มังกรเขียว...ในหมู่ไม้...ใต้เงาเมฆ

Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 

[Old Sketch]...ของข้างกาย...วัยละอ่อน

ตั้งแต่หลังเป็นคนรับน้อง(ตอนปีสาม) เป็นต้นมา จวบจนทำละคอนเวที
ผ่านไปอีกปี ขณะวิถีชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเดินทางมาถึงปิดภาคเรียน
ฤดูร้อนสุดท้าย ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเรียนปีสุดท้ายในระดับปริญญาตรี
เราและเพื่อนร่วมรุ่นเกือบทุกคน เริ่มตระหนักและสำเหนียก ถึงความ
เป็นผู้มีวัยวุฒิ ที่นอกจะบ่งบอกได้จากตัวชี้วัดทางสังคม

(ที่มีรุ่นพี่ให้ไหว้อยู่แค่ปีเดียว ไม่นับพี่ปริญญาโท และในเทอมหน้าที่จะถึงนี้
จะเป็นพี่ใหญ่ที่ต้องรอแต่จะให้น้องมาไหว้แล้ว) ยังสามารถแสดง
ทางกายภาพคือ สังขารอันร่วงโรย ไม่สามารถทำงานหามรุ่งหามค่ำโดย
ไม่นอนติดกันสองสามวันได้อีกต่อไป หรือแม้แต่บันไดที่เคยเดินขึ้นได้
ถึงชั้นสิบ สมัยปีหนึ่ง ให้มาเดินตอนนี้คงหอบฮั่ก และเข่าลั่นเอี๊ยดอ๊าด

ผู้คนวัยเดียวกันเริ่มหวนระลึกถึงความหลัง ขุดคุ้ยภาพถ่ายเก่า สมัยปีมะโว้
(มันคือการนับปีแบบไหนไม่ทราบได้) มาตีแผ่ บ้างก็ว่าเพื่อระลึกความหลัง
หลายๆ อย่างที่ไม่อาจหวนคืน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความใสของผิวหน้า
รูปร่างที่แบบบาง ที่ไม่อาจนำกลับมาได้อีกแล้ว จากการกรำแสงไฟ
ของโต๊ะดราฟท์(โต๊ะเขียนแบบ) ในการนอนดึก แต่หลายคนมีการเปลี่ยนแปลง

ไปในทางที่ดีขึ้น ผมเผ้าลงตัวดูดี การแต่งกายเข้าที่เข้าทาง บ้างรู้จัก
ใช้เครื่องสำอาง เปลี่ยนแว่นสายตาเป็นคอนแทคเลนส์ จากปีหนึ่งจนถึงปีสี่
บางคนเปลี่ยนทรงผมไปแล้วนับสิบทรง ไม่เพียงแต่เพื่อนมหาวิทยาลัย
เพื่อนเก่าสมัยประถม ม.ต้น ม.ปลาย ก็พยายามตามตัวโทร.หา มาพบปะสังสรรค์

เพราะต่างออกไปสู่โลกกว้าง ยิ่งออกไปไกลก็ยิ่งเหงา แม้จะแกร่งขึ้น
เก่งขึ้น แต่ก็ย่อมมีวันอ่อนแอ และโหยหาสิ่งที่เป็นรากเหง้า
บรรยากาศเดิมๆ ที่เคยคุ้น และรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้สัมผัสหวนคืน
ยิ่งหลายคน ที่เรียนมหาวิทยาลัยหลักสูตรสี่ปี ตอนนี้ก็พร้อมจะออก
ไปสู่โลกแห่งการทำงาน ซึ่งหวังจากหาเพื่อนที่จะผูกพัน จริงใจ และเข้าใจ

แบบเพื่อนที่เล่นหัวคลุกคลีตีโมง ร่วมหัวจมท้าย ลองผิดลองถูก
เจอประสบการณ์ต่างๆ มาด้วยกันตั้งแต่เด็กได้ยากเต็มที การได้พูดคุย
ถึงเรื่องเก่าๆ นั่งระลึกถึงวันเก่าๆ แม้เคยมีทั้งสิ่งดี สิ่งผิดพลาด
แต่ก็อบอวลไปด้วยความสุขและกำลังใจ

