ที่มาของสาระดีๆ ขอขอบคุณ


Create Date : 09 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 20:05:28 น. 0 comments
Counter : 244 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หนูเหนือ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หนูเหนือ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.