...Welcome to 'CharVinFongLian' Club...
ขอต้อนรับสู่ Blog ChuengNgee (จูเลี่ยนจาง) Series Fan Fiction ค่ะ

ปมแค้นแรงพิศวาส ตอนบทส่งท้าย (1) ความลับที่เพิ่งรู้ !! ตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน

ปมแค้นแรงพิศวาส: Latest for Looking Back

ตอน บทส่งท้าย (1)...ความลับที่เพิ่งรู้ !! ตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน


โหลดเพลงตอนนี้ได้ที่นี่: Xiao Zhuang Mi Shi

โดยจางงี้


เด็กน้อยนาม ‘เสิ่นม่านชิง’ กำลังยืนอยู่หน้ารถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งหน้าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย จ้องมองลูกชิ้นปิ้งไม่วางตา แต่จู่ ๆ เด็กชายที่ยืนรอลูกชิ้นปิ้งอยู่ข้าง ๆ ก็ยื่นลูกชิ้นปิ้งมาให้ไม้หนึ่งพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันให้เธอ” เด็กชายบอกกับม่านชิงขณะที่ยื่นไม้ลูกชิ้นปิ้งให้
“ขอบคุณค่ะ พี่ชาย” ม่านชิงกล่าวขอบคุณก่อนที่จะรับไม้ลูกชิ้นปิ้งมาด้วยความดีใจ แต่พอเด็กหญิงเดินออกไปได้เพียงครู่เดียว ก็มีเด็กนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูตรงเข้ามาเปิดกระโปรงของเด็กหญิงก่อนที่จะพากันวิ่งจากไป ส่วนม่านชิงตกใจรีบเอามือปิดกระโปรง ปล่อยให้ไม้ลูกชิ้นปิ้งในมือหล่นลงไปในท่อระบายน้ำ จากนั้นก็ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
เด็กชายที่ยืนรอลูกชิ้นปิ้งอยู่เมื่อครู่นี้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเดินเข้าไปหาเด็กหญิงตัวน้อย ก่อนจะก้มตัวลงไปลูบหัวเด็กหญิงอย่างเอ็นดู
“ร้องไห้ทำไมกัน เดี๋ยวไม่น่ารักนะ” สัมผัสจากฝ่ามือและเสียงของเด็กชายทำให้ม่านชิงเงยหน้าขึ้นมามองและจำได้ว่าเด็กชายตรงหน้าเป็นคนคนเดียวกับที่ให้ลูกชิ้นปิ้งเธอเมื่อกี้นี้ เด็กหญิงเห็นท่าทางเป็นห่วงของอีกฝ่ายก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
“ฮือ ๆ ลูกชิ้นปิ้งของหนู มันตกไปอยู่ในโน้นแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย” เด็กชายยังคงพูดปลอบเด็กหญิงตรงหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะพูดปลอบอย่างไรม่านชิงก็ยังไม่เลิกร้องไห้ เด็กชายวางกระเป๋านักเรียนลงข้างตัวก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างปลดสร้อยคอที่ใส่อยู่ออกมาและแกว่งสร้อยคอไปมาตรงหน้าของเด็กน้อยอยู่หลายทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ
พอม่านชิงเห็นสร้อยคอที่แกว่งอยู่ ก็ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง เลิกร้องไห้ แล้วคว้าสร้อยคอเอาไว้ทันที
“นี่คืออะไรหรือคะ”
เด็กชายหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะขำในท่าทางของเด็กหญิง ก่อนจะตอบออกไป
“ของวิเศษไง” เขาเปลี่ยนท่านั่งลงไปนั่งขัดสมาธิกับพื้น ก่อนจะพูดจาโอ้อวดความวิเศษของสร้อยคอที่อยู่ในมือของเด็กหญิง
“ข้อแรก...มันวิเศษตรงที่ทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้ ข้อที่สองมันเป็นสร้อยที่แปลกกว่าสร้อยเส้นอื่น” เด็กชายพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่จะเอามือข้างหนึ่งจับจี้ยกขึ้นมาให้เด็กหญิงดู
“นี่ไง! ดูดี ๆ นะ...มันไม่ใช่แค่เป็นรูปกระดิ่งธรรมดา เพราะมันถูกไอ้เจ้ามังกรตัวนี้พันอยู่” พูดพลางก็ชี้ไปที่มังกรที่โอบพันรอบกระดิ่ง ก่อนที่จะพลิกฐานกระดิ่งขึ้นมาชี้ให้เด็กหญิงดูต่อ “แล้วตรงนี้...ก็สลักแซ่ของฉันอยู่ด้วยนะ”
ม่านชิงเปลี่ยนไปนั่งขัดสมาธิบนพื้นปูนตามเด็กชายด้วย สายตาจับจ้องสร้อยคอที่อยู่ในมือและตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยความสนใจ พอเด็กชายพูดจบม่านชิงก็ถามต่อ
“แล้วมันวิเศษยังไงอีกหรือคะ”
“จะไม่วิเศษได้ไง เพราะเจ้ามังกรตัวนี้มันจะช่วยคุ้มครองเธอได้ แล้วข้อสุดท้าย เพราะว่าทั้งโลกนี้มันมีแค่สองเส้นเท่านั้นเอง...ของฉันหนึ่งเส้น แล้วก็ของพี่ชายฉันอีกหนึ่งเส้นยังไงล่ะ”
ขณะที่เด็กชายพูดก็เห็นเด็กหญิงพยักหน้าตามไปด้วย “เป็นไง! มันวิเศษอย่างที่ฉันว่าหรือเปล่า”
ม่านชิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ มันวิเศษจริง ๆ ด้วย แล้วมันก็สวยมากด้วยค่ะ พี่ชาย” เธอตอบด้วยแววตาลุกวาว เด็กชายส่ายหน้าน้อย ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน
“อยากได้ล่ะสิ” ว่าแล้วเขาก็คว้าสร้อยคอคืนจากเด็กหญิงพร้อมกับแลบลิ้นให้ “ถึงเธออยากได้ฉันก็ไม่ให้หรอก! เพราะว่าฉันจะเอาไว้ให้กับแฟนของฉัน” พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเดินตรงเข้ามาหา พร้อมกับยื่นมือให้เด็กชายจับลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสนิทสนม แถมพูดต่อว่าเขาตามประสาเด็ก
“พี่ชายหนีมาอยู่ตรงนี้นี่เอง ปล่อยให้หนูตามหาตั้งนาน” เด็กหญิงที่มาใหม่พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่มือของเด็กชาย ก็เห็นสร้อยคอรูปร่างแปลกตาจึงเอ่ยถาม
“นั่นอะไรอยู่ในมือเหรอคะ”
เด็กชายยิ้มให้ก่อนจะตอบ “สร้อยคอประจำตระกูลของฉันเอง ถ้าเกิดว่าเธออยากได้ฉันก็จะให้” พูดพลางก็จ้องมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาหลงใหลแถมยังหน้าแดงอีกต่างหาก
ส่วนม่านชิงที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นก็ค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืน พร้อมกับจ้องมองเด็กชายที่กำลังพูดคุยกับเด็กหญิงอีกคนด้วยน้ำตาซึม ก่อนที่จะเห็นเด็กชายค่อย ๆ บรรจงสวมสร้อยคอให้กับเด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม และจบลงด้วยการที่พี่ชายก้มหน้าลงจูบหน้าผากของเด็กผู้หญิงก่อนจะพากันจูงมือเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจม่านชิงที่ยืนน้ำตาไหลอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ชาร์ล! คุณจะไปไหนน่ะ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” ม่านชิงสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ต้องใช้เวลาสักพักกว่าเธอจะตั้งสติได้และรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย ม่านชิงรีบยกมือไปจับที่ลำคอตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่า ‘สร้อยคอ’ สุดรักสุดหวงยังคงยู่ที่คอของเธอตามปกติ
