เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [9]
บทที่เก้า ปัญหาในหัวใจ


"ฮึ้ยยย มันน่านัก ไอ้นุชนะ ก็ไม่น่าเล้ยยยย" เสียงลดาที่บ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่เดินจากร้านอาหารจนมาถึงห้องพักของตัวเองยังไม่หยุด ทำให้สมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆ ต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าไปกินรังแตนจากที่ไหน ถึงได้ทำที่กระฟัดกระเฟียด ฟึดฟัดขนาดนี้ จนคนเป็นเพื่อนอดรนทนไม่ได้


"ไอ้ดาแกเป็นอะไรวะ ผีเข้าเหรอ บ่นพึมพำๆ มาตลอดทาง" บอลหรือวีกิจเอ่ยปากถามลดาออกมาหลังจากที่ทนรำคาญฟังเสียงบ่นแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่นานแล้ว


"พวกแกไม่เจออย่างฉัน ไม่รู้หรอก" หญิงสาวยังบ่นออกมาอีกโดยที่ไม่ได้ช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจกระจ่างแจ้งแต่อย่างใด


"แล้วแกไม่บอก แล้วพวกฉันจะรู้มั้ยล่ะ ห๊าาา..." กชกรเพื่อนสาวที่เหลืออีกคนในกลุ่มที่ปรกติจะเป็นคนใจเย็นที่สุดในกลุ่มยังต้องเอ่ยออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ


"ก็คนมันกำลังโมโหนี่หว่า พวกแกรู้มั้ย ฉันไปเจออะไรมา" แล้วลดาก็เริ่มๆ เปรยออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ ทุกคนตั้งท่าให้ความสนใจในสิ่งที่ทำให้เธอต้องเป็นเดือดเป็นแค้นถึงขนาดนี้


"ไม่รู้เว้ย แกจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมา อย่าลีลา" จอห์นหรือณขจรเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่อดรนทนไม่ได้ ต้องกระทุ้งให้ลดารีบๆ เข้าประเด็นสักที เพราะไม่อยากจะฟังเสียงบ่นพึมพำของเพื่อนสาวโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกแล้ว


"เออ เล่าแล้วๆ เมื่อกี้ฉันกับไอ้นุชไปที่หอสมุดกลางมา แล้วก็โชคดีเป็นบ้าเลย..."


แล้วเหตุการณ์ที่ลดาเพิ่งไปประสบพบเจอมาหยกๆ ก็ถูกถ่ายทอดออกมา...


.........................................




"นี่ๆ น้องสองคนนั่นน่ะ มานี่หน่อยซิ" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาระหว่างที่ปรียานุชและลดากำลังเดินออกมาด้านหน้าหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย เมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครที่อยู่ที่บริเวณใกล้เคียงนี้แล้ว ก็คงจะเป็นพวกเธอที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการเรียกนั่นเอง


เมื่อหันไปมองที่ต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่อยู่ต่างคณะกับพวกเธอสามสี่คนกำลังยืนจับกลุ่มกันอยู่ โดยทุกสายตาที่พุ่งเป้ามาที่ปรียานุชและลดานั้นส่งความรู้สึกที่ไม่ค่อยเป็นมิตรให้กับทั้งคู่สักเท่าไหร่ และทั้งสองกำลังสงสัยว่า พวกเธอรู้จักกับคนพวกนี้ด้วยหรือไม่


"พวกพี่มีอะไรหรือเปล่าคะ" ปรียานุชเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นมาก่อนเมื่อเดินไปหานักศึกษาสาวรุ่นพี่ที่เป็นคนเรียกพวกเธอมา โดยมีลดาเดินตามมาข้างหลังไม่ห่าง


...คงจะบอกว่า 'สวยมาก' ได้เต็มปากเต็มคำกว่านี้...
ถ้าท่าทางที่แสดงออกกับเธอทั้งคู่ ไม่แลดูเกลียดชังราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันออกปานนั้น




