เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [12]
“ฮัลโหล ดาเหรอ วันนี้อยู่บ้านทั้งวันใช่มั้ย เดี๋ยวเราเข้าไปหานะ”

ลดาค่อยๆ วางหูโทรศัพท์ลงกับตัวเครื่อง หลังจากที่ปลายสายอีกฟากวางสายไปแล้ว โดยไม่ยอมให้เธอได้พูดอะไรเลย เสียงของปรียานุชที่โทรมา เหมือนเจ้าตัวพยายามทำให้เป็นปกติ แต่เธอรู้สึกได้ในทันทีที่ได้ยินว่ามันไม่ปกติสักเท่าไร

ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากที่วางสาย ปรียานุชก็มาปรากฏตัวที่หน้าบ้านของลดา เจ้าของบ้านรีบเดินพาแขกผู้มาเยือนไปนั่งที่ศาลาริมน้ำ มุมประจำที่เธอและเพื่อนๆ มักจะมานั่งคุยกัน เมื่อลดากลับมาอยู่ที่บ้านนครปฐมในช่วงปิดภาคเรียน

“แล้วนี่มายังไงเนี่ย ฉันนึกว่าแกจะมากับพี่โอ๋เสียอีก” เมื่อลดาไม่เห็นเงาของชายหนุ่มอีกคนที่ควรจะมาด้วยกันกับเพื่อนสาวของเธอแล้ว จึงเอ่ยปากถามออกมา

“นั่งรถแดงมา แล้วก็มาต่อสองแถวหน้าปากซอยเข้ามานี่ไง แหม ถามอย่างกับว่าเราไม่เคยมาบ้านดาอย่างนั้นแหละ” ปรียานุชพยายามตอบให้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ก็แต่ก่อนเธอยังนั่งรถทัวร์มาหาลดาเองบ่อยๆ เพราะอันที่จริงบ้านของปรียานุชกับบ้านของลดาก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมากสักเท่าไหร่ แม้จะอยู่กันคนละจังหวัดก็ตาม

“แล้วทำไมไม่บอก ที่จริงฉันขับรถเข้าไปหาแกที่บ้านเองก็ได้ แล้วนี่พี่โอ๋ไปไหนซะล่ะ ถึงปล่อยให้แกนั่งรถทัวร์มาหาฉันอย่างนี้ได้” ลดาเอ่ยปากถามเพื่อนสาวของตัวเองออกมาอีกครั้ง หลังจากที่คำถามแรกยังไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับชายหนุ่มที่เอ่ยถึงออกไป

“พอดีคิดถึงดาน่ะ อยากเจอ ก็ออกมาเลย ไม่ทันได้โทรบอกพี่โอ๋ก่อน แล้วช่วงนี้พี่โอ๋เค้ายุ่งๆ เรื่องสมัครงานสัมภาษณ์งานด้วย ก็เลยไม่อยากกวนเขาเท่าไหร่” ปรียานุชตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส...เสียจนผิดปกติ

“แกมีอะไรหรือเปล่านุช อยากพูดอยากเล่าอะไรให้ฉันฟังมั้ย”

ทำไมลดาจะไม่รู้จักเพื่อนคนนี้ของเธอดี หากมีอะไรในใจปรียานุชมักจะพยายามแอบซ่อนเอาไว้ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะรื่นเริงเต็มที่ จนบางครั้งดูจะมากเกินพอดี แม้ว่าคนอื่นจะอาจจะไม่รู้สึก แต่คนอย่างลดาที่เป็นเพื่อนกับปรียานุชมานานก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเพื่อนสาวคนนี้ของเธอได้เสมอ

“อืม ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ“ ปรียานุชค่อยๆ อ้อมแอ้มตอบออกมา เหมือนรู้ว่าโดนเพื่อนจับพิรุธได้

“เรื่องพี่โอ๋เหรอ...” สิ่งที่ลดาเอ่ยปากพูดออกมา ทำให้ปรียานุชที่กำลังทำท่าเหมือนเพลิดเพลินอยู่กับขนมตรงหน้าหยุดชะงักทันที ก่อนที่จะหลุบตาลงต่ำเหมือนกำลังพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง หญิงสาวนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะเอ่ยปากพูดดีหรือไม่ จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้

