เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [3]
หลังกิจกรรมรับน้องผ่านไป หลายๆ อย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติดังเดิม ภาพรุ่นพี่ที่คอยเก๊กขรึมทำหน้าดุ กับรุ่นน้องที่ไม่อยากจะเฉียดผ่านแหล่งที่มีรุ่นพี่ยืนรวมกันอยู่เริ่มจางหาย แทนที่ด้วยภาพรุ่นพี่หนุ่มๆ นั่งจับกลุ่มอยู่ที่บันไดหน้าคณะคอยส่งเสียงแซวสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา โดยมีรุ่นน้องที่ทำท่าว่าจะสืบทอดเจตนารมย์ของรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดีนั่งเป็นลูกคู่อยู่ด้วย ส่วนรุ่นพี่รุ่นน้องสาวๆ ก็นั่งจับกลุ่มเม้าท์กันอย่างออกรส


แต่สิ่งหนึ่งที่แปลกไปคงจะเป็นปรียานุชนี่แหละ ที่ดูท่าทางว่าจะกลายเป็นขวัญใจของพี่ๆ ทั้งหลายไปแล้วในชั่วเวลาเพียงแค่ข้ามคืน ด้วยความใจกล้า บ้าบิ่นและติ๊งต๊องของเธอที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นสาวเรียบร้อย เด็กเรียน หน้าสวย ตาหวาน แต่ดูเป็นทางการ(??) แต่อย่างน้อยแค่เข้ามาเรียนที่คณะนี้และอยู่จนผ่านมาได้จะครึ่งเทอมแล้วก็น่าจะการันตีได้ส่วนหนึ่งถึงความไม่ธรรมดา ช่วงเวลาสองวันหนึ่งคืนที่ประจวบฯ ทำให้หลายต่อหลายคนไม่เชื่อสายตาว่าน้องนุชคนโน้นกะน้องนุชคนนี้ มันใช่คนเดียวกันหรือเปล่า จะว่าไปใครที่ไม่ได้เห็นของจริง พูดไปก็คงไม่เชื่อ


ที่กรุงเทพฯ น้องนุชที่แสนจะเรียบร้อย พูดน้อย และขี้อาย กลับมาแล้ว


แต่อย่างไรก็ดี ภาพงานรับน้องในวันนั้นยังติดตาตรึงใจรุ่นพี่หลายๆ คนอยู่มาถึงวันนี้ ยังไงซะพี่ๆ ทั้งหลายก็คงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เดี๋ยวเจ้า(หรือผี) ก็คงจะเข้ามาอยู่กับน้องนุชเองนั่นแหละ


ด้วยเหตุนี้เอง พี่รหัสที่แสนจะน่ารักและบ้ากิจกรรมจนเข้าเส้นเลือดของปรียานุชถึงภาคภูมิใจในตัวน้องรหัสคนนี้เป็นหนักหนา เพราะจากที่เห็นหญิงสาวในตอนแรกๆ ก็ถอดใจนึกว่าจะได้น้องรหัสเป็นเด็กเรียนๆๆ และเรียน มาถึงตอนนี้ก็เบาใจได้ว่าสายรหัสของเขาในที่สุดแล้วก็น่าจะยังมีคนสืบทอดเจตนารมย์ต่อไปจนได้ พี่ท่านแทบจะขนสมบัติประดามีของตัวเองยกให้น้องนุชทั้งหมด ทั้งชีท หนังสือ และสมุด Lecture แต่ทว่าดูไปดูมาเหมือนสมบัติที่ได้จะเกินความต้องการไปสักหน่อย มรดกส่วนหนึ่งก็คงต้องหย่อนๆ ไว้ที่หอเพื่อนก่อน ที่เหลือก็คงต้องยัดๆ เอาไว้ที่ล็อกเกอร์ เพราะเธอคงไม่มีปัญญาแบกเอากองชีท กองตำราขนาดเท่าลังเบียร์สองลังขึ้นรถเมลล์กลับบ้านได้แน่