“บ้าจริง ฝันอะไรก็ไม่รู้” สุดท้ายหญิงสาวก็ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ตอนนี้เวลา 9 โมงเศษ ๆ แล้ว แต่ขณะที่กำลังจะลุกจากเตียงนอนเพื่อรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุด หญิงสาวจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะฝันร้ายบ้า ๆ ที่ทำเอาเธอรู้สึกเหมือนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอแมนดี้ ทำไมวันนี้ตื่นสายจังเลย” จือลี่เอ่ยถามน้องสาวเมื่อเห็นม่านชิงเดินออกมาจากห้องนอนด้วยท่าทางงัวเงีย ก่อนจะวางจานขนมปังปิ้งลงบนโต๊ะอาหารและกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เปิดตู้เย็นหยิบเอาขวดแยมกับนมข้นหวานออกมา แต่ครั้งนี้หญิงสาวหันไปบ่นกับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังยืนอยู่บนโซฟาและหันออกไปมองที่นอกหน้าต่างอยู่
“เหมียนอี้ ทำอะไรอยู่เหรอลูก รีบมากินสิเดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี” จือลี่บ่นลูกสาวไปพลางมือก็ป้ายแยมทาขนมปังปิ้งไปพลาง ทันใดนั้นลูกสาวก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น
“พ่อมาแล้ว!” ก่อนจะกระโดดลงจากโซฟาพุ่งตัวมาที่โต๊ะอาหาร “หนูกินชิ้นเดียวก็พอแล้ว เดี๋ยวพ่อจะรอนาน” พูดยังไม่ทันจบดีเหมียนอี้ก็คว้าเอาขนมปังออกจากมือของแม่มาเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ส่วนม่านชิงพอนั่งลงที่โต๊ะอาหารก็เอ่ยปากถามพี่สาว
“จะพาเหมียนอี้ไปไหนกันเหรอ”
“โจวจะพาพี่กับเหมียนอี้ไปดูบ้านใหม่น่ะ ตั้งแต่โจวกลับมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนก็ว่าจะพาพี่กับลูกไปดูตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเพราะยังต้องเคลียร์งานให้พ่อก่อน เมื่อเช้านี้ก็ตื่นแต่เช้าไปประชุมที่โรงแรมก่อนจะแวะมารับพี่กับลูกนี่แหละ” พอหญิงสาวพูดจบก็ถามน้องสาวต่อ “จะไปดูบ้านใหม่ด้วยกันมั้ย”
“ทำไมต้องย้ายบ้านด้วยล่ะพี่ อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ม่านชิงได้ยินพี่สาวพูดถึงเรื่องย้ายบ้านก็เลยเอ่ยถามออกมา
“พี่อยากจะหาบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ เพราะที่นี่คับแคบเกินไปตั้งแต่โจวย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือพี่กลัวว่าเธอจะไม่สะดวกหากต้องการทำอะไรเป็นส่วนตัว” จือลี่พูดจบก็หันไปถามย้ำกับน้องสาวอีกครั้ง “ตกลงสนใจจะไปดูบ้านใหม่ด้วยกันหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยเธอเองก็ต้องอาศัยอยู่ในบ้านใหม่ด้วย ควรจะมีส่วนได้ออกความเห็นบ้างนะ”
แต่ม่านชิงกลับปฏิเสธ “พี่ใหญ่อยากได้แบบไหนก็เลือกไปเองเถอะ เพราะถึงยังไงฉันก็คงจะอาศัยอยู่ด้วยไม่นานนักหรอก”
“จริงสิ พี่นี่แย่จริง ๆ เลย...แล้วเป็นยังไงล่ะ จัดการเรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว จะให้พี่ช่วยอะไรมั้ย” จือลี่ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะส่งเสียงขึ้นจมูกเบา ๆ นึกโทษตัวเองที่เอาแต่ยุ่งเรื่องที่เจี้ยนถงกับเหมียนอี้จนลืมวันสำคัญของน้องสาวไป ม่านชิงทำแค่ส่ายหน้าให้พี่สาวก่อนจะส่งยิ้มให้
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันกับชาร์ลจัดการได้ วันนี้ก็นัดกับชาร์ลเอาไว้ว่าจะไปที่สตูดิโอกัน”
หญิงสาวพูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องก็ดังขึ้น เหมียนอี้ได้ยินก็รีบวางขนมปังที่กำลังกินอยู่ ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปรับโทรศัพท์เพราะคิดว่าพ่อโทร. ขึ้นมาเร่งให้รีบลงไปข้างล่าง แต่ปรากฏว่าเสียงจากปลายสายไม่ใช่พ่อของเธอ
“รอแป๊บหนึ่งนะคะ” เหมียนอี้พูดขึ้นมาด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าวอีกครั้งแล้วทำเสียงล้อเลียนน้าสาว
“เหมียนอี้หลานรัก ขอสายน้าแมนดี้หน่อยจ้ะ” เด็กน้อยทำเสียงเลียนแบบจื้อหลิน “นั่งจ้องหน้าหนูอยู่ได้ อาชาร์ลโทร. มาไม่รับสายหรือไงคะ คุณน้าสุดที่รัก”
เด็กน้อยพูดพลางลอยหน้าลอยตาล้อเลียนน้าสาว ม่านชิงกับจือลี่ได้แต่หันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะขันในท่าทางของเหมียนอี้ ม่านชิงลุกขึ้นพร้อมกับขยี้หัวหลานสาวอย่างมันเขี้ยว “ตัวแค่นี้แก่แดดจริงนะเรา!” พูดจบก็เดินไปรับโทรศัพท์ทันที หญิงสาวถึงได้รู้ว่าจื้อหลินติดประชุมด่วนให้เธอล่วงหน้าไปที่สตูดิโอก่อน พอประชุมเสร็จเขาจะรีบตามไปทันที
ส่วนหลานสาวตัวดีพอกินขนมปังเสร็จก็เร่งผู้เป็นแม่เป็นการใหญ่ “พ่อจอดรถรอนานแล้ว รีบลงไปกันเถอะค่ะ”
จือลี่เก็บจานกลับเข้าครัวก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเอากระเป๋าถือ พอเดินกลับออกมาอีกทีม่านชิงก็วางสายจื้อหลินพอดี
“พี่จะไปแล้วนะ คืนนี้คงไม่กลับมากินข้าวที่บ้านเพราะจะหาอะไรกินมาจากข้างนอกเลย ถ้ายังไงเย็นนี้เธอจะไปทานข้าวบ้านพ่อก็ได้นะหรืออยากจะค้างที่โน่นก็ได้”
“ไม่เอาหรอก น่าเกลียดตายเลย...ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับชาร์ลสักหน่อย จะทำอย่างงั้นได้ไง” ม่านชิงพูดขึ้นทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหลบเข้าห้องน้ำไป เหมียนอี้ใส่รองเท้าเสร็จพอดี สองแม่ลูกจึงชวนกันออกจากบ้านไปหาคนที่รออยู่ข้างล่าง

