ปมแค้นแรงพิศวาส ตอน 40...ในที่สุดความจริง !! ก็เปิดเผย !! (3)
...ประกาศ... บทประพันธ์เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาตีพิมพ์ และเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนโดยชอบธรรม ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอกบทประพันธ์ชิ้นนี้โดยเด็ดขาด ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
วันที่ 14 กันยายน 2551
รอยแค้นแรงพิศวาส: Latest for Looking Back
ตอน 40...ในที่สุด..ความจริงก็เปิดเผย !! (3)...
โหลดเพลงตอนนี้ได้ที่นี่: Love Song
โดยจางงี้ พอฝงจื้อหลินพูดจบก็เดินหันหลังกลับเพื่อขึ้นฝั่งทันทีและไม่ได้สนใจอีกว่าเสิ่นม่านชิงจะเดินหน้าลุยทะเลต่อไปหรือไม่ !!...ความรู้สึกตอนนี้เต็มไปด้วยความท้อแท้ เสียใจ และคับแค้นใจ...ท้อแท้ที่จนป่านนี้เขาไม่สามารถช่วยให้หญิงสาวมีอาการดีขึ้นได้เลย...เสียใจที่จนป่านนี้เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่หญิงสาวเฟ้อฝันและสร้างภาพมาโดยตลอด และคับแค้นใจที่หญิงสาวไม่เคยเห็นความดีของเขาเลยและไม่ว่าจะอย่างไรจนป่านนี้หญิงสาวก็ยังนคงฝังใจในตัวของพี่ชายเขาอยู่ดี !!
เดี๋ยว !! ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง?!! เสิ่นม่านชิงยังคงชะงักเท้าอยู่กับที่ขณะเดียวกันก็ตะโกนถามชายหนุ่มโดยไม่ได้หันหลังกลับไปเพราะแข้งขาไม่มีแรงเดินต่อไปอีก หัวใจเต้นเร็วและแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น และน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ได้ สุดท้ายน้ำตาเริ่มไหลเป็นทางสายยาวขึ้นกว่าเก่าลุ้นฟังคำตอบจากปากชายหนุ่ม
ชั้นบอกเธอแล้ว !! ว่าชั้นคิดผิดจริงๆ ที่ให้สร้อยเธอไป...แม้แต่คำปลอบประโลมแบบเด็กๆ ของชั้นเธอก็เอาไปคิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ เหลือเชื่อจริงๆ เลยให้ตายเหอะ !! ตอนนี้ฝงจื้อหลินอารมณ์เดือดดาลเหลือทน แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกชื่อของเสิ่นม่านชิงก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยความโมโห สุดท้ายถึงขนาดหน้าของหญิงสาวเขาก็ยังไม่อยากมองเพราะปากก็ตะโกนบอกไปแต่ก็เดินดุ่มๆ จะกลับขึ้นฝั่งโดยไม่สนใจใยดีหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังอีก
พระเจ้า !! ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้...ที่แท้คนที่หล่อนตามหามาตลอดไม่ใช่ฝงจิ้งเถาแต่กลายเป็นฝงจื้อหลินหรอกหรือนี่ !! แล้วนี่หล่อนควรจะทำยังไงดี?...ควรจะทำยังไงดี?...เค้าโกรธหล่อนเข้าแล้ว !! โกรธมากจริงๆ เค้าไม่สนใจหล่อนอีกแล้ว...เสิ่นม่านชิงได้แต่นิ่งคิดด้วยหัวใจที่แหลกสลาย...แข้งขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกลับหันหลังเพื่อตามเขาไปปรับความเข้าใจได้อีกแล้ว...อยู่ๆ เสิ่นม่านชิงก็หมดเรี่ยวแรงที่จะทรงตัวให้ยืนอยู่ได้ พลันก็ทรุดฮวบจมลงไปในน้ำทะเลเอาดื้อๆ !!
ไม่ถูก !! อยู่ๆ ฝงจื้อหลินก็รู้สึกแปลกๆ ไป เพราะอย่างน้อยเสิ่นม่านชิงควรจะโต้ตอบกับเขาบ้าง หล่อนไม่ใช่คนที่จะเงียบไปเฉยๆ แบบนี้...คิดได้ดังนั้นฝงจื้อหลินจึงหันหลังกลับไปมองเบื้องหลังอีกครั้งแล้วก็พบแต่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ !! และว่างเปล่า !! เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเสิ่นม่านชิงกลางท้องทะเลอีกแล้ว
แมนดี้ !! อย่าล้อเล่นนะแมนดี้ !!...คุณอยู่ไหนฮ่ะแมนดี้ !! ฝงจื้อหลินตกใจแทบสิ้นสติเมื่อหันหลังกลับมาอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงสาว...ในที่สุดก็ตัดสินใจดำลงไปในน้ำเพื่อควานหาร่างของเสิ่นม่านชิง
..............................................
