เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [1]
ตึ่ง ติ๊ง...


เสียงสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าลิฟต์มาถึงชั้นล่างสุดของอาคารสูงใจกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานของบริษัทใหญ่หลายต่อหลายบริษัท หญิงสาวผิวขาว ร่างบาง ใบหน้าอ่อนวัยที่แต่งแต้มสีสันจางๆ แลดูเหมือนว่าเจ้าตัวพึ่งจะก้าวออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่นานเท่าไหร่ ตอนนี้อยู่ในชุดสูทเข้ารูปกับกระโปรงแคบยาวคลุมเข่า มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารใบโต กำลังวิ่งหน้าตื่นโดยไม่กลัวว่ารองเท้าส้นเข็มกับกระโปรงทรงแคบที่เจ้าตัวใส่อยู่นั้นมันจะเป็นอุปสรรคต่อการวิ่งของเธอเอาเสียเลย ผมดัดหยิกเป็นลอนที่ปล่อยสยายยาวถึงกลางหลัง กำลังยุ่งเหยิงจากการที่เจ้าตัววิ่งมาอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะไปให้ทันลิฟต์ตัวที่ว่านี่เอง


“รอด้วยค่า......”


โชคดีที่คนในลิฟต์ได้ยินเสียงตะโกนของหญิงสาว จึงกดลิฟต์ให้เปิดได้ทันก่อนที่ประตูจะปิดสนิทเสียก่อน


“ขอบคุณค่ะ” เสียงขอบคุณกล่าวออกมาปนกับเสียงเหนื่อยหอบของหญิงสาวที่พึ่งจะวิ่งเข้ามาถึงภายในตัวลิฟต์ด้วยความเกรงใจคนอื่นๆ ที่รออยู่ด้วย กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมใบโตที่บรรจุโน๊ตบุ๊คตัวบางอยู่ข้างใน แต่พอรวมเข้ากับอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ก็ทำให้กระเป๋าใบนั้นหนักเอาการเหมือนกัน ทำให้หญิงสาวที่กำลังถือกระเป๋าใบโตเอาไว้ข้างตัวต้องวางสัมภาระกองไว้ที่พื้นเพื่อที่จะจัดการกับสภาพของตัวเองให้กลับสู่สภาพเดิมให้ถนัดยิ่งขึ้น โดยไม่คิดจะสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเลย


“ชั้นไหนครับ”

เหมือนเจ้าของเสียงคงจะรอให้เธอพักหายใจสักครู่หนึ่งก่อนที่จะถามขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ลิฟต์ได้เคลื่อนตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว


“สี่สิบค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับสภาพของตัวเองกล่าวตอบ พร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณเจ้าของคำถาม ที่ช่วยเตือนสติของเธอที่ตอนนี้เหมือนจะขาดๆ เกินๆ แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงก้มหน้าก้มตาจัดการผมเผ้าขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางจนรู้สึกพอใจแล้วจึงเงยหน้ามามองเลขชั้นของลิฟต์ที่ตอนนี้ขึ้นมาถึงชั้นที่ยี่สิบห้าแล้ว


วันนี้เป็นวันแรกที่นุชหรือปรียานุช ต้องย้ายมาทำงานเป็น Consultant ทางด้าน IT ประจำอยู่ที่บริษัทของลูกค้า ตามที่บริษัทของเธอได้ส่งตัวมา ปกติบ้านก็อยู่ไกลจากบริษัทของตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งพอต้องย้ายมาอยู่ที่บริษัทลูกค้าอีกยิ่งไกลเข้าไปใหญ่ นี่เธอเผื่อเวลาการเดินทางออกมาอีกหน่อยแล้ว วันนี้ยังเกือบจะมาสายอย่างเฉียดฉิวเลยทีเดียว ขนาดว่าใช้บริการรถไฟฟ้า BTS แล้วก็ยังช่วยได้ไม่เท่าไหร่ เพราะการเดินทางจากบ้านของเธอนั้นกว่าจะมาถึงสถานีแรกก็ไกลโขอยู่ เมื่อไหร่หนอโครงการที่ว่าจะขยายออกไปถึงชานเมืองนั้นจะเริ่มเห็นแววซะที สงสัยว่าเธอต้องหาเช่าคอนโดมิเนียมในตัวเมืองอยู่เสียแล้ว ดูท่าว่าค่าเดินทางเดือนๆ นึงเมื่อรวมกันแล้ว น่าจะพอๆ กับค่าเช่าคอนโดมีเนียมขนาดเล็กได้ทีเดียว ครั้นจะขับรถมาเองเธอก็ขับรถไม่เป็น ใบขับขี่ก็ยังไม่มี เหตุผลจริงๆ ก็คือไม่กล้าขับรถออกถนนใหญ่นั่นแหละ แต่ข้ออ้างที่ยกเอามาพูดได้เสมอก็คือ นั่งรถไฟฟ้าเร็วกว่ามั่งล่ะ น้ำมันแพงมั่งล่ะ หาที่จอดรถยากมั่งล่ะ ซึ่งมันก็จริงส่วนนึง แถมยังไงก็ยังดูดีกว่าไม่กล้าตั้งเยอะจริงมั้ยล่ะ


ลิฟต์หยุดเป็นระยะๆ ตามชั้นที่คนที่อยู่ภายในกดเอาไว้ ถึงแม้จะเพียงไม่กี่ชั้นก็ตาม แต่ก็ทำให้ใจของคนที่กำลังรีบๆ อยู่นั้นยิ่งร้อนรนกระสับกระส่ายเข้าไปใหญ่ หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือ สลับกับเงยหน้ามองเลขชั้นของลิฟต์ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไป ความเร็วของลิฟต์ช่างไม่ทันใจเธอเอาเสียเลย ‘เมื่อไหร่จะถึงซะทีเนี่ย จะสายแล้วนะ’

…37 38 39 40 ถึงซะที.....