“พี่รหัสแกทำไมบ้าซีรอกซ์อะไรขนาดนี้วะเนี่ย นี่เพื่อนวาดรูปเล่นพี่แกยังซีรอกซ์ออกมาได้” ลดาเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงตอนนี้ของปรียานุชบ่นออกมา หลังจากที่ต้องมาช่วยกันเลือกสรรสิ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของพวกเธอในภายภาคหน้าออกมาจากกองชีทเป็นตั้งๆ เป็นธรรมดาของการสอบแบบเปิดตำรา ใครมีปัญญาขนอะไรเข้าไปได้เท่าไหร่เชิญตามสบาย แต่หาคำตอบให้ทันแค่นั้นเป็นพอ นักศึกษาทั้งหลายเลยเร่งระดมซีรอกซ์ชีทที่แต่ละคนไปเสาะแสวงหามาได้กันยกใหญ่ เห็นอะไรเกี่ยวนิดๆ หน่อยๆ ก็ขนเข้าไปด้วย เผื่อเอาไว้ไม่เสียหลาย แต่พอสอบเสร็จกระดาษทั้งหลายเหล่านี้ก็แทบจะกลายเป็นกองขยะในบัดดล แต่พี่รหัสของปรียานุชก็ยังอุตส่าห์เก็บเอาไว้

“พี่ฉันไม่เห็นจะบ้าสมบัติขนาดนี้เลยอะ”

“เอาเหอะน่า อันไหนใช้ไม่ได้ ก็ชั่งโลขายไป ถือว่าพี่เค้าให้ค่าขนมแถมมาด้วยแล้วกัน”

“นั่นแหละรีบๆ แยกซะ เริ่มหิวขึ้นมาตะหงิดๆ แล้ว อันไหนทิ้งได้จะได้เก็บทิ้งๆ ไป ห้องฉันไม่ใช่ร้านรับซื้อของเก่า ไม่งั้นวันนี้ฉันให้แกย้ายไปนอนบนกองชีทแน่ไอ้นุช”

หากวันไหนที่เลิกเรียนค่ำหรือช่วงก่อนหน้าที่มีประชุมเชียร์อยู่จนดึกดื่น ปรียานุชจะต้องมาขออาศัยนอนค้างที่ห้องของลดาเป็นประจำเพราะบ้านอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควร และวันนี้ก็เช่นเดียวกันที่หญิงสาวจะมานอนค้างกับเพื่อนด้วย แต่ปกติแล้วห้องพักของลดาแห่งนี้ก็มักจะเป็นศูนย์รวมของเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิงในกลุ่มร่วมสิบคนมานั่งเล่นนอนเล่นในยามที่ว่างจากชั่วโมงเรียน ด้วยเหตุที่ว่าหอพักที่ลดาพักอยู่นั้น อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากถึงมากที่สุดนี่เอง แถมเนื้อที่ที่เป็นห้องมุมพอดียังกว้างเหลือเฟือ จะให้เข้ามานั่งๆ นอนๆ เพิ่มอีกสักสิบคนก็ยังไหว (แต่ก็คงต้องขี่คอกันนิดนึง)



หลังจากที่ใช้เวลาพอสมควร จัดการกับกองชีทที่สูงท่วมหัวจนเป็นที่เรียบร้อย เมื่อลดาเหลือบไปมองนาฬิกาก็ได้เวลาที่จะต้องเตรียมตัวไปเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้แล้ว


“ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่านุช ป่านนี้พวกนั้นคงนั่งกันอยู่ที่ร้านข้าวแล้วแหละ เพราะไม่มันงั้นคงขึ้นมาที่นี่กันแล้ว” สองสาวคว้าเสื้อช๊อปสวมทับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ก็เป็นอันเรียบร้อย แล้วจึงออกจากห้องลงไปกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านอาหารหน้าหอพัก ซึ่งก็เป็นศูนย์รวมที่รู้กันของเพื่อนๆ ในกลุ่มของเธออีกแห่งหนึ่ง


เมื่อทั้งคู่เดินไปถึงร้านอาหารตามสั่งหน้าหอพัก ก็ได้เจอกับเพื่อนของเธออย่างที่คาดไว้จริงๆ ตอนนี้สมาชิกกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูอะไรกันอยู่เป็นที่สนุกสนาน ลดารีบลากปรียานุชเข้าไปแจมกับกลุ่มเพื่อนทันที ขืนชักช้าไปกว่านี้อาจมีตกข่าวกันได้