"เธอใช่มั้ยที่ชื่อปรียานุชน่ะ"

แววตาและน้ำเสียงที่แสดงท่าทีคุกคามอย่างเห็นได้ชัด ลูกคู่ที่อยู่ด้านหลังก็จ้องเขม็งมาที่ทั้งสองคนท่าทางและแววตาดูเยาะหยันแปลกๆ ทำให้ลดาเริ่มตั้งท่าเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทันที ส่วนปรียานุชเมื่อเห็นแววตาและรับความรู้สึกจากน้ำเสียงนั้นได้ก็ถึงกับชะงักงันในทันใด ก่อนจะเอ่ยปากตอบขึ้นมาเสียงเรียบๆ อย่างข่มความรู้สึก


"ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะคะ" แล้วรีบคว้ามือลดาที่กำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่หญิงสาวกลุ่มนั้น


"เดี่ยวก่อนสิ จะรีบหนีไปไหนล่ะ ยังไม่ทันได้คุยกันเลย" หญิงสาวอีกคนเอ่ยปากพูดออกมาพร้อมกับมองกราดไปที่ปรียานุชตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะเบ้ปาก ไหวไหล่น้อยๆ


'ฮึ หน้าตาจืดๆ ชืดๆ เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่มีราคา เด็กคนนี้ไม่เห็นจะมีอะไรเทียบเพื่อนของเธอได้เลยสักนิด'

"ฉันเพิ่งจะรู้นะแจนว่าโอ๋เปลี่ยนใจมาชอบ 'เด็กกะโปโล' อย่างนี้"




'แจน' คงจะเป็นผู้หญิงสวยๆ คนนี้ที่เรียกพวกเธอมา...
แต่พวกนั้นพูดถึงคนชื่อ 'โอ๋'...
พี่โอ๋ของเธอนะเหรอ...
แล้ว 'เปลี่ยนใจ' คืออะไร...

พี่โอ๋เปลี่ยนใจมาชอบเธอ ซึ่งก็คือ เด็กกะโปโลที่พวกนั้นพูดออก
แล้วนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่...



ความสับสนฉายออกมาในแววตาของปรียานุชเพียงครู่เดียว ก่อนที่เจ้าตัวจะกลบเกลื่อนความรู้สึกให้เป็นปกติ


"ถ้าพวกพี่มีเรื่องจะพูดกับนุชแค่นี้ละก็ นุชขอตัวก่อนนะคะ" แล้วหันหลังเตรียมตัวเดินออกมาให้พ้นจากคนที่ทำท่าว่าอยากจะมีเรื่องกับพวกเธอนัก แต่ยังไม่ทันที่พวกเธอทั้งคู่จะได้ก้าวเท้าออกไป เสียงของหญิงสาวที่ชื่อแจนก็เอ่ยปากพูดออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดชะงักอยู่อย่างนั้นในทันที


"พี่ก็แค่อยากจะเตือนน้องด้วยความหวังดีเท่านั้นแหละนะ" จากคำพูดเหมือนจะแสดงความเอ็นดูพวกเธอทั้งคู่เสียเหลือเกิน แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงมันแสดงถึงความสมเพศเวทนาอย่างเห็นได้ชัด


"โอ๋กับพี่เป็นแฟนกันมาก่อน ถึงตอนนี้เราก็ยังรักกันอยู่เหมือนเดิม อันที่จริงเค้าก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรน้องมากนักหรอกนะ แค่ตอนนี้เค้าก็แค่อยากเปลี่ยนไปลอง 'อะไร' ที่มันแปลกๆ ไปจากเดิมบ้างก็เท่านั้น ก็คงจะเห่อของใหม่เป็นธรรมดา โอ๋เค้ารู้ว่าเรื่องพวกนี้พี่แฟร์กับเค้าอยู่แล้ว พี่ไม่ซีเรียสหรอก ถ้าเค้าจะไปเผลอไผลเถลไถลไปบ้าง เพราะเด็กกะโปโลอย่างน้องไม่ใช่สเปคโอ๋เค้าหรอก... พี่รู้ใจโอ๋ดี"


