เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [5]
ลังเลและผิดหวัง...



“ห่อที่สามสิบพอดิบพอดี”

ลดาที่กำลังหยิบห่อโอริโอ้ขนาดใหญ่ที่ถูกสำเร็จโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากเหล่าสหายทั้งหลายที่กำลังเอกเขนกกันอยู่ภายในห้องพักของเธอขึ้นมาพิจารณา


“น่าจะมีนมสักแก้ว จะได้ บิด – ชิมครีม - จิ้มนม” พูดพร้อมกับทำท่าประกอบการกินโอริโอ้ชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ในมือ



นับตั้งแต่งานรับน้องคราวนั้นจนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว ที่พี่โอ๋คอยวนเวียนอยู่กับกลุ่มของปรียานุชมาโดยตลอด อาจเป็นเพราะบอล สายรหัสของพี่โอ๋เป็นเพื่อนอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเธอ จึงเป็นสาเหตุให้พี่โอ๋เข้ามาทำความสนิทสนมกับกลุ่มนี้ได้ไม่ยากนัก และรวมถึงเพื่อนสนิทของพี่โอ๋ที่อยู่หอพักห้องข้างๆ ลดา จึงได้เจอหน้าเจอตากันบ่อย ทำให้เพิ่มความสนิทสนมระหว่างพี่โอ๋กับพวกเธอมากยิ่งขึ้น


“แหม มีให้กินฟรีแทบทุกวันอย่างนี้ดีถมไปละ ไว้วันหลังถ้าเจอพี่โอ๋อีกจะบอกว่าให้ซื้อนมมาให้ด้วยเลยดีมั้ย” กชกรเพื่อนสาวในกลุ่มอีกคนที่วันนี้ก็มารวมกลุ่มเอกเขนกอยู่ด้วยเช่นกันกล่าวออกมา “หรือจะให้บอกว่านุชมันเบื่อโอริโอ้แล้ว เผื่อว่าจะได้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน”


“มาเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ” คนที่ถูกอ้างอิงรีบออกตัวทันที “พี่เค้าซื้อมาให้หลานรหัสของเขาต่างหาก”



ก็ทุกครั้งที่พี่โอ๋จะโผล่หน้ามาแถวนี้ มักจะหาเหตุมาไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับสายรหัสตัวเองทุกครั้งไป แถมท้ายด้วยการส่งถุงขนมถุงใหญ่ ซึ่งในถุงนั้นจะต้องมีโอริโอ้ขนาดใหญ่เป็นองค์ประกอบหลักมาด้วยทุกครั้ง แต่เจ้าตัวที่ถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงกลับไม่เคยแตะขนมปริศนาห่อนี้เลยสักครั้งเดียว


“ไม่ต้องมาฟอร์มเลยนุช ไอ้บอลมันกินซะทีไหนล่ะ คุ๊กกี้สีดำๆ เนี่ย มีแต่แกนั่นแหละ ที่วันนั้นดันไปทำท่าคลั่งไคล้โอริโอ้ให้พี่โอ๋เค้าเห็น เลยได้มีขนมมาเป็นของกำนัลแทนใจให้ทุกวี่ทุกวันอย่างนี้ไง” ลดาร่ายยาวออกมาเป็นชุด ดักคอคนที่กำลังทำท่าจะเถียงแต่เถียงไม่ทัน ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ เท่านั้น


“ก็...” พอลดาพูดจบ เปิดโอกาสให้ปรียานุชหลุดคำพูดมาได้แค่คำเดียว กชกรก็ไม่รอช้า รีบสอบสวนต่อทันที


“นี่แกไม่รู้ตัวเลยหรือไง ว่าพี่โอ๋เค้าจีบแกอยู่น่ะ แค่ดูก็รู้แล้ว พี่โอ๋เค้าแสดงออกมาโต้งๆ ซะขนาดนี้ ทำไมถึงได้ประสาทรับความรู้สึกช้าอย่างนี้ฮึ ไอ้คุณปรียานุช”