“นี่ๆ มุงอะไรกันอยู่ยะ มีอะไรกันไม่บอก ไม่คิดสนใจจะไปตามเพื่อนฝูงกันเลยนะ” ลดารีบแหวเพื่อนทันทีที่เดินไปถึง พอแหวกๆ ฝูงชนเข้าไปถึงกลางกลุ่ม ก็ได้เห็นอัลบั้มรูปสี่ห้าเล่มวางกองกันอยู่บนโต๊ะ แต่สิ่งที่เป็นตัวต้นเหตุให้เกิดเสียงเฮฮาอยู่ในตอนนี้นั้น เป็นอัลบั้มรูปที่อยู่ในมือของพี่โอ๋ตัวดี ที่ตอนนี้กำลังหัวเราะอยู่อย่างเมามัน รูปที่เปิดดูอยู่นั้นเป็นรูปของปรียานุชกำลังเต้นรวมกับเพื่อนปีหนึ่งคนอื่นๆ ช็อตที่ถ่ายออกมานั้นอยู่ในท่าทางเกินกว่าจะบรรยายและดูเกินจริง(หรือเปล่า) แถมทำท่าว่าคนถ่ายรูปนี้ตั้งใจจะโฟกัสไปที่ตัวปรียานุชเสียด้วย


“เฮ้ยยย!!!” เสียงของดาราหน้ากล้องจำเป็นร้องลั่นออกมาในทันทีที่เห็นภาพตัวเองในสภาพนั้น “ใครเป็นคนถ่าย ถ่ายมาได้ยังไง น่าเกลียดจริงๆ เลย นี่ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ” หญิงสาวพูดระรัวออกมาเป็นชุด แล้วก็รีบฉุดกระชากอัลบั้มรูปออกมาจากมือพี่โอ๋ทันที “ไม่เอา ไม่ให้ดูแล้ว” ยิ่งพอเห็นรูปชัดๆ ยิ่งอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว “พี่โอ๋นะ ทีรูปตัวเองไม่เอามาโชว์มั่งล่ะ เต้นน่าเกลียดกว่านุชตั้งเยอะ”

“ฮ่าๆๆๆ….” เสียงพี่โอ๋ยังขำไม่หยุด “รูปของพี่ พี่ก็ต้องเซ็นเซอร์ก่อนสิ ส่วนน้องนุช ฮ่าๆๆ สายไปแล้วน้องเอ้ย ใครต่อใครเค้าดูกันไปหมดแล้วไม่รู้กี่รอบ” ว่าแล้วก็หัวเราะต่อไม่เลิก


“ไม่รู้แหละ รูปนี้นุชยึด อย่าไปอัดซ้ำมานะ ไม่งั้นเคืองจริงๆ ด้วย” หญิงสาวทำเก๊กหน้าให้ดูจริงจังข่มความอายที่เริ่มกระจายแผ่ซ่านเต็มใบหน้าพร้อมกับเลือกๆ ดึงๆ รูปออกจากอัลบั้มทันที


ลดาที่ยืนดูอยู่ด้านหลัง ยังต้องแอบกลั้นหัวเราะแทบตายด้วยความเกรงใจเพื่อนรักแต่ยังไม่วายต้องเอ่ยถามปรียานุช “นุช วันนั้นแกกล้าทำไปได้ยังไงเนี่ย ถึงจะรู้ว่าจริงๆ แล้วแกเป็นคนยังไง แต่ฉันก็ยังไม่นึกว่าแกจะกล้าได้ถึงขนาดนั้นเลยนะ”


“ก็ไม่รู้แหละ ขืนไม่เต้นเดี๋ยวพี่โอ๋ก็ต้องหาเรื่องแกล้งต่ออยู่ดี แล้วยังไงล่ะพี่โอ๋ก็ยังหาเรื่องแกล้งอีกจนได้ ฮึ สมน้ำหน้า เลยต้องขายหน้าไปด้วยกันซะเลย” ท้ายประโยคหันไปขว้างค้อนแถมตะปูอีกสองตัวใส่ต้นเหตุที่ยังหัวเราะไม่หยุด สาธุ ขอให้หัวเราะให้ขาดใจตายไปเลย


