walking stories เรื่องพื้นๆ
walking stories เรื่องพื้นๆ สำนักพิมพ์ FULLSTOP ราคา 195 บาท จำนวน 159 หน้า
จากภาพถ่ายกลายเป็นเรื่องราว คือสโลแกนหลักของหนังสือเล่มนี้ที่หยิบเอาภาพถ่ายแห่งการก้าวเดินมาสานต่อเป็นเรื่องราว 7 เรื่อง จาก 7 นักเขียน...
Start
เรื่องที่ 1 walking stories โดย ประธาน ธีระธาดา บทความว่าด้วยคำถาม ทัศนคติและมุมมองเกี่ยวกับการก้าวเดินในความหมายเชิงนัยที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อหนังสือ
คนเราต้องเดินหน้าเวลาหรือเข็มนาฬิกา? ความจริงแล้วตัวที่เคลื่อนไปข้างหน้าก็คือตัวเลขสมมุติต่างๆ ที่บอกชั่วโมง นาที วัน เดือน ปี ฯลฯ ต่างหาก ส่วนเวลาจริงๆนั้นจะไปข้างหน้าด้วยหรือเปล่า
สมแล้วที่เป็นผลงานเปิดเล่ม ชอบเป็นพิเศษกับการนำเอาประโยคเด็ดในโฆษณาดังอย่าง Keep Walking มาสานต่อในมุมมองของนักเขียนเอง
เรื่องที่ 2 เงา โดย ทินกร หุตางกูร เรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชอบดูเงาเป็นชีวิตจิตใจ
เด็กกำพร้าอยู่คนเดียวบนโลกก็มีเงาเป็นเพื่อน
เป็นเรื่องสั้นที่สั้นได้ใจ แต่ก็ยังมีอะไรให้เอากลับไปคิดต่อ แถมยังปิดเรื่องได้โดน ด้วยการนำเอาท่อนหนึ่งในเพลงดัง My Only Best Friend มาเขียนถึงคือ.. เงาของฉันคือเพื่อนแสนดีของฉัน มันตามฉันไปทุกที่ อยู่ข้างกายฉันยามเธอจากไปและฉันไม่มีใคร
เรื่องที่ 3 ก้อนเนื้อในน้ำ โดย วินทร์ เลียววาริณ เป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับคู่รักที่เล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของคนรักกับคนแปลกหน้า ความรักกับความหลง และความจริงกับความลวง
ระยะทางระหว่างสวรรค์กับนรกห่างกันเพียงหนึ่งวูบอารมณ์
ชอบมากกับตอนจบที่มีให้เลือกอ่านถึง 4 แบบเหมือนกับว่าให้คนอ่านได้เลือกกันเอาเองว่าบทสรุปสุดท้ายถ้าเป็นตัวเรามันจะจบลงแบบไหน?
เรื่องที่ 4 เวลา โดย ดวงฤทธิ์ บุนนาค เป็นบทความที่พูดถึงเรื่องของเวลาในมุมมองแบบการตั้งข้อสงสัยของนักเขียนเอง
ทุกสรรพสิ่งถูกยึดโยงไว้ด้วยโครงสร้างเดียวกัน โครงสร้างที่มองไม่เห็น และมีอำนาจสูงสุดในสากลโลกก็คือเวลา
พออ่านจบก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า...บางทีโครงสร้างของเวลาที่มนุษย์เรารับรู้อยู่ในทุกวันนี้ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เพราะความจริงอาจจะซับซ้อนเกินไปกว่าความเข้าใจของมนุษย์ แถมคนเขียนยังปิดท้ายด้วยคำถามเชิงเปิดคำถามนี้อีกว่า.. มนุษย์พร้อมแค่ไหนสำหรับความจริง และยอมรับได้มากเพียงใด
เรื่องที่ 5 คิดถึงตะวัน โดย กรกฏ พัลลภรักษา เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มหนึ่งคนกับเด็กหัวใจสวย 2 คนที่มีเรื่องเล่าจากการเดินทางเป็นตัวสร้างมิตรภาพระหว่างพวกเขา