ยามดึกคืนก่อน อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากเขียนบล็อก บันทึกฝึกงานชักไม่สนุก
เพราะต้องพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ทุกสัปดาห์อยู่แล้ว แม้ว่าถ้าฉันจะเขียน
ก็หาเรื่องมาเล่าได้มากมาย แต่ตอนนี้ฉันอยากทำอะไรที่ผ่อนคลาย
เหมือนบรรยากาศในยามนี้ ที่แม้ฟ้าหม่น แต่มีสายลมพัดแผ่วเย็น

เมื่อวานฉันนัดกินข้าวเย็น กับเพื่อนม.ปลาย ที่สนิทๆ คนนึงไม่ได้เจอเกือบปี
อีกสองคนเพิ่งเจอกันไปเมื่อต้นเดือนกุมภา เป็นครั้งแรกที่สี่คน ไม่มีใคร
เรียนคณะเดียวกันเลย เป็นความสุขของเด็กวิศวะ กับสถาปัตย์มาก
ที่ไม่ต้องนั่งเอ๋อ ฟังเพื่อนที่เรียนสายแพทย์ ทั้งแพทย์ สัตว์แพทย์
และทันตแพทย์คุยกัน วันนี้เรามีทั้งนิติฯ แพทย์ วิศวะ สถาปัตย์ คุยกันอย่างสนุก

เพื่อนหมอโอดครวญให้ฟังว่า คณะของเธอเรียนหนักเป็นที่สุด
และพยายามจูงใจให้เพื่อนที่เหลืออีกสามคนเชื่อว่า อย่างไรเสีย
คณะทันตะ ก็ไม่มีทางเรียนหนักกว่า(วันนี้ไม่มีทันตะมาเลยใส่เต็มที่)
วิศวะก็บอกว่าตัวเองสบายกว่า แต่คนที่บอกว่าตัวเองสบายสุด
ณ ตอนนี้ คือนิติฯ ที่ถึงแม้จะต้องอ่านหนังสือเยอะมากตอนสอบ

แต่งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายน้อย และตอนนี้เธอเป็นคนเดียว
ในโต๊ะอาหารที่เรียนจบแล้วอย่างสวยงาม ส่วนชายหนุามจากวิศวะนั้น
เรียนภาคอินเตอร์ เหลืออีกประมาณหนึ่งเดือนจึงจะจบ เพื่อนหมอ
ยังคงโอดครวญต่อไป ส่วนสถาปัตย์อย่างเราได้แต่นั่งเงียบและอมยิ้ม
พูดลอยๆ ว่า ขี้เกียจเล่าแล้วล่ะว่าเหนื่อยอย่างไร

เพื่อนๆ ก็หัวเราะ เป็นที่รู้กันว่า เราเป็นคนที่นัดออกมาเจอกันได้ยากที่สุดแล้ว
เรายิ้มรับปล่อยใจ ลอยไปถึงวันเก่าๆ เมื่อครั้งยังเป็นนิสิตใหม่

ตอนปีหนึ่งของการเรียนคณะสถาปัตย์ นอกจากจะเรียนวิชาพื้นฐาน
เหมือนๆ กันทุกภาคแล้ว ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรมของเรา
ยังมีวิชาเฉพาะ(ที่เราเรียกกันว่าวิชาภาค) อยู่ตัวหนึ่งด้วย
วิชานั้นมีชื่อว่า LA PRESENT TECH เห็นชื่อวิชาครั้งแรกตื่นเต้นกันใหญ่
เพราะเป็นวิชาภาคตัวแรกที่ได้เรียน เลยไม่รู้ว่า la นำหน้าที่ดูแล้ว
ฝรั่งเศ้ส...ฝรั่งเศส นั้นมาจากชื่อวิชาเต็มๆ ที่ว่า

Landscape Architectural Presentation Techniques
ซึ่งในเทอมต่อๆ มา เราจะเจอวิชาที่มีชื่อขึ้นด้วย LA เต็มไปหมด
วิชานี้เหมือนเป็นการเรียนปรับพื้นฐาน ให้พวกเรารุ่นที่
สอบเข้ามามหาวิทยาลัยด้วยข้อสอบ Admission ที่เน้นการวาดภาพ
ในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการเอ็นทรานซ์ระบบเก่า