“ดูสิ มัวแต่ดูรูป ยังไม่ได้สั่งข้าวเลย นุชจะกินอะไร รีบๆ กิน รีบๆ ไป ใกล้จะขึ้นเรียนแล้ว” ลดารีบถามตัดบททันทีเมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปได้สักพักหนึ่งแล้วหากปล่อยให้เนิ่นนานไปกว่านี้อาจเป็นชนวนก่อให้เกิดสงคราม (คน) ประสาทขนาดย่อมๆ ได้ ปรียานุชจึงหันมาบอกเมนูที่ตั้งใจเอาไว้แล้วออกไปทันที

“เหมือนเดิม!!”


หลังจากที่ลดาสั่งอาหารไปสักพัก ข้าวราดผัดพริกเผาปลาหมึกใส่ผักเยอะๆ กับไข่ดาวไม่สุกสองจานก็พร้อมเสริฟ สองสาวรีบจัดการกับอาหารตรงหน้าทันที ด้วยเห็นว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มกินกันเรียบร้อยเกือบจะหมดทุกคนแล้ว พี่โอ๋ที่เพิ่งจะได้อาหารที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้าสองสาวแค่ครู่เดียว ก็จัดการเคลียร์หมดในเวลาไม่นาน ขณะที่สองสาวที่ปากบอกว่ารีบๆ นั้น ยังเล็มละเลียดได้ไม่ถึงครึ่งจานเลยด้วยซ้ำ


“โหพี่ รีบกินไปไหนเนี่ย ไม่กลัวติดคอมั่งหรือไง” บอลเพื่อนผู้ชายคนนึงในกลุ่ม ทั้งยังเป็นหลานรหัสของพี่โอ๋อีกด้วย เอ่ยปากถามชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเขาจัดการอาหารจานโตได้เรียบร้อยหมดจดในเวลาอันรวดเร็ว

“อืม ไปละๆ พอดีนัดกับไอ้เป้เอาไว้ จะไปเล่นวินนิ่งที่ห้องมันหน่อย” ชายหนุ่มกล่าวถึงเกมส์ฟุตบอลยอดฮิต พร้อมกันนั้นก็จ่ายเงินค่าข้าวให้แม่ค้าไปด้วย “เลิกเรียนแล้วตามไปเล่นด้วยกันสิ ท่าทางคืนนึ้จะอยู่ยาว” จ่ายเงินเสร็จยังไม่วายหันมาชวนเพื่อนของหญิงสาวซึ่งเป็นสมาชิกแกงค์วินนิ่งกับพี่โอ๋เสียเลย เพราะกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ของหญิงสาว 80% เป็นผู้ชายแทบทั้งนั้น ก็ทั้งเซ็คชั่นที่เธอเรียนอยู่เนี่ยมีผู้หญิงอยู่ไม่ถึงสิบคน ในกลุ่มนี้คงมีเพียงปรียานุช ลดา และก็ กชกร เพื่อนสาวอีกคนที่ป่านนี้คงอยู่ในห้องเรียนเรียบร้อยแล้วเป็นผู้หญิงเพียงสามคนที่พอจะคบกับพวกนี้ได้ แล้วห้องของเพื่อนพี่โอ๋ที่ว่า ดันอยู่หอเดียวกัน ชั้นเดียวกัน กับห้องของลดาพอดิบพอดี แถมยังเป็นห้องข้างๆ กันอีกต่างหาก สงสัยคืนนี้คงไม่ต้องหลับต้องนอนกันแน่

“เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วพวกผมตามไปแล้วกัน”


พี่โอ๋ที่แสนดีพยักหน้ารับ ยังไม่ลืมที่จะส่งท้ายอีกเสียหน่อย “เออ ลืมไป เห็นพวกปีสองบอกว่า มีวีดีโอคลิปงานวันนั้นด้วยนะ ไรท์ลงแผ่นพร้อมกับรูปเรียบร้อยแล้วล่ะ ว่างๆ จะเอามาให้ดู” ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างลอยนวล ปล่อยให้สาวที่กลายเป็นดาวเด่นประจำงาน นั่งอ้าปากตาค้าง สงสัยว่าหลังจากนี้ต้องเอาปี๊บคลุมหัวขึ้นตึกคณะแน่ๆ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ร่างแบบบางยังคงยืนนิ่งปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับอดีตอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง...