แค๊กก ๆๆๆ
ฟื้นแล้วเหรอแมนดี้ !! เป็นยังไงบ้าง !! เจ็บตรงไหนหรือเปล่า !! ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ !! ฝงจื้อหลินค่อยยิ้มออกขึ้นมาหน่อย...เขาใจหายแทบแย่ตอนที่รู้ว่าหญิงสาวจมน้ำกว่าจะช่วยขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาพอดู หลังจากที่เขาพบเสิ่นม่านชิงจมอยู่ใต้น้ำและช่วยขึ้นมาได้ก็พยายามผายปอดอยู่หลายครั้งกว่าหญิงสาวจะสำลักน้ำออกมาและวางใจได้ว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไรแล้วจึงได้พาหล่อนมาพักฟื้นในห้องนอนของหล่อน และเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วงรอจนกระทั่งหญิงสาวฟื้นขึ้นมานี่แหละ
พอหญิงสาวได้สติก็เหม่อมองไปที่มือของหล่อนที่ถูกชายหนุ่มกุมไว้ไม่ยอมปล่อย...พลันน้ำตาก็เอ่อไหลออกมาอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ...หวนนึกถึงคำพูดที่ได้ยินก่อนหน้านี้ ทุกอย่างก็กระจ่างในใจหมดสิ้น...ที่แท้ตลอดมาคนที่อยู่ข้างกายหล่อนคือคนที่หล่อนตามหามาตลอดมิใช่หรือ...แต่ทำไม !! พอรู้ความจริงแล้วแทนที่จะดีใจกลับรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก !!
คุณเป็นอะไรหรือเปล่าแมนดี้ !! ทำไมถึงเงียบไปหละ !! หรือว่ากินน้ำทะเลเข้าไปมากจนรู้สึกฝืดในคอ? ฝงจื้อหลินพูดขึ้นอีกอย่างร้อนรนและกระวนกระวายใจ ขณะเดียวกันขณะกำลังจะปล่อยมือออกจากเสิ่นม่านชิงเพื่อไปรินน้ำมาให้หล่อน หญิงสาวกลับจับมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ปะ !! เปล่า...ชั้นหายดีแล้ว กว่าที่หญิงสาวจะเปล่งเสียงออกมาได้ก็ยากเย็นเต็มที... คุณช่วยบอกชั้นอีกที !! ที่หน้าโรงเรียนนั่นตอนชั้นอายุ 5 ขวบ ...พูดไปมืออีกข้างหนึ่งก็คว้าไปกำสร้อยที่คออีกครั้ง
นี่ !!...คืออะไรหรือคะพี่ชาย? มันเป็นแค่สร้อยคอธรรมดาๆ เส้นนึงที่มีมังกรพันอยู่รอบกระดิ่ง...แต่ถึงมันเป็นแค่สร้อยคอธรรมดามันก็เหมือนกับของวิเศษไม่มีผิด เพราะมันช่วยให้เจ้าหญิงตัวน้อยๆ หยุดร้องไห้ได้ ที่สำคัญ !! เพราะเจ้าของสร้อยเส้นนี้หวังไว้เสมอว่ามันจะช่วยคุ้มครองให้เด็กน้อยมีความสุขตลอดไป
เหมือนเป็นเวลาสั้นๆ ของหญิงชายคู่นี้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของกันและกัน...ทั้งคู่ประสานสายตาและโต้ตอบกันด้วยความหมายในใจที่คนภายนอกไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถเข้าใจมันได้
ชะ...ชั้นไม่เข้าใจในเมื่อสร้อยที่คุณให้อยู่กับชั้น...แล้วสร้อยของคุณ? เสิ่นม่านชิงยังไม่มั่นใจในทันที แต่ก็ยังถามไม่ทันจบ ฝงจื้อหลินก็สามารถต่อความให้หล่อนได้ฟังเสียก่อน
ตอนนั้นพอผมขึ้นรถไป...โจวเห็นว่าสร้อยไม่อยู่กับผมแล้วเลยให้เส้นของเค้ากับผมแทนเพราะเค้าไม่อยากให้ผมถูกคุณแม่ดุ...ผมปดโจวไปว่าทำสร้อยหายหนะเค้าเลยไม่สงสัย ฝงจื้อหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่นและจริงใจ แถมยังบอกต่ออีกว่าให้เชื่อคำพูดเขาเถอะและรับรองว่าถ้าหากหล่อนไปถามเรื่องนี้กับพี่ชายของเขา เขารับรองได้เลยว่าพี่ชายของเขาไม่สามารถตอบคำถามหล่อนได้สักกะคำเดียว !! และเพียงแค่ฝงจื้อหลินพูดจบเท่านั้น...เสิ่นม่านชิงก็ปล่อยโฮเสียลั่นพร้อมกับลุกขึ้นนั่งและกอดฝงจื้อหลินแบบเด็กน้อยที่หาสิ่งมีค่าของตัวเองมานานแสนนานจนพบและไม่ต้องการให้หลุดลอยไปไหนอีก...ส่วนฝงจื้อหลินเองก็กอดตอบเสิ่นม่านชิงในแบบทั้งรักและทั้งสงสารเช่นกัน แต่ทว่า !! ในแววตานั้นกลับแฝงไปด้วยความเศร้าหมองจนไม่อาจบรรยายความรู้สึกได้
คราวหลังคุณอย่าทำแบบนี้อีกนะ !! มีอะไรก็พูดกับผมตรงๆ ก็ได้...ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นพี่ชาย !!...ผมก็จะเป็นให้ !! ขออย่างเดียวอย่าทำให้ผมเจ็บด้วยการทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก ได้มั๊ยแมนดี้ !! ฝงจื้อหลินพูดจาขอร้องเสิ่นม่านชิงด้วยน้ำเสียงเครือแม้ภายในใจก็เจ็บปวดอยู่ไม่น้อยที่จนแล้วจนรอดคนที่หญิงสาวฝังใจเป็นเพียง เงา ในอดีตของเขาเท่านั้น...แต่เขายอม !! ยอมที่จะเป็นเพียงแค่เงาของตัวเอง ถ้ามันจะทำให้หญิงสาวจะสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งหนึ่งเขาก็ยอมที่จะเป็นเงาของตัวเองต่อไปตลอดกาล
พอได้ยินคำพูดของฝงจื้อหลินแบบนี้อยู่ๆ เสิ่นม่านชิงกลับผลักฝงจื้อหลินออกอย่างนุ่มนวล และบอกว่าหล่อนให้สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก แต่ว่าตอนนี้หล่อนขออยู่คนเดียวได้หรือไม่ หล่อนอยากใช้ความคิดอยู่เงียบๆ คนเดียว !!