เราได้เรียนทั้งการวาดเส้น วาดเส้นและแรเงาด้วยดินสอ
การ sketch ภาพด้วยปากกา การใช้สีน้ำ และการทำ portfolio
ประมาณตีหนึ่งของเมื่อคืนก่อนฉันดึงสมุด sketch ปกแข็งสีดำในชั้น
ที่ถูกนิตยสารหลายเล่มวางทับถมอยู่ พลิกเปิดดูตั้งแต่หน้าแรก
เริ่มงานชิ้นแรกด้วยภาพที่สมกับเป็นนิสิต ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม

นั่นก็คือภาพต้นไม้ที่นิสิตชื่นชอบในจุฬาฯ เราเลือกวาดต้น
หนวดปลาหมึกแคระที่บันไดทางขึ้นคณะบัญชี ช่วงนั้นไปเรียน
วิชาอังกฤษแถวนั้นบ่อยบวกกับเหตุผลที่ตอบอาจารย์ว่าทำไม
จึงเลือกวาดต้นนี้ คือ เพราะใบมันสวยดี

ต่อมาก็วาดเรือนไทยในคณะ วาดหน้าเพื่อนที่จับคู่กัน
วาดหน้าตัวเอง จากนั้นจึงเป็นช่วงใช้ปากกาที่ฉันโปรดปรานมาก
นั่นก็คือ Quick Sketch ที่สเกตช์เร็วๆ อย่างเดียวด้วยปากกาหมึกซึม
โดยไม่ต้องมีการร่างดินสอ อาจารย์ให้วาดอะไรก็ได้ส่ง
จำนวนสิบภาพ ใช้เวลาแต่ละภาพไม่ควรเกิน 10 นาที

ฉันจึงหยิบของใกล้ตัว ใกล้ไม้ใกล้มือมาสเกตช์ไว้
โดยไม่รู้เลยว่า วันหนึ่งมันจะกลายเป็นตัวช่วยบันทึก
ประวัติศาสตร์ส่วนตัวในช่วงนั้น

ภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้ ลงวันที่ 15 ส.ค. 2550 เสียดายไม่ได้ลงเวลาไว้
แต่แน่ใจได้ว่าวาดตอนช่วงพักลางวัน ของวันพุธซึ่งจะมีเรียน
วิชาดังกล่าวในตอนบ่ายนั่นแล งานทุกชิ้นนั้น เป็นQuick Sketch
จริงแท้ ไม่มีแอบอ้างเพราะรีบปั่นตอนใกล้จะส่งแล้วนั่นเอง

Photobucket

รูปที่ 1

ด้านซ้ายเป็นกระเป๋าสตางค์ ที่แพงที่สุดที่เคยซื้อเองจนบัดนี้
(คนอื่นซื้อให้แพงกว่านี้ทั้งนั้น) ยี่ห้อ TOUGH ซื้อแถว 29 พลาซ่าที่สยาม
น่าจะตั้งแต่ม.ปลาย และเป็นกระเป๋าสตางค์ใบเดียวที่เลิกใช้แล้ว
ยังปรากฏร่างของมันอยู่ เพราะใบอื่นๆ เปลี่ยนเพราะทำหายทั้งนั้น
(ยกเว้นใบก่อนหน้าใบปัจจุบัน ที่เกิดมาในยุคเลิกทำกระเป๋าสตางค์หาย
รายปีแล้ว)

รูปที่ 2

คือแก้วน้ำโรงอาหาร จำไม่ผิดน่าจะเป็นสละมะนาว
ช่วงปีหนึ่งนั้น เค้าขายเป็นแก้วแก้ว แต่หลังๆ เด็กคงเยอะมาก
ล้างแก้วไม่ทัน เลยใช้เป็นแก้วพลาสติกแทน ซึ่งสร้างขยะจำนวนมาก
เราเองเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ได้จะหิ้วน้ำไปกินที่ไหน ก็ยังคงสั่งแก้วแก้วอยู่
(ซึ่งจะถูกกว่าแก้วพลาสติก 1 บาทด้วย)