อย่างไม่ทันระวังส้นแหลมๆ ของรองเท้าก็ปักเข้าไปในช่องว่างระหว่างลิฟต์ทำให้หญิงสาวต้องหน้าคะมำชะงักค้างทันที โชคยังดีที่ไม่หน้าทิ่มลงไปซะด้วย ก่อนที่ใช้ความพยายามดึงส้นรองเท้าออกมาสักครู่หนึ่งถึงหลุดออกมาได้

เฮ้อ ‘Please mind the gap between lift and platform’

ชายใจดีคนเดิมกดปุ่มเปิดค้างไว้ให้เธอได้รีบเดินออกไปไม่ต้องถูกลิฟต์หนีบให้ต้องขายหน้าอีกเป็นคำรบที่สอง หญิงสาวสูดลมหายใจระงับอาการเหนื่อยที่คลายลงไปได้เพียงเล็กน้อยรวมไปถึงระงับอาการหน้าแตกเมื่อสักครู่นี้ด้วย ก่อนที่จะรีบมุ่งหน้าเดินไปยังประตูของบริษัทที่อยู่ตรงหน้า หวังว่าคงจะยังไม่มีใครเห็น (นอกจากคนในลิฟต์) โดยไม่รู้ว่าชายใจดีคนนั้นก็มีปลายทางที่ชั้นนี้เช่นเดียวกัน แต่กลับเดินไปอีกทางหนึ่ง



หลังจากที่ปรียานุชแจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ Reception แล้ว สักพักหนึ่งก็มีหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าฝ่ายที่ปรียานุชจะต้องไปประจำอยู่นั้นเข้ามาหาเธอพร้อมกับแนะนำตัวว่าชื่อนริศรา หรือพี่นิด เมื่อพูดคุยแนะนำตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วพี่นิดจึงพาหญิงสาวไปยังที่นั่งที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ โชคดีที่มีพนักงานบริษัทของเธอมาประจำอยู่ที่นี่ก่อนหน้าแล้ว ทำให้ยังไงวันนี้ก็มีเพื่อนคุยอย่างน้อยก็คนนึง ปรียานุชยิ้มทักพี่เหมียวซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่อยู่บริษัทเดียวกับเธอ แล้วจึงหันไปกล่าวทักทายเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก่อนที่จะเข้าประจำที่และจัดอุปกรณ์ให้เตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน

“ตอนนี้นั่งเล่นไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวอีกสักครู่ Project Manager คงจะเข้ามาแล้ว เค้าจะ assign งานให้น้องนุชเอง ถ้าจะทานน้ำทานกาแฟ ห้องครัวอยู่ทางนั้นนะคะ หรือถ้าจะเข้าห้องน้ำก็อยู่ด้านนอกเดินตรงไปสุดทางเลยค่ะ” พี่นิดแนะนำข้อมูลที่จำเป็นให้กับปรียานุชคร่าวๆ แล้วจึงเดินกลับไปยังโต๊ะของเธอ

เอาล่ะ สิ่งแรกที่ต้องทำ.....

ไปห้องน้ำก่อนแล้วกัน


ปรียานุชก้มหน้าก้มตาเดินโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ทำให้ไม่รู้ว่าเดินสวนกับชายใจดีที่อยู่ในลิฟต์จนไม่ทันสังเกตว่า ชายหนุ่มคนนั้นหันมามองเธอด้วยแววตาแปลกๆ แว่บหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบริษัทที่หญิงสาวพึ่งจะเดินออกมา...


จนเมื่อปรียานุชเดินกลับเข้ามาแล้ว เธอจึงเห็นว่าที่โต๊ะข้างๆ เธอนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งแล้ว ชายคนที่ว่ากำลังหันหน้าไปคุยกับพนักงานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลัง คงเป็น PM ที่พี่นิดบอกล่ะมั้ง ดูท่าทางว่ากำลังคุยงานอยู่ เดี๋ยวพอเค้าคุยเสร็จเธอค่อยเข้าไปแนะนำตัวก็ได้ แต่เอ๊ะ มองทางด้านหลัง ทำไมรู้สึกคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก


ดูเหมือนว่าอะไรสักอย่างคงไม่อยากให้เธอต้องคิดนานจนเกินไป เจ้าของแผ่นหลังที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าคุ้นเคยก็หันหน้ามาทางเธอพอดี


.....พี่โอ๋

++++++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2549 14:45:51 น.
Counter : 173 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
18
19
20
21
23
24
25
27
28