เมื่อพี่นิดหันมาเห็นปรียานุชเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วแต่ยังยืนทำท่าเหมือนกับรีๆ รอๆ อะไรอยู่จึงเดินมาที่หญิงสาวพร้อมกับแนะนำตัวให้กับทั้งคู่อย่างเสร็จสรรพไม่ต้องให้เสียเวลารอนาน

“น้องนุชเดินกลับมาพอดี เดี๋ยวพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับ Project Manager เลยนะ นี่คุณอัครพลนะจ๊ะ รับผิดชอบโปรเจ็คที่นุชต้องมาดิวด้วย คุณโอ๋คะ นี่คุณปรียานุช เป็น outsource ที่จะมาช่วย develop โปรเจ็คตัวนี้น่ะค่ะ” ปรียานุชยังยืนอึ้งไปชั่วขณะ จนเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มทักขึ้นมา ถึงรู้สึกตัวกระพริบตาถี่ๆ ไล่อาการมึนงงที่ยังคงหลงเหลืออยู่


“ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะนุช เป็นไง สบายดีไหม” เสียงที่คุ้นหูกับรอยยิ้มที่คุ้นเคยจากชายหนุ่มส่งมาให้หญิงสาวที่ยังยืนเอ๋ออยู่ตรงหน้า โอ้ย อย่ามายิ้ม อย่ามาทักอย่างนี้ได้มั้ย ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน


“อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอคะ คงไม่ต้องแนะนำกันมากแล้ว งั้นพี่ขอตัวไปทำงานต่อเลยแล้วกันนะคะ” พี่นิดเดินออกไปทันที ทิ้งให้หญิงสาวยังคงยืนเอ๋ออยู่ต่อไป


“นั่งสินุช” พออัครพลบอกว่านั่งหญิงสาวก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตนอย่างว่าง่ายแต่เหมือนไร้วิญญาณ ดูล่องลอยยังไงชอบกล ใบหน้ายังคงรักษาสภาพความมึนงงได้อย่างสม่ำเสมอ


“เป็นไงบ้าง ไม่เจอตั้งนาน ยังเหมือนเดิมไม่ยอมเปลี่ยนเลยนะ”


แล้วไอ้คำว่าเหมือนเดิมของเค้าเนี่ยมันหมายความว่ายังไง เธอว่าเธอก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไปขนานใหญ่ ทั้งดัดผม ทั้งแต่งหน้า รวมถึงเปลี่ยนการแต่งตัวเสียใหม่ด้วย กลายเป็นปรียานุชนิวลุคเลยแหละ แต่หญิงสาวก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ


“พี่เห็นนุชตั้งแต่ที่ลิฟต์แล้ว ตอนแรกนึกว่าสาวสวยที่ไหนซะอีก ว่าจะทักแล้วแต่เหมือนนุชไม่สนใจก็เลยไม่กล้า นึกว่าจะทำเป็นไม่รู้จักพี่หรือไม่ก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แต่ดูไปดูมาพี่ว่านุชมองไม่เห็นพี่จริงๆ น่ะแหละ ขนาดสวนกันที่ประตูยังไม่มองเลย ยิ่งพอมาเห็นทำหน้าเอ๋อตอนนี้เลยยิ่งแน่ใจ”


คำว่าเหมือนเดิมของเค้าเนี่ย ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นนิสัยที่ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเธอนั่นเอง ก็ปกติหญิงสาวอาการหนักขนาดที่ว่าเดินสวนจนแทบจะชนกับคนรู้จัก เธอยังมองไม่เห็นซะอย่างนั้น จนอีกฝ่ายต้องเป็นคนทักเองนั่นแหละถึงจะรู้ มิน่าตอนที่มีคนถามว่าชั้นไหนถึงรู้สึกว่าเสียงคุ้นๆ แต่ก็ไม่ทันได้เฉลียวใจ


