ปมแค้นแรงพิศวาส ตอนบทส่งท้าย (1) ความลับที่เพิ่งรู้ !! ตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน
ปมแค้นแรงพิศวาส: Latest for Looking Back
ตอน บทส่งท้าย (1)...ความลับที่เพิ่งรู้ !! ตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน
โหลดเพลงตอนนี้ได้ที่นี่: Xiao Zhuang Mi Shi
โดยจางงี้
เด็กน้อยนาม เสิ่นม่านชิง กำลังยืนอยู่หน้ารถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งหน้าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย จ้องมองลูกชิ้นปิ้งไม่วางตา แต่จู่ ๆ เด็กชายที่ยืนรอลูกชิ้นปิ้งอยู่ข้าง ๆ ก็ยื่นลูกชิ้นปิ้งมาให้ไม้หนึ่งพร้อมรอยยิ้ม ฉันให้เธอ เด็กชายบอกกับม่านชิงขณะที่ยื่นไม้ลูกชิ้นปิ้งให้ ขอบคุณค่ะ พี่ชาย ม่านชิงกล่าวขอบคุณก่อนที่จะรับไม้ลูกชิ้นปิ้งมาด้วยความดีใจ แต่พอเด็กหญิงเดินออกไปได้เพียงครู่เดียว ก็มีเด็กนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูตรงเข้ามาเปิดกระโปรงของเด็กหญิงก่อนที่จะพากันวิ่งจากไป ส่วนม่านชิงตกใจรีบเอามือปิดกระโปรง ปล่อยให้ไม้ลูกชิ้นปิ้งในมือหล่นลงไปในท่อระบายน้ำ จากนั้นก็ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน เด็กชายที่ยืนรอลูกชิ้นปิ้งอยู่เมื่อครู่นี้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเดินเข้าไปหาเด็กหญิงตัวน้อย ก่อนจะก้มตัวลงไปลูบหัวเด็กหญิงอย่างเอ็นดู ร้องไห้ทำไมกัน เดี๋ยวไม่น่ารักนะ สัมผัสจากฝ่ามือและเสียงของเด็กชายทำให้ม่านชิงเงยหน้าขึ้นมามองและจำได้ว่าเด็กชายตรงหน้าเป็นคนคนเดียวกับที่ให้ลูกชิ้นปิ้งเธอเมื่อกี้นี้ เด็กหญิงเห็นท่าทางเป็นห่วงของอีกฝ่ายก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก ฮือ ๆ ลูกชิ้นปิ้งของหนู มันตกไปอยู่ในโน้นแล้วค่ะ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย เด็กชายยังคงพูดปลอบเด็กหญิงตรงหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะพูดปลอบอย่างไรม่านชิงก็ยังไม่เลิกร้องไห้ เด็กชายวางกระเป๋านักเรียนลงข้างตัวก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างปลดสร้อยคอที่ใส่อยู่ออกมาและแกว่งสร้อยคอไปมาตรงหน้าของเด็กน้อยอยู่หลายทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ พอม่านชิงเห็นสร้อยคอที่แกว่งอยู่ ก็ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง เลิกร้องไห้ แล้วคว้าสร้อยคอเอาไว้ทันที นี่คืออะไรหรือคะ เด็กชายหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะขำในท่าทางของเด็กหญิง ก่อนจะตอบออกไป ของวิเศษไง เขาเปลี่ยนท่านั่งลงไปนั่งขัดสมาธิกับพื้น ก่อนจะพูดจาโอ้อวดความวิเศษของสร้อยคอที่อยู่ในมือของเด็กหญิง ข้อแรก...มันวิเศษตรงที่ทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้ ข้อที่สองมันเป็นสร้อยที่แปลกกว่าสร้อยเส้นอื่น เด็กชายพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่จะเอามือข้างหนึ่งจับจี้ยกขึ้นมาให้เด็กหญิงดู นี่ไง! ดูดี ๆ นะ...มันไม่ใช่แค่เป็นรูปกระดิ่งธรรมดา เพราะมันถูกไอ้เจ้ามังกรตัวนี้พันอยู่ พูดพลางก็ชี้ไปที่มังกรที่โอบพันรอบกระดิ่ง ก่อนที่จะพลิกฐานกระดิ่งขึ้นมาชี้ให้เด็กหญิงดูต่อ แล้วตรงนี้...ก็สลักแซ่ของฉันอยู่ด้วยนะ ม่านชิงเปลี่ยนไปนั่งขัดสมาธิบนพื้นปูนตามเด็กชายด้วย สายตาจับจ้องสร้อยคอที่อยู่ในมือและตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยความสนใจ พอเด็กชายพูดจบม่านชิงก็ถามต่อ แล้วมันวิเศษยังไงอีกหรือคะ จะไม่วิเศษได้ไง เพราะเจ้ามังกรตัวนี้มันจะช่วยคุ้มครองเธอได้ แล้วข้อสุดท้าย เพราะว่าทั้งโลกนี้มันมีแค่สองเส้นเท่านั้นเอง...