หญิงสาวหยุดคำพูดไว้นิดหนึ่งแล้วเดินไปเผชิญหน้ากับสองสาว ส่งยิ้มหวานให้แต่ดวงตาที่จับจ้องปรียานุชกลับมองมาด้วยความเยาะหยัน ก่อนที่เอ่ยปากพูดประโยคต่อมา


"พี่แค่อยากให้น้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ เผื่อเวลาที่โอ๋เบื่อน้องแล้ว กลับมาหาพี่เหมือนเดิม น้องจะได้ตั้งตัวทัน พี่ไม่อยากให้น้องเสียใจฟูมฟาย แล้วมาโมเมโทษว่าพี่เป็นฝ่ายแย่งโอ๋ไป

หวังว่าน้องคงจะยังไม่ทันให้ 'อะไรต่อมิอะไร' โอ๋เค้าไปหมดแล้วนะ ไม่งั้นพี่คงจะต้องรู้สึกผิดมากๆ ที่เพิ่งคิดจะมาเตือนน้องเมื่อสายเกินไป..."


"...หรือถ้าน้องไม่คิดมาก ก็คิดว่าโอ๋เค้าให้ประสบการณ์อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ กับน้องเป็นกำไรชีวิตไปแล้วกัน พี่ไม่ถือหรอก ชาตินี้...อย่างน้องคงไม่มีโอกาสได้เจอกับคนที่เพรียบพร้อมไปซะทุกอย่างอย่างโอ๋ได้ง่ายๆ อีกแล้วหรอกนะ ตอนนี้ก็รีบๆ ตักตวงเอาไว้ให้ได้มากๆ แล้วกัน ก่อนที่พี่จะมาทวงคนของพี่คืน"



ปรียานุชรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า นัยน์ตาพร่ามัว ใบหน้าชาวาบ มือไม้สั่น แทบจะระงับอารมณ์จากคำพูดเสียดสีเยาะเย้ยนั่นไม่ได้ มือที่จับลดาเอาไว้กำแน่นจนลดารู้สึกได้ หญิงสาวต้องใช้มือข้างที่ว่างอีกข้างเอื้อมไปกำมือที่ชื้นเหงื่อนั้นอีกชั้นหนึ่งเป็นการให้กำลังใจ ถ้าไม่ติดว่าปรียานุชกระตุกแขนห้ามไว้ เธอก็แทบจะรี่เข้าไปตบสั่งสอนผู้หญิงปากดีคนนั้นให้หายโมโหสักทีสองที


ปากเสียอย่างเดียวไม่พอ...
แถมจิตใจยังสกปรกต่ำทรามอีกด้วย...

สวยแต่เปลือกจริงๆ ...




ปรียานุชต้องสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อปรับสติอารมณ์ให้เป็นปกติ เธอจะแสดงความอ่อนแอให้คนพวกนี้เห็นไม่ได้ เมื่อสติเข้าที่เข้าทางแล้วจึงเอ่ยปากพูดออกมา


"ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาเตือน ถ้าสิ่งที่พี่ต้องการจะบอกนุชพูดหมดแล้ว นุชคงต้องขอตัวซะที"


ก่อนจะรีบลากตัวเพื่อนสาวของเธอที่ตอนนี้ทำท่ากระเหี้ยนกระหือรืออยากจะมีเรื่องกับคนที่อ้างตัวว่าหวังดีแต่ประสงค์ร้ายเสียเต็มประดา ให้ออกห่างมาจากคนพวกนั้นโดยเร็ว โดยไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะที่ดังไล่หลังตามมา


"นุชอย่าคิดมากนะ เราเชื่อว่าพี่โอ๋ไม่ได้เป็นอย่างที่ยัยแจ๋นนั้นพูดหรอก" ลดารีบเอ่ยปากปลอบใจเพื่อนของเธอทันที เมื่อทั้งคู่เดินออกมาพ้นจากรัศมีของหญิงสาวเหล่านั้นแล้ว