“คือ...” ปล่อยให้เจ้าตัวหลุดมาได้อีกคำหนึ่ง ลดาก็ร่ายต่อทันที


“คิดดูสิ อะไรมันจะบังเอิญมาเจอได้ทุกวี่ทุกวัน เช้าสายบ่ายเย็น แวะเวียนมาให้เห็นหน้าไม่ได้ขาด ทั้งมาที่ห้องฉัน ทั้งที่ห้องเรียน อย่างงี้ไม่เรียกว่าจีบก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” ว่าแล้วก็หันไปพยักเพยิดกับคู่หูอีกคนที่มานั่งร่วมวิเคราะห์ด้วย ส่วนสมาชิกที่เหลือ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี นั่งฟังกันอยู่เงียบๆ ยังไม่วายส่งสายตามาร่วมสนับสนุนแนวความคิดที่ว่านี้ด้วยเลย


“ไม่หรอกมั้ง” ปรียานุชรีบพูดออกมาทันทีเมื่อมีจังหวะว่าง ระหว่างที่สองสาวหยุดพักหายใจเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา “พี่โอ๋เค้าก็คงแค่เอ็นดูตามประสาพี่ๆ น้องๆ เท่านั้นแหละน่า พวกแกอย่ามาเดาไปเรื่อยเปื่อยเลย อย่างพี่โอ๋เค้าจะมาสนอะไรกับเด็กกะโปโลอย่างฉัน”


“ไอ้... ไม่รู้จะจำกัดความยังไงดี แกนี่มันยังไงกันเนี่ยหือ ไอ้นุช” กชกรอดไม่ได้ที่จะต่อว่า คนที่ไม่รู้ว่า ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่ามีคนมาจีบ หรือปากแข็งไม่ยอมรับความจริงกันแน่


“ไม่ต้องมาทำเป็นนางเอกผู้แสนดีเลยแก ฉันรู้หรอกน่า ว่าจริงๆ แล้วแกแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะแกก็ชอบพี่โอ๋อยู่เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ต้องมามัวยึกยักกั๊กท่าอยู่หรอก”


“ไม่ต้องมาทำเป็นแสนรู้เลยยัยกร มาเดาส่งว่าฉันชอบพี่โอ๋ มั่วหรือเปล่า” ปากก็บอกว่าไม่ แต่ใบหน้าของปรียานุชกลับแดงแปร๊ดไปถึงไหนต่อไหน ใครเห็นก็รู้เลยว่าเป็นอาการของคนที่กำลังกลั้นเขินอยู่อย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ยังเพียงพอในการเก็บอาการเอาไว้ได้มิด


“ฮ่าๆๆ คนปากแข็ง ไม่ชอบแล้วหน้าแดงทำไม ไม่ต้องมาเถียงข้างๆ คูๆ เลย” ลดารีบดักคอทันทีที่เห็นปรียานุชทำท่าจะอ้าปากเถียงอีกครั้ง


“อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ตาแกมันฟ้องไอ้นุช เวลาเจอพี่โอ๋ทีไรมันต้องมีอาการทุกครั้งแหละ ริอ่านจะมีความลับกับเพื่อนงั้นเหรอ ชอบเค้าก็บอกว่าชอบๆ ไปเหอะน่า ดีนะที่พี่โอ๋เค้าใจตรงกันกับแก ไม่งั้นถ้าแกมัวแต่แอบมอง ได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างเนี้ย มีหวังแห้วสถานเดียว”


พอลดาพูดจบ กชกรก็รีบกล่าวเสริมทันที “แหม พี่โอ๋เค้าอุตส่าห์หลงกล หลวมตัวมาจีบแกแล้ว แกก็เล่นตัวนิดๆ หน่อยๆ อ่อยเยอะๆ แล้วสักพักพอได้จังหวะก็เซย์เยสไปซะ เท่านี้ก็จบ ไม่เห็นต้องคิดมาก”