ของฉันหนึ่งเส้น แล้วก็ของพี่ชายฉันอีกหนึ่งเส้นยังไงล่ะ ขณะที่เด็กชายพูดก็เห็นเด็กหญิงพยักหน้าตามไปด้วย เป็นไง! มันวิเศษอย่างที่ฉันว่าหรือเปล่า ม่านชิงพยักหน้า ใช่ค่ะ มันวิเศษจริง ๆ ด้วย แล้วมันก็สวยมากด้วยค่ะ พี่ชาย เธอตอบด้วยแววตาลุกวาว เด็กชายส่ายหน้าน้อย ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน อยากได้ล่ะสิ ว่าแล้วเขาก็คว้าสร้อยคอคืนจากเด็กหญิงพร้อมกับแลบลิ้นให้ ถึงเธออยากได้ฉันก็ไม่ให้หรอก! เพราะว่าฉันจะเอาไว้ให้กับแฟนของฉัน พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเดินตรงเข้ามาหา พร้อมกับยื่นมือให้เด็กชายจับลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสนิทสนม แถมพูดต่อว่าเขาตามประสาเด็ก พี่ชายหนีมาอยู่ตรงนี้นี่เอง ปล่อยให้หนูตามหาตั้งนาน เด็กหญิงที่มาใหม่พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่มือของเด็กชาย ก็เห็นสร้อยคอรูปร่างแปลกตาจึงเอ่ยถาม นั่นอะไรอยู่ในมือเหรอคะ เด็กชายยิ้มให้ก่อนจะตอบ สร้อยคอประจำตระกูลของฉันเอง ถ้าเกิดว่าเธออยากได้ฉันก็จะให้ พูดพลางก็จ้องมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาหลงใหลแถมยังหน้าแดงอีกต่างหาก ส่วนม่านชิงที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นก็ค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืน พร้อมกับจ้องมองเด็กชายที่กำลังพูดคุยกับเด็กหญิงอีกคนด้วยน้ำตาซึม ก่อนที่จะเห็นเด็กชายค่อย ๆ บรรจงสวมสร้อยคอให้กับเด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม และจบลงด้วยการที่พี่ชายก้มหน้าลงจูบหน้าผากของเด็กผู้หญิงก่อนจะพากันจูงมือเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจม่านชิงที่ยืนน้ำตาไหลอยู่เลยแม้แต่น้อย ชาร์ล! คุณจะไปไหนน่ะ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! ม่านชิงสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ต้องใช้เวลาสักพักกว่าเธอจะตั้งสติได้และรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย ม่านชิงรีบยกมือไปจับที่ลำคอตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่า สร้อยคอ สุดรักสุดหวงยังคงยู่ที่คอของเธอตามปกติ บ้าจริง ฝันอะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายหญิงสาวก็ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ตอนนี้เวลา 9 โมงเศษ ๆ แล้ว แต่ขณะที่กำลังจะลุกจากเตียงนอนเพื่อรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุด หญิงสาวจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะฝันร้ายบ้า ๆ ที่ทำเอาเธอรู้สึกเหมือนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน อ้าว! ตื่นแล้วเหรอแมนดี้ ทำไมวันนี้ตื่นสายจังเลย จือลี่เอ่ยถามน้องสาวเมื่อเห็นม่านชิงเดินออกมาจากห้องนอนด้วยท่าทางงัวเงีย ก่อนจะวางจานขนมปังปิ้งลงบนโต๊ะอาหารและกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เปิดตู้เย็นหยิบเอาขวดแยมกับนมข้นหวานออกมา แต่ครั้งนี้หญิงสาวหันไปบ่นกับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังยืนอยู่บนโซฟาและหันออกไปมองที่นอกหน้าต่างอยู่ เหมียนอี้ ทำอะไรอยู่เหรอลูก รีบมากินสิเดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี จือลี่บ่นลูกสาวไปพลางมือก็ป้ายแยมทาขนมปังปิ้งไปพลาง ทันใดนั้นลูกสาวก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น พ่อมาแล้ว! ก่อนจะกระโดดลงจากโซฟาพุ่งตัวมาที่โต๊ะอาหาร หนูกินชิ้นเดียวก็พอแล้ว เดี๋ยวพ่อจะรอนาน พูดยังไม่ทันจบดีเหมียนอี้ก็คว้าเอาขนมปังออกจากมือของแม่มาเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ส่วนม่านชิงพอนั่งลงที่โต๊ะอาหารก็เอ่ยปากถามพี่สาว จะพาเหมียนอี้ไปไหนกันเหรอ โจวจะพาพี่กับเหมียนอี้ไปดูบ้านใหม่น่ะ ตั้งแต่โจวกลับมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนก็ว่าจะพาพี่กับลูกไปดูตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเพราะยังต้องเคลียร์งานให้พ่อก่อน เมื่อเช้านี้ก็ตื่นแต่เช้าไปประชุมที่โรงแรมก่อนจะแวะมารับพี่กับลูกนี่แหละ พอหญิงสาวพูดจบก็ถามน้องสาวต่อ จะไปดูบ้านใหม่ด้วยกันมั้ย ทำไมต้องย้ายบ้านด้วยล่ะพี่ อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ม่านชิงได้ยินพี่สาวพูดถึงเรื่องย้ายบ้านก็เลยเอ่ยถามออกมา พี่อยากจะหาบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ เพราะที่นี่คับแคบเกินไปตั้งแต่โจวย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือพี่กลัวว่าเธอจะไม่สะดวกหากต้องการทำอะไรเป็นส่วนตัว จือลี่พูดจบก็หันไปถามย้ำกับน้องสาวอีกครั้ง ตกลงสนใจจะไปดูบ้านใหม่ด้วยกันหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยเธอเองก็ต้องอาศัยอยู่ในบ้านใหม่ด้วย ควรจะมีส่วนได้ออกความเห็นบ้างนะ แต่ม่านชิงกลับปฏิเสธ พี่ใหญ่อยากได้แบบไหนก็เลือกไปเองเถอะ เพราะถึงยังไงฉันก็คงจะอาศัยอยู่ด้วยไม่นานนักหรอก จริงสิ พี่นี่แย่จริง ๆ เลย...