"ขอบใจนะดา เราไม่เป็นไรหรอก แค่อึ้งๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะมีคนหวังดีกับเราถึงขนาดนี้"


แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่รอยยิ้มของปรียานุชที่ส่งมาให้กับลดานั้นดูฝืดเฝือแห้งผากเต็มที ถึงตอนนี้ลดาก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบใจเพื่อนสาวของเธออย่างไรได้อีก ได้แต่เดินมากันมาเงียบๆ ได้แต่เพียงกระชับมือระหว่างกันเอาไว้อย่างแนบแน่น เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกและกำลังใจให้กับปรียานุช ให้เธอได้รับรู้ว่า อย่างน้อยยังมีเพื่อนคนนี้ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

.........................................




"เฮ้ย จริงเหรอ" เพื่อนๆ ทุกคนพอได้ยินที่ลดาเล่าให้ฟังก็อึ้งกันเป็นแถบๆ


"ยัยแจ๋นอะไรของแกนั่นมันโม้ป่าววะ ปู่รหัสข้าไม่น่าจะเป็นคนอย่างงั้นนะ" บอลหลานรหัสคนเก่งของจำเลยในตอนนี้รีบแก้ต่างให้ทันที


"เป็นไม่เป็นไม่รู้แหละ รู้แต่ว่าตอนนี้โมโหเว้ย แล้วไอ้พี่เป้ก็ไม่เห็นจะเคยมาบอกอะไรเลย โอ้ยยย มันน่าโมโหจริงๆ"



เมื่อลดาได้ตะโกนดังๆ เหมือนกับได้ช่วยระบายความโมโหออกไปส่วนหนึ่ง อารมณ์ที่กำลังเดือดๆ จึงเย็นลงไปได้บ้าง...เล็กน้อย แต่ดูท่าตอนนี้คนที่มีแววว่าจะซวยเป็นคนต่อไป คงหนีไม่พ้นพี่เป้ที่อยู่ข้างๆ ห้องนี่เอง


"แล้วนุชมันทำยังไงล่ะ" กชกรเอ่ยปากถามขึ้นมา หลังจากที่ทุกคนทำท่าครุ่นคิดกันเป็นการใหญ่


"ก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลยนะสิ ฉันล่ะถึงกลัวใจมันจริงๆ ยิ่งชอบเก็บอะไรเอาไว้คนเดียวอยู่ด้วย" หญิงสาวที่อยู่ร่วมในที่เกิดเหตุทำท่ากระฟัดกระเฟียดก่อนที่พูดต่อ "มันนะไม่น่ารีบลากฉันออกมาเลย ไม่งั้นแม่จะขอตบรุ่นพี่ซักฉาด" แล้วก็ทำท่าคันไม้คันมือ ก่อนที่จะเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง "สงสารแต่ไอ้นุช ปากบอกว่าไม่ได้คิดอะไรนะ แต่ฉันเห็นตอนที่เดินออกมา มันก็ซึมไปเลยน่ะ"


สมาชิกในกลุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับลดา แล้วก็บ่นพึมพำๆ กันไม่ได้ศัพท์ จนผ่านไปสักพัก กชกรที่ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้ เอ่ยปากถามลดาออกมาทันที "อ้าวแล้วนุชไปไหนแล้วล่ะ"


"กลับบ้านแล้ว ที่จริงฉันไม่อยากให้มันอยู่คนเดียวหรอกนะ แต่ก็นั่นแหละ นุชมันคงยังไม่พร้อมจะคุยอะไรกับใครตอนนี้สักเท่าไหร่ คงต้องปล่อยให้อยู่กับตัวเองสักพักก่อน" หญิงสาวเอ่ยปากบอกเพื่อนๆ ทุกคน ก่อนที่จะพูดเบาๆ กับตัวเอง


"สงสัยฉันต้องไปซักฟอกกับไอ้พี่เป้ซะหน่อยแล้ว"