Photobucket

รูปที่ 3

ขวดน้ำคริสตัล แบบขวดแก้วถ้าจำไม่ผิดตอนปีหนึ่ง
ขายขวดละเพียงสี่บาท ทั้งแบบแช่เย็นและไม่แช่ (แต่เรามักจะดื่ม
แบบไม่แช่มากกว่า) แบบนี้ต้องคืนขวด พอเราไปซื้อที่คณะอื่น
ถึงกับงงเพราะเค้าขายห้าบาทกันทั้งนั้น ต่อมาไม่นานก็ขึ้นราคาเป็น
ห้าบาทเท่าที่อื่น ล่าสุดตอนปีสี่ด้วยจำนวนเด็กที่เยอะ และระเบียบวินัย
ที่หย่อน คนซื้อน้ำแล้วหิ้วไปกินทั่วคณะ เอาไปตั้งไว้ตามชั้นต่างๆ

โดยไม่นำขวดมาเก็บในที่เก็บจานที่ใช้แล้วให้เป็นที่ สร้างความเดือดร้อน
ให้กับร้านขายน้ำมาก คณะจึงมีมาตรการต้องจ่ายค่ามัดจำขวด
โดยซื้อน้ำในราคาขวดละ 10 บาท และจะคืนให้ 5 บาท เมื่อนำขวดมาคืน
ซึ่งแก้ปัญหาขวดหายได้ชะงัด เพราะนอกจากผู้ซื้อที่เสียดายเงินมัดจำแล้ว
สำหรับคนขี้เกียจคืนขวด และวางทิ้งเรี่ยราด ยังกลายเป็นการ
สร้างรายได้ให้กับแม่บ้านในคณะ ที่เก็บขวดเหล่านั้นมาเอาเงินมัดจำด้วย

หลายๆ คนที่เก็บขวดเป็นที่อยู่แล้ว(อย่างเรา) บางทีก็นึกรำคาญ
ที่ต้องคอยเดินย้อนกลับไปที่ร้านเพื่อเอาขวดไปคืน แต่ก็นับว่า
วิธีนี้มันได้ผลและประหยัดแรง พนักงานร้านน้ำจริงๆ

รูปที่ 4

จานอาหารกลางวัน น่าจะเป็นกระเพราหมูสับ ของเพื่อนสักคนหนึ่ง
ภาพนี้ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นอาหารอะไร เพราะวาดไม่ค่อยละเอียด

รูปที่ 5

คัตเตอร์สีเหลืองของ Olfa เป็นคัตเตอร์ที่แพงที่สุดตั้งแต่เคยรู้จักมา
ก่อนเข้าคณะนี้ แต่พอเข้ามาอยู่แล้วมีแบบแพงกว่านี้เยอะ
น่าจะราคาเกือบๆ สองร้อยบาท หายไปหลายรอบ และบางที
ก็เวียนกลับมาอีกเนื่องจากติดสติ๊กเกอร์ชื่อไว้ แต่ตอนนี้หายไปอย่าง
เด็ดขาดแล้ว พยายามซื้อยี่ห้อนี้อีกสองสามครั้งแล้วก็หายอีก
หลังๆ ใช้แบบถูกๆ หายจะได้ไม่เสียดาย แต่คุณภาพมันต่างกันมากจริงๆ

(โดยเฉพาะความรู้สึกมั่นคงในการจับ แล้วความคมและคมได้นาน
ของใบคัตเตอร์) เลยยังใช้ใบมีดของยี่ห้อนี้ซื้อมาเปลี่ยนอยู่

Photobucket

รูปที่ 6

โทรศัพท์ Nokia 72 สีแดง ใช้ดีมากและเป็นรุ่น N ที่ค่อนข้างเร็ว
เคยทำหายไปหนึ่งครั้ง แต่เจอในกระเป๋าที่ช่องเยอะเกินไปของตัวเอง
ตอนนั้นซื้อเครื่องใหม่เป็น Nokia 6120 classic แล้ว พอเจอเลยใช้
สองเครื่อง สุดท้ายในวันที่ทำโมเดลโปรเจกท์บ้านสองชั้นไม่ได้นอนสองวัน
สองคืน บวกกับดื่ม M150 ทั้งฝืนและรีดพลังไปใช้จนหมด สลบไป
หลังส่งงานเสร็จ ตื่นขึ้นมาพบว่ามันหายไปแล้วจริงๆ