กว่าที่ม่านชิงจะเดินทางมาถึงที่สตูดิโอก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว เพราะเธอไม่อยากใช้เวลาอยู่ที่สตูดิโอตามลำพังนาน ๆ ตอนแรกเธอกะว่าจะรอมาพร้อมกับจื้อหลิน แต่จื้อหลินดันปิดโทรศัพท์มือถือเลยติดต่อไม่ได้ จะไปดักรอที่ฝงเหว่ยก็กลัวว่าจะคลาดกันอีกเพราะไม่ได้นัดเอาไว้ก่อน เธอก็เลยต้องรอจนกระทั่งบัดนี้ จื้อหลินคงใกล้จะเลิกประชุมแล้ว หญิงสาวหยุดยืนมองภาพถ่ายคู่แต่งงานที่ตั้งโชว์อยู่ตรงกระจกหน้าร้านสักครู่ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงอนาคตของตัวเอง สักพักเธอก็เปิดประตูเดินเข้าไปในสตูดิโอ
เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในสตูดิโอก็มีพนักงานสาวคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ อีกฝ่ายมี ‘ลักยิ้ม’ ที่แก้มข้างขวาด้วย คงเป็นเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาของพนักงานสาวที่ว่าช่างคล้ายคลึงกับพี่สาวของตัวเอง ม่านชิงจึงรู้สึกเป็นมิตรกับพนักงานสาวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอเอาแต่จ้องมองพนักงานสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา พนักงานสาวเรียกม่านชิงเป็นครั้งที่สาม หญิงสาวถึงได้รู้สึกตัวก่อนจะหยิบบัตรนัดจากกระเป๋าถือยื่นให้กับพนักงานสาวตรงหน้า
“อ้อ! ค่ะ...ฉันเอาบัตรนัดมาด้วย พี่อาจูอยู่หรือเปล่าคะ พอดีวันนี้ฉันนัดพี่เขาไว้ว่าจะมาถ่ายภาพชุดแต่งงานแล้วก็เลือกแบบการ์ดแต่งงานด้วยน่ะค่ะ”
“พี่อาจูออกไปดูโลเกชั่นของโรงแรมที่จะจัดงานแต่งงานให้กับลูกค้าน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเพราะพี่อาจูฝากเรื่องไว้กับดิฉันแล้ว” พอพนักงานสาวพูดจบก็เชิญม่านชิงขึ้นไปที่ชั้นบนเพื่อลองชุดแต่งงาน
ไม่นานนักม่านชิงก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดแต่งงานที่สั่งตัด หญิงสาวออกมายืนส่องกระจกด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข พนักงานสาวคนเดิมก็ยืนจัดชุดให้กับหญิงสาวอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดชมไม่ขาดปาก ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของม่านชิงก็ดังขึ้น หญิงสาวรับโทรศัพท์ปรากฏว่าเป็นจื้อหลินโทร. มา
“ผมมาถึงสตูดิโอแล้วนะ กำลังจอดรถอยู่เดี๋ยวจะตามขึ้นไป”
ม่านชิงอมยิ้ม “ขึ้นมาบนชั้นสองได้เลยค่ะ เพราะตอนนี้ฉันกำลังลองชุดอยู่” พอวางสายพนักงานสาวก็ทักขึ้น
“เจ้าบ่าวมาแล้วใช่มั้ยคะ” หญิงสาวพยักหน้าให้ พนักงานสาวจึงขอตัวกลับเข้าไปหยิบชุดเจ้าบ่าวมาเตรียมไว้ให้ฝ่ายชายได้ลองบ้าง แล้วบอกให้ทางช่างกล้องเตรียมตัวถ่ายรูปได้เลย
ไม่ถึงห้านาที ขณะที่ม่านชิงกำลังยืนหมุนตัวส่องกระจกอยู่ จู่ ๆ จื้อหลินก็โผล่มาแอบสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพร้อมกับขโมยหอมแก้มไปสองฟอดใหญ่ทั้งซ้ายและขวาจนม่านชิงตกใจต้องตีมือของจื้อหลินที่สวมกอดเอวของตนอยู่และตำหนิชายหนุ่ม
“ทำอะไรรุ่มร่ามแบบนี้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ”
“แหม ก็ผมอดใจไม่ไหวนี่นา เจ้าสาวของผมแต่งตัวซะสวยขนาดนี้ เป็นใครก็อดใจไม่ไหวทั้งนั้นแหละ” จื้อหลินกระซิบข้างหูของม่านชิงจนหญิงสาวเขินอาย แต่ทันทีที่ม่านชิงได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาก็รีบแกะมือของจื้อหลินออกจากเอว
“พนักงานเอาชุดของคุณมาให้แล้ว รีบเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ” จื้อหลินยิ้มให้กับว่าที่เจ้าสาวอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไปหาคนที่เอาชุดมาให้ แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องผงะด้วยความตกใจก่อนจะค่อย ๆ เผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เอาชุดมาให้ตนเป็นใคร
“ชาร์ล!”
“แอนนิต้า!” เสียงทักของจื้อหลินกับพนักงานสาวดังขึ้นพร้อมกัน
“เธอกลับมาจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่เห็นรู้ข่าวเลย” จื้อหลินเป็นฝ่ายถามแอนนิต้าขึ้นมาก่อน
“เพิ่งกลับมาได้เดือนเดียวเอง กลับมาครั้งนี้ก็ว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่เลยน่ะ อย่าว่าแต่ฉันเลย นายกำลังจะแต่งงานแต่ไม่บอกข่าวเพื่อนฝูงบ้างเลยนะ!” พอแอนนิต้าทักขึ้น จื้อหลินถึงเพิ่งนึกขึ้นได้จึงรีบแนะนำแอนนิต้าให้รู้จักกับม่านชิง และบอกกับหญิงสาวว่าแอนนิต้าเป็นเพื่อนของเขาสมัยที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันแซ่หยวนค่ะ ชื่อหยงอี้ เรียกฉันว่าแอนนิต้าก็ได้ค่ะ” หยงอี้แนะนำตัวก่อนที่ม่านชิงจะเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองกลับบ้าง จากนั้นหยงอี้ก็หันไปถามจื้อหลิน
“นายรู้ข่าวที่เพื่อน ๆ จะจัดปาร์ตี้เลี้ยงรุ่นที่บาร์จี้ถังบ้างหรือเปล่า เขาว่าที่จี้ถังบรรยากาศเหมือนตอนที่พวกเราไปปาร์ตี้กันที่บ้านของมาร์คที่ริมทะเลเลยนะ”
“แน่นอน งานนี้ฉันไม่พลาดอยู่แล้วล่ะ ไม่ได้เจอหน้าเพื่อน ๆ มาตั้งห้าหกปี ป่านนี้แต่ละคนเป็นยังไงกันบ้างก็ไม่รู้ เออ! จริงสิ เธอพูดถึงมาร์คก็ดีแล้ว...แล้วมาร์คเป็นยังไงบ้างล่ะ สบายดีหรือเปล่า” ชายหนุ่มเพียงแค่เอ่ยชื่อมาร์คออกมา หยงอี้ก็มีสีหน้าหมองเศร้าพร้อมกับยื่นชุดเจ้าบ่าวที่ถืออยู่ในมือให้กับจื้อหลิน
“สายมากแล้ว นายรีบไปเปลี่ยนชุดถ่ายรูปเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดซะก่อนแล้วจะไม่ได้วิวสวยๆ” พูดจบหยงอี้ก็เดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งส่วนจื้อหลินก็ได้แต่เลิกคิ้วแบบงง ๆ อย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเพื่อนเก่า ก่อนที่จะยักไหล่และเบ้ปากพร้อมกับบอกม่านชิงว่าเขาขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วจะรีบออกมา
กว่าที่ม่านชิงกับจื้อหลินจะถ่ายรูปชุดแต่งงานเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบจะสองทุ่ม ก่อนที่ทั้งสองจะกลับนั้น หยงอี้ได้บอกกับว่าที่คู่บ่าวสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉันจะส่งแบบการ์ดแต่งงานไปที่บ้านของนายก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเลือกที่นี่ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาปิดร้านแล้วด้วย”
“งั้นก็แสดงว่าเธอเลิกงานแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นไปหาอะไรกินกับพวกเรามั้ยล่ะ จะได้คุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานไปด้วยเลย” จื้อหลินพูดชวนหยงอี้อย่างเป็นมิตร คนที่ถูกชวนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบตกลงและขอตัวไปปิดร้านก่อน หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันไปที่ร้านอาหารสไตล์ยุโรปแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสตูดิโอนัก
ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น จื้อหลินก็เล่าเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่เขากลับมาที่ฮ่องกงเมื่อเจ็ดปีก่อนรวมทั้งเรื่องของม่านชิงให้เพื่อนสาวฟังอย่างเป็นกันเอง ม่านชิงเองก็พูดคุยกับหยงอี้อย่างสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนของตัวเองด้วย ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่นานจนเกือบสี่ทุ่ม
หยงอี้เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
“กลับด้วยกันเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งให้เอง”
“ก็ดีเหมือนกัน ดึกมากแล้วคงหารถรากลับลำบาก”
จื้อหลินแวะไปส่งคนรักที่บ้านของเธอก่อนจึงค่อยมาส่งเพื่อนสาวที่บ้าน ทำให้เขาได้รู้ว่าสถานที่ที่หยงอี้พักอยู่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะสภาพของคอนโดฯ ที่เพื่อนสาวอยู่ไม่ค่อยแตกต่างจากคอนโดฯ ของม่านชิงที่ถูกไฟไหม้ไปเลย จื้อหลินจึงเอ่ยถามเพื่อนสาวออกไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“สภาพแวดล้อมแถวนี้ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนะ ให้ฉันช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้เธอดีมั้ย” แต่จื้อหลินกลับถูกเพื่อนปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไหน ๆ ฉันก็อยู่มาได้ตั้งเดือนหนึ่งแล้ว”
จื้อหลินได้ยินดังนั้นจึงไม่ได้ว่าอะไร “ถ้าหากเธอเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกฉันก็แล้วกัน ฉันยินดีจัดการให้ เพราะเธอกับมาร์คเพิ่งจะกลับมาที่ฮ่องกงได้ไม่นาน อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่...” ตอนที่เขาพูดถึงมาร์ค ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของหยงอี้ว่าเศร้าหมองลงไป สักพักจื้อหลินก็ขอตัวกลับ แต่ก่อนที่จะกลับ ชายหนุ่มก็ถามเพื่อนสาวอีกครั้ง
“ตกลงเธอจะไปงานปาร์ตี้ที่จี้ถังหรือเปล่า” หยงอี้พยักหน้าน้อย ๆ เป็นคำตอบ
“งั้นเดี๋ยวฉันกับแมนดี้จะมารับเธอกับมาร์คเอง”
“ไม่ต้องหรอก ไปเจอกันที่งานเลยก็ได้...” จื้อหลินจึงได้แต่พยักหน้าตอบและขอตัวกลับบ้าน