เมื่อเป็นความต้องการของหญิงสาว ฝงจื้อหลินก็ไม่ขัดใจบอกแต่เพียงว่าขอให้หล่อนพักผ่อนเถิดเขาจะไม่รบกวน แต่ก็ยังไม่วายย้ำกับหญิงสาวว่าถ้าต้องการอะไรก็สามารถขานเรียกเขาได้เสมอ...แต่พอฝงจื้อหลินออกไปจากห้องแล้ว เสิ่นม่านชิงกลับนั่งชันเข่าด้วยสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนแปลงไป !! ด้วยความรู้สึกที่สับสนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
....
หลังจากวันที่เรื่องราวกระจ่าง...ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาฝงจื้อหลินก็เอาใจเสิ่นม่านชิงเป็นพิเศษเพราะหลายวันมานี้ดูๆ ไปแล้วหญิงสาวดูสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดือนก่อนมาก...เขาได้เห็นรอยยิ้ม อีกทั้งยังได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวอีกด้วย และนั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขตามไปด้วย แม้ว่าในหลายๆ ครั้งจะรู้สึกเศร้าเมื่อต้องนึกถึงว่าตัวเองคือคนอื่น !! แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นออกไปทุกครั้ง...ส่วนเสิ่นม่านชิงเองก็รู้สึกตัวได้ว่าอารมณ์หดหู่ไร้ชีวิตชีวาของหล่อนหายไปมากแล้ว ยังคงเหลือเพียงอาการหวาดผวาเมื่อเจอกับความมืดเท่านั้นเอง
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเล่นกันอยู่ที่ริมหาดโทรศัพท์มือถือของเสิ่นม่านชิงก็ดังขึ้น...ปรากฎว่าเป็นเจ้านายของหล่อนที่โทรมาตามตัวเพราะเห็นว่าหายหน้าหายตาไปนานตั้งเป็นเดือนๆ นั่นเอง
ผมก็ขอโทษทีที่ไม่ได้โทรหาคุณตั้งแต่แรก...นี่พวกเราก็เพิ่งยกทีมกันกลับจากหวั่นใจ๋เพราะลูกค้าอยากให้ทำโปรเจคต่อให้เสร็จ...เอาหละ !! ทีนี้คุณก็บอกผมมาสักทีว่าคุณหายหน้าหายตาไปตั้งนานมัวทำอะไรอยู่...นี่ถ้าไม่เห็นว่าคุณเป็นคนที่มีผลงานดีผมคงไม่โทรมาหาคุณให้เสียเวลาหรอกนะ
ขอโทษค่ะบอส !! พอดีชั้น...เอ่อ !! อ้อ !!...ชั้นเกิดเรื่องนิดหน่อยหนะค่ะ...แต่บอสวางใจนะคะ ชั้นจะรีบกลับไปเร็วๆ นี้แหละค่ะขอเวลาชั้นเคลียร์ปัญหาหน่อยแล้วชั้นจะรีบกลับไปค่ะบอส...ต้องขอโทษอีกทีนะคะที่หายไปไม่บอกไม่กล่าว แต่ชั้นยังดีใจที่บอสยังนึกถึงชั้นอยู่
เอาหละ !! เอาหละ !! คุณไม่เป็นไรผมก็สบายใจ...เอาเป็นว่าผมให้เวลาคุณอีกแค่อาทิตย์เดียวคุณต้องกลับมาทำงานให้ผมตกลงหรือเปล่า?
ตกลงค่ะชั้นสัญญา !! พอเสิ่นม่านชิงรับปากเจ้านายเสร็จก็วางสายทันที ไม่ทันที่บอสจะบอกต่อว่ากระเป๋าเดินทางที่หล่อนฝากไว้กับไท่หยางกำลังทำเรื่องส่งกลับไปที่บ้านของหล่อนอยู่ !!
ส่วนฝงจื้อหลินที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ กันนั้นก็พอจับใจความได้บ้าง ดังนั้นพอหญิงสาววางสายจากเจ้านายเขาจึงได้แต่ยิ้มให้กับเสิ่นม่านชิงเท่านั้นโดยไม่พูดอะไรปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของหญิงสาวจะดีกว่า...แต่หญิงสาวนี่สิ !! กลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจพูดกับฝงจื้อหลินไปตามตรง
คุณคงได้ยินหมดแล้วว่าเจ้านายชั้นโทรมาตามเห็นทีชั้นคงต้องกลับบ้านซะที...ขอบคุณมากนะคะชาร์ลตลอดเวลาที่ได้อยู่ที่นี่กับคุณชั้นมีความสุขมาก แต่ว่าเห็นทีชั้นคงต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงซะที
คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?