รูปที่ 7

รองเท้าเปปเปอร์มิ้นท์สีขาว เป็นรองเท้าที่นิยมใช้กันมากในหมู่นิสิตปีหนึ่ง
เพราะเป็นระเบียบที่ต้องสวมรองเท้าสีขาว กับชุดนิสิตตลอดปีแรก
ไม่ทราบว่าใครเป็นต้นกำเนิดความนิยม เพราะถึงแม้ทางมหาวิทยาลัย
จะไม่ได้บังคับรูปแบบขอแค่เป็นสีขาวที่ดูเรียบร้อย แต่ด้วยรองเท้า
ทรงนี้มันมีขายคู่กับชุดนิสิตที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ (ศาลาพระเกี้ยว)
แล้วก็อุปกรณ์ อื่นๆ ทั้งเข็มขัด เข็มพระเกี้ยว และกระดุม

บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองก็เลยซื้อไปทีเดียว ไม่ให้ยุ่งยาก
และมั่นใจได้ว่าถูกระเบียบแน่ๆ เพราะมหาวิทยาลัยเป็นผู้อนุญาตให้ขาย
จึงเห็นนิสิตใหม่น้อยมากที่จะใช้รองเท้าแบบอื่น เช่น รองเท้าผ้าใบ
แบบที่ใช้ใส่เรียนพละตอนม.ปลาย หรือนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์
ที่มีระเบียบให้สวมคัทชูสีขาว คล้ายๆ กับที่พยาบาลสวม

รองเท้าคู่ที่เป็นแบบวาดรูปของเรานี้ ไม่ได้ยี่ห้อเปปเปอร์มิ้นท์
แต่ทำทรงคล้ายๆ กันเฉยๆ เหมือนว่าเปปเปอร์มิ้นท์จะไม่มีระบายๆ
ฝอยๆ ด้านหน้า แต่เราชอบแบบนี้เพราะดูคล้ายรองเท้าอินเดียนแดง
ใช้อยู่ปีนึงเต็มๆ ต้องสวมกับถุงเท้าสั้นสีขาว บางๆ เหมือนถุงน่อง
เทอมหลังบางทีก็ไม่สวมถุงเท้า เพราะไม่มีเวลาซัก แต่พี่รหัส
ติงมาว่าดูไม่สุภาพ ถ้าถุงเท้าไม่ได้ซักก็ใส่ซ้ำได้ เพราะไม่ได้ไปเลอะอะไร

(ไม่รู้คนคณะอื่นจะรับได้ไหมนี่) หลังๆ เลยต้องใส่ซ้ำจริงๆ
ซึ่งใส่ถุงเท้านี่ดีกว่าไม่ใส่ เพราะถ้าใส่กลับเท้าโดยตรงรองเท้าหนัง
จะเหม็นง่ายมาก และพื้นรองเท้าด้านในจะดำด้วย

Photobucket

รูปที่ 8

นาฬิกาคู่ชีพ ก่อนหน้าที่จะใช้ CASIO เรือนนี้เปลี่ยนนาฬิกาข้อมือ
บ่อยมาก เพราะใช้แบบแฟชั่นเรือนละไม่กี่ร้อยบาท หลายๆ เรือน
ดูดีเกินราคา และเราชอบมาก แต่มันมักจะไม่ทน หลังจากถ่านหมดครั้งแรก
พอเปลี่ยนถ่านก็มักจะใช้ไม่ได้ หรือบางเรือนก็สายหลุด สายขาด
เกเรไม่เดินเอาดื้อๆ บ้าง ราคาก็ถูกจนไม่คุ้มค่าซ่อม

พอมีเรือนนี้ก็ไม่ค่อยได้หาเรือนอื่นมาสลับใช้ ที่มีดีๆ บ้าง
ก็ใช้เสียจนพังแล้วก็กลับมาใช้เรือนนี้อีก เคยได้ Vabene(Italy)
มาฟรีๆ เรือนหนึ่ง เค้าว่าราคาตั้ง 8,900 บาท ใช้ได้ไม่นาน
ถอดไว้ในกระเป๋าข้างสนามรักบี้ ปรากฏว่ากระเป๋าวางซ้อนๆ กันเปิดไว้
มันดันเอนเทของหกออกมา สายนาฬิกาโดนเหยียบ หักอีกเพราะเป็นพลาสติก