ตกกลางคืน จื้อหลินอาบน้ำอาบท่าและเข้านอน เมื่อหัวถึงหมอนก็เอามือข้างหนึ่งขึ้นมาก่ายหน้าผากและนึกถึงอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อนตอนที่เขาเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
สมัยนั้นจื้อหลินใส่แว่นตาหนาเตอะ แถมบุคลิกก็ยังเปิ่น ๆ อีกต่างหาก วันที่เดินเข้ามาในห้องเรียนชั่วโมงแรก เขาก็มองหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ แต่เพราะเขามาสายก็เลยเหลือที่นั่งแค่ไม่กี่ที่ จื้อหลินได้ที่นั่งแถวหน้าสุดที่ไม่ค่อยมีนักศึกษาคนไหนอยากจะนั่งเพราะได้ข่าวมาว่าอาจารย์ที่สอนวิชานี้ทั้งแก่และดุ นักศึกษาทุกคนต่างก็ขยาดไม่อยากเข้าใกล้ เมื่อจื้อหลินนั่งลงอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาในห้องพอดี ตอนที่อาจารย์สอนอยู่ก็ชอบเรียกจื้อหลินให้ตอบคำถาม พอเขาตอบไม่ได้เพื่อน ๆ ในห้องก็หัวเราะกันยกใหญ่ มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งเยื้อง ๆ กับเขาเท่านั้นซึ่งมองเขาอย่างสงสารที่โดนเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะ พอชั่วโมงเรียนจบเพื่อน ๆ ในห้องก็ออกกันไปหมด เหลือเพียงจื้อหลินคนเดียวเท่านั้นที่ยังนั่งหน้าจ๋อยอยู่ที่เดิมอย่างซึม ๆ สักพักเพื่อนนักศึกษาสาวคนหนึ่งก็เดินมานั่งข้าง ๆ และแนะนำตัวเองกับชายหนุ่ม
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหยวนหยงอี้ หรือเรียกว่าแอนนิต้าก็ได้ คุณชื่ออะไรคะ เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่าเอ่ย” หยงอี้ทักจื้อหลินอย่างเป็นมิตร ชายหนุ่มได้แต่หันมาหาเธอด้วยหน้าตาเหลอหลา แต่ก็แนะนำตัวเองกลับไปอย่างตะกุกตะกัก
เพียงสัปดาห์เดียว จื้อหลินและหยงอี้ก็สนิทสนมกันและกลายเป็นเพื่อนรัก หยงอี้เป็นคนเก่งและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ในขณะที่จื้อหลินค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยพูดจากับใคร อาจเป็นเพราะเขายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ตอนที่หยงอี้พูดจาหยอกล้อกับเพื่อนทั้งหญิงชายอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง จื้อหลินก็มักจะชอบแอบมองท่าทางของเพื่อนสาวอยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนที่เพื่อนสาวส่งยิ้มให้กับเพื่อน ๆ จนลักยิ้มปรากฏขึ้นมา จื้อหลินก็มักจะอมยิ้มตามไปด้วย
ครั้งหนึ่งตอนที่เพื่อน ๆ รวมกลุ่มกันติวข้อสอบ จื้อหลินก็แยกตัวออกมาอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ยอมไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ หยงอี้ซึ่งสนิทสนมกับจื้อหลินมาได้สักระยะก็พอจะรู้จักนิสัยของชายหนุ่มอยู่บ้าง จึงเป็นฝ่ายแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนมานั่งติวกับจื้อหลินกันสองคน
“ฉันรู้ว่านายไม่ชอบสุงสิงกับใคร งั้นให้ฉันนั่งติวกับนายก็แล้วกันนายจะได้ไม่เหงา” หยงอี้พูดกับจื้อหลินแบบนั้นก่อนที่จะก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้เขารู้สึกแปลก ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก รู้แต่เพียงว่าเขาเริ่มมีความรู้สึก ‘พิเศษ’ กับหยงอี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยในชีวิต
วันรุ่งขึ้นระหว่างที่จื้อหลินกำลังนั่งติวหนังสืออยู่กับหยงอี้ จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้วยิ้มให้กับหยงอี้อย่างเงียบ ๆ เมื่อหยงอี้เงยหน้าขึ้นมาเห็นก็เผยอยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนที่จะปิดหนังสือที่อ่านอยู่และลุกขึ้นยืน โผเข้าไปกอดชายแปลกหน้าคนนั้นจนจื้อหลินเองหน้าเจื่อนลงไปทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“ฉันคิดถึงคุณจังเลยค่ะมาร์ค...ว่าความเสร็จแล้วหรือคะถึงได้กลับมาหาฉันได้” หยงอี้ผละออกจากอ้อมกอดของมาร์ค ก่อนจะหันไปจัดปกเสื้อให้เขา ส่วนมาร์คหรือหม่าเฉินก็ลูบเส้นผมของหญิงสาว
“เสร็จไปแค่คดีเดียวเอง มะรืนนี้ผมก็ต้องกลับไปว่าความอีก แต่ว่าผมคิดถึงคุณมากก็เลยต้องหลบอาจารย์นั่งรถมาเป็นชั่วโมงเพื่อมาหานี่แหละ”
หยงอี้ได้ยินแฟนหนุ่มพูดเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้เลยแนะนำหม่าเฉินให้รู้จักกับจื้อหลิน
“นี่เป็นเพื่อนใหม่ของฉันเอง ที่สำคัญเขามาจากฮ่องกงเหมือนพวกเราเลย” จื้อหลินรู้ตัวว่าถูกพูดถึงก็เลยยิ้มแบบเจื่อน ๆ ให้กับหม่าเฉิน หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาจื้อหลินก็พยายามตีตัวออกห่างจากหยงอี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้
จนกระทั่งวันที่จื้อหลินสอบเสร็จ นักศึกษาทั้งชั้นเรียนก็พากันยกโขยงไปที่บ้านริมทะเลของหม่าเฉินเพื่อจัดงานปาร์ตี้หลังสอบเสร็จโดยที่หม่าเฉินก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หญิงสาวบอกกับแฟนหนุ่มว่าเพื่อน ๆ อยากจะมาชมบ้านของเขา เพราะเธอไปคุยโม้เอาไว้ว่าบ้านของเขาตกแต่งได้สวยมาก
ท้องฟ้ามืดลง เพื่อน ๆ บ้างก็วิ่งเล่นกันอยู่ตรงริมทะเล บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน ไม่ก็ช่วยกันย่างบาร์บีคิว จื้อหลินเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ช่วยกันย่างบาร์บีคิว จู่ ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นหยงอี้วิ่งออกมาจากบ้านของหม่าเฉินด้วยน้ำตานองหน้า ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ขอตัวจากเพื่อนในกลุ่มแล้วก็วิ่งตามหยงอี้ไปทันที สุดท้ายก็เห็นเพื่อนสาวกำลังนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงชายหาด เขาจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ พอหยงอี้เห็นดังนั้นก็หันไปซบอกของจื้อหลินแล้วก็ร้องห่มร้องไห้หนักขึ้นไปอีกจนชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดปลอบเพื่อนสาวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ สักพักหยงอี้ก็เลิกร้องไห้และบอกให้จื้อหลินช่วยไปส่งเธอที่หอพัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปโดยที่จื้อหลินเองก็ได้แต่เดินตามไปอย่างงง ๆ เพราะไม่เข้าใจอารมณ์ของเพื่อนสาวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
จื้อหลินมาส่งหยงอี้ถึงหอพัก เธอชวนชายหนุ่มให้เข้าไปข้างใน แต่พอเขาปฏิเสธ หญิงสาวก็กระชากเสียงใส่ด้วยความน้อยใจ
“อยากไปไหนก็ไปเลย ใช่สิ...ฉันมันไม่มีใครมาเหลียวแล ไม่มีคนมาสนใจอยู่แล้วนี่ อยากไปไหนก็เชิญ” พูดจบก็สะบัดหน้าหนีจื้อหลินเดินเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่ทำให้หยงอี้โกรธและเปลี่ยนใจเดินตามเข้าไปในห้องหลังจากที่ยืนลังเลอยู่พักใหญ่ ๆ
คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาในห้องจะเห็นเพื่อนสาวซดเบียร์กระป๋องไม่ยั้ง พอจื้อหลินจะห้าม หญิงสาวก็บอกว่าอย่ายุ่ง ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองหญิงสาวกินเบียร์อยู่หลายกระป๋องจนกระทั่งเมาหลับคาโซฟาที่นั่งอยู่ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นไปอุ้มหญิงสาวพาเข้าไปนอนในห้องนอน
จื้อหลินวางร่างของหยงอี้ลงบนเตียง จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้จึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียนออกมายกใหญ่ ชายหนุ่มวิ่งตามเข้าไปในห้องน้ำพลางช่วยลูบหลังให้ พอเธออาการดีขึ้นมาหน่อยจื้อหลินก็ช่วยพยุงหยงอี้กลับมานั่งที่เตียงนอนอีกครั้ง จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เจอในห้องน้ำมาชุบน้ำหมาด ๆ แล้วกลับมาข้างเตียง บรรจงเอาผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เช็ดไล่ลงมาตามแขนของหยงอี้เพื่อให้หญิงสาวสบายตัวขึ้น เธอนั่งมองชายหนุ่มเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ด้วยแววตาซาบซึ้ง สักพักจื้อหลินก็เช็ดตัวให้หญิงสาวเสร็จและเอาผ้าขนหนูไปเก็บในห้องน้ำ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเพื่อนสาวยังนั่งเหม่ออยู่เหมือนเดิม
“ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนล่ะนะ เธอเองก็พักผ่อนซะเถอะ” พูดจบ จื้อหลินก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องนอนของเพื่อนสาวไป แต่จู่ ๆ หยงอี้ก็เข้าไปโอบกอดจื้อหลินจากทางด้านหลัง
“อย่าเพิ่งไปไหนเลย อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนเถอะนะ” จื้อหลินตกใจเป็นอย่างมาก เขาหันกลับมาหาเพื่อนสาว จังหวะที่หันหน้ากลับมาก็ได้เห็นสายตาที่เว้าวอนของหยงอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งคู่ต่างประสานสายตากัน ใบหน้าของหยงอี้ค่อย ๆ เข้าไปหาชายหนุ่มก่อนอย่างจงใจ เพียงเสี้ยววินาทีหยงอี้ก็ประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของชายหนุ่ม จื้อหลินผงะ รู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง แต่หยงอี้ไม่หยุดแค่นั้น เธอใช้ทั้งสองมือโอบรอบคอชายหนุ่มและประทับจูบไม่หยุด ด้วยอารมณ์พาไปจื้อหลินจึงค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองโอบรอบเอวของหญิงสาวและตอบสนองจูบอย่างที่ใจตัวเองปรารถนา สุดท้ายทั้งคู่ก็บังคับใจตัวเองไม่ได้ จื้อหลินอุ้มหญิงสาวทั้งที่ยังประทับจูบกันอย่างดูดดื่มพาไปที่เตียงนอน และในค่ำคืนนั้นทั้งคู่ก็ดื่มด่ำอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืนอย่างมีความสุข