แล้วเป็นยังไงล่ะ จัดการเรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว จะให้พี่ช่วยอะไรมั้ย จือลี่ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะส่งเสียงขึ้นจมูกเบา ๆ นึกโทษตัวเองที่เอาแต่ยุ่งเรื่องที่เจี้ยนถงกับเหมียนอี้จนลืมวันสำคัญของน้องสาวไป ม่านชิงทำแค่ส่ายหน้าให้พี่สาวก่อนจะส่งยิ้มให้ ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันกับชาร์ลจัดการได้ วันนี้ก็นัดกับชาร์ลเอาไว้ว่าจะไปที่สตูดิโอกัน หญิงสาวพูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องก็ดังขึ้น เหมียนอี้ได้ยินก็รีบวางขนมปังที่กำลังกินอยู่ ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปรับโทรศัพท์เพราะคิดว่าพ่อโทร. ขึ้นมาเร่งให้รีบลงไปข้างล่าง แต่ปรากฏว่าเสียงจากปลายสายไม่ใช่พ่อของเธอ รอแป๊บหนึ่งนะคะ เหมียนอี้พูดขึ้นมาด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าวอีกครั้งแล้วทำเสียงล้อเลียนน้าสาว เหมียนอี้หลานรัก ขอสายน้าแมนดี้หน่อยจ้ะ เด็กน้อยทำเสียงเลียนแบบจื้อหลิน นั่งจ้องหน้าหนูอยู่ได้ อาชาร์ลโทร. มาไม่รับสายหรือไงคะ คุณน้าสุดที่รัก เด็กน้อยพูดพลางลอยหน้าลอยตาล้อเลียนน้าสาว ม่านชิงกับจือลี่ได้แต่หันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะขันในท่าทางของเหมียนอี้ ม่านชิงลุกขึ้นพร้อมกับขยี้หัวหลานสาวอย่างมันเขี้ยว ตัวแค่นี้แก่แดดจริงนะเรา! พูดจบก็เดินไปรับโทรศัพท์ทันที หญิงสาวถึงได้รู้ว่าจื้อหลินติดประชุมด่วนให้เธอล่วงหน้าไปที่สตูดิโอก่อน พอประชุมเสร็จเขาจะรีบตามไปทันที ส่วนหลานสาวตัวดีพอกินขนมปังเสร็จก็เร่งผู้เป็นแม่เป็นการใหญ่ พ่อจอดรถรอนานแล้ว รีบลงไปกันเถอะค่ะ จือลี่เก็บจานกลับเข้าครัวก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเอากระเป๋าถือ พอเดินกลับออกมาอีกทีม่านชิงก็วางสายจื้อหลินพอดี พี่จะไปแล้วนะ คืนนี้คงไม่กลับมากินข้าวที่บ้านเพราะจะหาอะไรกินมาจากข้างนอกเลย ถ้ายังไงเย็นนี้เธอจะไปทานข้าวบ้านพ่อก็ได้นะหรืออยากจะค้างที่โน่นก็ได้ ไม่เอาหรอก น่าเกลียดตายเลย...ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับชาร์ลสักหน่อย จะทำอย่างงั้นได้ไง ม่านชิงพูดขึ้นทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหลบเข้าห้องน้ำไป เหมียนอี้ใส่รองเท้าเสร็จพอดี สองแม่ลูกจึงชวนกันออกจากบ้านไปหาคนที่รออยู่ข้างล่าง กว่าที่ม่านชิงจะเดินทางมาถึงที่สตูดิโอก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว เพราะเธอไม่อยากใช้เวลาอยู่ที่สตูดิโอตามลำพังนาน ๆ ตอนแรกเธอกะว่าจะรอมาพร้อมกับจื้อหลิน แต่จื้อหลินดันปิดโทรศัพท์มือถือเลยติดต่อไม่ได้ จะไปดักรอที่ฝงเหว่ยก็กลัวว่าจะคลาดกันอีกเพราะไม่ได้นัดเอาไว้ก่อน เธอก็เลยต้องรอจนกระทั่งบัดนี้ จื้อหลินคงใกล้จะเลิกประชุมแล้ว หญิงสาวหยุดยืนมองภาพถ่ายคู่แต่งงานที่ตั้งโชว์อยู่ตรงกระจกหน้าร้านสักครู่ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงอนาคตของตัวเอง สักพักเธอก็เปิดประตูเดินเข้าไปในสตูดิโอ เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในสตูดิโอก็มีพนักงานสาวคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ อีกฝ่ายมี ลักยิ้ม ที่แก้มข้างขวาด้วย คงเป็นเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาของพนักงานสาวที่ว่าช่างคล้ายคลึงกับพี่สาวของตัวเอง ม่านชิงจึงรู้สึกเป็นมิตรกับพนักงานสาวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอเอาแต่จ้องมองพนักงานสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา พนักงานสาวเรียกม่านชิงเป็นครั้งที่สาม หญิงสาวถึงได้รู้สึกตัวก่อนจะหยิบบัตรนัดจากกระเป๋าถือยื่นให้กับพนักงานสาวตรงหน้า อ้อ! ค่ะ...