ตอนนี้ยังไม่มีนาฬากาเรือนไหนแทนเรือนนี้ได้ แม้รูปแบบจะไม่ทันสมัย
แต่ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าไม่สวย เพื่อนก็ชมแบบอ้อมแอ้มๆ ไป
ว่าสวยแบบคลาสสิก ถ้าไม่บอกอาจจะไม่รู้ว่าตัวเรือนส่วนที่ดูไขว้ๆ กันนั้น
เส้นนึงเป็นวัสดุด้านๆ อีกเส้นเป็นวัสดุเงาๆ เราคิด(ไปเอง)ว่ามันเก๋มาก
แถมเป็นนาฬิกาแบบเข็ม ที่กันน้ำ และเปิดไฟได้ด้วย(ไม่ค่อยเจอนะ)
ทำให้เป็นนาฬิกาที่ติดตัวไปใช้ได้ทุกสถานการณ์

รูปที่ 9

หลอดครีมนวดคลายกล้ามเนื้อ เอามาจากที่บ้าน
ช่วงนั้นเล่นรักบี้(เป็นกีฬาประจำคณะ) ตอนเย็นๆ แทบทุกวัน
เคยไม่มาเล่นแค่ไม่กี่ครั้ง แม้ว่างานจะเยอะขนาดไหน ทุ่มเท
กับการรับน้องเอามากๆ เพราะถ้าวันไหนคนมาน้อย
เพื่อนไม่ครบก็จะเล่นทีมไม่ได้ พี่ก็จะเสียใจ เพื่อนๆ ก็จะไม่สนุก
ช่วงนั้นเลยต้องพกยานวดคลายกล้ามเนื้อมาทุกวัน


---------------------------------------------------------------------------

งาน sketch ในวันนั้นเราส่งอาจารย์ไปทั้งหมด 13 รูป แต่คัดมาเพียง
9 รูป ที่เข้ากับหัวข้อในวันนี้ รูปที่เหลือเป็นนาฬิกาของเพื่อน
กระดาษขยำ ภาพละลุ และตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ที่วาดแบบ
ไม่ค่อย quick บรรจงไปหน่อยเพราะวาดมาจากบ้าน สุดท้ายพบว่า
วาดแบบควิกๆ จริงๆ สนุกกว่ากันเยอะ ได้รู้จักแก้ปัญหาเพราะไม่ได้ร่าง
ใช้ยางลบก็ไม่ได้ วาดผิดก็ต้องหาทางกลบเกลื่อนเอาเองว่าจะทำยังไง

ยิ่งเรียนปีสูงๆ ขึ้นก็ยิ่งได้วาดรูปเล่นๆ น้อยลง บล็อกกรุ๊ปนี้แหละ
ที่เราพยายามจะเอารูปที่วาดเป็นงานอดิเรกมาลงบ้าง ถ้าอยากอัพบล็อก
กรุ๊ปนี้ก็ต้องขยันวาดจะได้หางานมาลงได้ สมกับชื่อกรุ๊ป'ขีดคิด...ขยันเขียน'

บล็อกวันนี้ตั้งใจให้อยู่ในหมวดศิลปะ หลังจากตั้งหมวดประจำให้กรุ๊ป
อยู่ในหมวดติปาถะมาแต่ต้น เพราะไม่รู้จะใส่อะไรลงไปบ้าง

อากาศเย็นกลับมาอีกแล้ว โลกวิปริตจริงๆ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ




 

Create Date : 27 มีนาคม 2554
16 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2554 20:22:41 น.
Counter : 2361 Pageviews.

 

....ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานมาก
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนเคย
แต่พออ่านไปถึงรูปที่ 9 ทำเอางง
ต้องเลื่อนกลับขึ้นไปดูว่าเข้าผิดบ้านรึป่าว

เพราะเห็นประโยค...."ช่วงนั้นเล่นรักบี้"
ไม่เคยเห็นผู้หญิงเล่นรักบี้อะ
เพราะคณะที่เรียนก็มีหนุ่มๆ บ้ารักบี้กันเยอะ
รึว่าเข้าใจผิดว่ามังกรน้อยหัวยุ่งเป็นสาวหว่า....

555+ แต่ก็นั่นแหละ...
เยี่ยมมากจริงๆ ทั้งสำนวน ทั้งภาพสเ็ก็ต
แถมเล่นรักบี้ด้วยอะ...


 

โดย: mutcha_nu 27 มีนาคม 2554 21:27:48 น.  

 

เห็นแล้วทำใ้ห้พี่ก๋าอยากกลับมาจับปากกาสเก็ตท์รูปบ้างจัง

พี่ก๋าห่างหายจากการวาดรูปมานานมากครับ
หลังๆวาดแต่พู่กันเดียวอย่างเดียวเลยครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 28 มีนาคม 2554 15:19:54 น.  