“คือ...เรา...เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดีน่ะดา” ปรียานุชค่อยๆ อ้อมแอ้มตอบเพื่อนกลับไป ความสับสนฉายออกมาทางสีหน้าและแววตาของเธอหลังจากที่ใช้ความพยายามในการปกปิดมานาน

“เมื่อวานนี้ เราเห็นพี่โอ๋กับ...” น้ำเสียงของหญิงสาวขาดหาย พร้อมๆ กับกระไอละอองน้ำที่เอ่อคลออยู่เต็มดวงตา ก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามกระพริบตาไล่ไม่ให้หยดน้ำใสๆ ไหลออกมาให้เพื่อนของเธอได้เห็น พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ แล้วส่งรอยยิ้มที่เจ้าตัวต้องใช้ความพยายามในการยิ้มอย่างเต็มที่ แต่กลับแลดูฝืดเฝือกลับไป

“เราเห็นพี่โอ๋อยู่กับพี่แจน แต่ทำไมพี่โอ๋เค้ากลับบอกเราว่าเค้าอยู่ที่มหาวิทยาลัย เราไม่เข้าใจน่ะดา ทำไมพี่โอ๋เค้าต้องโกหกเราด้วยล่ะ...”

“เราพยายามไม่คิดมากนะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้น่ะ พี่โอ๋เค้ากำลังปิดบังอะไรเราอยู่หรือเปล่า ยิ่งช่วงนี้ที่พี่โอ๋เค้ากำลังยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาให้เราเท่าไหร่ เรายิ่งกลัวนะดา พอเจอแบบนี้เข้า ยิ่งแล้วใหญ่ หรือว่าพี่โอ๋เค้ายังคบกับพี่แจนอยู่จริงๆ เราเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาของพี่โอ๋อย่างนั้นเหรอ เราไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พี่แจนพูดในวันนั้นนะ แต่พอมาถึงตอนนี้ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้”

ความสับสนที่ฉายชัดเจนอยู่ในแววตาและคำพูดของปรียานุชในตอนนี้ ทำให้ลดาต้องรีบหาคำปลอบใจเพื่อนสาวของเธอเป็นการด่วน นี่แปลว่าเพื่อนของเธอยังคงเก็บเอาคำพูดของคนพวกนั้นมาใส่ใจ คำพูดพวกนั้นยังตอกย้ำอยู่ในความคิดของปรียานุชอยู่เสมอ ปรียานุชที่ดูเหมือนจะมีเหตุผลกับทุกๆ เรื่อง แต่กับเรื่องของหัวใจทำไมเธอถึงได้ไม่ประสีประสาได้ถึงเพียงนี้

“นุชอย่าคิดมากสิ ฉันดูก็รู้พี่โอ๋เค้าชอบแกจริงๆ ใครๆ ก็ดูออกว่าพี่โอ๋จริงจังกับแกแค่ไหน แกอย่าเก็บเอาคำพูดของยัยแจ๋นนั้นมาใส่ใจสิ ที่ยัยนั่นมันพูดน่ะมันอยากให้แกเข้าใจพี่โอ๋ผิด แล้วนี่แกก็ดันไปเชื่อมันซะด้วย ถามจริงๆ เถอะ ระหว่างพี่โอ๋กับยัยนั่นน่ะ แกเชื่อใจใครมากกว่ากันฮึ”

“แต่ทำไมพี่โอ๋เค้าต้องมาโกหกเราด้วยล่ะ” ใช่...แม้ว่าก่อนหน้านี้หญิงสาวจะยอมรับอย่างเต็มหัวใจว่าเธอเชื่อใจในตัวแฟนหนุ่มของเธอมากเพียงใด แต่...สิ่งที่เธอเห็น ยิ่งทำให้เธอต้องกลับมาทบทวนความเชื่อมั่นความมั่นใจในตัวเขาอีกครั้ง