………………………………………………..


…โปรดติดตามตอนต่อไป ปมแค้นแรงพิศวาส ตอนบทส่งท้าย (2) ความลับที่เปิดเผย !!..ลูกสาวตัวน้อยของหยวนหยงอี้...





Create Date : 12 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 13:02:31 น. 29 comments
Counter : 867 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ ดีใจจังที่ทั่นผู้เขียนหายเหนื่อยแล้ว กลับมาปั่นฟิคให้พวกเราได้อ่านกันอีก :D

เมื่อคืนก็แอบคิดเหมือนกันว่าพี่งี้จะแปะคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์น๊า แล้วพี่งี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ แต่เห็นแปะซะดึกเชียวคงเหนื่อยแย่ รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

โม้เรื่องนิยายบ้างดีกว่า
ตอนแรกที่อ่านเรื่องความฝันของแมนดี้ ก็แอบงงว่าเอ...หรือเราจะจำช่วงแรกผิดไปหว่า ทำไมพี่ชาร์ลถึงใจร้ายอย่างนี้น่ะ มีการบอกแมนดี้ว่าชั้นไม่ให้เธอหรอก :(
แต่พอรู้ว่าเป็นความฝันก็ค่อยโล่งใจหน่อย :)

พอมาถึงตอนน้องเหมียนอี้นี่ก็น่ารักสุดๆ ถ่ายทอดอารมณ์เด็กๆ ออกมาได้ดีมากเลยค่ะ จิ้นออกเลยค่ะ ชอบเวลาคุณหลานล้อเลียนคุณน้าจัง :)

มาถึงตัวละครตัวใหม่ ประหลาดใจมากๆ ค่ะ ที่ทั่นผู้เขียนเลือกตัวละครตัวนี้ขึ้นมา แถมเป็นตัวละครตัวแรกด้วยที่ทั่นผู้เขียนไม่เปลี่ยนชื่อแซ่ทั้งจีนและอังกฤษเนี่ย
แค่อยากถามว่าระหว่างพิมพ์ไปมือสั่นไปด้วยหรือเปล่าค่ะเนี่ย :lol

แต่เค้าไม่ยอมนะ ก็แอนนิต้าเพิ่งโผล่มาตอนนี้ก็คว้าพี่ชาร์ลของแมนดี้ไปเชยชมซะแล้ว (แมนดี้แสดงมาตั้ง 52 ตอนแล้ว ยังได้แค่จูบเอง T_T)

ดูท่าว่าบทส่งท้ายคงจะเริ่มยาวแล้วล่ะค่ะ

ปล.พี่มาร์คนี่ใช่พี่โจ หม่า หรือเปล่าค่ะ เพราะไม่เห็นรูปปลากรอบ คนอ่านจะได้จิ้นตามถูกค่ะ


โดย: Cipher IP: 58.8.136.211 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:36:27 น.  

 
กิ๊ดดดดดดดดดด โต๊ะใจอ่ะ ยังไม่ทันได้อ่านเหลือบไปเห็นภาพ bg เพิ่งเห็นภาพแอนนิต้าเพิ่มเข้ามารึป่าวอ่ะทั่นผู้เขียน ทุกทีมันไม่มีนิหน่า แล้วตัวละครนี้มันอะไรอ่ะ หลอนนะเนี่ย เด๋วความหวีดแตกวงพอดี กร๊ากกกกกกกกกก

ลงชื่อไว้ก่อน แม่เรียกไปทำงานบ้านอ่ะ เซ็งเลย ไว้บ่ายๆแวะมาอ่านใหม่นะจ๊ะ


โดย: หลินกุ IP: 118.172.103.22 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:23:52 น.  

 
อ๊าย . . ซ้อใหญ่สุดๆ มาได้ไงนี่ ตอนแรกนึกว่าจะได้อ่านวัยเด็กหวาน มันส์ ฮา พอย้อนฉากเก่ามาถึงตอนที่พี่ชายบอกไม่ให้สร้อย จะเก็บไว้ให้แฟนเท่านั้นก็งงๆ ว่าเอ๊ . . จางงี้ลืมบทเหรอ แต่ที่ไหนได้เป็นลางสังหรณ์ของแมนดี้ แถมรักแรกของพี่ชาร์ลก็เป็นของสูงซะด้วย จางงี้เล่นงี้เลยเหรอเนี่ย จ๊าก . . แล้วจะเป็นไงต่อคะเนี่ย อย่าบอกนะว่าลูกสาวตัวน้อยนั้นเป็นลูกของพี่ชาร์ล แล้วพี่ชาร์ลต้องเลือกระหว่างแมนดี้กับลูก

โอ้ . . ฉากในฝัน ความทรงจำวัยเด็ก ฮันนีมูนสุดสวีท กะอีก 5 ปีต่อมา สลายไปในพริบตา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วค่ะ อ๊าก . .

(ถึงจะไม่หวานแหววแต่ก็ยอมรับว่าจางงี้เขียนได้เข้มข้นจริงๆ ค่ะ ตอนนี้นั่งลุ้นแบบใจตุ๊มๆ ต่อมๆ จางงี้ลงตอนสองต่อเลยได้มั๊ยคะ อยากรู้ใจจะขาดแล้วเนี่ย)


โดย: O-yohyo IP: 58.9.157.141 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:05:41 น.  

 
ขำมลจัง จริงด้วยเนอะแมนดี้เล่นมา 52 ตอน พี่ชาร์ลก็แค่จุ๊บเอง แต่ซ้อใหญ่สุดๆ โผล่มาตอนเดียว แอ้มพี่ชาร์ลไปซะแหล่ว แล้วพี่ชาร์ลนะ ทีตอนแมนดี้โดนวางยา ทำเป็นเล่นตัว แต่พอกะซ้อใหญ่สุดๆ ล่ะก็ ไม่มีขัดขืนสักนิด น่าน้อยใจยิ่งนัก

หลินกุ . . ทำงานบ้านให้เสร็จไวไวแล้วรีบมาอ่านนะคะ จะได้มีเพื่อนร่วมกันใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ฮือๆ


ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อน เมื่อวานเริ่มเป็นหวัด เมื่อคืนนอนพักเต็มที่เลย กะว่าวันนี้จะเริงร่าสุดๆ เจอของสูงเข้าไป ตอนนี้ไข้ขึ้นซะแล้ว ไปนอนทำใจก่อนนะ โธ่ . . พี่ชาร์ลเสียความบริสุทธิ์ไปซะแล้วหรือนี่ . . ฮือ ฮือ นึกว่ารักนวลสงวนตัวซะอีก ไว้ทำใจได้ค่อยวิ่งไปบอร์ด 3 นะคะ ตอนนี้อกหักอย่างแรง


โดย: O-yohyo IP: 58.9.157.141 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:08:42 น.  

 
เป็นห่วงแมนดี้จัง


โดย: 2in1 IP: 124.121.148.39 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:18:49 น.  