“พี่ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาทักรวบยอดซะทีเดียวเลยดีกว่า ยังไงคงได้เจอกันแน่ๆ เพราะดูท่าทางแล้วนุชน่าจะเป็น consult ที่ส่งมาที่บริษัทพี่” ปรียานุชยังคงทำหน้ามึน แล้วก็ฟังชายหนุ่มพูดแต่ฝ่ายเดียว ฝ่ายที่เป็นคนพูดเอาๆ มองหญิงสาวยิ้มๆ ดูท่าทางแล้วเธอคงจะยังนั่งเงียบเป็นใบ้ไปอีกสักพักเป็นแน่ สงสัยจะดีใจมากที่ได้เจอเค้าจนลืมไปเลยว่าตัวเองน่ะพูดได้


“เดี๋ยวพี่จะอธิบายสโคปงานคร่าวๆ ให้ฟังก่อน แล้วนี่เครื่องเซ็ตอะไรเรียบร้อยหรือยัง” ถึงตอนนี้หญิงสาวยังคงได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ท่าทางว่าคงจะทำปากตกไว้ที่ไหนสักแห่งระหว่างการเดินทาง....จากห้องน้ำมาที่โต๊ะทำงาน หรือไม่ก็คงจะพึ่งทำหล่นหายไปเมื่อตะกี้นี้เอง

ไม่ต้องถามซ้ำ ไม่ต้องรอคำตอบ อัครพลก็ถือวิสาสะมาเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของหญิงสาวทันที ระยะความห่างระหว่างทั้งคู่เหลือแค่ไม่ถึงคืบ ปรียานุชแทบจะไม่กล้าหายใจ นั่งตัวลีบเบียดเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่จนแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เธอไม่กล้าแม้กระทั่งจะกระดุกกระดิกตัวไปไหน ชายหนุ่มขยับเม้าส์คลิ๊กโน่นคลิ๊กนี่ได้สักพักหนึ่งจึงกล่าวออกมา “เครื่องลงโปรแกรมไว้ครบแล้ว แต่เดี๋ยวต้องรอ admin ให้เค้าสร้าง username กับ password ให้นุชก่อนแล้วกัน แล้วค่อยว่ากันอีกที ป่านนี้คงยังไม่มากันมั้ง ตอนนี้นุชก็นั่งเล่น ’ทำใจ’ ไปพลางๆ ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”


จนเมื่อชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว ปรียานุชถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และเริ่มขยับตัวได้หลังจากที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นไปซะนาน สงสัยว่าเธอคงต้องใช้เวลาขอนั่ง ’ทำใจ’ อย่างที่เค้าว่าจริงๆ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2549 17:04:56 น.
Counter : 243 Pageviews.

3 comments
  
อารายเนี๊ย .. ไม่เข้ามาเยี่ยมแป๊บเดียว ตอน สามแล้วเหรอ ไม่ไปบอกเลยวุ้ย ..
โดย: ผ่านมาเจอ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:43:42 น.
  
วันก่อนเพื่อนพูดอะค่ะว่า เพราะโลกกลมหรือพรหมลิขิต สนุกจัง ไปอ่านดูนะ

หนูหนึ่งก็คาดคั้นเพื่อนว่าใครแต่ง
มันทำท่านึก...เอ่อ จำไม่ได้ แป่ว

ผ่านมาเจอโดยบังเอิญ ดีจัง เดี๋ยวมาอ่านนะคะ
โดย: NuenG (blue_diamond ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:53:52 น.
  
ฮี่ๆ ขอบคุณค่า

สงสัยต้องขอบคุณเพื่อนหนูหนึ่งเป็นการใหญ่แล้วนะเนี่ย
(นานๆ จะมีคนมาชมสักที)
โดย: ชมพู จขบ. IP: 203.118.125.171 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:31:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
18
19
20
21
23
24
25
27
28