ชั้นหมายความว่าต่อไปนี้คุณไม่ต้องฝืนใจทำอะไรเพื่อชั้นอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะว่าชั้นหายเป็นปกติดีแล้ว...ยังไงเสียก็ต้องขอบคุณคุณอีกครั้งที่ทำเพื่อชั้นมาตลอด
ดูท่าว่าเรื่องราวจะยิ่งวุ่นไปกว่าเดิมซะอีก เมื่อน้ำเสียงที่เสิ่นม่านชิงพูดกับฝงจื้อหลินกลับเปลี่ยนแปลงไปเป็นเย็นชาและหมางเมินจนชายหนุ่มรู้สึกได้และถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับยืนยันคำเดิมว่ายังไงเขาก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดอยู่ดี
เอาหละค่ะ !! ชั้นบอกคุณตามตรงก็ได้ว่าถ้าหากสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี่เป็นการทำเพื่อความสบายใจเพราะรู้สึกผิดที่พาชั้นไปพบกับเรื่องเลวร้ายพรรณนั้นหละก็...ชั้นบอกคุณได้เลยว่าตอนนี้ชั้นสบายดีทุกอย่างและหายเป็นปกติดีแล้ว เพราะฉะนั้นคุณคงไม่จำเป็นต้องฝืนใจตัวเองเพื่อเอาใจชั้นอีกต่อไปแล้วค่ะ...ในเวลานี้ชั้นคงติดค้างคุณอยู่เรื่องเดียวคือชั้นเสียใจที่ไม่สามารถทำให้คุณกับพี่ใหญ่เป็นเหมือนเดิมได้ ชั้นต้องขอโทษคุณจริงๆ
ขณะที่เสิ่นม่านชิงกำลังพูดอยู่นั้น...ท้องฟ้าเบื้องบนก็กำลังมืดครึ้มอีกครั้ง เมฆหมอกก็กำลังรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนสีดำ ครู่เดียวก็ตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าที่ดังมาแต่ไกล แต่ทว่าเสียงฟ้าผ่าที่กำลังดังอยู่ไกลๆ คงไม่เท่ากับเสียงร้องในใจของฝงจื้อหลินอยู่ในเวลานี้
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวจึงได้ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...นี่หล่อนยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าสิ่งที่เขาทำให้หล่อนตลอดมานี้เพื่ออะไรกัน !! ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจริงใจกับหล่อน !! เขาจะยอมเป็นเงาของตัวเองเพื่ออะไรกัน !!...ฝงจื้อหลินอึ้งไปเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้น ในเวลานี้สมองของเขาอื้ออึงไปหมดพร้อมๆ กับเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นหวั่นไหว มีเพียงน้ำเสียงแผ่วเบาของฝงจื้อหลินที่เล็ดลอดออกไปจากปากเท่านั้น
ผมเสียใจจริงๆ ที่คุณคิดแบบนั้น !! พูดจบฝงจื้อหลินก็หันหลังให้กับเสิ่นม่านชิงพร้อมกับเดินหนีเข้าบ้านไปด้วยความเสียใจ ขณะเดียวกันฝนก็เทกระหน่ำลงมาอีกครั้งจนเสิ่นม่านชิงต้องวิ่งเข้าบ้านไปเพื่อหลบฝนเช่นกัน
ทันทีที่เสิ่นม่านชิงวิ่งกลับเข้าห้องไฟก็ดับพรึบลงอีกครั้ง...แม้ปากจะบอกว่าตัวเองหายดีแล้วแต่ทว่าพอไฟเกิดดับพรึบ !! เสิ่นม่านชิงก็กรีดร้องทั้งน้ำตา แต่เอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวเองไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้มีเสียงร้องออกมา
ส่วนฝงจื้อหลินก็นั่งอยู่ในห้องของตัวเองด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและไร้ความรู้สึกท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง !! และฟ้าผ่า !! ที่กระหน่ำลงมาไม่ยั้งอยู่ด้านนอก
..............................................