 

ขอแปะแวะทักทายก่อนนะค่ะน้องเจื้อยแจ้ว ช่วงสัปดาห์นี้พี่ว่างแล้ว และยังไม่ได้ออกไปไหน ไว้จะค่อย ๆ อ่าน

ฝึกงานก็สู้ ๆ แระกันน๊า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนดูแลสุขภาพด้วย หวังว่าอากาศหนาวคงไม่ทำงานให้ขี้เกียจ(เหมือนพี่)หรอกน๊า หุๆๆ

หลับฝันดี ๆ ค่ะ

 

โดย: minporee 28 มีนาคม 2554 20:15:00 น.  

 


ลายเส้นสนุกมาก
แต่เราชอบคู่ 6 กะ 7 มากที่สุด
55 เป็นคู่ต่างที่ ติดหู กะติดพื้นเลย

อากาศเย็น ห่มผ้าอุ่น ๆนะ

 

โดย: ที่เห็นและเป็นมา 28 มีนาคม 2554 23:52:47 น.  

 

สวัสดีค่ะ บล๊อกนี้ถูกใจเป็นที่สุด เพราะว่า พ.ต.อยากวาดรูปได้บ้าง และชอบดูภาพสเกทช์อย่างนี้มาก ๆ ๆ ๆ ๆ ค่ะ

ถูกใจใช่เลย ถูกใจให้กิ๊ฟ กดไลค์เพราะถูกใจ คริ คริ

 

โดย: MeMoM 28 มีนาคม 2554 23:58:06 น.  

 

-เริ่มตระหนักและสำเหนียก ถึงความ
เป็นผู้มีวัยวุฒิ- ฮ่า ๆๆ ปีห้านี่เขาเรียกอะไรคะน้องเจื้อย ทวดรหัสเลยหรือเปล่า อ่านชีวิตในรั้วมหาลัยฯแล้วสนุกมากค่ะ คงเป็นห้าปีแห่งความทรงยำอันยากจะลืมเลือนในอนาคตแน่ ๆ

พี่ได้สัมผัสแค่สองปี แล้วก็เลือกที่จะก้าวออกมาเอง มานั่งนึกตอนนี้บางวันพี่ก็เสียดาย บางวันก็ไม่เสียดาย แต่พี่คงเสียดาย university of life ของตัวเองมากว่าถ้าไม่เลือกออกมาในวันนั้น

ชอบนรูป sketch มาก ๆ ค่ะ ฝันว่าถ้าวาดเป็นได้สักครึ่งคงสนุกกับผลงานของตัวเองน่าดู วาด ๆ อะไรนี่ทำไม่ได้เลยค่ะ เพราะถ้าทำได้ พี่คงนั่งรถไฟเข้าปารีสวันเว้นวันไปนั่งวาดสถาปัตยกรรมและชาโต้ต่าง ๆ แถวริมน้ำเซนน์ได้เกือบทั้งปารีสแล้ว

 

โดย: prunelle la belle femme 29 มีนาคม 2554 4:08:24 น.  

 

สวัสดีค่ะ

blog น่ารักจัง เห็น sketch ภาพแล้วก็อยากจะ sketch บ้าง ห่างหายไปนาน มือแข็งหมดแล้ว

ขอบคุณที่แวะไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ^^

 

โดย: Panino 29 มีนาคม 2554 13:12:54 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันนี้ไม่หาหมอตรวจคลื่นหัวใจ มันเต้นแรงเกิ๊น แต่พอพบหมอหยุดซะงั้น ก้อเลยเช็คไม่ได้ว่าเป็นไรหรือป่าว แย่จัง :)

 

โดย: สาวสะตอใต้ 29 มีนาคม 2554 15:31:42 น.  