“เค้าคงไม่อยากให้แกไม่สบายใจนะสิ คิดดูสิ ถ้าแกโทรไปแล้วเค้าบอกกับแกว่าอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่เคยเป็นกิ๊กเก่ากันมาก่อน แกจะคิดยังไง” ลดารีบแก้ตัวแทนชายหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ ณ ที่นี้ นี่กลายเป็นว่าเธอต้องกลายเป็นทนายจำเป็นแก้ต่างให้เขาเสร็จสรรพ ไม่รู้ว่าในเวลานี้คนที่กำลังถูกพูดถึงจะรู้ตัวหรือเปล่าว่ากลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอุกฉกรรจ์ในความคิดของแฟนสาวไปเสียแล้ว

“แต่ถือเป็นคราวซวยของเค้าไป ที่แกดันไปเห็นซะได้ พี่โอ๋เค้าไม่ได้ตั้งใจจะโกหกแกหรอกน่า แกก็รู้นี่นุชว่าพี่โอ๋เค้าแคร์ความรู้สึกแกแค่ไหน”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันก็อดรู้สึกไม่ได้นี่ แถมพี่แจนเค้าก็ดูดีกว่าฉันไปซะทุกอย่าง ยิ่งพอเปรียบเทียบกันแล้วนะ ฉันน่ะเทียบเค้าไม่ติดเลยสักเรื่อง” แม้ว่าปรียานุชจะรู้สึกดีขึ้นมากจากคำพูดของเพื่อนสาวของเธอ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สภาพจิตใจของหญิงสาวจะกระเจิดกระเจิงจนคิดอะไรเตลิดเปิดเปิงไปไกลแล้ว เรื่องหยุมหยิมที่ควรจะมองข้ามเธอก็ยังอุตส่าห์เก็บเอามาคิดเล็กคิดน้อยจนได้

“พี่โอ๋เค้าดีกับแกขนาดนี้ แกยังไม่เชื่อใจเค้าอีกเหรอ แกคิดว่าพี่โอ๋เค้าเลือกที่จะคบใครเป็นแฟนสักคนเพราะสวย เซ็กซ์ เอ็กซ์ อึ๋ม แค่นี้น่ะเหรอ” ลดาชักจะเริ่มระอากับความคิดของเพื่อนสาวตรงหน้าเธอที่ดูจะฟุ้งซ่านไปไกล จนต้องพูดเตือนสติคนที่กำลังสับสนกับตัวเองในตอนนี้ไม่ให้คิดอะไรไปไกลจนกู่ไม่กลับ

“ความจริงฉันก็ไม่อยากจะพูดมากหรอกนะ แต่เท่าที่ฉันรู้ แล้วก็เท่าที่ดูมาจนถึงตอนนี้ ระหว่างพี่โอ๋กับยัยนั่นไม่น่าจะมารีเทิร์นกันได้หรอก” แม้ลดาจะพูดยืนยันออกมาเพียงใด แต่ปรียานุชก็ยังคงมีทีท่าแสดงความไม่แน่ใจออกมา จนลดาอดรนทนไม่ไหว ต้องเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่โอ๋เค้ารักแกน่าไอ้นุช ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก”

ลดาได้แต่พูดปลอบใจ สร้างความมั่นใจให้กับเพื่อนของเธอได้เพียงเท่านี้ เฮ้อ ความจริงไม่ใช่หน้าที่ที่เธอจะต้องมาเน้นย้ำเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำไป แต่เพราะว่าไม่อยากให้เพื่อนต้องรู้สึกแย่ไปกว่านี้เท่านั้น เธอถึงต้องมาพร่ำพูดเรื่องอะไรพวกนี้อยู่ได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่รู้ว่าทำไมเธอพูดถึงขนาดนี้แล้วปรียานุชก็ยังแสดงท่าทีลังเลออกมาอีก

“เอาล่ะ ถามอะไรหน่อยนะ คืนวันงานบายเนียร์ ที่พี่โอ๋เค้าไปส่งแกที่ห้องฉันน่ะ เค้าทำอะไรแกหรือเปล่า” ลดาเอ่ยปากถามปรียานุชออกมา

แต่คนที่จะให้คำตอบกลับได้แต่ส่ายหน้าดิก แล้วก็แก้มใสๆ ก็ค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลดาต้องเอ่ยปากถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับขึงตาจ้องหน้ารอคำตอบจากเพื่อนสาวของเธอ จนปรียานุชต้องยอมเอ่ยปากพูดออกมาจนได้ แต่ก็ตอบออกมาแบบอ้อมแอ้มๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจจะตอบออกมาเท่าไหร่