“นี่ พวกแกพูดอย่างกับว่า พี่โอ๋เค้ามาบอกว่าชอบฉันตรงๆ แล้วซะอีก เจ้าตัวเค้ายังไม่เห็นจะพูดอะไรเลยสักคำ”



ที่เห็นยังเฉยๆ อยู่อย่างนี้ เหตุผลที่แท้จริงก็กลัวหน้าแตกนี่เอง ปรียานุชถึงได้แต่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อในตอนนี้ ถ้าพี่โอ๋มีเผลอหลุดปากออกมาสักคำว่าชอบเธอ หรือ อะไรทำนองนี้ เธอก็คงไม่ต้องมานั่งไม่แน่ใจ ปล่อยให้เพื่อนๆ ต้องมาเสียเวลาวิเคราะห์นัยยะสำคัญกันถึงขนาดนี้


อันที่จริง ปรียานุชก็ไม่เถียงหรอกว่าเธอชอบพี่โอ๋จริงๆ มันเริ่มต้นมาจากความประทับใจในอัธยาศัยน้ำใจไมตรีของพี่โอ๋ ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมด้วยซ้ำ แค่เจอกันครั้งแรกเธอก็รู้สึกปลื้มพี่โอ๋เสียมากมาย ความสนุกสนานเป็นกันเองที่พี่โอ๋แสดงออกมา ดูดีพอๆ กับเวลาที่พี่โอ๋วางตัวเงียบขรึมจนน่าเกรงขามในเวลาที่เป็นการเป็นงาน


จนกระทั่งถึงวันรับน้องเหมือนอะไรต่อมิอะไรมันเป็นใจไปเสียหมด เธอยอมขายหน้านิดๆ หน่อยๆ เพื่อแลกกับการได้ใกล้ชิดกับพี่โอ๋มากขึ้นอีกนิด แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว ยิ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับคืนมาที่เธอกับพี่โอ๋ได้มีประสบการณ์(ขายหน้า) ร่วมกัน มันก็เป็นเหตุเป็นผลให้สามารถทำความสนิทสนมคุ้นเคยได้ง่ายยิ่งขึ้น


เห็นมั้ยใครว่าเธอได้แต่แอบมองอย่างน้อยก็ได้ลงมือทำอะไรไปบ้างล่ะ แต่ทว่ามาถึงตอนนี้ แม้ว่าเพื่อนของเธอจะวิเคราะห์กันได้ขนาดนั้น เธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจลึกๆ ว่าอีกฝ่ายจะคิดกับเธอไปได้ไกลแค่ไหน นอกเหนือจากความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ค่อนข้างจะสนิทกันเท่านั้น ถึงแม้ว่าเพื่อนของเธอจะฟันธงซะขนาดนี้ แต่ตัวปรียานุชเองก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ถ้าจะให้ไอ้อะไรต่อมิอะไรที่คลุมเคลืออยู่ในตอนนี้ชัดเจนขึ้น ก็คงต้องอยู่ที่ตัวพี่โอ๋แล้วล่ะว่าจะออกปากออกมาเมื่อไหร่ แล้วถ้าเวลานั้นมาถึง เธอก็คงจะขอเล่นตัวนิดหน่อย ก่อนที่จะตอบตกลงไปอย่างที่ไม่ต้องคิดมากให้เสียเวลาเป็นแน่ แล้วมันจะเมื่อไหร่ล่ะ นั่นสินะ เมื่อไหร่กัน




“เฮ้อ…” เสียงของลดาที่ถอนหายใจออกมา ทำให้ปรียานุชที่กำลังเหม่อลอยหลุดออกมาจากความคิดของตนเอง แล้วหันกลับมามองเพื่อนข้างๆ ที่ทำหน้าเหมือนกำลังเหนื่อยใจอย่างสุดชีวิต “เป็นอะไร”


“ได้แต่รีๆ รอๆ กันไปกันมาอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่มันจะรู้เรื่องกันซะทีว้า ถ้าพี่เค้าไม่พูด แกก็ถามไปเองก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมัวเสียเวลามานั่งคิดให้เปลืองสมอง”