ฉันเอาบัตรนัดมาด้วย พี่อาจูอยู่หรือเปล่าคะ พอดีวันนี้ฉันนัดพี่เขาไว้ว่าจะมาถ่ายภาพชุดแต่งงานแล้วก็เลือกแบบการ์ดแต่งงานด้วยน่ะค่ะ พี่อาจูออกไปดูโลเกชั่นของโรงแรมที่จะจัดงานแต่งงานให้กับลูกค้าน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเพราะพี่อาจูฝากเรื่องไว้กับดิฉันแล้ว พอพนักงานสาวพูดจบก็เชิญม่านชิงขึ้นไปที่ชั้นบนเพื่อลองชุดแต่งงาน ไม่นานนักม่านชิงก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดแต่งงานที่สั่งตัด หญิงสาวออกมายืนส่องกระจกด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข พนักงานสาวคนเดิมก็ยืนจัดชุดให้กับหญิงสาวอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดชมไม่ขาดปาก ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของม่านชิงก็ดังขึ้น หญิงสาวรับโทรศัพท์ปรากฏว่าเป็นจื้อหลินโทร. มา ผมมาถึงสตูดิโอแล้วนะ กำลังจอดรถอยู่เดี๋ยวจะตามขึ้นไป ม่านชิงอมยิ้ม ขึ้นมาบนชั้นสองได้เลยค่ะ เพราะตอนนี้ฉันกำลังลองชุดอยู่ พอวางสายพนักงานสาวก็ทักขึ้น เจ้าบ่าวมาแล้วใช่มั้ยคะ หญิงสาวพยักหน้าให้ พนักงานสาวจึงขอตัวกลับเข้าไปหยิบชุดเจ้าบ่าวมาเตรียมไว้ให้ฝ่ายชายได้ลองบ้าง แล้วบอกให้ทางช่างกล้องเตรียมตัวถ่ายรูปได้เลย ไม่ถึงห้านาที ขณะที่ม่านชิงกำลังยืนหมุนตัวส่องกระจกอยู่ จู่ ๆ จื้อหลินก็โผล่มาแอบสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพร้อมกับขโมยหอมแก้มไปสองฟอดใหญ่ทั้งซ้ายและขวาจนม่านชิงตกใจต้องตีมือของจื้อหลินที่สวมกอดเอวของตนอยู่และตำหนิชายหนุ่ม ทำอะไรรุ่มร่ามแบบนี้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ แหม ก็ผมอดใจไม่ไหวนี่นา เจ้าสาวของผมแต่งตัวซะสวยขนาดนี้ เป็นใครก็อดใจไม่ไหวทั้งนั้นแหละ จื้อหลินกระซิบข้างหูของม่านชิงจนหญิงสาวเขินอาย แต่ทันทีที่ม่านชิงได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาก็รีบแกะมือของจื้อหลินออกจากเอว พนักงานเอาชุดของคุณมาให้แล้ว รีบเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ จื้อหลินยิ้มให้กับว่าที่เจ้าสาวอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไปหาคนที่เอาชุดมาให้ แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องผงะด้วยความตกใจก่อนจะค่อย ๆ เผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เอาชุดมาให้ตนเป็นใคร ชาร์ล! แอนนิต้า! เสียงทักของจื้อหลินกับพนักงานสาวดังขึ้นพร้อมกัน เธอกลับมาจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่เห็นรู้ข่าวเลย จื้อหลินเป็นฝ่ายถามแอนนิต้าขึ้นมาก่อน เพิ่งกลับมาได้เดือนเดียวเอง กลับมาครั้งนี้ก็ว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่เลยน่ะ อย่าว่าแต่ฉันเลย นายกำลังจะแต่งงานแต่ไม่บอกข่าวเพื่อนฝูงบ้างเลยนะ! พอแอนนิต้าทักขึ้น จื้อหลินถึงเพิ่งนึกขึ้นได้จึงรีบแนะนำแอนนิต้าให้รู้จักกับม่านชิง และบอกกับหญิงสาวว่าแอนนิต้าเป็นเพื่อนของเขาสมัยที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันแซ่หยวนค่ะ ชื่อหยงอี้ เรียกฉันว่าแอนนิต้าก็ได้ค่ะ หยงอี้แนะนำตัวก่อนที่ม่านชิงจะเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองกลับบ้าง จากนั้นหยงอี้ก็หันไปถามจื้อหลิน นายรู้ข่าวที่เพื่อน ๆ จะจัดปาร์ตี้เลี้ยงรุ่นที่บาร์จี้ถังบ้างหรือเปล่า เขาว่าที่จี้ถังบรรยากาศเหมือนตอนที่พวกเราไปปาร์ตี้กันที่บ้านของมาร์คที่ริมทะเลเลยนะ แน่นอน งานนี้ฉันไม่พลาดอยู่แล้วล่ะ ไม่ได้เจอหน้าเพื่อน ๆ มาตั้งห้าหกปี ป่านนี้แต่ละคนเป็นยังไงกันบ้างก็ไม่รู้ เออ! จริงสิ เธอพูดถึงมาร์คก็ดีแล้ว...