“เปล่าอะ ก็แค่...” แล้วก็หยุดทำหน้าแดงต่อ

“หืมมม...แค่อะไร” คนถามดูจะทำหน้ายั่วเย้าจนคนตอบอายแทบจะไม่กล้าสบตาเพื่อนรักที่ทำท่าเหมือนจะรู้ทันเธอไปเสียหมดทุกเรื่อง

“ก็เอ่อ...หอมแก้ม แล้วก็เอ่อ...จูบนิดหน่อย แค่นั้นแหละ” แก้มที่แดงแจ้ดอยู่แล้วถึงตอนนี้ถ้าระเบิดได้คงแทบปริแตกออกมา หากตอนนี้ปรียานุชสามารถหายตัวได้ เธอก็อยากจะหายตัวไปให้ไกลๆ จากสายตาวิบวับหยอกล้อของเพื่อนสาวตรงหน้าเธอเหลือเกิน ล้อได้ล้อไป อย่าให้ถึงทีเธอบ้างแล้วกัน ไว้ลดามีแฟนเมื่อไหร่เธอจะเอาคืนให้หนำใจเลยทีเดียว

“เห็นมั้ย ขนาดบรรยากาศเป็นใจขนาดนั้น ถ้าพี่โอ๋เค้าคบกับแกแค่หวังจะเคลมแกเท่านั้นจริงๆ ป่านนี้แกก็เสร็จเค้าไปแล้ว ไม่อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้หรอก”

ลดาโพล่งออกมาทันที จนคนที่กำลังเขินสุดฤทธิ์จนแทบจะแทรกตัวไปกับโต๊ะไม้ตรงหน้า ต้องสะดุ้งสุดตัว รีบโวยวายกลบเกลื่อน “บ้าสิ ดาอะ พูดอะไรก็ไม่รู้”

“แต่จะพูดไป อันที่จริงถ้าไม่ได้พี่เป้รับรองเอาไว้ ฉันก็คงไม่ปล่อยให้แกกลับไปกับพี่โอ๋ตามลำพังอย่างนั้นหรอก”

ลดาหันกลับมาพูดจาจริงจังอีกครั้ง จริงๆ แล้ววันนั้นเธอก็ไม่ค่อยอยากปล่อยให้เพื่อนสาวของเธอกลับไปกับพี่โอ๋ตามลำพังสักเท่าไหร่ ถึงพี่โอ๋จะดื่มไปไม่มาก แต่ก็ดูท่าทางว่ากำลังกึ่มๆ ได้ที่อยู่เหมือนกัน แถมไปอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง อีกทั้งบรรยากาศยังเป็นใจอย่างนั้น ถึงเขาจะถนอมน้ำใจเพื่อนของเธอแค่ไหน แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ดีแต่ว่าพี่โอ๋ตกปากรับคำกับพวกเธอแล้วว่าจะตามไปที่ร้านด้วย ทั้งพี่เป้ก็ยังรับรองแข็งขันอีกว่าเพื่อนของเขาไม่มีทางทำอะไรเพื่อนสาวของเธอแน่นอน และก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะรีบพาเธอกลับมาที่ห้องทันที นั่นแหละเธอถึงยอมไปด้วยดี แต่ลดาก็วางแผนเอาไว้ในใจอยู่แล้วว่า หากอีกชั่วโมงนึงนับจากที่แยกกันพี่โอ๋ไม่โทรกลับมา เธอเองนี่แหละจะเป็นฝ่ายโทรจิกเอง ถึงจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็ยังพอจะขัดจังหวะได้...ล่ะมั้ง

“แล้วรู้ได้ยังไงว่ายังไงพี่โอ๋ก็ไม่ได้ทำอะไรฉันแน่ๆ ล่ะดา” ปรียานุชเอ่ยปากถามออกมาด้วยความสงสัย ก็ลดาน่ะหวงเธอยิ่งกว่าอะไร จนแรกๆ ใครต่อใครก็เข้าใจว่าเธอกับลดาเป็นคู่ขาทอมกับดี้กัน กว่าจะเลิกคิดกันไปได้ ก็เมื่อเธอมาคบกับพี่โอ๋จริงๆ จังๆ แล้ว

