Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 16






ทศชาติชาดก
เรื่อง พระมหาชนก
ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 16


จากตอนที่แล้ว พระมหาชนกราชทรงยืนระลึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย แล้วเปล่งอุทานว่า “บัณฑิตทั้งหลาย ผู้มีปกติหลีกเร้น ปราศจากเครื่องผูกคือกิเลส อยู่ที่ไหนหนอ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่ท่าน ใครหนอจะสามารถนำเราไปสู่สถานที่อยู่ของบัณฑิตเหล่านั้นได้”

พระมหาชนกทรงเจริญธรรมอยู่บนปราสาท จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป ๔ เดือน พระราชนิเวศน์ที่งดงามดุจดาวดึงส์พิภพกลับปรากฏดุจโลกันตนรก ทำให้พระองค์มีพระหฤทัยเบื่อหน่าย มุ่งตรงต่อการบรรพชา ได้ทรงพรรณนาถึงความมั่งคั่งรุ่งเรืองของกรุงมิถิลา ซึ่งได้มาพร้อมกับภาระผูกพันที่มากมายว่า“เมื่อไรหนอ เราจึงจะได้สละกรุงมิถิลาราชธานีแห่งนี้ ซึ่งนายช่างผู้ฉลาดได้จัดสร้างไว้อย่างดี มีประตูถนน มีกำแพงและหอคอยเป็นจำนวนมาก”


พระมหาชนกราชทรงรำพึงรำพันอย่างนี้เป็นประจำ หลังจากที่ทรงเจริญสมณธรรมอยู่บนปราสาทแล้ว พระราชหฤทัยไม่ทรงยินดีในเบญจกามคุณอีกเลย ทรงคิดหาทางที่จะออกผนวชตลอดเวลา แต่เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชา การที่จะเสด็จออกผนวช ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ พระองค์จะต้องถูกคัดค้านจากพระอัครมเหสี จากเสนาบดีและเหล่าอำมาตย์ จากพสกนิกรและหมู่อาณาประชาราษฎร์อีกมากมาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงไตร่ตรองอยู่นานจนวันคืนล่วงไป



แต่เมื่อยังทรงนึกหาทางออกไม่ได้ ก็ทรงรำพึงรำพันไปเรื่อยๆ วันสุดท้ายพระองค์ทรงเปล่งอุทานว่า

“เมื่อไรหนอ เราจึงจะได้ปลงผม ห่มผ้ากาสายะ
ทรงผ้าสังฆาฏิที่ทำด้วยผ้าบังสุกุลที่เขาทิ้งไว้ตามถนนหนทาง อุ้มบาตร เที่ยวเดินบิณฑบาต

เมื่อไรหนอ เมื่อฝนตก ๗ วัน เราจะเป็นผู้มีจีวรเปียกชุ่ม มีความเย็นกายเย็นใจเที่ยวบิณฑบาต
จะจาริกไปตามร่มไม้ ตามราวป่า ทั้งกลางวันและกลางคืน เที่ยวไปโดยไม่กังวลถึงกิจการงานใดๆ


เมื่อไรหนอ เราจึงจะได้ละความกลัวและความขลาดได้เด็ดขาด
ได้อยู่ผู้เดียวตามภูเขาและสถานที่อันสงบ จะทำจิตให้ตรง ดุจคนดีดพิณ ดีดสายทั้ง ๗ ให้เป็นที่รื่นรมย์ใจ


ความประสงค์นั้นจะสำเร็จได้เมื่อไรหนอ และเราจักตัดกามสังโยชน์ทั้งที่เป็นของมนุษย์และที่เป็นของทิพย์
เป็นผู้ไม่มีความอาลัยในโลกทั้งปวงได้เมื่อไรหนอ”


พระองค์ทรงหวนรำลึกถึงต้นมะม่วง ที่มีผลดกแต่ถูกทำลายไป ทรงยกเอาต้นมะม่วงนั้นมาเป็นครู ความรู้สึกสลดใจยังฝังแน่นอยู่ในพระราชหฤทัยของพระองค์เสมอมา แม้เวลาจะผ่านเลย ๔ เดือนไปแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พระองค์ทรงสลดพระราชหฤทัย ไม่มีความอาลัยในราชสมบัติอีกแล้ว ดำริจะออกผนวชเพียงอย่างเดียว เพราะทรงเห็นว่าเพศของนักบวชเท่านั้น ประเสริฐกว่าเพศของพระราชา

ในระหว่างนั้นพระองค์ก็ทรงพิจารณาว่า บัดนี้พระโอรสก็เติบใหญ่แล้ว สมควรที่จะครองราชสมบัติแทนเราได้แล้ว เราไม่มีห่วงกังวลอันใดอีก



ครั้นดำริฉะนี้แล้วจึงรับสั่งราชบุรุษผู้รับใช้ใกล้ชิด เป็นความลับว่า “เจ้าจงไปหาผ้าย้อมฝาดและบาตรดินมาให้เรา และอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด”