 

อ่ะนะในที่สุดพี่ก็ได้มีเวลามานั่งอ่านดี ๆ หละ (หุๆๆ)

อ่านได้เรื่อย ๆ ชิล ๆ ดีจังเลยอ่ะน้องเจื้อยแจ้ว ก่อนอื่นเลย ฟังดูเหมือนคนเก่า(แก่) เล่าความหลังยังไงก็ไม่รู้เนอะ เอิ้กๆๆ (แล้วรุ่นพี่นี่มันจะซักเท่าไหร่กันหละเนี่ย หุๆๆ)

แต่พี่ว่ามันดีมากเลยเนอะน้องเจื้อยแจ้ว ที่เราได้ย้อน ได้เล่าหรือได้หวนนึกถึงความหลังหรืออดีตที่ผ่านไป เพราะสิ่งที่ผ่านไปให้อะไรกับเรามากจริง ๆ ความทรงจำดี ๆ ส่วนสิ่งไหนที่ไม่ดีมันก็สามารถให้แง่คิดให้สิ่งดี ๆ กับเราได้เหมือนกัน

ยังไงพี่ก็จะคอยเป็นกำลังใจให้กับการเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายหละกันนะ (ใกล้จะจบแระ ใกล้จะได้ออกโบยบินแระ สู้ ๆ แระกันน๊า สู้ ๆ )

อ่ะนะมาที่ภาพเสก็ตกันมั่ง พี่ชอบภาพเสก็ต นะน้องเจื้อยแจ้วแต่ถึงวันไหนก็ยังเสก็ตได้ไม่เป็นและยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน ทั้ง ๆ ที่ยังชอบมันอยู่ก็ตาม วาดได้แต่การ์ตูนง่าย ๆ ตลก ๆ (สาเหตุหนึ่งที่พี่ชอบถาปัดด้วยก็เพราะการวาดนีแหละ) สงสัยพี่ต้องขอเข้ามาเรียนวิชา LA กับน้องเจื้อยแจ้วแล้วหละมั๊ง จะได้พอเสก็ตภาพที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมามั่ง หุๆๆ

ภาพวาดแต่ละภาพเป็นความทรงจำให้กับเราได้จริง ๆ เนอะ (วาดเก็บไว้เยอะ ๆ เรื่อย ๆ เลยเน้อ)

อากาศเปลี่ยน แล้วฝึกงานเป็นยังไงมั่งแล้ว สู้ ๆ และรักษาสุขภาพด้วยก็แล้วกันน๊า

 

โดย: minporee 30 มีนาคม 2554 16:31:18 น.  

 

สวัสดีค่ะ เข้ามาขออ่านด้วยคนนะคะ
เป็นเรื่องเล่าที่อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
แบบว่าคิดตามไปด้วย ชีวิตในวัยเรียนมีความสุขจริงๆ คอฟฟี่เคยกลับไปมหาวิทยาลัย ไปนั่งม้านั่งสนามฟุตบอลแล้วก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆ มีความสุขจัง

ชอบภาพสเก็ตค่ะ เก่งมากๆ เลยค่ะ วาดไว้เยอะๆ ก็ดีนะคะ เพราะฝีมือดีมาก วันหนึ่งในอนาคตอาจได้ใช้นะคะ อย่างน้อยเก็บเป็นเรื่องราวเรียงร้อยได้ดีทีเดียว ^^

 

โดย: CoffeeBake 30 มีนาคม 2554 18:58:41 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันนี้ก้อไปทำงานตามปกติแล้ว
หลังจากหยุดไป1วัน เพราะหัวใจเต้นแรงผิดปกติ แต่โอเคไม่มีปัญหา แวะมาเยี่ยมก๊าน อิอิอิ :)

 

โดย: สาวสะตอใต้ 30 มีนาคม 2554 20:37:06 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับน้องเจื้อยแจ้ว






 

โดย: กะว่าก๋า 31 มีนาคม 2554 6:26:33 น.  

 

555+
อยากเห็นนักรักบี้หญิงนิ...

 

โดย: mutcha_nu 1 เมษายน 2554 19:59:46 น.  

 

แวะมาเพื่อขอบคุณ ที่กรุณาไปเยี่ยมเยือนถึงที่บ้านครับ....



 

โดย: พายุสุริยะ 2 เมษายน 2554 20:49:44 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับน้องเจื้อยแจ้ว







 

โดย: กะว่าก๋า 3 เมษายน 2554 5:36:12 น.  

 




 

โดย: ที่เห็นและเป็นมา 3 เมษายน 2554 10:59:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


cruduslife
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




I’m not going to tell the story the way that it happened. I’m gonig to tell it the way I remember it. --Great Expectations--
Friends' blogs
[Add cruduslife's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.