“ก็พอพี่โอ๋ไปส่งแกที่ห้องฉันเสร็จ เค้าก็ตามมาที่ร้านเลย ถ้าเค้าใช้เวลาแค่นั้นจัดการแกเรียบร้อย ฉันว่าพี่โอ๋คงต้องพิจารณาสมรรถภาพของตัวเค้าเองเสียหน่อยแล้วล่ะ” ลดาเอ่ยปากตอบออกมาอย่างทีเล่นทีจริง แต่ก็มีผลทำให้หญิงสาวอีกคนแทบจะแก้มระเบิดอีกหน

“ไอ้บ้าดา หยุดเลย แกนี่ชักเซี้ยวใหญ่แล้วนะ” มือไม้ปรียานุชไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน ก็เลยได้แต่ฟาดไปที่เพื่อนที่อยู่ตรงหน้าเสียที จนลดาต้องรีบปัดป้องเป็นพัลวัน

“เออ แหมแค่นี้ทำเป็นเขิน ทำอย่างกับไม่เคยได้ยินไอ้พวกนั้น มันคุยกันอย่างนั้นแหละ...” พวกนั้นที่ลดาเอ่ยถึงก็เพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ ในกลุ่มของเธอนั่นแหละ

“เอาน่า ก็แหม ฉันรู้ไงว่ายังไง พี่โอ๋เค้าก็ไม่ใช่พวกใช้กำลังบังคับขู่เข็ญใครหรอกนะ เว้นเสียแต่ว่า... แกจะสมยอมน่ะ”

ลดาส่งสายตาวิบวับกลับมาให้ปรียานุชหลังจบประโยคอีกครั้ง คราวนี้คนเขินเลยส่งทั้งมือทั้งหนังสือระดมฟาดเข้าใส่ลดาไม่ยั้ง นึกๆ แล้วลดาก็ชักกลัวใจแทนพี่โอ๋ซะแล้วสิ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้หรือยังว่าเวลาปรียานุชเขินแต่ละทีเนี่ย อานุภาพช่างร้ายแรงเสียจริงๆ

“โอ้ย พอแล้วไอ้นุช ฉันไม่ใช่กระท้อนนะ จะได้ทุบเอาๆ อยากจะทุบไปทุบพี่โอ๋ของแกนู่น”

ไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ของปรียานุชก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบหยิบออกมาดู เมื่อเห็นชื่อที่แสดงที่หน้าจอก็เอ่ยปากบอกลดาทันที “พี่โอ๋โทรมา” ลดาได้แต่ส่ายหน้าบ่นพึมพำแต่ก็พอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน “ตายยากจริงๆ แฮะ เลยตาคนนี้”

ไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ของปรียานุชก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบหยิบออกมาดู เมื่อเห็นชื่อที่แสดงที่หน้าจอก็เอ่ยปากบอกลดาเบาๆ “พี่โอ๋โทรมา” ลดาได้แต่ส่ายหน้าบ่นพึมพำแต่ก็พอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน “ตายยากจริงๆ แฮะ เลยตาคนนี้”

หญิงสาวได้แต่ถลึงตาใส่ลดาเป็นเชิงปรามให้เงียบซะ ปากก็พูดตอบกลับไปยังปลายสายอีกฝั่ง

“นุชอยู่บ้านดาค่ะ....... เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ นุชกลับเองได้.... ไม่ต้องก็ได้ค่ะพี่โอ๋.... เอ่อ ค่ะก็ได้ค่ะ นุชจะรอนะคะ…ค่ะ...ค่ะ”

