เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [14] ภาพของเด็กหญิง ม.ต้น ผมม้าตาโต ยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของอัครพล เขายังจำถึงวันที่ได้เจอปรียานุชเป็นครั้งแรกได้เป็นอย่างดี เด็กหญิงในชุดผ้าลูกไม้สีฟ้าแขนพอง นุ่งโจงกระเบน คาดเข็มขัดทอง.... ในคราวนั้นปรียานุชเป็นตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนในละแวกใกล้เคียงโรงเรียนหนึ่งที่มาเข้าร่วมแสดงในกิจกรรมบนเวทีในงานนิทรรศการที่โรงเรียนของเขาเป็นเจ้าภาพ เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น ก่อนที่จะเดินทางกลับ เธอก็ใช้เวลาที่เหลือเดินเที่ยวในบริเวณงาน ภาพเด็กหญิงในชุดคุณยายกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางเด็กๆ ในชุดนักเรียน เป็นจุดเด่นดึงดูดความสนใจจากหลายต่อหลายคนได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่อัครพลและเพื่อนๆ นักเรียนชายม.ปลายกลุ่มใหญ่ที่กำลังจับกลุ่มกันอยู่กลางสนามบาส ใช้เวลาว่างระหว่างการชู๊ตลูกบาสลงห่วงหันไปเป่าปากแซวเด็กหญิงต่างโรงเรียน ยายๆ ไม่หิ้วตะกร้าหมากมาด้วยเหรอ เสียงที่ชวนให้คนถูกกล่าวถึงต้องเดินขาขวิดผิดจังหวะนั้นเป็นเสียงของเขาเอง สายตาเอาเรื่องที่มองกลับมา กลับยิ่งทำให้เขาขบขัน ถึงจะตัวกะเปี๊ยกเท่านั้น แต่ท่าทางจะดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นกลับไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมา นอกจากหันมามองหน้าเป็นเชิงอาฆาตก่อนที่จะหันกลับไปทำปากขมุบขมิบกับเพื่อนๆ ของเธอแทน ก็ตอนนี้ที่นี่มันเป็นถิ่นของเขาหนิ เด็กต่างถิ่นอย่างเธอจะทำอะไรไปได้มากกว่านี้ แม้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ไม่ค่อยสร้างความประทับใจให้กับคนตัวเล็กสักเท่าไหร่ กระนั้นอัครพลก็กลับจำภาพเธอได้ติดตา เด็กผู้หญิงหน้าหวานคนนั้น รวมถึงนัยน์ตาหวานที่เขม้นมองมา แม้เธอจะพยายามให้ดูดุแค่ไหนก็ยังคงแววหวานซึ้งอยู่ดี เหล่านี้ไม่มีทางที่เขาจะลืมไปได้แน่ๆ แล้วเขาจะมีโอกาสได้เจอเธออีกเมื่อไหร่นะ นางฟ้าเทวดาคงจะเห็นใจเขาเป็นแน่ เพราะในวันถัดมา อัครพลก็ได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอมาในชุดนักเรียนคอซองเรียบร้อยน่ารัก ในการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ที่เขาจำใจต้องเข้าไปนั่งเพราะอาจารย์ประจำวิชาในคาบเรียนนี้เป็นกรรมการในการแข่งขัน แต่เป็นเพราะเธออีกเหมือนกันที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ฟังจนจบ อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้จักชื่อของเธอ เด็กหญิงปรียานุช พชรอนันต์ ตัวแทนจากโรงเรียนมัธยม.... การทอดน้ำเสียงหวานใสสูงต่ำตามช่วงจังหวะอารมณ์ในการพูด สายตาหวานคมที่มองทอดกวาดไปยังผู้ฟัง เรียวปากบางที่แย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าจะส่งมนตร์สะกดให้ใครต่อใครไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้ เด็กอะไรน่ารักเป็นบ้า จากหัวข้อการแข่งขันในครั้งนี้ เขาไม่รู้เลยว่าเธอพูดอะไรออกมาบ้าง เพราะมัวแต่นั่งมองหน้าเธอเพียงอย่างเดียว จิตใจจมจ่อมอยู่แต่ใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้า เด็กหนุ่มได้แต่นั่งฝันหวานว่าหากเสียงหวานๆ ที่เธอเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นชื่อของเขามันจะไพเราะเพียงไหน หากมีเธอคอยส่งรอยยิ้มให้เขาตลอดเวลาจะดีเพียงใด จนเมื่อเธอพูดจบลงแล้ว