เพราะการเดินทาง ไม่ได้แปลว่าการได้ก้าวเดินเพียงอย่างเดียว บางทีคือการก้าวข้ามทางที่ไม่เคยเดิน... ต่างหาก
เป็นเรื่องสั้นที่ชอบมากที่สุดในหนังสือเล่มนี้ที่สื่อออกมาด้วยภาษาที่เรียบง่าย แต่อ่านแล้วเข้าถึงในอารมณ์
เรื่องที่ 6 ดนตรีตามทางเดิน โดย อาทิตย์ พรหมประสิทธิ์ บทความว่าด้วยเรื่องราวและที่มาของดนตรีบนทางเดิน
อย่างที่ทุกคนทราบดี หากสังคมยิ่งเลวร้ายและฟอนเฟะเพียงใด ศิลปะที่สร้างสรรค์ออกมาจะยิ่งเยี่ยมยอดขึ้นเท่านั้น นี่แหละดนตรีตามทางเดิน
ออกจะเป็นงานเขียนที่เฉพาะกลุ่มไปหน่อย เพราะถ้าใครไม่สนใจหรือรู้ข้อมูลในดนตรีแนวนี้มาก่อน ก็ออกจะเกิดอาการ งง มากถึงมากที่สุด เนื่องจากในงานเขียนเรื่องนี้มีแต่การอ้างอิงถึงข้อมูลมากมายเต็มไปหมด แถมยังเป็นข้อมูลที่เฉพาะกลุ่มมากๆอีกต่างหาก
เรื่องที่ 7 walking walking โดย ปิยะลักษณ์ นาคะโยธิน เป็นเรื่องสั้นปิดท้ายที่กล่าวถึง การตัดสินใจ เป็นใจความหลักสำคัญ
ภายในชั่วแวบ แค่เพียงกระพริบตา แค่เพียงก้าวพลาด แค่เพียงเลี้ยวผิด แค่เลือกในอีกทางหรือมาจากการจำยอมและจำนนต่อโชคชะตา เหตุการณ์พลิกผันได้เสมอ
อ่านจบแล้วก็ทำให้คิดได้ว่าบางเหตุการณ์ถ้าเราตัดสินใจถูกก็ดีไป แต่ถ้าเราตัดสินใจผิดเมื่อไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะเลวร้ายและร้ายแรงเกินกว่าที่จะแก้ไขก็เป็นได้
Stop
ขอปิดท้ายด้วยประโยคคมๆเหล่านี้คือ...
บางทีคนเราก็จำเป็นต้องเก็บเล็กผสมน้อยจากผู้คนในที่ต่างๆมาสร้างความสมบูรณ์ให้กับตัวเอง
-หน้า 10-
กับ
...ทุกคนทราบดีว่าจิตใจที่เจ็บช้ำมากเท่าไหร่ เพลงก็ยิ่งเพราะมากขึ้นเท่านั้น
-หน้า 128-
และ
คำปลอบใจที่ว่าให้อดทน ต้องใช้เวลา อาจไม่เพียงพอ เพราะคำถามที่ต้องการคำตอบว่าเมื่อไหร่จะหายนั้น มันเป็นห้วงเวลาที่ผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน
-หน้า 156-
ปล. ยังคงมีคำผิดและพิมพ์ซ้ำอยู่หลายจุดมากครับ
เรื่องที่แนะนำ : คิดถึงตะวัน โดย กรกฏ พัลลภรักษา, ก้อนเนื้อในน้ำ โดย วินทร์ เลียววาริณ และ walking stories โดย ประธาน ธีระธาดา
My Comment เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีดีตรงไอเดียนำภาพถ่ายมาขยายเป็นเรื่องราวครับผม
Create Date : 20 พฤษภาคม 2556 |
|
15 comments |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2557 15:53:07 น. |
Counter : 1454 Pageviews. |
|
|
|
ปล. พี่ก๋าก็หงุดหงิดนะครับ
เวลาเจอคำผิดเยอะๆในหนังสือ
ปล. 2 เห็นด้วยกับเราเลยครับ
ความสามัคคีในประเทศเป็นสิ่งที่เราอยากเห็นมกาๆเลยครับ