ตกดึกหลังจากที่ฟ้าฝนสงบ...เสิ่นม่านชิงตัดสินใจลุกขึ้นมาแต่งตัวเสียใหม่ทั้งที่ตาบวมปูดอันเนื่องมาจากการร้องไห้อย่างหนักด้วยเสื้อผ้าแขนยาวพร้อมกับใส่เสื้อโค๊ตทับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนกางเกงก็เลือกที่จะใส่กางเกงยีนส์ตัวหนา...หญิงสาวยืนส่องกระจกอยู่นานจนมั่นใจว่าตนเองแต่งกายรัดกุมและปลอดภัยดีแล้วจึงเดินออกจากห้องไป...หญิงสาวเดินลงมาชั้นล่างผ่านหน้าของฝงจื้อหลินไปอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินออกจากห้องครัวพร้อมกับถือแก้วน้ำในมือ
ครู่ใหญ่ๆ เสิ่นม่านชิงมาปรากฏตัวอีกครั้งที่ย่านซีหู...หลังจากที่เสิ่นม่านชิงลงจากรถแท็กซี่ก็สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะค่อยๆ เดินเข้าไปที่ตรอกแคบๆ ที่เดิมอย่างเมื่อตอนที่หล่อนถูกไอ้ขี้ยาทำร้าย แต่ยิ่งหญิงสาวเดินเข้าไปใกล้จุดที่เกิดเหตุมากเท่าไหร่ หัวใจก็เต้นเร็วอย่างไม่เป็นจังหวะด้วยความกลัวมากขึ้นเท่านั้น พอถึงจุดเกิดเหตุเสิ่นม่านชิงก็พบไอ้ขี้ยาคนเดิมอีกครั้ง หญิงสาวจะหันหลังกลับหลายครั้งเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับไอ้ขี้ยาที่กำลังเมาหยำเปแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจหันเดินเข้าไปหาไอ้ขี้ยาอีกเพราะต้องการเอาชนะความกลัวที่มีอยู่ให้ได้ คราวนี้ในมือก็มีอาวุธป้องกันตัวเป็นท่อนเหล็กที่เก็บได้ตอนเดินเข้ามาในซอกตึกด้วย
ทันทีที่ไอ้ขี้ยาขยับตัวเสิ่นม่านชิงก็กำท่อนเหล็กในมือไว้แน่นคิดแต่เพียงว่าถ้ามันทำร้ายหล่อนอีกเมื่อไหร่หล่อนก็จะสู้อย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้พอไอ้ขี้ยามันตื่นขึ้นมาและมองผ่านเสิ่นม่านชิงไปทางด้านหลังเท่านั้น มันก็วิ่งหนีตับแล๊บอย่างไม่คิดชีวิตจนหญิงสาวก็งงไปเหมือนกันที่เหตุการณ์กลับกลายเป็นตาลปัตรไป ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ตัวอีกครั้งพบแต่ถังขยะใบเดียวที่ตั้งอยู่ตรงหน้าหล่อน รอบๆ กายแม้จะมีแต่ความมืดแต่มันก็ไม่น่ากลัวสำหรับหล่อนอีกแล้ว ไม่นานก็ปรากฏเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนจนคนที่ยืนหลบอยู่หลังเสาก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาได้บ้างเช่นกัน...ที่แท้ฝงจื้อหลินก็คอยตามเสิ่นม่านชิงมาตลอดทางตั้งแต่ตอนที่เห็นหล่อนออกจากบ้านมาแล้ว ไม่น่าหละ !! พอไอ้ขี้ยาเห็นหน้าฝงจื้อหลินจึงได้วิ่งเตลิดไปอย่างไม่คิดชีวิตนี่เอง
.................................................
รุ่งเช้าพอฝงจื้อหลินตื่นขึ้นมาก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนเดิม...หลังจากที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวอยู่นานก็ไม่เห็นเสิ่นม่านชิงเดินลงมาจากข้างบนเสียทีจึงได้ลุกขึ้นมาตามเสิ่นม่านชิงถึงบนห้อง...ปรากฏว่าเคาะประตูเรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงตอบจากหญิงสาวจึงลองหมุนลูกบิดประตูห้องดูถึงรู้ว่าห้องนอนของหล่อนไม่ได้ล็อกไว้และพอเปิดประตูเข้าไปกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่าภายในห้องนั้น ฝงจื้อหลินก็เข้าใจได้ทันทีว่าหญิงสาวคงจะเก็บข้าวของกลับบ้านไปแล้ว สายตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองขึ้นมาทันที ครั้นพอกำลังจะหันหลังออกจากห้องไปก็เหลือบไปเห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งและจ่าหน้าซองถึงเขา ชาร์ลคะ...ขอบคุณความมีน้ำใจของคุณอีกครั้งที่อยู่เป็นเพื่อนชั้นตลอดเวลาตอนที่ชั้นพักฟื้นจิตใจอยู่ที่นี่...ชั้นไม่รู้ว่าต้องกล่าวขอบคุณคุณมากเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ...ตลอดเวลาตอนที่ได้อยู่กับคุณชั้นมีความสุขมากและไม่อยากให้ความสุขนี้ผ่านไปเลย ขณะเดียวกันชั้นก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับเป็นจริงบนโลกใบนี้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นชั้นไม่สามารถปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปอย่างไม่มีประโยชน์ได้อีกชั้นจึงต้องตัดสินใจกลับบ้านสักที ขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้กล่าวลาด้วยตัวเอง แล้วเอาไว้เจอกันที่ฮ่องกงนะคะ
ปล. อ้อ !! พี่ชายที่น่ารักของชั้น...ชั้นขอให้คุณได้พบกับเจ้าหญิงของคุณไวๆ นะคะ แล้วถ้าถึงวันนั้นเมื่อไหร่ต้องอย่าลืมบอกชั้นเป็นคนแรกด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าชั้นจะเสียใจมากถ้าพี่ชายไปรักคนอื่น แต่ก็ยังดีกว่าที่ปล่อยให้พี่ชายมาเสียเวลาอยู่กับน้องน้อยๆ ที่งี่เง่าคนนี้...
แล้วพบกันค่ะ!! เสิ่นม่านชิงทิ้งท้ายในจดหมายไว้เพียงแค่นั้น...พอฝงจื้อหลินอ่านจดหมายจบก็มีเพียงรอยยิ้มแห่งความผิดหวังบนใบหน้าปรากฏขึ้นเท่านั้น...
.............................................