แล้วมาร์คเป็นยังไงบ้างล่ะ สบายดีหรือเปล่า ชายหนุ่มเพียงแค่เอ่ยชื่อมาร์คออกมา หยงอี้ก็มีสีหน้าหมองเศร้าพร้อมกับยื่นชุดเจ้าบ่าวที่ถืออยู่ในมือให้กับจื้อหลิน สายมากแล้ว นายรีบไปเปลี่ยนชุดถ่ายรูปเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดซะก่อนแล้วจะไม่ได้วิวสวยๆ พูดจบหยงอี้ก็เดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งส่วนจื้อหลินก็ได้แต่เลิกคิ้วแบบงง ๆ อย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเพื่อนเก่า ก่อนที่จะยักไหล่และเบ้ปากพร้อมกับบอกม่านชิงว่าเขาขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วจะรีบออกมา กว่าที่ม่านชิงกับจื้อหลินจะถ่ายรูปชุดแต่งงานเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบจะสองทุ่ม ก่อนที่ทั้งสองจะกลับนั้น หยงอี้ได้บอกกับว่าที่คู่บ่าวสาวตรงหน้าอีกครั้ง ฉันจะส่งแบบการ์ดแต่งงานไปที่บ้านของนายก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเลือกที่นี่ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาปิดร้านแล้วด้วย งั้นก็แสดงว่าเธอเลิกงานแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นไปหาอะไรกินกับพวกเรามั้ยล่ะ จะได้คุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานไปด้วยเลย จื้อหลินพูดชวนหยงอี้อย่างเป็นมิตร คนที่ถูกชวนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบตกลงและขอตัวไปปิดร้านก่อน หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันไปที่ร้านอาหารสไตล์ยุโรปแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสตูดิโอนัก ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น จื้อหลินก็เล่าเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่เขากลับมาที่ฮ่องกงเมื่อเจ็ดปีก่อนรวมทั้งเรื่องของม่านชิงให้เพื่อนสาวฟังอย่างเป็นกันเอง ม่านชิงเองก็พูดคุยกับหยงอี้อย่างสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนของตัวเองด้วย ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่นานจนเกือบสี่ทุ่ม หยงอี้เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า กลับด้วยกันเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งให้เอง ก็ดีเหมือนกัน ดึกมากแล้วคงหารถรากลับลำบาก จื้อหลินแวะไปส่งคนรักที่บ้านของเธอก่อนจึงค่อยมาส่งเพื่อนสาวที่บ้าน ทำให้เขาได้รู้ว่าสถานที่ที่หยงอี้พักอยู่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะสภาพของคอนโดฯ ที่เพื่อนสาวอยู่ไม่ค่อยแตกต่างจากคอนโดฯ ของม่านชิงที่ถูกไฟไหม้ไปเลย จื้อหลินจึงเอ่ยถามเพื่อนสาวออกไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย สภาพแวดล้อมแถวนี้ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนะ ให้ฉันช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้เธอดีมั้ย แต่จื้อหลินกลับถูกเพื่อนปฏิเสธ ไม่เป็นไรหรอกน่า ไหน ๆ ฉันก็อยู่มาได้ตั้งเดือนหนึ่งแล้ว จื้อหลินได้ยินดังนั้นจึงไม่ได้ว่าอะไร ถ้าหากเธอเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกฉันก็แล้วกัน ฉันยินดีจัดการให้ เพราะเธอกับมาร์คเพิ่งจะกลับมาที่ฮ่องกงได้ไม่นาน อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่... ตอนที่เขาพูดถึงมาร์ค ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของหยงอี้ว่าเศร้าหมองลงไป สักพักจื้อหลินก็ขอตัวกลับ แต่ก่อนที่จะกลับ ชายหนุ่มก็ถามเพื่อนสาวอีกครั้ง ตกลงเธอจะไปงานปาร์ตี้ที่จี้ถังหรือเปล่า หยงอี้พยักหน้าน้อย ๆ เป็นคำตอบ งั้นเดี๋ยวฉันกับแมนดี้จะมารับเธอกับมาร์คเอง ไม่ต้องหรอก ไปเจอกันที่งานเลยก็ได้... จื้อหลินจึงได้แต่พยักหน้าตอบและขอตัวกลับบ้าน ตกกลางคืน จื้อหลินอาบน้ำอาบท่าและเข้านอน เมื่อหัวถึงหมอนก็เอามือข้างหนึ่งขึ้นมาก่ายหน้าผากและนึกถึงอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อนตอนที่เขาเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ สมัยนั้นจื้อหลินใส่แว่นตาหนาเตอะ แถมบุคลิกก็ยังเปิ่น ๆ อีกต่างหาก วันที่เดินเข้ามาในห้องเรียนชั่วโมงแรก เขาก็มองหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ แต่เพราะเขามาสายก็เลยเหลือที่นั่งแค่ไม่กี่ที่ จื้อหลินได้ที่นั่งแถวหน้าสุดที่ไม่ค่อยมีนักศึกษาคนไหนอยากจะนั่งเพราะได้ข่าวมาว่าอาจารย์ที่สอนวิชานี้ทั้งแก่และดุ นักศึกษาทุกคนต่างก็ขยาดไม่อยากเข้าใกล้ เมื่อจื้อหลินนั่งลงอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาในห้องพอดี ตอนที่อาจารย์สอนอยู่ก็ชอบเรียกจื้อหลินให้ตอบคำถาม พอเขาตอบไม่ได้เพื่อน ๆ ในห้องก็หัวเราะกันยกใหญ่ มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งเยื้อง ๆ กับเขาเท่านั้นซึ่งมองเขาอย่างสงสารที่โดนเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะ พอชั่วโมงเรียนจบเพื่อน ๆ ในห้องก็ออกกันไปหมด เหลือเพียงจื้อหลินคนเดียวเท่านั้นที่ยังนั่งหน้าจ๋อยอยู่ที่เดิมอย่างซึม ๆ สักพักเพื่อนนักศึกษาสาวคนหนึ่งก็เดินมานั่งข้าง ๆ และแนะนำตัวเองกับชายหนุ่ม สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหยวนหยงอี้ หรือเรียกว่าแอนนิต้าก็ได้ คุณชื่ออะไรคะ เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่าเอ่ย หยงอี้ทักจื้อหลินอย่างเป็นมิตร ชายหนุ่มได้แต่หันมาหาเธอด้วยหน้าตาเหลอหลา แต่ก็แนะนำตัวเองกลับไปอย่างตะกุกตะกัก เพียงสัปดาห์เดียว จื้อหลินและหยงอี้ก็สนิทสนมกันและกลายเป็นเพื่อนรัก หยงอี้เป็นคนเก่งและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ในขณะที่จื้อหลินค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยพูดจากับใคร อาจเป็นเพราะเขายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ตอนที่หยงอี้พูดจาหยอกล้อกับเพื่อนทั้งหญิงชายอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง จื้อหลินก็มักจะชอบแอบมองท่าทางของเพื่อนสาวอยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนที่เพื่อนสาวส่งยิ้มให้กับเพื่อน ๆ จนลักยิ้มปรากฏขึ้นมา จื้อหลินก็มักจะอมยิ้มตามไปด้วย ครั้งหนึ่งตอนที่เพื่อน ๆ รวมกลุ่มกันติวข้อสอบ จื้อหลินก็แยกตัวออกมาอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ยอมไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ หยงอี้ซึ่งสนิทสนมกับจื้อหลินมาได้สักระยะก็พอจะรู้จักนิสัยของชายหนุ่มอยู่บ้าง จึงเป็นฝ่ายแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนมานั่งติวกับจื้อหลินกันสองคน ฉันรู้ว่านายไม่ชอบสุงสิงกับใคร งั้นให้ฉันนั่งติวกับนายก็แล้วกันนายจะได้ไม่เหงา หยงอี้พูดกับจื้อหลินแบบนั้นก่อนที่จะก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้เขารู้สึกแปลก ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก รู้แต่เพียงว่าเขาเริ่มมีความรู้สึก พิเศษ กับหยงอี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยในชีวิต วันรุ่งขึ้นระหว่างที่จื้อหลินกำลังนั่งติวหนังสืออยู่กับหยงอี้ จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้วยิ้มให้กับหยงอี้อย่างเงียบ ๆ เมื่อหยงอี้เงยหน้าขึ้นมาเห็นก็เผยอยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนที่จะปิดหนังสือที่อ่านอยู่และลุกขึ้นยืน โผเข้าไปกอดชายแปลกหน้าคนนั้นจนจื้อหลินเองหน้าเจื่อนลงไปทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ฉันคิดถึงคุณจังเลยค่ะมาร์ค...ว่าความเสร็จแล้วหรือคะถึงได้กลับมาหาฉันได้ หยงอี้ผละออกจากอ้อมกอดของมาร์ค ก่อนจะหันไปจัดปกเสื้อให้เขา ส่วนมาร์คหรือหม่าเฉินก็ลูบเส้นผมของหญิงสาว เสร็จไปแค่คดีเดียวเอง มะรืนนี้ผมก็ต้องกลับไปว่าความอีก แต่ว่าผมคิดถึงคุณมากก็เลยต้องหลบอาจารย์นั่งรถมาเป็นชั่วโมงเพื่อมาหานี่แหละ หยงอี้ได้ยินแฟนหนุ่มพูดเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้เลยแนะนำหม่าเฉินให้รู้จักกับจื้อหลิน นี่เป็นเพื่อนใหม่ของฉันเอง ที่สำคัญเขามาจากฮ่องกงเหมือนพวกเราเลย จื้อหลินรู้ตัวว่าถูกพูดถึงก็เลยยิ้มแบบเจื่อน ๆ ให้กับหม่าเฉิน หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาจื้อหลินก็พยายามตีตัวออกห่างจากหยงอี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ จนกระทั่งวันที่จื้อหลินสอบเสร็จ นักศึกษาทั้งชั้นเรียนก็พากันยกโขยงไปที่บ้านริมทะเลของหม่าเฉินเพื่อจัดงานปาร์ตี้หลังสอบเสร็จโดยที่หม่าเฉินก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หญิงสาวบอกกับแฟนหนุ่มว่าเพื่อน ๆ อยากจะมาชมบ้านของเขา เพราะเธอไปคุยโม้เอาไว้ว่าบ้านของเขาตกแต่งได้สวยมาก ท้องฟ้ามืดลง เพื่อน ๆ บ้างก็วิ่งเล่นกันอยู่ตรงริมทะเล บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน ไม่ก็ช่วยกันย่างบาร์บีคิว