 
เจิ้อยยยยยยยยยย อะไรกันเนี๊ยะ กลับมาอ่านแล้วดุ้งอย่างรุนแรง ทำไมชาร์ลไปมีไรกะหญิงอื่นแบบนี้ แง้งงงงงงงงงง
พูดถึงแอนนิต้าเนี่ย หลินกุจื้นเป็นหน้าซ้อแลงไม่ออกอ่ะ เพราะจางงี้บรรยายว่ามีลักยิ้ม 1 ข้าง แล้วอิมเมจสาวนักเรียนนอกคงออกแนวเปรี้ยวๆ จึงค่อนข้างจะจิ้นออกมาเป็นแลงๆ ยากสักหน่อย ของหลินกุขอจิ้นเป็นสาวอื่นละกัน (ทั่นผู้เขียน นักแสดงสาวๆ มีถมถืด หายากนะจ๊ะ เหม่
ว่าแต่ ชาร์ล)

อดีตของชาร์ลเคยดื่มด่ำและมีรักแรกขนาดนี้ น่าเป็นห่วงแมนดี้เหมือนกันค่ะ ไม่รุว่ามาพบกันอีกครั้งนี่ ชาร์ลจะยังมีใจให้สาวรักแรกรึป่าว ยังไงๆ ก็เอาใจช่วยแมนดี้นะคะ


โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:02:48 น.  

 
อ่านเม้นต์ของ o-yo กะน้องมลแล้วขำเลยอ่ะ ทำงานมาเหนื่อยก็ได้ผ่อนครายเนี่ยแหล่ะ ใช่ๆ พี่ชาร์ลนะพี่ชาร์ล ทีกะรักแรก ใจง่ายซะ พอกะแมนดี้ ทำหวงตัว มันน่านัก

พวกเรา เรามาจิ้น ตัวละครใหม่ เป็นคนนี้ดีกว่าค่ะ "หยังซือฉี" ได้อิมเมจเด๊ะเลย แก้มบุ๋ม 1 ข้าง และสวยแบบเปรี้ยวก็ได้ อิอิ



o-yo ชื่อตัวละครของจางงี้ผิดแผกไปติ๊ดนะคะ "หยวน - หย่ง - อี้" ค่ะ แต่จริงๆ ซ้อแลงชื่อ หยวน - หย่ง - อี๋ (หยี ออกเสียงจีน) เพราะงั้น จิ้นตามหลินกุเลย ก๊ากๆๆ
ไม่งั้นจะทำให้อารมณ์ในการอ่านสะดุดแบบหลินกุค่ะ


โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:10:00 น.  

 
ตามบท แอนนิต้าเค้าต้องรุ่นเดียวกับชาร์ลนี่คะหลินกุ สาวคนข้างบทดูเด็กไปหน่อยค่ะ อีกอย่างภาพด้านข้างก็แปะหรา แม่เจ้า มิอาจจิ้นเป็นคนอื่นได้เลย แต่อยากบอกว่า o-yo ชอบสาวคนข้างๆ มากกว่าสาวคนข้างบนอ่ะ ถ้าไงยอมจิ้นเป็นสาวคนข้างๆ ดีก่วา แต่ที่กลัวก็คือ พี่ชาร์ลคงรักสาวคนข้างๆ สุดหัวใจ แล้วแบบนี้แมนดี้ของ o-yo มิตกกระป๋องรึคะนี่ ฮือ . . ต้องหาน้ำแห้ว น้ำระกำ มาดามใจอีกแล้วรึนี่


โดย: O-yohyo IP: 58.9.157.141 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:25:25 น.  

 
ตามมาสมทบกับพี่โหยวค่ะ พี่หลินถ้าเป็นสาวคนข้างบนนี่หน้ามลก็ยังไม่ค่อยอยากมองเลยค่ะ (เหตุผลส่วนตัวของมลเองค่ะ) เพราะงั้นมลขอจิ้นเป็นหน้าซ้อแลงต่อไปนะค่ะ :)


โดย: Cipher IP: 58.8.146.37 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:07:51 น.  

 
เอาหละ !! ก่อนอื่นก็มาไขข้อข้องใจก่อนเลย...แอนนิต้าโผล่มาได้ไง?? คืองี้...จำกันได้ป่ะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ชาร์ลตกหลุมรักเสิ่นจือลี่มาจากอะไร...ใบหน้ารูปไข่...นัยน์ตาคม...และลักยิ้มเจ้าเสน่ห์...ทีนี้ก็เลยต้องมานั่งนึกก่อนว่ารักแรกของชาร์ลควรจะเป็นใครดี...ก็เลยนึกถึงแอนนิต้าขึ้นมามันจะได้อินกันสุดๆ ไปเลย...มองไปมองมาแอนนิต้าก็รูปหน้าคล้ายเสิ่นจือลี่อยู่ไม่น้อย...ทีนี้เพื่อให้สมบทบาทก็เลยต้องปรับบุคลิกให้แอนนิต้ามีลักยิ้มขึ้นมา จะได้เหมือนเสิ่นจือลี่หน่อย...ทีนี้ก็เข้าล็อคเปะ...รักแรกของชาร์ลที่ยากจะลืมเลือน...จากความสัมพันธ์ในครั้งแรกที่ชาร์ลมีต่อแอนนิต้า...ตรงนี้จะเป็นอุปสรรคครั้งยิ่งใหญ่และเป็นบทโศกของเสิ่นม่านชิงว่าจะตัดสินใจอย่างไร...
ดูบทโศกของขาโจ๋รุ่นใหญ่มาแล้ว...ทีนี้ก็ถึงคราวบทโศกของขาโจ๋รุ่นเล็กกันบ้าง...ทีนี้จะได้รู้กันไปเลยว่าความรักหนะ...มันไม่มีอะไรถูกและไม่มีอะไรผิด...มาจากความรู้สึกของคน 2 คนล้วนๆ

มาถึงบทส่งท้ายตอนนี้กันบ้าง...ไม่รู้โดนใจเพื่อนๆ บ้างหรือเปล่า...แต่ผู้เขียนก็เขียนไปขำไปเหมือนกันตอนที่ลางบอกเหตุมันมาบอกกับแมนดี้ในความฝัน...ทีนี้ก็ต้องมาดูกันต่อว่าความรักแท้ที่แมนดี้มีต่อชาร์ลจะสามารถฝันฝ่าไปได้หรือไม่...หรือเธอจะเลือกใช้อารมณ์มากกว่าใช้เหตุผลก็ต้องคอยติดตามกันดูนะเจ้าคะ

จากใจผู้เขียน



โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:19:05 น.  

 
แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เปิดกระทู้ประท้วงรอเลยได้ไหมค่ะเนี่ย

ไม่ชอบประโยคนี้เลย "จากความสัมพันธ์ในครั้งแรกที่ชาร์ลมีต่อแอนนิต้า...ตรงนี้จะเป็นอุปสรรคครั้งยิ่งใหญ่และเป็นบทโศกของเสิ่นม่านชิงว่าจะตัดสินใจอย่างไร..."
บทสวีทของชาร์ลกับแมนดี้ยังไม่ทันได้เห็น ซ้อใหญ่ก็ส่งซ้อใหญ่สุดๆ (ขอยืมคำพี่โหยวมาใช้หน่อยนะค่ะ) มาสกัดดาวรุ่งซะแล้ว (แถมแอบงาบพี่ชาร์ลไปแล้วอีกต่างหาก T_T) แถมซ้อใหญ่ยังเกริ่นนำด้วยคำว่า "บทโศก" เข้าไปอีก โอ้...สะเทือนใจมลอย่างแรง สงสัยว่านับจากวันนี้มลคงต้องกินข้าวเคล้าน้ำตา แถมยังต้องหาของหวานๆ อย่างน้ำผึ้งมาฉีดเข้าเส้น เผื่อบรรเทาอาการช้ำในที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี่แล้วสิ


โดย: Cipher IP: 58.8.146.37 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:41:05 น.  

 
อ่านะ เหลือบไปเห็นภาพ bg ข้างๆ ทีไร มันบอกไม่ถูก คงต้องพึ่งทั่นผู้เขียนที่จะเขียนให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมได้มากน้อยแค่ไหนล่ะนะ เพราะหลินกุอ่านชื่อนี้ทีไร ก็คิดว่าชาร์ลต้องรักแอนนิต้าสุดหัวใจตลอดเลยง่ะ แง้งงงงง แล้วเอาแมนดี้ไปไว้ตรงไหนนนนนน

เห็นด้วยกะ o-yo ค่ะที่ว่า จากน้ำตาลต่ำ ตอนนี้ติดลบแทบหมดตัว กร๊ากกกกก

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แมนดี้หนอแมนดี้ ยังไม่ทันหวีดก็มีอุปสรรคใหญ่หลวงซะแระ แต่หวังลึ๊กลึกว่า แมนดี้จะต่อสู้กับภูเขาลูกใหญ่ลูกนี้ไปให้ได้ แหะๆ

น้องมล พี่หลินขอน้ำผึ้งด้วยนะคะ แต่ไม่ฉีดเข้าเส้นเด้อ กลัวเข็มค่ะ ขอดื่มน้ำผึ้งและก็น้ำหวานโค๊กสัก 2 ลิตรนะคะ


โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:43:23 น.  