ราชบุรุษก็ทำตามรับสั่งทุกประการ จากนั้นทรงโปรดให้เรียกเจ้าพนักงานภูษามาลาเข้ามาเฝ้า ให้ปลงพระเกศาและพระมัสสุ

ทรงโปรดให้บ้านส่วยแก่นายภูษามาลาเป็นเครื่องตอบแทน แล้วทรงอนุญาตให้เขากลับไป


ทรงนุ่งผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง ทรงห่มผืนหนึ่ง ทรงพาดผืนหนึ่งที่พระอังสา ทรงอุ้มประคองบาตรดินอย่างสง่างาม จากนั้น ก็เสด็จจงกรมในปราสาท เหมือนพระปัจเจกพุทธเจ้ากำลังออกเดินบิณฑบาต

ด้วยความที่ทรงมีปีติในบรรพชาเพศ จึงทรงเปล่งอุทานว่า “โอ บรรพชาเป็นสุขจริงหนอ เป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นสุขอันประเสริฐ...”



พระมหาสัตว์เจริญธรรมอยู่ในปราสาทนั้น ตลอดทั้งวัน ทรงปรารภจะเสด็จลงจากปราสาทในวันรุ่งขึ้น ทรงทำสมาธิเจริญภาวนาตลอดคืนยันรุ่ง แล้วพระองค์ก็ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเด็ดขาดที่จะเสด็จออกจากพระราชวัง โดยไม่ต้องอำลาใคร


และในวันนั้นเอง พระนางสีวลีเทวีทรงรู้สึกหวั่นพระหฤทัยอยู่ลึกๆ เพราะไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระราชามานานถึง ๔ เดือน จึงตรัสเรียกสตรีคนสนิท ๗๐๐ คน เข้าพบเป็นการด่วน

พระนางทรงรับสั่งว่า “พวกเราไม่ได้เห็นพระราชามานานแล้ว วันนี้พวกเราจะไปเข้าเฝ้าพระราชากัน แต่ให้ทุกคนตกแต่งด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง แสดงกิริยาอาการร่าเริง พูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ และขับร้องด้วยลีลาที่งดงาม เพื่อช่วยกันผูกใจของพระองค์ไว้”

ส่วนพระเทวีก็ทรงประดับตกแต่งพระองค์อย่างสวยงามราวเทพธิดา แล้วเสด็จก็ขึ้นปราสาทกับเหล่าสตรีทั้ง ๗๐๐ นาง

ในขณะที่เสด็จขึ้นบนปราสาทนั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พระราชาเสด็จลงมาพอดี แต่พระเทวีก็ไม่ได้เฉลียวพระหฤทัย เห็นแต่กิริยาอาการที่สงบสำรวมเหมือนกับสมณะที่บวชมานาน ก็ทรงจำไม่ได้

พระเทวีได้แต่ทรงนึกว่าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าที่มาสนทนากับพระราชาเป็นประจำ จึงทรงหลีกทางและทรงนั่งลงพนมมือไหว้ด้วยความเคารพ จากนั้นก็เสด็จลุกเดินขึ้นไปบนปราสาท


เมื่อเสด็จขึ้นไปถึงที่ประทับ ก็ไม่ทรงเห็นใครเลย ทอดพระเนตรเห็นเพียงเส้นพระเกศาที่วางไว้อยู่บนพระแท่นสิริไสยาสน์ และห่อเครื่องราชาภรณ์

ทรงคาดการณ์ว่า นี้จะต้องเป็นเส้นพระเกศาของพระราชสวามี พระองค์ทรงปลงพระเกศาแล้วก็ทรงเปลี่ยนชุดเป็นบรรพชิต สละเครื่องราชาภรณ์วางไว้แล้วก็เสด็จลงจากพระราชวังไป

ก็ทรงทราบได้ว่า “บรรพชิตรูปนั้น คงไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้าเสียแล้ว จะต้องเป็นพระราชสวามีสุดที่รักของเราอย่างแน่นอน”

เมื่อดำริดังนี้แล้ว จึงทรงร้องสั่งพวกกำนัลในทั้งหลายว่า “บรรพชิตรูปนั้น ต้องเป็นพระราชาแน่พวกเราต้องรีบไปทูลให้พระองค์เสด็จกลับ เร็วเข้าเถิด”

รับสั่งแล้วก็รีบเสด็จลงจากปราสาททันที ส่วนว่าพระนางจะมีโอกาสได้พบพระราชสวามีอีกหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป....

โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

from dmc.tv



Create Date : 12 ตุลาคม 2550
Last Update : 12 ตุลาคม 2550 14:05:24 น. 3 comments
Counter : 1067 Pageviews.

 
...........


โดย: ... IP: 124.120.42.98 วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:19:35:04 น.  

 
ยินดี
ที่ได้รู้จัก


โดย: ส้ม IP: 124.121.188.147 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:10:08 น.  

 
ทำ


โดย: อนุ IP: 125.26.227.192 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:10:21:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมืองทะเลทราย
Location :
Dubai United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ว้า...ดูไบเนี่ยทำไม มันร้อนจริง ๆ เลย



Friends' blogs
[Add เมืองทะเลทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.