ทว่า...ฝงจื้อหลินไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที เขากลับนั่งเครื่องบินมาที่ไต้หวันอีกครั้งและใช้เวลากว่าชั่วโมงก่อนที่จะเดินทางมาที่ท่าเรือ หวังเจี้ยน อีกครั้งหนึ่ง...ที่แห่งนี้มีอดีตอันแสนหวานของเขากับเสิ่นม่านชิง เขาจึงอยากมาระลึกความทรงจำที่นี่อีกครั้งก่อนที่จะกลับไปเผชิญโลกแห่งความจริงตามที่เสิ่นม่านชิงบอกไว้ในจดหมาย
ที่คาดไม่ถึงและทำให้ชายหนุ่มตกใจเป็นอย่างมากก็คือเขากลับพบเสิ่นม่านชิงนั่งอยู่บนชายหาดคนเดียวท่ามกลางท้องทะเลอันเงียบสงบเบื้องหน้า...ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ และหยุดยืนอยู่ตรงด้านหลังของหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาวอยู่เบาๆ จากทางด้านหลังจนหญิงสาวเองก็สะดุ้งตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอชายหนุ่มที่นี่เช่นกัน
หยุดเถอะ !! คุณยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากรู้อย่างเดียวว่าคุณมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกับผมหรือเปล่า? ฝงจื้อหลินพูดเบรกหญิงสาวขึ้นมาทันที ในขณะที่เห็นเสิ่นม่านชิงรีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าและท่าทางที่ตกใจตอนที่เห็นเขาโผล่มาอยู่ทางข้างหลังหล่อนเอาดื้อๆ พร้อมกับทำปากบุ้ยใบ้เหมือนติดอ่างอยู่และพูดอะไรไม่ออก
หะ...เหตุผลอะไร? เสิ่นม่านชิงพูดขึ้นอย่างติดอ่างจริงๆ เพราะไม่คิดว่าจะเจอกับฝงจื้อหลินที่นี่
เราสองคนอาจจะไม่มีอดีตมากมายเหมือนคนอื่นๆ หรอกนะ แต่ถึงจะมีอดีตเพียงแค่น้อยนิดมันก็เป็นอดีตที่น่าจดจำและระลึกถึง รวมทั้งไม่อาจจะลืมมันลงไปได้ใช่หรือเปล่าหละ !! คุณเป็นเหมือนผมใช่มั๊ยแมนดี้ !! คุณก็เหมือนผมที่คิดถึงอดีตของเราสองคนใช่หรือเปล่า? ฝงจื้อหลินคาดคั้นคำตอบจากเสิ่นม่านชิง แต่พอหญิงสาวไม่ยอมตอบเขา...ชายหนุ่มก็เริ่มคลั่งเดินเข้าไปเขย่าตัวหญิงสาวยกใหญ่ปากก็พร่ำบอกอยู่ไม่หยุดว่าเขามั่นใจหญิงสาวต้องคิดแบบเดียวกับเขาแน่นอนใช่หรือไม่ !! ใช่หรือไม่ !!
ใช่ !! แต่ถึงจะอยากจดจำมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ !! เพราะว่าคุณไม่ใช่คนของชั้นไม่ใช่หรือไง !!? ชั้นทำไม่ได้หรอกนะ !! ชั้นแย่งโจวมาจากพี่ใหญ่ครั้งนึงแล้ว...ชั้นจะไม่แย่งคนรักมาจากพี่ใหญ่อีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด ถ้าชั้นทำอย่างนั้นชั้นก็เลวเกินไปแล้ว!! พอถูกคาดคั้นหนักเข้า เสิ่นม่านชิงก็ผลักตัวชายหนุ่มออกพร้อมกับร้องตะโกนบอกทั้งน้ำตาในระยะห่างเพียงคืบ
ไม่ใช่ !! คุณโกหก !!...นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงเพราะคุณก็รู้ว่าเรื่องของผมกับพี่สาวคุณมันจบลงไปนานแล้ว...นานตั้งแต่ก่อนมาที่หวังเจี้ยนนี่ซะอีก แต่ที่คุณไม่ยอมรับก็คือตัวผมต่างหากใช่มั๊ยแมนดี้ คุณคงผิดหวังมากที่รู้ว่าผมคือเด็กผู้ชายคนนั้นแทนที่จะเป็นพี่ชายผมต่างหาก...ตลอดมาคุณไม่เคยลืมพี่ชายผมเลยต่างหากแมนดี้ !! นั่นคือเรื่องจริง !!
ไม่จริง !! คุณเข้าใจผิด...เรื่องของชั้นกับโจวต่างหากที่จบลงไปนานแล้ว...นานตั้งแต่ตอนที่ชั้นรู้ว่าโจวมีใจให้กับพี่รอง !! แต่ว่าชาร์ล...คุณต่างหากที่เป็นต้นเหตุ คุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชั้นเริ่มเปลี่ยนไป...ความสุภาพและความเอาใจใส่ของคุณทำให้ชั้นตื้นตันใจมาก...ชั้นค่อยๆ มีความรู้สึกดีๆ กับคุณขึ้นทีละน้อย...คุณเป็นคนเดียวที่ทำให้ชั้นยิ้มได้...คุณเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างกายชั้นคอยปกป้องชั้น...แต่จะทำไงได้หละ !! ก็ในเมื่อตลอดมาคุณรักแต่พี่ใหญ่คนเดียว...คุณไม่เคยเหลียวมองชั้นเลยสักนิดนึง...ชั้นก็เลยมีทางเดียวที่จะทำได้คือต้องตัดใจจากคุณซะชั้นจะได้ไม่ต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ฮือ !! ฮือ !!