“เดี๋ยวพี่โอ๋มารับเหรอ” เมื่อเห็นว่าปรียานุชวางสายแล้วแล้วลดาก็เอ่ยปากถามออกมา

“อืม นี่บ่นฉันใหญ่เลย ว่าไปไหนทำไมไม่บอกเค้า” ปรียานุชตอบกลับมาเสียงอ่อยๆ

“เฮ้อ เห็นมั้ยเนี่ย เค้าเป็นห่วงแกจะตาย แล้วแกยังจะคิดโน่นคิดนี่อะไรอีก คิดเยอะๆ มันก็ดี แต่ไอ้การคิดมากจนฟุ้งซ่านนี่มันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ” ลดาได้แต่บ่นเพื่อนออกมาอย่างทีเล่นทีจริง ก่อนที่จะเอ่ยปากถามปรียานุชอย่างจริงจังอีกครั้ง

“เอาล่ะ แกเคยคุยเรื่องที่แกกำลังคิดมากอยู่เนี่ยกับพี่โอ๋หรือยังไอ้นุช ถ้ามีอะไร แกก็ควรจะคุยกับเค้าตรงๆ ถามเค้าให้รู้เรื่อง ไม่ใช่คิดไปเองคนเดียวอย่างนี้”

“ก็ฉันกลัวว่า พอพูดไปแล้ว พี่โอ๋จะไม่สบายใจ” ปรียานุชได้แต่ก้มหน้าพึมพำตอบกลับมา ในใจรู้สึกผิดหน่อยๆ ที่ตัวเองแทบไม่เคยปริปากบอกเรื่องใดๆ กับแฟนหนุ่มของตนเอง ยิ่งพอเห็นลดาทำท่าทอดถอนใจ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดเข้าไปใหญ่

“เอาเหอะ แกลองไปคุยกับพี่โอ๋ของแกให้รู้เรื่องก่อนจะมาตีโพยตีพายอะไรอย่างนี้อีก อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดมาทำให้แกไม่มีความสุข เสียความเป็นตัวของตัวเองไปสิ ปกติแกเป็นคนมีเหตุผลไม่ใช่เหรอ ลองฟังพี่โอ๋เค้า แล้วก็เอามาคิดดูแล้วกัน”

“ขอบใจมากนะดา ถ้าไม่ได้แก ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน…”



เวลาผ่านไปสักพัก เสียงรถยนต์ที่วิ่งเข้ามาจอดที่หน้ารั้วบ้านของลดา ปรียานุชที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถคันนี้จนคุ้นชินก็คาดเดาได้ในทันทีว่าอัครพลมาถึงแล้ว ลดาจึงเดินออกไปเปิดประตูบ้านต้อนรับชายหนุ่ม พูดคุยทักทายกันเล็กน้อย แล้วจึงพามายังศาลาริมน้ำที่เธอกับปรียานุชนั่งคุยกันอยู่ก่อนหน้า ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวไปเตรียมขนมน้ำท่ามาเลี้ยงแขก เพื่อเปิดโอกาสให้คู่รักได้คุยกันตามลำพัง

เมื่อลดาเดินแยกตัวออกมาจากทั้งสองคนแล้ว เธอก็ได้แต่หวังว่าปรียานุชจะใช้โอกาสนี้ได้พูดคุยเปิดใจกับพี่โอ๋สักที


“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะนุช นั่งเงียบไม่พูดไม่จา” อัครพลเอ่ยปากถามหญิงสาวคนรักออกมาหลังจากที่เห็นเธอนั่งนิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิดตัดสินใจอะไรอยู่เป็นเวลานาน

“แล้ววันนี้นึกยังไง จะออกมาหาดาเค้าทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่จะได้พามา ไม่ต้องลำบากนั่งรถบขส.มาเองอย่างนี้” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่ทว่าอากัปกิริยาที่หญิงสาวตรงหน้าแสดงออกมา เริ่มทำให้เขารู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่า เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

“นุชเป็นอะไรจ๊ะ ร้องไห้ทำไม โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ขอโทษนะ”

แม้ว่าจะยังไม่มีเสียงสะอื้นหรือหยดน้ำตาออกมาให้เห็น แต่ตาแดงๆ กับการพยายามกระพริบไล่หยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตาหวานของคนตรงหน้า ทำให้อัครพลพอจะเดาได้ว่า ตอนนี้ปรียานุชกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน แต่เพราะอะไรถึงทำให้เธอเป็นเช่นนี้

“นุชอย่าร้องไห้นะจ๊ะ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็ระบายกับพี่ได้นะ”