เมื่อได้ยินเพื่อนพูดออกมาอย่างนั้นแล้วปรียานุชก็ได้แต่ทอดถอนใจ คนพูดก็พูดง่ายแต่คนทำนี่สิจะทำยังไง ผู้หญิงที่ไหนอยู่ดีๆ จะเข้าไปถามผู้ชายโต้งๆ ว่าคุณชอบฉันหรือเปล่า มันดูจะเสียฟอร์มเกินไปสักหน่อย แต่เอาล่ะนะ ถ้าถึงที่สุดแล้วพี่โอ๋ยังไม่ยอมเปิดปากบอกออกมาตรงๆ เธอก็คงต้องหาทางง้างปากให้พี่โอ๋พูดออกมาจนได้น่ะแหละ แต่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัวเธออีกนั่นแหละว่ากล้าหรือเปล่า



ที่สุดแล้ว มีทติ้งโอลิโอ้ประจำวัน ก็ได้เวลาปิดการประชุมว่าด้วยเรื่องของพี่โอ๋กับปรียานุชแต่เพียงเท่านี้ ทุกคนกลับไปง่วนอยู่กับกิจกรรมของตนเองต่อไป ลดา กชกร ปรียานุช ก็จับกลุ่มกันนั่งลอกการบ้านวิชาแคลคูลัสที่กำลังจะเข้าเรียนในช่วงเย็น ซึ่งได้รับอภินันทนาการจากบอลและจี เพื่อนคนเก่งที่ทำมาจนเสร็จเรียบร้อย ส่วนเจ้าของต้นฉบับก็กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการเดินทางผจญภัยไปในโลกของ Final Fantasy ที่อุตส่าห์หอบหิ้วเครื่อง play station จากบ้านมาทิ้งไว้ที่ห้องของลดา ส่วนอีกสองสามคนที่เหลือที่ใช้เวลาระหว่างที่สาวๆ ปาฐกฐาว่าด้วยเรื่องโอลิโอ้สื่อรัก ทำการลอกการบ้านจนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ไปคร่ำเคร่งอยู่กับกองหนังสือตรงหน้า ที่ฟังดูแล้วน่าจะดูดี หากว่าหนังสือนั่นไม่ใช่การ์ตูน มังกรหยก กับ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ขนาดหนึ่งลังใหญ่ ไปๆ มาๆ ห้องพักของลดาน่าจะถือว่าเป็นโกดังเก็บสมบัติชั่วคราวของกลุ่มไปแล้วโดยปริยาย


***************************************



กิจวัตรประจำวัน ในช่วงว่างของปรียานุชและกลุ่มเพื่อนก็เป็นดังเดิม ถ้าไม่จับกลุ่มนั่งลอกการบ้าน เอ้อ ติวการบ้าน ก็จะนั่งเปิดประเด็นข่าวประจำวัน พร้อมกับกินขนมที่ได้รับอภินันทนาการจากพี่โอ๋ที่มีมาให้ไม่ได้ขาด เพียงแต่ตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะโอลิโอ้ขาดตลาด ก็คงจะเป็นพี่โอ๋ที่เริ่มจะคิดได้ว่า คนเราอะไรที่กินบ่อยๆ มันก็เบื่อกันจนได้ เมื่อกชกรไปแกล้งๆ เปรยให้เจ้าตัวได้ยินว่า ปรียานุชและพวกเธอกินจนตัวจะดำตามสีขนมไปแล้ว หลังจากนับห่อโอลิโอได้เกือบห้าสิบห่อ ในช่วงระยะเวลาเกือบๆ จะสองเดือน จากโอลิโอ้ก็เปลี่ยนมาเป็นโดนัทบ้าง กล้วยแขกบ้าง ลูกชิ้นปิ้งบ้าง แล้วแต่โอกาส


แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นก็คงจะมีแค่เรื่องนี้เรืองเดียว เวลาผ่านไปจนใกล้จะปิดเทอมภาคต้นอยู่ร่อมร่อแล้ว พี่โอ๋ยังคงทำตัวน่ารักได้อย่างสม่ำเสมอ เคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ส่งขนมให้ยังไงก็ยังคงทำอย่างนั้นเหมือนเดิมเป็นหลักปฏิบัติที่มีรูปแบบที่แน่นอนจนน่าจะให้มาตรฐาน ISO


ความสม่ำเสมอที่พี่โอ๋ปฏิบัติมาตลอดนี่แหละสร้างความหนักใจให้กับปรียานุช เพราะชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าท่าทีที่พี่โอ๋แสดงออกมามันคืออะไรกันแน่ จะจีบ หรือจะไม่จีบ ก็ไม่ไปไหนซักทาง คนที่เคยฟันธงเอาไว้เริ่มจะเก็บเศษธงที่ฟันทิ้งมาประกอบเสาเย็บธงเก็บเข้าที่อย่างเดิม ต่อให้ใครที่คิดว่าชัวร์แค่ไหนพอเจออย่างนี้เข้าก็เริ่มเขวได้เหมือนกัน สิ่งที่พี่โอ๋ปฏิบัติกับพวกเธอมันเหมือนกลายเป็นเรื่องปกติที่เค้าก็ทำเป็นประจำ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเป็นพิเศษ จนคนที่รอดูทีท่าก็ชักจะถอดใจ นึกสงสัยอยู่ครามครันว่าถ้ารอให้พี่เค้าพูดออกมาเอง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปจนไม่ใครก็ใครเรียนจบไปเลยหรือเปล่า หรือจะกลายเป็นว่าเธอเองนั่นแหละที่ต้องรอเก้อเพราะคิดไปเองข้างเดียวกันแน่

***************************************


“นุช นี่ตกลงพี่โอ๋เค้าจะเอายังไงกับแกกันแน่เนี่ย” ลดาที่อดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามปรียานุชออกมาในวันหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคู่กรณีทั้งคู่ไม่มีวี่แววว่าจะไปทำการตกลงอะไรกันได้สักทีหลังจากที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปจนป่านนี้ “เห็นตอนแรกๆ ก็ทำท่าเหมือนจะจีบแกจริงๆ จังๆ เลยนะ แต่ทำไมมาถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นพี่โอ๋แกจะมีวิวัฒนาการอะไรให้มันดีไปกว่าการส่งขนมเลยล่ะ”


“ช่างเค้าเหอะ ไม่อยากจะสนใจอะไรอีกละ ฉันขี้เกียจมานั่งลุ้นแล้วล่ะดา พี่เค้าเป็นแบบนี้ก็ดี เราจะได้มีขนมให้กินฟรีทุกวัน ก็เท่านั้น” ปรียานุชตอบคำถามของลดาออกมาด้วยท่าทางเบื่อโลกเหมือนกับการปลงตกกลายๆ ไปในตัว


“แล้วอย่างนี้ถือว่าแกกลายเป็นคนอกหักหรือยังเนี่ย” กชกรต้องเอ่ยปากถามออกมา เมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักที่ทำว่าท่าจะกลายร่างเป็นหมาหงอย เพราะถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ดูยังไงปรียานุชก็ยังตัดใจไม่ขาดอยู่ดี


“ยัง!!!”


คนที่ทำท่าหดหู่ห่อเหี่ยวรีบตะเบ็งเสียงตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ประโยคลงท้ายกลับอุบอิบพูดออกมาเบาๆ



“แค่เสีย self นิดหน่อยแค่นั้นแหละ“


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




หลังจากที่อัครพลเข้ามาเซ็ตคอมพิวเตอร์ของปรียานุชเรียบร้อยแล้ว และปล่อยให้เธอได้ใช้เวลานั่ง ’ทำใจ’ อย่างที่เค้าบอกมาได้สักครู่ใหญ่ๆ ชายหนุ่มก็เดินกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ในมือ


“พี่ให้ admin เค้าเซ็ต username กับ password ให้นุชเรียบร้อยแล้วนะ อะนี่พี่จดมาให้ละ” แล้วก็ยื่นกระดาษใบเส็กๆ ส่งให้ก่อนที่จะยื่นเอกสารปึกใหญ่ที่ถือมาด้วยตามมา