เขาก็ยังคงนั่งนิ่งและยิ้มกว้างตอบรับรอยยิ้มของเด็กสาวที่อัครพลโมเมเอาเองว่าเธอยิ้มให้กับเขาเพียงผู้เดียว พร้อมกับปรบมือให้เธออย่างเต็มที่และยิ่งกว่าเต็มใจ เสียงปรบมือเบาบางลงแล้ว แต่เขาก็ยังคงปรบมือเสียงดังอยู่อย่างนั้น จนเพื่อนที่นั่งข้างๆ ต้องสะกิดเตือน เขาถึงได้รู้สึกตัวตื่นจากฝันของตนเอง แม้เมื่อการแข่งขันจบลงแล้วผลที่ออกมาปรียานุชจะได้เพียงอันดับที่สอง แต่ทว่าเธอกลับชนะใจเด็กหนุ่มอย่างเขาอย่างที่สุด อัครพลหวังว่าเธอคงจะได้รับรู้ว่ามีคนแปลกหน้าคนหนึ่งทีเชียร์เธอจนออกนอกหน้าขนาดนั้น แต่ก็ไม่ปรารถนาจะให้เธอจำได้ว่า มันเป็นคนเดียวกันกับที่เคยแซวเธอจนเสียความมั่นใจมาเมื่อวานนี้เอง หลังจบงานนิทรรศการลงแล้ว อัครพลใช้เวลาเพียงสองวันในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับรักแรกพบของเขาในครั้งนี้ เด็กหนุ่มยังลังเลอยู่ว่าจะลองไปสานต่อความสัมพันธ์กับเด็กผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นหน้าแค่สองครั้งดีหรือไม่ หรือจะปล่อยให้มันผ่านเลยไป ให้เป็นเพียงความสุขและความประทับใจในช่วงเวลาสั้นๆ กับป๊อบปี้เลิฟเล็กๆ ของเขาเพียงคนเดียว แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ว่าหากจะปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไปโดยไม่คิดจะทำอะไร วันข้างหน้าเขาอาจจะต้องเสียดายว่าทำไมไม่ลองให้โอกาสตัวเองดูสักครั้ง คิดได้ดังนั้นแล้วอีกสัปดาห์หนึ่งหลังจากนั้น อัครพลก็ใช้เวลาในทุกเย็นไปนั่งซุ่มรอที่ร้านไอศครีมหน้าโรงเรียนที่หญิงสาวเรียนอยู่เพื่อคอยดูเธอ ห้าวันผ่านไป ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเห็นว่าเด็กสาวที่เขาเฝ้ารอกำลังเดินออกมาจากประตูโรงเรียน อัครพลไม่รอช้าเตรียมตัวทำตามแผนที่วางไว้ทันที แค่ทำทีเป็นบังเอิญเดินชน หรือไม่ก็ทำของหล่นตรงหน้า แล้วก็ทำเป็นจำได้ว่าเคยเห็นเธอไปร่วมการแข่งขันในงานนิทรรศการที่โรงเรียนของเขา แม้จะเป็นมุขเก่าๆ ง่ายๆ แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้มีเรื่องเริ่มต้นคุยกับเธอบ้างแล้ว แต่...แผนการยังไม่ทันเริ่ม ความผิดพลาดก็ส่อเค้าลางมาให้เห็นทันที เขาเห็นเด็กผู้ชายอีกคนท่าทางสนิทสนมกับเธอเป็นอย่างดีเดินตามมาติดๆ ภาพของเด็กหญิงที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกับเด็กชายคนนั้น พร้อมกับจับจูงมือกันเดินข้ามถนนเดินตรงมาที่เขาเหมือนจงใจ ไม่ใช่สิ ทั้งคู่เดินมาที่ร้านไอศครีมที่เขากำลังจะลุกเดินออกไปต่างหาก อัครพลรีบลุกเดินสวนออกไปทันทีพร้อมกับล้มเลิกแผนการทั้งหมด เพราะแค่ที่เห็นนั่นก็ช่วยให้เขาตัดสินใจที่จะหยุดทุกอย่างไว้แค่เพียงเท่านี้ นี่เขา แห้ว ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นเลยหรือเนี่ย เด็กสมัยนี้ทำไมมีแฟนกันเร็วนักนะ เด็กหนุ่มคงจะลืมไปอย่างหนึ่งว่า ตอนนี้เขาก็กำลังพยายามจะ จีบเด็ก อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ในวันนั้น หากอัครพลใจเย็นลงอีกสักหน่อย ไม่รีบผลุนผลันออกไปเสียก่อน เขาคงจะไม่ต้องพลาดโอกาสสำคัญที่จะได้ทำความรู้จักกับสาวน้อยปรียานุช และ เพื่อนสาว ของเธอด้วยเป็นแน่ เวลาเดินทางผ่านไปเรื่อยๆ จนอัครพลจบม.6 และสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถึงตอนนั้นเด็กหญิงปรียานุชก็ดูจะค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของเขาแล้ว แต่แล้วในวันหนึ่งเด็กผู้หญิงคนนั้นก็กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่ง แม้ในยามนี้เด็กหญิงปรียานุชจะกลายเป็นสาวน้อยน่ารักน่าชัง แลดูแปลกตาจากเมื่อสองปีก่อนเพียงใด แต่อัครพลกลับจำเธอได้ดีแม้จะเห็นเธอเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าเขาน่าจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก หากว่าเขาไม่บังเอิญเข้ามานั่งรอเพื่อนที่นี่แล้ว อัครพลคงไม่มีโอกาสได้เจอกับเธออีกครั้งเป็นแน่ แค่แวบแรกที่เขาเห็นเด็กสาวที่เข้ามาเป็นลูกค้าในร้านขนมปังนมสดในแหล่งวัยรุ่นกลางเมือง ภาพของเด็กม.