 
ตามมาอ่านตอนพิเศษที่ล่ำลือค่ะ


โดย: tomtam IP: 124.121.159.122 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:52:44 น.  

 
โอวก๊อด เซอร์ไพร์สมากๆ เห็นแบล๊กกาวด์ก่อนเหมือนหลินกุเลย ทำเอาช๊อค แล้วมาอ่านคำเกริ่นของผู้แต่งอีก กำ

แต๋มจิ้นเป็นหน้าแอนนิต้าได้ไม่ยากนะ นางอิจฉา (รึเปล่า) สไตล์มั่นใจ รุกพระเอกก่อน เพียงแต่ว่าแอบเครียดแทนแมนดี้ ศึกหนักจริงๆ จางงี้ยิ่งชอบทำเซอร์ไพร์สคนอ่านด้วย


โดย: tomtam IP: 124.121.168.246 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:50:05 น.  

 
ชอบซี่คะจางงี้ อ่านแล้วก็ลุ้นตาม แต่ที่ “จ๊าก” เนี่ยก็เพราะเดิมไม่รู้ว่าจะมีบทโศกนี่หน่า นึกว่าจะได้อ่านบทสวีทกุ๊กกิ๊กวัยเด็ก ไม่ก็วันฮันนีมูน พอมาเจอแบบนี้ก็ทำเอา อึ้ง . . ช๊อค . . ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะถ้าความสัมพันธ์ธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มีลูกด้วยกันด้วย คิดว่าแค่ลูกแมนดี้เค้าก็คงรับได้นะ แต่ว่าถ้าเลือกลูกก็ต้องเลือกแม่ด้วยใช่เปล่าคะ แล้วแมนดี้จะไปอยู่ไหนล่ะ นอกจากเสียสละ หรือถ้าจะทำตามอารมณ์ ทำตามใจตัวเอง แล้วเด็กตาดำๆ ล่ะ แมนดี้เห็นหลานตัวเองไม่มีพ่อ รอพ่อมา 5 ปี แล้วแมนดี้จะทำใจได้เหรอที่จะรั้งตัวชาร์ลไว้ ปล่อยให้เด็กตาดำๆ โหยหาพ่อ

นี่แหล่ะ ทำให้ o-yo คิดหนัก หนักใจแทนแมนดี้ ไข้ขึ้นเลยจริงๆ นะวันนี้ มันเหมือนกับว่าความฝันแสนหวานที่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ต้องมาพังทลายลงไป กำลังดีใจว่าพี่สาวจะมีความสุข แต่แล้วก็ต้องมาเห็นพี่สาวเศร้าใจ ทุกข์ใจ เพราะเรื่องไม่คาดฝัน โธ่ . . พี่ชาร์ลนะพี่ชาร์ล นี่ถ้าจับแมนดี้แต่งงานไปก่อนหน้านี้ก็ยังพอทำเนา อย่างน้อยก็เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องลูกก็รับผิดชอบส่งเสียก็ได้ แต่นี่แมนดี้ไม่ได้เป็นภรรยาย่อมไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว ฮือ ฮือ

ที่บ่นยาวขนาดนี้ก็เพราะรักแมนดี้กับชาร์ล รักฟิคเรื่องนี้มากๆ เลยนะ จะรอลุ้นกับตอนต่อไปค่ะ จางงี้อย่าปล่อยให้คอยนานนะ ไม่งั้นคงทุรนทุรายแย่แน่ๆ กระซิก กระซิก


โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:44:27 น.  

 
ปล. เพลงตอนนี้เพราะจังค่ะ มาจากละครเรื่องอะไรคะ


มล . . สาวคนข้างบนพี่ก็ไม่ค่อยปลื้ม แต่ว่าที่ไม่อยากจิ้นเป็นสาวข้างบน เหตุผลก็ด้วยเรื่องอายุค่ะ เพราะเธอดูเด็กอยู่มากนะ จะให้จิ้นเป็นรุ่นเดียวกับพี่ชายหรืออาเส่เลยจิ้นไม่ค่อยออกน่ะค่ะ ประการที่สอง ฝีมือการแสดงของเธอยังไม่ค่อยเข้าขั้น ทำให้จิ้นบทชีวิตยากเอาการนา เคยเห็นแต่บทต๊องๆ ของเธอ

แต๋ม-หลินกุ . . . ถ้าเป็นสาวอื่นนะ ก็คงเชียร์ให้แมนดี้สู้ตายแล้วล่ะ แต่พอเป็นเจ๊แอนนิต้า แฟนคลับถึงกับอึ้งค่ะ ขอไปพักรักษาแผลใจก่อน ไม่กล้าหืออ่ะ ถึงจะรักแมนดี้กะพี่ชาร์ลแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้แมนดี้สร้างบาปสร้างกรรม พรากลูก พรากแม่ พรากพ่อ โอ๊ย . . คิดหนัก


โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:47:12 น.  

 
เอ่อ... o-yo ชาร์ลมีลูกกับแอนนิต้าแล้วเหรอ หาๆ ตาเหลือกแล้วหล่นไปกองอยู่ตาตุ่ม หลินกุงงอ่ะ อ่านเม้นต์ของ o-yo แล้วก็รีบขึ้นไปอ่านฟิคตอนนี้อีกรอบ ก็ว่าอ่านละเอียดแล้วนะ มีตอนไหนที่เขียนว่าแอนนิต้าท้องอ่ะ อ่านแล้วก็ไม่เจอ มาเห็นที่ตอนท้ายๆที่สองคนมีไรกัน แง้งงงงง ไม่ยอมๆๆ จางงี้ใจร้ายยยยย เค้ากะจะรอฉากหวีดแท้ๆ น้ำตาลกลายเป็นขม

ถ้าให้เดา แอนนิต้ามีไรกับชาร์ลเมื่อ 7 ปีก่อน พอท้องแล้วก็ปิดไว้ มาเฉลยเอาตอนนี้เพื่อจะคืนดีกับชาร์ลเหรอ ไม่เอาอ่า มุขนี้เค้ามะเอาได้มะ โฮๆๆๆๆ
น้องมล 2 ลิตรไม่พอแล้วน้ำหวานกับโค๊กอ่ะ เอามา 2 บ่อ เลย


โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:48:17 น.  

 
o-yo หลินกุว่า หยังซือฉี หน้าก็ไม่เด็กมากนะคะ ถ้าไม่บอกอายุ หลินกุก็ว่าราวๆ 25-27 อ่ะค่ะ คงเพราะเค้าเคยแต่เล่นบทคิขุโนเนะรึป่าว o-yo ถึงมองเป็นเด็กอ่ะ

แต๋ม อ่านะ อิมเมจซ้อแลงเป็นหญิงเปรี้ยวรุกๆนี่ จิ้นไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่จะจิ้นว่าชาร์ลเลิกรักนี่มันลำบากโขล่ะ แหะๆ


โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:51:04 น.  

 
หลินกุ .. ก็ตอนจบของตอนนี้พี่ชาร์ลกะหย่งอี้เค้ากุ๊กกิ๊กกันแล้ว แล้วพออ่านชื่อตอนต่อไป

ตอนบทส่งท้าย (2) ความลับที่เปิดเผย !!..ลูกสาวตัวน้อยของหยวนหยงอี้...


ต่อมจิ้นเลยต่อเนื่องอัตโนมัติว่า คงเป็นลูกของพี่ชาร์ลแน่ๆ เลย ฮือ . .

แล้วก็เห็นด้วยค่ะ จิ้นซ้อเราเป็นสาวเปรี้ยวน่ะไม่ยาก แต่จะจิ้นให้พี่ชายเลิกรักเนี่ยซี่ ทำใจยากนะ เค้าถึงว่าพวกคู่รักตัวจริงไม่ควรมาเล่นละครเรื่องเดียวกัน เพราะมันทำให้ความรู้สึกของคนดูตีกัน นี่แค่ในฟิคนะ เรายังลำบากใจขนาดนี้เลย


หยังซือฉือเค้าเกิดปี 1978 ปีนี้ก็อายุ 30 ปีแล้วค่ะ ส่วนบทที่เคยดู ก็บทโบวี่ ในนางฟ้ามหาประลัยค่ะ เป็นรุ่นน้องของเจ๊ฮัว


โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:15:45 น.  