****************************************



"ไอ้พี่เป้ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ มาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้" เสียงเคาะประตูโครมๆ ของลดาที่กำลังแว้ดๆ อยู่หน้าห้องของชายหนุ่มเพื่อนซี้ของจำเลยในคดีที่เธอกำลังจะเข้ามาชำระความ แทบจะดังลั่นไปทั้งชั้น เป็นผลให้คนที่อาศัยอยู่ในชั้นเดียวกันต้องค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมามองว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้


"เออ ออกมาแล้ว โอ้ย เรียกอะไรกันนักกันหนา" เสียงเอือมๆ ของชายหนุ่มตัวโย่ง ที่ค่อยๆ โผล่แค่ใบหน้าออกมาจากปากประตูห้องเอ่ยตอบหญิงสาวที่กำลังท้าวสะเอวเตรียมหาเรื่องเต็มที่


"อีกสิบห้านาทีค่อยมาเรียกใหม่ได้มั้ย ตอนนี้กำลังยุ่ง" ชายหนุ่มตอบแบบขอไปที ก่อนที่จะงับประตูปิดดังเดิม แต่ทันทีที่ประตูปิด เสียงเคาะประตูก็ดังระรัวต่อเนื่องทันที ทำให้คนที่อยู่หลังบานประตูอีกด้านต้องตะโกนตอบออกไป "จะเรียกอะไรนักหนาฮะ ยัยทอมบ้า"


"เออ รู้ได้ไงว่ากำลังบ้า ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ เดี๋ยวแม่พังประตูเข้าไปซะนี่" เสียงคนที่บอกว่าตัวเองกำลังบ้า ทำท่าจะอาการหนักเสียด้วย ตะโกนตอบกลับไปด้วยอาการเข้าใกล้จุดเดือดเต็มที่ เป็นผลให้คนในห้องต้องค่อยๆ แง้มประตูออกมา


"เอ้า มีอะไรก็รีบๆ ว่ามา"


"ก็ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องสิ ฉันไม่ชอบคุยกับประตู หน้าต่าง โผล่มาแค่หน้าแค่นี้จะพูดกันรู้เรื่องได้ยังไงฮะ" หญิงสาวเอ่ยปากบอกออกไป พร้อมกับทำท่าว่าจะผลักประตูเข้าไป ส่งผลให้คนที่อยู่หลังประตูอีกด้านร้องลั่นในทันที


"เฮ้ยย อย่าเพิ่ง"


แต่คงช้าไปเสียแล้ว บานประตูถูกผลักออกอย่างเต็มที่ พร้อมกับคนในห้องที่ร้องลั่นในทันที ผ้าขนหนูผืนใหญ่ไม่รักดีที่ทำท่าว่าเคยพันอยู่รอบตัวของคนตัวสูง กองหล่นอยู่กับพื้นตรงหน้าประตู ไม่ทันที่จะให้เจ้าของตะครุบได้ทัน เจ้าตัวรีบกระโดดแผลวไปหลบอยู่หลังบานประตูพร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดดังสนั่นที่มาจากหญิงสาวที่ยืนแข็งทื่ออยู่หน้าห้อง ก่อนที่บานประตูจะค่อยๆ ปิดลง


"เอ่อ ขอแต่งตัวเดี๋ยวนะ เดี๋ยวออกไป" เมื่อชายหนุ่มตั้งสติได้ ก็ตะโกนข้ามประตูบอกหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าหายช็อคกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้หรือยัง


************************************************




เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าก็จะเป็นการจัดงานบาย 'เนียร์ อำลาอาลัยรุ่นพี่ปีสี่ของภาควิชาแล้ว หลังจากที่ทุกคนต่างคร่ำเคร่งกับตำรับตำราของตนเองสำหรับการสอบปลายภาคที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไปได้ไม่กี่วันที่ผ่านมา จากนี้พี่โอ๋ก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบโปรเจ็คจบของตัวเองต่อทันที หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ต้องปลีกเวลามาเป็นติวเตอร์จำเป็นให้กับปรียานุชและเพื่อนๆ ต่อจากนี้ก็เป็นเวลาของปรียานุชบ้างแล้วที่ต้องจ่ายค่าจ้าง ด้วยการมานั่งช่วยพี่โอ๋อ่านและตรวจทานเอกสาร ที่จะเข้าเป็นรูปเล่มของปริญญานิพนธ์ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ของเธอก็ไปวุ่นวายอยู่กับการช่วยรุ่นพี่ปีสองจัดเตรียมกิจกรรมที่จะมีขึ้นในงานบาย 'เนียร์ ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า


แต่เมื่อปรียานุชต้องนึกถึงวันที่พี่โอ๋จะจบการศึกษา และออกไปทำงานตามเส้นทางของตัวเองแล้ว ก็ได้แต่แอบถอนใจอยู่ลึกๆ อย่างนี้แล้วพี่โอ๋จะมีเวลาให้กับเธอเหมือนเดิมหรือเปล่า เขาจะไปทำงานที่ไหน แล้วถ้าที่ทำงานมีสาวๆ เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับพี่โอ๋ เธอจะทำยังไง ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนเข้ามาตอกย้ำในความทรงจำอีก หญิงสาวยิ่งออกอาการหวาดระแวงไปไกล ก็เธอยังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามอะไรกับพี่โอ๋เลยสักนิด ความรู้สึกที่ตะขิดตะขวงใจจึงยังคงค้างคาอยู่อย่างนั้น



นี่เธอเริ่มจะฟุ้งซ่านเกินไปหรือเปล่า ออกอาการ 'หวง' พี่โอ๋ไปล่วงหน้าซะไกลแล้วหรือเนี่ย สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้ ไม่อย่างนั้นพี่โอ๋ก็คงจะต้องมีหลุดอะไรออกมาให้เธอสังเกตได้บ้าง ไม่ใช่ทำนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรขนาดนี้



อัครพลก็สังเกตเห็นว่าระยะหลังๆ มานี่ปรียานุชดูแปลกไป บางครั้งก็นิ่งเงียบเหม่อลอยเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ แถมบางครั้งยังเห็นเธอเผลอถอนหายใจอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเขาเข้าไปถาม เธอก็กลับไม่ไปปริปากพูดอะไรออกมา ปล่อยให้ความสงสัยยังคงวนเวียนรายล้อมตัวเขาต่อไป รวมทั้งเพื่อนๆ ของเธอก็ด้วย บางครั้งก็ดูเหมือนมีลับลมคมในอะไรกับเขา ชอบทำท่าเหมือนวงแตกทุกครั้งที่เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ แม้กระทั่งเพื่อนซี้ของเขาอย่างไอ้เจ้าเป้ก็เถอะ เหมือนมีอะไรจะบอกกับเขา แต่ก็ได้แต่ทำท่ารีรอๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรออกมาซักที จนเขาก็เริ่มจะระอา ยิ่งมาถึงช่วงนี้ที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องโปรเจ็คจบ เขาก็เริ่มลืมๆ เลือนๆ เรื่องที่จะเข้าไปซักไซ้เอาความกับเพื่อนของเขาจนได้



"เป็นอะไรไปจ๊ะนุช ปวดหัวหรือเปล่า"


เมื่ออัครพลที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมข้อมูลในการพรีเซนต์โปรเจค หันมาเห็นปรียานุชกำลังนั่งเหม่อหน้าเครียดอยู่กับเอกสารปึกใหญ่ ก็รีบถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ลองเอามืออังหน้าผากของเธอดู หญิงสาวก็ทำท่าสะดุ้งโหยงทันที ราวกับตกใจเสียเต็มประดา หรือเธอจะเครียดจนเกินไป การต้องมานั่งเช็คเอกสารเกือบสองร้อยหน้า มันก็น่าเครียดอยู่หรอก แต่พอจะบอกว่าเธอไม่ต้องมาช่วยเขาทำก็ได้ ก็กลัวว่าเดี๋ยวหญิงสาวจะน้อยใจเขาเสียอีก


"พักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ดูต่อเอง ตอนพิมพ์เสร็จนุชก็ดูไปทีนึงแล้วไม่ใช่เหรอ" ชายหนุ่มพูดพลางเอามือยีผมหนานุ่ม และคลอนศีรษะของหญิงสาวไปมา "เครียดมากๆ เดี๋ยวตอนเป็นพิธีกรในงาน แล้วหน้าไม่สวยอายเพื่อนแย่เลยนะ"


"ไม่สวยแล้วยังไง ก็นุชไม่สวยอยู่แล้วหนิ เด็กกะโปโลอย่างนุชใครเค้าจะมาสนใจ" ปรียานุชกล่าวตอบออกมา แถมท้ายคำพูดเหมือนจะมีอาการงอนติดมานิดๆ เสียด้วย ความรู้สึกจากคำพูดของผู้หญิงคนนั้นยังคงส่งผลกระทบกับจิตใจของเธออยู่ลึกๆ เสมอ



ปรียานุชมักจะบอกกับใครต่อใครอยู่เสมอๆ ว่าตัวเองเป็นเด็กกะโปโล ไม่สวย ไม่น่ารัก ยิ่งพอมีเรื่องในคราวนั้นมาตอกย้ำ ยิ่งทำให้เธอหมดความมั่นใจเข้าไปใหญ่


แต่เธอจะรู้ไหมว่า ชายหนุ่มอยากเถียงแทบขาดใจ ใครว่าหล่อนไม่สวย เวลาที่ปรียานุชอยู่ในชุดนักศึกษา แต่งหน้าทาปากบางๆ พอให้มีสีสัน ซึ่งก็นานๆ ครั้งถึงจะได้เห็นเธอในภาพนี้ หนุ่มๆ แทบจะเหลียวหลังหันมามองคอแทบหลุด หากเขาไม่ได้เดินมาคอยกันท่าไว้ด้วยแล้ว ป่านนี้คงมีพวกผึ้ง แมลงภู่ ทั้งหลายมาเกาะแกะกับดอกไม้ของเขาไม่ได้ขาดแน่ๆ เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่หญิงสาวมักจะใส่เสื้อช๊อปมาเรียนเหมือนกับเพื่อนร่วม Sec. คนอื่นๆ ซะมากกว่า ใบหน้าก็มีเพียงแต่แป้งฝุ่นทาเอาไว้ ถึงมันจะบดบังความน่ามองของเธอไม่ให้ฉายออกมาเด่นชัด แต่เขาก็พอใจมากกว่าที่จะให้ใครต่อใครมาจ้องมองแฟนของตัวเองอย่างนั้น



"พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย ขี้ใจน้อยจริงๆ เลยเรา" ชายหนุ่มพูดพลางโยกศีรษะของปรียานุชไปมา ไม่สนใจสายตาปะหลับปะเหลือกของเธอในตอนนี้


"ไปกินข้าวกันดีกว่า พี่หิวแล้ว"



Create Date : 19 มีนาคม 2549
Last Update : 21 กันยายน 2549 14:52:39 น.
Counter : 301 Pageviews.

3 comments
  
ไรฟร่ะ ไม่เข้ามานาน ตอนเก้าแล้วเหรอนี่ ...
โดย: ผ่านมาเจอ วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:20:19:41 น.
  
ไหนๆดูซิ อ่านๆๆ
โดย: ธามาดา วันที่: 29 มีนาคม 2549 เวลา:22:06:22 น.
  
แล้วเมื่อไรตอน10จาออกอ่ะค่ะ รอนานแล้วน่ะ
อยากรู้แล้วว่าคุณโอ๋จาคืนดีกันป่าว
พยายามต่อไปน่ะค่ะ
โดย: แก้วน้ำที่เติมไม้เต็ม IP: 124.120.37.227 วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:18:03:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มีนาคม 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31