หญิงสาวพยายามยิ้มให้กับชายหนุ่ม แม้ว่าจะเป็นการยิ้มที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากก็ตามที แต่ปรียานุชยังไม่อยากให้พี่โอ๋ของเธอต้องไม่สบายใจไปมากกว่านี้

“นุชไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อย”

“คิดเรื่องอะไร แล้วทำไมต้องทำตาแดงๆ ด้วยล่ะ” อัครพลเอ่ยปากถามด้วยเสียงอ่อนโยน พลางเอื้อมมือไปลูบผมของหญิงสาวเพื่อปลอบโยน ก่อนที่จะค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วเช็ดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาของหญิงคนรักอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม

“ไม่ว่าใครจะมาพูดอะไรให้นุชไม่สบายใจก็ตามที แต่พี่อยากให้นุชรู้ไว้นะว่าพี่มีแค่นุชเท่านั้น พี่รักนุชคนเดียว แล้วก็ ไม่เคยคิดจะทำร้ายน้ำใจของนุช ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น”

“ค่ะ นุชเชื่อพี่โอ๋ค่ะ” ปรียานุชกล่าวตอบพลางสบตาชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แววตาของพี่โอ๋ที่อ่อนโยนจริงใจอย่างไม่มีการเสแสร้ง ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจตัวเขาได้อย่างเต็มหัวใจอีกครั้ง

หญิงสาวนิ่งเงียบอีกชั่วครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจค่อยๆ เอ่ยปากถามเรื่องที่เธอค้างคาใจออกมา “เมื่อวานนี้ ตอนนุชโทรหา พี่โอ๋ทำอะไรอยู่เหรอคะ” เมื่อเห็นความสงสัยในสีหน้าของอัครพล ทำให้เธอต้องรีบพูดกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้เขารู้สึกว่าเธอกำลังจับผิดเขาอยู่ “ได้ยินเสียงพี่โอ๋เหมือนจะยุ่งๆ อยู่ ก็เลยอยากรู้เท่านั้นน่ะค่ะ...”

“แต่ถ้าพี่โอ๋ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร นุชแค่อยากชวนพี่โอ๋ไปดูหนังหน่อย เห็นช่วงนี้พี่โอ๋ดูยุ่งๆ นุชอยากให้พี่โอ๋ได้พักผ่อนสมองบ้าง” ปรียานุชส่งยิ้มให้ชายหนุ่มทำเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย

“เอ่ออ... พอดีพี่คุยธุระอยู่กับเพื่อนน่ะจ้ะ อืมม...เขากำลังมีปัญหาอยู่นิดหน่อย เขาก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากพี่...”


พี่โอ๋มาส่งเธอที่บ้านในเวลาเกือบค่ำแล้ว ท่าทีของชายหนุ่มจากการพูดคุยกันเมื่อตอนบ่ายที่บ้านของลดา อาการอ้ำอึ้งกับสิ่งที่เธอเอ่ยปากออกไป ยังคงติดค้างอยู่ในความคิดของปรียานุช เพียงแต่เธอยังไม่กล้าจะแสดงท่าทีใดๆ ออกมา เพราะไม่ต้องการให้บรรยากาศดีๆ ในเวลานี้ต้องถูกทำลายลงไป เพราะความไม่แน่ใจของเธอเพียงคนเดียว

ความผิดพลาดของอัครพลครั้งนี้เพียงครั้งเดียว กลับเป็นการสร้างจุดเล็กๆ ให้เกิดขึ้นในหัวใจของปรียานุช ความเชื่อมั่นในตัวของพี่โอ๋ที่เธอเคยมีให้อย่างเต็มเปี่ยม ถึง ณ เวลานี้กลับมีร่องรอยที่รอเวลาแตกร้าว หากว่าทั้งคู่ไม่ยอมสมานรอยแผลด้วยการยอมเปิดใจเข้าหากันทั้งหมด



Create Date : 13 มิถุนายน 2549
Last Update : 21 กันยายน 2549 14:47:04 น.
Counter : 204 Pageviews.

1 comments
  
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 13 มิถุนายน 2549 เวลา:16:56:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มิถุนายน 2549

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30