 
อ๊ากกกก จริงด้วย ไม่ทันได้เห็นชื่อตอนต่อไปอ่ะ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอคลานออกไปทำใจสัก 5 วัน ก่อนนะก๊ะ น้ำตาลติดลบ
อีก 5 วันค่อยคลานกลับมาใหม่ค่ะ

โห..หยังซือฉีเค้า 30 แล้วเหรอ หลินกุก็ว่ายังไม่ถึง แสดงว่าหน้าเด็กจริงค่ะ แหะๆ

ใช่เลี้ยวค่ะ o-yo หลินกุก็ไม่ชอบดูละครที่พระ-นางในชีวิตจริงเล่นคู่กัน เพราะมันทำให้เราจิ้นตามบทยาก เพราะเรารู้อยู่เต็มอกว่าเค้ารักกันเป็นไรกัน พอมาเล่นละครให้ดูมันก็จะดูเฟค ดูเสแสร้งให้ผู้ชมดู ทำให้อินกับบทยากค่ะ เพราะงั้นพี่ชายคิดถูกแระที่ไม่เล่นละครกะซ้ออีก


โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:41:30 น.  

 
เดี๋ยวนะ บางทีแอนนิต้าอาจจะท้องกะมาร์คก็ได้นี่คะ ถึงได้ร้องไห้แล้วพี่ชาร์ลก็เข้ามาปลอบด้วยการ...

อีกอย่างต่อให้ท้องกะชาร์ลจริงๆ แต่คนก็เลิกกันไปนานแล้ว กำลังจะแต่งงานด้วย ยังไงคงไม่กลับไปคืนดีกันหรอกค่ะ ชิแลมกะแอนนิต้าก็เป็นเพื่อนกันต่อไปได้ รับรองบุตรร่วมกัน (โคตะระตรงข้ามกับความจริง o_O)

โฮ๊ยยยคิดไปโน่นแล้ว


โดย: tomtam IP: 124.121.163.122 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:09:05 น.  

 
แต๋มคะ ตามกฏเหล็กพวกละครชีวิต ละครโศก ตำนานรักดอกเหมย แล้วนั้น ลูกสาวของแอนนิต้าจะต้องเป็นลูกของชาร์ลค่ะ แม้จะสวีทกิ๊บกิ้วกะมาร์คมาปานใด แต่กะชาร์ลแค่ครั้งเดียวก็ท้องได้

ก็ไม่รู้ว่าตำนานรักจางงี้จะทำตามกฏหรือแหวกกฏนะ แต่ตอนนี้ ฮือ . . คิดหนัก แง่ม แง่ม

หลินกุ . . ช่วงนี้น้ำตาลต่ำสุดๆ วันเข้าพรรษานี้คงต้องไปทำบุญซะแล้วล่ะ เผื่อกุศลส่งให้แมนดี้กะพี่ชาร์ลได้ครองคู่ ไร้อุปสรรค

ปล. มัวแต่ช๊อคไป 2 วัน ย้อนไปอ่านข้อความ ของมล เห็นบอกว่าจะจิ้นเฮียมาร์คเป็นเฮียโจ หม่า . . โอเคเลยค่ะ ขอเป็นแบบมาดทนายหนุ่มใส่แว่นนะ ดูเท่ห์ดี


โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:50:05 น.  

 
โฮะๆๆ...ผู้เขียนดีใจที่ทำให้ผู้อ่านต่อมจิ้นระเบิด...แต่เคยสังเกตบ้างหรือเปล่า...แต่ละตอนที่เขียนไว้...ดูเหมือนจะเจอทางตัน...แต่ในที่สุดก็มีทางออกให้เสมอ...เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ วางใจได้...ผู้เขียนก็ไม่ใจร้ายพอที่จะทำให้ขาโจ๋รุ่นเล็กต้องจากกันหรอกนะ...เพียงแต่ว่ามันคงต้องมีอุปสรรคพิสูจน์ความรักกันหน่อย


โดย: จางงี้ IP: 58.9.89.8 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:52:33 น.  

 
เมื่อกี๊ปิ๊งแวปไอเดียขึ้นมาทันใด คืออยากให้เป็นแนวนี้อ่ะ โศกเหมือนกันนะ เผื่อจางงี้พิจารณา

คือลูกสาวของแอนนิต้าน่ะ เป็นลูกของมาร์ค พี่ชาร์ลนั้นไม่รู้หรอก และด้วยความสงสารแอนนิต้า ประกอบกับถ่ายไฟเก่าคุกรุ่นและแมนดี้เข้าใจผิดว่าเด็กน้อยเป็นลูกของพี่ชาร์ล จึงทำตัวห่างเหินทำให้พี่ชาร์ลไปเอาใจใส่แอนนิต้าจนหลงลืมแมนดี้ ทีนี้ก็แมนดี้แหล่ะ ที่จะทำยังไงให้ได้ใจพี่ชาร์ลกลับคืนมา

ถ้าเป็นแบบข้างบนยังพอทำใจได้ และมีหวังบ้างค่ะ แต่ถ้าเด็กน้อยเป็นลูกสาวของพี่ชาร์ลจริง โอ้ . . ไม่อยากจะคิด ต่อให้รักพี่ชาร์ลปานใด แต่จะให้แมนดี้ทำบาปนั้น o-yo ไม่ยอมนะคะ


โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:54:40 น.  

 
เย้!! จางงี้เผยมาแล้วว่ามีทางออก ให้พี่ชาร์ลกับแมนดี้ได้ครองคู่กันจริงๆ นะคะ แล้วอย่าลืมฉากสวีทปลอบใจด้วยนะ เพราะจางงี้ทำให้แฟนคลับใจตกไปถึงตาตุ่มแล้วรู้มั๊ย


โดย: O-yohyo IP: 58.9.156.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:57:32 น.  

 
เอ่อ...ว่าจะยังไม่คลานเข้ามาตอนนี้เพราะไร้เรี่ยวแรง น้ำตาลในเลือดติดลบเนี่ย แต่ก็ต้องคลานแวะมาอีกเมื่อเห็นพล็อตเสนออันแสนจะบรรเจิดเลิศไอเดียของ o-yo ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีอ่ะจิ หลินกุก็ไม่อยากให้ชารล์มีห่วงคล้องคอกับคนรักเก่าเหมือนกันล่ะ เพราะอะไรน่ะรึ เพราะแม้จะเลือกแมนดี้ แต่ต่อไปเมื่อเห็นหน้าลูกก็ต้องคิดถึงหน้าแม่ เพราะลูกหน้าเหมือนแม่มาก (เกี่ยวมั้ยเนี่ย กร๊ากก พิมพ์ไปยังขำตัวเองเลยอ่ะ) เพราะงั้นความรักของชาร์ลและแมนดี้ ต้องมีอุปสรรคในอนาคตแน่เลยอ่ะค่ะ ไม่เอาอ่ะ หลินกุก็ไม่ชอบให้เป็นแบบนี้เลย ก็ขอให้จางงี้มีทางออกที่ดีกันทุกฝ่ายก็เลี้ยวกัน ที่แต๋มเดามานั่น หลินกุก็อยากให้เป็นอิหรอบนั้นเหมือนกัน แต่ใครจะเดาใจผู้เขียนได้แม่น แหะๆ
ตอนนี้ไม่ลุ้นฉากหวีดแระ เพราะทางหวีดแต่แต่ขวากหนาม หวีดมะออกเลย ลุ้นให้เรื่องลูกๆห่วงคล้องคอนี่มันผ่านไปก่อนละกัน ฮึกๆ


โดย: หลินอี้ วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:41:19 น.  

 
ไปดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาวมา 2 แก้ว ถึงจะมีแรงมาให้กำลังใจแมนดี้ฟันฝ่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ กำจัดก้างชิ้นโตได้สำเร็จนะ :)


โดย: Cipher IP: 203.155.7.254 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:57:47 น.  

 
จางงี้ . . วันหยุดนี้มีฟิคเปล่าคะ รอ ร๊อ รอ

ความดันเลือดต่ำจะติดดินแล้วอ่ะ เริ่มกระสับกระส่าย


มล / หลินกุ . . ไปดื่มน้ำหวานมาเป็นโอ่ง น้ำตาลก็ยังไม่ขึ้นเลยค่ะ ช็อคอย่างแรง


โดย: O-yohyo IP: 58.9.159.210 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:34:32 น.  

 
นั่นดิ o-yo มานั่งรอด้วยใบหน้าซีดๆโทรมๆ อยู่เนี่ยค่ะ ตอนนี้อย่าว่าแต่น้ำตาลหายเลย ตัวเหลืองหน้าเขียวใกล้เหี่ยวแล้วววว ฮึกๆๆ ปูเบาะรอนะจ๊ะจางงี้ รอด้วยน้ำตา งืมๆ


โดย: หลินกุ IP: 118.172.48.62 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:22:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChuengNgee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ประพันธ์โดยสมบูรณ์ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือตีพิมพ์ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากผู้ใดทำการละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ChuengNgee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.