จื้อหลินเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ช่วยกันย่างบาร์บีคิว จู่ ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นหยงอี้วิ่งออกมาจากบ้านของหม่าเฉินด้วยน้ำตานองหน้า ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ขอตัวจากเพื่อนในกลุ่มแล้วก็วิ่งตามหยงอี้ไปทันที สุดท้ายก็เห็นเพื่อนสาวกำลังนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงชายหาด เขาจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ พอหยงอี้เห็นดังนั้นก็หันไปซบอกของจื้อหลินแล้วก็ร้องห่มร้องไห้หนักขึ้นไปอีกจนชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดปลอบเพื่อนสาวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ สักพักหยงอี้ก็เลิกร้องไห้และบอกให้จื้อหลินช่วยไปส่งเธอที่หอพัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปโดยที่จื้อหลินเองก็ได้แต่เดินตามไปอย่างงง ๆ เพราะไม่เข้าใจอารมณ์ของเพื่อนสาวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จื้อหลินมาส่งหยงอี้ถึงหอพัก เธอชวนชายหนุ่มให้เข้าไปข้างใน แต่พอเขาปฏิเสธ หญิงสาวก็กระชากเสียงใส่ด้วยความน้อยใจ อยากไปไหนก็ไปเลย ใช่สิ...ฉันมันไม่มีใครมาเหลียวแล ไม่มีคนมาสนใจอยู่แล้วนี่ อยากไปไหนก็เชิญ พูดจบก็สะบัดหน้าหนีจื้อหลินเดินเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่ทำให้หยงอี้โกรธและเปลี่ยนใจเดินตามเข้าไปในห้องหลังจากที่ยืนลังเลอยู่พักใหญ่ ๆ คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาในห้องจะเห็นเพื่อนสาวซดเบียร์กระป๋องไม่ยั้ง พอจื้อหลินจะห้าม หญิงสาวก็บอกว่าอย่ายุ่ง ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองหญิงสาวกินเบียร์อยู่หลายกระป๋องจนกระทั่งเมาหลับคาโซฟาที่นั่งอยู่ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นไปอุ้มหญิงสาวพาเข้าไปนอนในห้องนอน จื้อหลินวางร่างของหยงอี้ลงบนเตียง จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้จึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียนออกมายกใหญ่ ชายหนุ่มวิ่งตามเข้าไปในห้องน้ำพลางช่วยลูบหลังให้ พอเธออาการดีขึ้นมาหน่อยจื้อหลินก็ช่วยพยุงหยงอี้กลับมานั่งที่เตียงนอนอีกครั้ง จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เจอในห้องน้ำมาชุบน้ำหมาด ๆ แล้วกลับมาข้างเตียง บรรจงเอาผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เช็ดไล่ลงมาตามแขนของหยงอี้เพื่อให้หญิงสาวสบายตัวขึ้น เธอนั่งมองชายหนุ่มเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ด้วยแววตาซาบซึ้ง สักพักจื้อหลินก็เช็ดตัวให้หญิงสาวเสร็จและเอาผ้าขนหนูไปเก็บในห้องน้ำ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเพื่อนสาวยังนั่งเหม่ออยู่เหมือนเดิม ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนล่ะนะ เธอเองก็พักผ่อนซะเถอะ พูดจบ จื้อหลินก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องนอนของเพื่อนสาวไป แต่จู่ ๆ หยงอี้ก็เข้าไปโอบกอดจื้อหลินจากทางด้านหลัง อย่าเพิ่งไปไหนเลย อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนเถอะนะ จื้อหลินตกใจเป็นอย่างมาก เขาหันกลับมาหาเพื่อนสาว จังหวะที่หันหน้ากลับมาก็ได้เห็นสายตาที่เว้าวอนของหยงอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่ต่างประสานสายตากัน ใบหน้าของหยงอี้ค่อย ๆ เข้าไปหาชายหนุ่มก่อนอย่างจงใจ เพียงเสี้ยววินาทีหยงอี้ก็ประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของชายหนุ่ม จื้อหลินผงะ รู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง แต่หยงอี้ไม่หยุดแค่นั้น เธอใช้ทั้งสองมือโอบรอบคอชายหนุ่มและประทับจูบไม่หยุด ด้วยอารมณ์พาไปจื้อหลินจึงค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองโอบรอบเอวของหญิงสาวและตอบสนองจูบอย่างที่ใจตัวเองปรารถนา สุดท้ายทั้งคู่ก็บังคับใจตัวเองไม่ได้ จื้อหลินอุ้มหญิงสาวทั้งที่ยังประทับจูบกันอย่างดูดดื่มพาไปที่เตียงนอน และในค่ำคืนนั้นทั้งคู่ก็ดื่มด่ำอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืนอย่างมีความสุข
..