ในที่สุดเสิ่นม่านชิงก็ยอมเปิดเผยความในใจของตัวเองออกมา...ตอนนี้ฝงจื้อหลินรู้แล้วจากคำพูดที่ได้ยินออกจากปากของหญิงสาวนั่นจึงทำให้ฝงจื้อหลินกลับยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเอ่อ พร้อมกับกระชากตัวเสิ่นม่านชิงเข้ามากอดเอาไว้...ส่วนหญิงสาวเองก็สะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
ไม่ใช่ !! มันไม่ใช่ความจริง...คุณอาจบอกว่าผมเป็นผู้ชายหลายใจ หรือลังเลงี่เง่าก็ตามที แต่ว่าผมจะบอกคุณให้นะ...ตั้งแต่ตอนที่เห็นน้ำตาของคุณตอนที่คุณเห็นโจวยืนกอดอยู่กับพี่รองของคุณ ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าใจของผมได้กลายเป็นของคุณตั้งนานแล้ว...แต่ผมหลอกตัวเองมาตลอด หลอกตัวเองว่าผมยังรักพี่ใหญ่ของคุณอยู่ จนถึงตอนที่คุณถูกไอ้บ้านั่นมันเกือบข่มขืนผมถึงได้รู้ว่าผมไม่อาจสูญเสียคุณไปได้อีก...ผมไม่ได้ทำดีกับคุณเพียงเพราะรู้สึกผิดแต่ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมทำจากความรู้สึกจริงๆ ของผม คุณเชื่อเรื่องของพรมลิขิตหรือเปล่าหละแมนดี้ แต่ผมเชื่อนะ ผมเชื่อว่าเราต้องเกิดมาเป็นคู่กันเพราะไม่อย่างนั้นสวรรค์คงไม่ดลบันดาลให้เราเจอกันตั้งแต่ตอนยังเด็กหรอกนะแมนดี้...ผมรักคุณนะแมนดี้...ผมรักคุณ !! เมื่อคลื่นลมสงบ...ท้องฟ้าเปิดกว้าง...ชายหนุ่มหญิงสาวต่างก็เปิดเผยความในใจของตนเองให้แก่กันและกันได้รับรู้...ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ตัวว่าเริ่มที่จะชอบอีกฝ่ายเมื่อไหร่ สิ่งที่รู้สึกเหมือนๆ กันคือความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มักจะส่งผ่านเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันอยู่เสมอ...เมื่อฝ่ายหนึ่งทุกข์อีกฝ่ายก็จะคอยอยู่เคียงข้าง !!...ทว่าสิ่งที่เสิ่นม่านชิงรู้สึกเป็นห่วงและกังวลก็คือ การเริ่มต้น ในครั้งนี้มันอาจจะเร็วเกินไปก็เป็นได้
ชาร์ลคะ !! คุณรู้สึกเหมือนชั้นหรือเปล่าว่าการเริ่มต้นของเราอาจจะเร็วเกินไปก็ได้...ชั้นไม่มั่นใจว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ชั้นมั่นใจและบอกคุณได้อย่างเต็มปากก็คือชั้นจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นอันขาด เสิ่นม่านชิงเริ่มต้นพูดขึ้นมาก่อนถึงความกังวลใจที่มีอยู่ให้กับฝงจื้อหลินได้รับรู้ ขณะที่ทั้งสองคนนั่งเคียงคู่กันบนชิงช้าตรงชายหาด
ไม่ !! ผมไม่คิดเหมือนคุณ...คุณคงลืมมองย้อนหลังกลับไปว่าการเริ่มต้นของเรามันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว นานกว่าใครๆ ทั้งหมดไม่ว่าเป็นพี่ชายผมหรือพี่สาวคุณ...นานตั้งแต่ตอนคุณอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้นเอง !! ใช่มั๊ยแมนดี้..แต่สิ่งที่ผมคิดเหมือนคุณคือไม่มั่นใจว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ผมมั่นใจว่าการแสดงออกของผมทุกอย่างมันมาจากตรงนี้... ฝงจื้อหลินพูดพร้อมกับกุมมือของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ มาแนบกับอกด้านซ้ายของเขา
เพราะฉะนั้นผมจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผมจริงใจกับคุณแค่ไหน !! ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ผมจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ...ทางเดียวที่จะทำให้ผมเปลี่ยนใจได้คือตอนนั้นไม่มีผมอยู่บนโลกนี้แล้ว...อุ๊บ !! ชายหนุ่มพูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็เอามืออุดปากเขาไว้ทันที...ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรกลับยิ้มให้พร้อมกับเอามือของหญิงสาวออกก่อนที่จะบอกต่ออีกว่าถ้าเวลานั้นมาถึงแล้วหญิงสาวเกิดเปลี่ยนใจจากเขาแล้วหละก็ เขาก็จะเคารพการตัดสินใจของหญิงสาวโดยจะไม่ต่อว่าอะไรสักคำ...ส่วนหญิงสาวเองก็ตอบชายหนุ่มกลับไปเช่นกันว่า