ต้นผมม้าตาโตคนนั้น ก็ซ้อนทับภาพของเด็กสาววัยรุ่นที่กำลังเดินผ่านหน้าเขาในทันที ดูจากลักษณะแล้วเธอคงมาเรียนพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาที่อยู่ใกล้ๆ นี้ ในตอนแรกเขาก็ยังไม่แน่ใจไปซะทีเดียว จนเมื่อเขาเหลือบไปเห็นสมุดจดงานที่เธอทำตกเอาไว้ระหว่างที่เธอเดินผ่านเขาไป เขาก็แน่ใจได้ในทันทีว่าใช่เธอแน่ๆ น.ส.ปรียานุช พชรอนันต์ ม.4.1 ที่หน้าปกสมุดเขียนชื่อเจ้าของเอาไว้อย่างนั้น น่าแปลกที่เขาจดจำชื่อของเธอได้อย่างแม่นยำแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม อัครพลไม่รอช้ารีบนำของที่เด็กสาวทำตกเอาไว้ไปส่งคืนให้เธอทันที แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะสานต่อเรื่องราวต่อไปได้อย่างไร เพราะเธอคงจะจำเขาไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่จำได้เลย เธอยังไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำไป หากจะไปถามเธอเอาดื้อๆ ว่าจำเขาได้ไหมที่เธอเคยไปงานโรงเรียนของเขาเมื่อสองปีก่อน นอกจากจะเป็นการระลึกอดีตที่นานเกินไปเสียหน่อยแล้ว มันยังดูเหมือนเป็นการทักทายที่ไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ และที่สำคัญในตอนนั้นเธอกับเขาก็ไม่เคยได้พูดคุยกันแม้แต่น้อย ถ้าไม่นับรวมถึงเรื่องที่เขาไปแซวเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ อัครพลจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายิ้มรับคำขอบคุณที่ปรียานุชส่งมาให้ แล้วก็เดินกลับไปนั่งโต๊ะของตนเองดังเดิม... สุดท้ายก็ได้แต่แอบมองเธออยู่ห่างๆ แค่นั้น [ยังมีต่อ.....] ช่ายค่า คุณ oreocream
เรื่องนี้เคยลงในถนนมาเมื่อปีที่แล้วอะค่ะ พอดีเอาเรื่องออกจากตรงโน้น มาเก็บไว้ในนี้แทน แล้วก็เลยถือโอกาสรีไรท์ ปับปุง เปี่ยนแปง ด้วยนิดหน่อยค่ะ โดย: ชมพู จขบ. IP: 203.156.137.161 วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:9:19:05 น.
อยากอ่านโครงเรื่องเดิมจังค่ะ
โดย: แอน IP: 58.10.84.111 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:17:47:32 น.
ถึงคุณแอนค่า
เรื่องนี้ที่เคยโพสต์ไว้ในถนนฯ เมื่อปีที่แล้ว ชมไปลบเนื้อเรื่องออกไปแล้วน่ะค่ะ แต่ยังมีที่โพสต์ไว้อีกที่ เลยไปขุดมาให้ค่ะเพราะโลกกลมฯ ในแจ่มใส อ่านแล้วเป็นยังไงมา ติเตียน บอกเล่า กันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ โดย: ชมพู จขบ. IP: 203.156.137.161 วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:15:33:28 น.
ทำไม ทำไม ไม่เขียนต่อหละค่ะ รออยู่อะค่ะ
โดย: แอน IP: 58.10.84.108 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:22:48 น.
แล้ว ในแจ่มใส มันยังใช้ได้มั๊ยค่ะ
โดย: แอน IP: 58.10.84.108 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:24:59 น.
|
ชมสิจ๊ะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
(ช่ายมะคะ )
เออ แต่ตอนน้านจำไม่ได้ว่ามีกี่ตอนอ่ะ แต่จำได้ว่า สุดท้ายก็ Happy ช่ายม้า