“ส่วนเอกสารนี่ก็เอาไว้อ่านเล่นเวลาไม่มีอะไรทำ”


ปรียานุชก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่อง เพราะเจ้าตัวก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ไม่ใช่เพราะอาการตกประหม่าที่มีมาตั้งแต่แรกหรอก เพราะไอ้เจ้าอาการนั้นมันหายไปได้สักพักแล้ว หลังจากที่กรรมการให้เวลานอกมาตั้งสติให้เข้าที่เข้าทางเป็นที่เรียบร้อย เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้จะถามว่าอะไรดีจริงๆ


เมื่ออัครพลเห็นว่าปรียานุชทำท่าจะตั้งอกตั้งใจเป็นผู้ฟังที่ดี ก็ทำหน้าที่หัวหน้างานที่ดีต่อทันทีด้วยการจัดการเซ็ตเครื่องของหญิงสาวให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และเวลาครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่อธิบายรูปแบบของงานที่โปรเจ็คนี้ครอบคลุม รวมถึง ขอบเขตงานในส่วนที่ทีมของเขาซึ่งมีเธอรวมอยู่ด้วยต้องรับผิดชอบ ซึ่งปรียานุชก็ทำหน้าที่ผู้ฟังได้เป็นอย่างดี คือ ได้แต่พยักหน้า และค่ะๆๆ เท่านั้น


“เอาล่ะ วันนี้ก็นั่งอ่านเอกสารศึกษางานไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมา assign งานให้” แถมไม่ต้องรอให้ปรียานุชต้องตอบ เจ้าตัวก็พูดตอบรับออกมาแทนหญิงสาวเสร็จสรรพ “ค่ะ”


เพียงเท่านี้ ก็สามารถเรียกรอยยิ้มเขินๆ ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปรียานุชขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่หลังจากที่เธอเดินขึ้นมาเจอเขา หญิงสาวได้แต่แสดงอาการอึ้ง มึน งง เป็นระยะๆ ตอนนี้ปรียานุชคนเดิมกลับมาแล้ว


“พี่โอ๋น่ะ”


“ยิ้มได้แล้วเหรอ พี่นึกว่าจะทำหน้าเอ๋อไปตลอดทั้งวันซะอีก” พูดพลางยกมือขึ้นจะขยี้ผมของหญิงสาวอย่างที่เขา ‘เคยชิน’ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่ควรจะปฏิบัติตัวเช่นนี้ จึงได้แต่ชะงักค้างก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการยกมือขึ้นเสยผมของตัวเองแทน


“กลางวันนี้มีเพื่อนกินข้าวเที่ยงหรือยัง พอดีพี่มีประชุมด้วยสิ ไม่งั้นจะไปกินด้วย ไว้ตอนเย็นพี่พาไปเลี้ยงต้อนรับนะ เดี๋ยวจะได้ชวนคนอื่นๆ ในทีมไปด้วยกันเลย”


“ค่ะ นุชไปกินกับพี่เหมียวแหละค่ะ เดี๋ยวพี่เหมียวคงจะแนะนำคนอื่นๆ ให้นุชรู้จักด้วย พี่โอ๋ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ เขาจะต้องมาห่วงเธอทำไมกัน ก็ระหว่างเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย


“เอ้อคือ พี่โอ๋ไม่ต้องกลัวว่านุชจะไม่มีคนคุยด้วยหรอกค่ะ น่ารักๆ อย่างนุชใครๆ ก็อยากคุยด้วยทั้งนั้นแหละ” พอเริ่มจะปรับตัวได้หญิงสาวก็เริ่มกลับมาคุยเล่นกับเขาได้ดังเดิม เหมือนอย่างเมื่อก่อนที่เคยเป็นมา