โปรดติดตามตอนต่อไป ปมแค้นแรงพิศวาส ตอนบทส่งท้าย (2) ความลับที่เปิดเผย !!..ลูกสาวตัวน้อยของหยวนหยงอี้...
Create Date : 12 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 13:02:31 น. |
|
29 comments
|
Counter : 867 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Cipher IP: 58.8.136.211 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:36:27 น. |
|
|
|
โดย: หลินกุ IP: 118.172.103.22 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:23:52 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.157.141 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:05:41 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.157.141 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:08:42 น. |
|
|
|
โดย: 2in1 IP: 124.121.148.39 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:18:49 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:02:48 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:10:00 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.157.141 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:25:25 น. |
|
|
|
โดย: Cipher IP: 58.8.146.37 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:07:51 น. |
|
|
|
โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:19:05 น. |
|
|
|
โดย: Cipher IP: 58.8.146.37 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:41:05 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:43:23 น. |
|
|
|
โดย: tomtam IP: 124.121.159.122 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:52:44 น. |
|
|
|
โดย: tomtam IP: 124.121.168.246 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:50:05 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:44:27 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:47:12 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:48:17 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:51:04 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:15:45 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:41:30 น. |
|
|
|
โดย: tomtam IP: 124.121.163.122 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:09:05 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:50:05 น. |
|
|
|
โดย: จางงี้ IP: 58.9.89.8 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:52:33 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:54:40 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:57:32 น. |
|
|
|
โดย: หลินอี้ วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:41:19 น. |
|
|
|
โดย: Cipher IP: 203.155.7.254 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:57:47 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.159.210 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:34:32 น. |
|
|
|
โดย: หลินกุ IP: 118.172.48.62 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:22:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อคืนก็แอบคิดเหมือนกันว่าพี่งี้จะแปะคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์น๊า แล้วพี่งี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ แต่เห็นแปะซะดึกเชียวคงเหนื่อยแย่ รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
โม้เรื่องนิยายบ้างดีกว่า
ตอนแรกที่อ่านเรื่องความฝันของแมนดี้ ก็แอบงงว่าเอ...หรือเราจะจำช่วงแรกผิดไปหว่า ทำไมพี่ชาร์ลถึงใจร้ายอย่างนี้น่ะ มีการบอกแมนดี้ว่าชั้นไม่ให้เธอหรอก :(
แต่พอรู้ว่าเป็นความฝันก็ค่อยโล่งใจหน่อย :)
พอมาถึงตอนน้องเหมียนอี้นี่ก็น่ารักสุดๆ ถ่ายทอดอารมณ์เด็กๆ ออกมาได้ดีมากเลยค่ะ จิ้นออกเลยค่ะ ชอบเวลาคุณหลานล้อเลียนคุณน้าจัง :)
มาถึงตัวละครตัวใหม่ ประหลาดใจมากๆ ค่ะ ที่ทั่นผู้เขียนเลือกตัวละครตัวนี้ขึ้นมา แถมเป็นตัวละครตัวแรกด้วยที่ทั่นผู้เขียนไม่เปลี่ยนชื่อแซ่ทั้งจีนและอังกฤษเนี่ย
แค่อยากถามว่าระหว่างพิมพ์ไปมือสั่นไปด้วยหรือเปล่าค่ะเนี่ย :lol
แต่เค้าไม่ยอมนะ ก็แอนนิต้าเพิ่งโผล่มาตอนนี้ก็คว้าพี่ชาร์ลของแมนดี้ไปเชยชมซะแล้ว (แมนดี้แสดงมาตั้ง 52 ตอนแล้ว ยังได้แค่จูบเอง T_T)
ดูท่าว่าบทส่งท้ายคงจะเริ่มยาวแล้วล่ะค่ะ
ปล.พี่มาร์คนี่ใช่พี่โจ หม่า หรือเปล่าค่ะ เพราะไม่เห็นรูปปลากรอบ คนอ่านจะได้จิ้นตามถูกค่ะ