คุณเข้าใจผิดค่ะชาร์ล...ชั้นเคยเจ็บและผิดหวังกับความรักมามากเพราะฉะนั้นก่อนที่ชั้นจะตัดสินใจทำอะไรลงไปชั้นต้องคิดอย่างรอบคอบและเผื่อมันไว้เป็นเกราะป้องกันให้กับตัวเอง เสิ่นม่านชิงประสานสายตาพูดกับฝงจื้อหลิน...ในแววตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจที่มีให้กับชายหนุ่ม ประกอบกับคำพูดที่หญิงสาวพูดออกไปก็เหมือนเป็นเครื่องรับประกันอย่างดีว่าหล่อนจะไม่ทำให้ชายหนุ่มผิดหวังอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดเช่นนี้...ฝงจื้อหลินก็เหมือนได้น้ำทิพย์เข้ามาชโลมใจให้เขาหายจากอาการบอบช้ำทั้งหลายที่เขาเคยมีมา...แววตาที่จ้องประสานกับหญิงสาวก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจอย่างเหลือล้นเช่นกัน...ต่อจากนั้นจึงได้ยิ่งกระชับโอบหญิงสาวให้แน่นขึ้นและตั้งปณิธานไว้กับตัวเองว่าต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขี้นเขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองความรักในครั้งนี้ให้อยู่ยืนยาวมากที่สุดตราบที่เขายังมีลมหายใจ
หลังจากที่ทั้งคู่ได้เปิดเผยความในใจที่มีต่อกันให้รู้แล้วจึงได้ตัดสินใจที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ฮ่องกง...เสิ่นม่านชิงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวของหล่อนกับฝงจื้อหลินให้กับพี่สาวทั้ง 2 คนฟัง ซึ่งฝงจื้อหลินเองก็พร้อมที่จะไปเป็นเพื่อนกับเสิ่นม่านชิงด้วยเช่นกัน
ขณะที่เสิ่นม่านชิงกับฝงจื้อหลินกำลังจะเดินไปขึ้นเครื่องบิน โทรศัพท์มือถือของเสิ่นม่านชิงก็ดังขึ้น ด้วยความที่รีบร้อนคว้าโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าสะพายของตัวเองทำให้กระเป๋าสตางค์ของหล่อนหล่นลงพื้นตรงหน้าของฝงจื้อหลินพอดี...ขณะที่ชายหนุ่มก้มลงเก็บกระเป๋าสตางค์ให้หญิงสาวก็พลันไปเห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งในกระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวที่โผล่พ้นออกมา ชายหนุ่มเพ่งมองอยู่นานนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นผู้หญิงในรูปจากที่ไหน?!!
ได้จ๊ะพี่ใหญ่...ชั้นกำลังจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ แล้วชั้นจะกลับไปอธิบายให้ฟังว่าทำไมชั้นถึงไม่ได้ไปหวั๋นใจ๋กับพี่ที่ทำงาน? ที่แท้เสิ่นจือลี่โทรศัพท์หาน้องสาวเพราะร้อนใจที่เห็นเพียงกระเป๋าเดินทางส่งกลับถึงบ้านแต่ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของน้องสาว...เฮ้อ !! สวรรค์นะสวรรค์ ช่างประจวบเหมาะดีแท้ที่กระเป๋าเดินทางของหญิงสาวเพิ่งจะเดินทางไปถึงบ้านของหล่อน ไม่อย่างนั้นหล่อนก็ไม่รู้จะแก้ตัวกับพี่สาวอย่างไรเหมือนกันที่หายหน้าหายตาไปเป็นเดือนๆ...หลังจากที่เสิ่นม่านชิงวางสายกับเสิ่นจือลี่ พอหันกลับมาอีกครั้งก็เห็นฝงจื้อหลินเอาแต่จ้องมองภาพแม่ของหล่อนอย่างไม่วางตา
เป็นไงคะ !! แม่ของชั้นสวยหรือเปล่า? เสิ่นม่านชิงยักคิ้ว พร้อมกับส่งยิ้มให้กับฝงจื้อหลิน ขณะเดียวกันฝงจื้อหลินก็เบิ่งตาโตเท่าไข่ห่านแถมยังไม่วายพูดแซวหญิงสาวตรงหน้าให้อีก
สวย !! สวยมาก...ว่าแต่ว่าทำไมแฟนของผมถึงได้ไม่สวยเท่ากับแม่ของเธอเลยหละ?
เสิ่นม่านชิงไม่ถือสาเพราะรู้แก่ใจถึงความขี้เล่นของแฟนหนุ่ม บอกกลับไปว่าแม่ของหล่อนหน้าเหมือนพี่ใหญ่มากกว่า ส่วนหล่อนกับพี่รองจะหน้าเหมือนพ่อมากกว่า แต่ก็น่าแปลกอยู่เหมือนกันเพราะตอนเด็กๆ พวกเราเคยหากันเล่นๆ ว่าร่างกายส่วนไหนของพี่ใหญ่ที่เหมือนกับพ่อบ้าง !! แต่ก็ไม่เห็นเจอสักที่จนพี่ใหญ่ก็งอนไปตั้งหลายทีก็เลยเลิกพูดเรื่องนี้กันไป
งั้นเหรอ !! ฝงจื้อหลินเพียงแต่ตอบแฟนสาวสั้นๆ กับข้อมูลใหม่ที่รู้ พร้อมกับส่งกระเป๋าสตางค์คืนให้กับเสิ่นม่านชิง ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินเข้าไปในสนามบินเพราะเสียงประกาศขานเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง
แม้ภายนอก...คนทั้งคู่จะแสดงออกให้เห็นถึงความแจ่มชัดในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน...แต่ภายในใจก็ยังอดกังวลไม่ได้ถึงอุปสรรคภายภาคหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาว กับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักเก่าของชายหนุ่มอย่าง...เสิ่นจือลี่ !!...
.....................................................
Create Date : 19 เมษายน 2551 |
|
62 comments |
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 13:15:01 น. |
Counter : 740 Pageviews. |
|
|
|