***************************************



“นุช รู้จักกับคุณโอ๋ด้วยเหรอ เห็นท่าทางคุยกันเหมือนสนิทกันดี” พี่เหมียวถามปรียานุชขึ้นมาระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมกับแนะนำตัวปรียานุชอย่างไม่เป็นทางการอีกครั้งกับสมาชิกในทีม ที่ร้านอาหารตามสั่งข้างตึกสำนักงาน


“พี่โอ๋เค้าเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยน่ะค่ะ แล้วก็ เอ่อ... เป็นสายรหัสของเพื่อนในกลุ่มด้วย ก็เลยได้เคยคุยกันบ้าง” ปรียานุชเลือกให้คำตอบแค่นั้น เพราะสิ่งที่นอกเหนือจากนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไรกับคำถามสักเท่าไหร่ เพื่อนๆ ร่วมโต๊ะก็พยักหน้ารับทราบเป็นอันดี


“แล้วคุณโอ๋ตอนที่เรียนอยู่เนี่ย เป็นยังไงบ้าง ท่าทางจะเรียนเก่งนะ แต่แกดูซีเรียสอยู่ตลอดเวลาเหมือนอย่างตอนนี้หรือเปล่าเนี่ย นี่พี่เพิ่งจะเคยเห็นคุณโอ๋มายิ้มกว้างๆ ก็ตอนที่มาคุยกับนุชนี่แหละ” พี่มุกเพื่อนร่วมทีมของปรียานุชอีกคน เอ่ยถามเธอออกมา


จากประโยคคำถามกึ่งๆ บอกเล่านี้ ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จริงอยู่ที่พี่โอ๋จะเป็นคนที่เต็มที่กับการทำงานและดูเอาจริงเอาจัง แต่ก็เฉพาะในเวลาที่เป็นการเป็นงานเท่านั้น แต่โดยปกติแล้วพี่โอ๋จะเป็นคนที่อะไรก็ได้ ง่ายๆ สบายๆ บางครั้งออกจะเป็นคนขี้เล่นด้วยซ้ำ แต่อาจจะเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ทำอยู่ในตอนนี้ ทำให้เค้าต้องวางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าที่ดี หากทำตัวสบายจนเกินไปอาจจะเสียการปกครองก็เป็นได้ ทำให้ปรียานุชเลือกที่จะตอบคำถามนี้แค่เพียง


“อืม ก็ประมาณนี้แหละมั้งคะ แต่ปกติถ้าไม่ใช่เวลางาน พี่เค้าก็ไม่ได้เป็นคนที่เคร่งครัดกับอะไรมากจนเกินไปหรอกค่ะ”


“อืม งั้นเหรอ” พี่มุกพยักหน้ารับหลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากปรียานุช “แต่อย่างว่าแหละ คุณโอ๋เค้าเก่งนะ ทำงานแค่ไม่กี่ปี ก็ได้ขึ้นเป็น Project manager แล้ว คงเป็นเพราะอย่างนี้ด้วยมั้ง ก็ดูบางคนสิ จนป่านนี้ยังต้องมานั่งเขียนโปรแกรมก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่เลย”


“ใช่น่ะสิ ทำงานอยู่แค่ไม่เท่าไหร่ บริษัทก็ส่งไปอยู่ที่บริษัทแม่ที่ออสเตรเลียแล้วอีกตั้งเป็นปี พอกลับมาก็ได้โปรโมทเป็น PM เลย ฉันทำมาตั้งนานยังไม่มีบุญได้โกอินเตอร์กับเค้าซะที”


กลายเป็นว่าประเด็นการสนทนาในวงอาหารกลางวันมื้อนี้ เป็นเรื่องของอัครพลไปโดยปริยาย ปรียานุชก็ได้แต่นั่งรับฟังอยู่เงียบๆ แต่ก็ทำให้พอที่จะรู้ความเป็นไปของคนที่กำลังถูกกล่าวถึง หลังจากที่เขากับเธอต้องขาดการติดต่อกันไปได้เกือบสามปีแล้ว


+++++++++++++++++++++++++



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2549 22:42:52 น.
Counter : 252 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
18
19
20
21
23
24
25
27
28