เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [10]
บทที่สิบ ไออุ่นในอ้อมแขน



การสอบโปรเจ็คของอัครพลผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พร้อมกับงานเลี้ยงอำลา บาย ‘เนียร์ ที่ถูกจัดขึ้น ณ ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมชื่อดังย่านสีลม ปรียานุชที่ทำหน้าที่พิธีกรในงานถูกจับแปลงโฉมเสียใหม่ ไม่มีใครคาดคิดว่าสาวน้อยกะโปโล ที่ท่าทางเงียบๆ เรียบร้อย เมื่อถูกจับแต่งตัวภายใต้ชุดแซคสั้นเกาะอกสีดำเลื่อมที่ช่วยขับผิวขาวนวลให้ยิ่งกระจ่างตา เผยเนินอกอวบอิ่มที่ซ่อนจากสายตาใครต่อใครมานาน กอรปกับรูปร่างสมส่วน และช่วงขาที่เรียวยาว ทำให้ร่างบางตรงหน้าชวนให้มองอย่างน่าหลงไหล ผมยาวดำขลับที่เกล้าไว้ ปล่อยปอยผมด้านหน้าให้พริ้วรับล้อมกรอบวงหน้ารูปไข่ สีสันที่ตกแต่งบนใบหน้าช่วยขับให้ดวงตาหวานคมน่าค้นหาดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น


ทุกจังหวะของการก้าวเดิน ทุกท่วงทำนองการพูด ตรึงให้ทุกสายตาจดจ่ออยู่ที่หน้าเวทีทุกครั้งที่หญิงสาวปรากฏตัว สาวเซ็กซี่ตรงหน้านี้ใช่ปรียานุชตัวจริงหรือเปล่า ทำไมถึงได้เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างคาดไม่ถึงขนาดนี้



“ว้ายยย...”

เสียงร้องดังลั่นที่ใครต่อใครคุ้นหู พร้อมกับเสียงโครมครามที่ดังลั่นอยู่หลังเวที ช่วยตอบคำถามเป็นอย่างดีว่านี่แหละปรียานุชตัวจริงเสียงจริง


“ไอ้นุชเอ้ย อุตส่าห์วางมาดทำสวยมาได้ตั้งนาน ไหงมาตายตอนจบอย่างนี้ล่ะ” ลดาต้องกล่าวออกมาอย่างปลงๆ กับความซุ่มซ่ามไร้ขีดจำกัดของเพื่อนสาวตรงหน้า ที่กำลังนั่งกองอย่างหมดรูปอยู่บนพื้น



เกือบเที่ยงคืน งานเลี้ยงถึงจบลงพร้อมกับความประทับใจหลากหลายที่รุ่นน้องร่วมกันมอบให้กับรุ่นพี่ที่จะจบการศึกษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ อัครพลเดินมาหาปรียานุชที่หลังเวที เพื่อที่จะรอรับเธอและลดากลับห้องพักเมื่องานเสร็จสิ้น แล้วก็พบว่าหญิงสาวกำลังนั่งคลำขาตัวเองป้อยๆ อยู่ คงเป็นผลมาจากเสียงโครมที่ดังมาก่อนหน้านี้นี่เอง


“เป็นยังไงบ้างนุช ทำท่าไหนเข้าล่ะ ถึงได้เสียงดังลั่นซะขนาดนั้น” พี่โอ๋ถามเธอออกมาด้วยความเป็นห่วงแต่ในกระแสเสียงเหมือนจะพยายามกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะไม่ให้ปนออกมาด้วย จะว่าสงสารก็สงสาร ท่าทางจะเจ็บน่าดู แต่มันก็ยังอดขำไม่ได้อยู่ดี


“ตกตึกค่ะ มัวแต่เชิดอยู่ เลยไม่ทันมองว่ามันเป็นพื้นต่างระดับ” ลดาที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของช่วยตอบแทนคนเจ็บให้ แต่พอได้ยินคำตอบจากเพื่อน คนที่กำลังทำตาละห้อยคลำขาตัวเองป้อยๆ ยังอดเงยหน้ามาถลึงตาใส่เพื่อนของเธอไม่ได้


“พอเลยยัยดา รีบเก็บของไปเลย จะได้กลับซะที อยากเปลี่ยนชุดจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”


“เออ ลืมไป พวกพี่เค้าจะพาพวกเราไปเที่ยวกันต่อน่ะ นุชจะไปด้วยกันมั้ย”


“จะให้กะเผลกไปดึ้งดึงกะพวกแกอย่างเงี้ยเหรอ ไม่เอาหรอก ไปกันเถอะ ว่าแต่อายุถึงแล้วเหรอ ต่ำกว่า 20 ห้ามเข้าไม่ใช่เหรอจ๊ะ”


“เอาน่า แหม หน้าแก่ๆ กันทั้งนั้นแล้ว คงไม่แจ๊คพอตแตกขนาดนั้นหรอกน่า” ลดาตอบเพื่อนพร้อมกับหันมาบอกกับพี่โอ๋ทันที “งั้นฝากพี่โอ๋ดูไอ้นุชด้วยนะคะ เดี๋ยวมันจะไปทำซุ่มซ่ามที่ไหนซะอีก”


*********



“เป็นไง เดินไหวมั้ยนุช” พี่โอ๋ที่กำลังเดินประคองปรียานุชที่ค่อยๆ กะเผลกมายังที่จอดรถ หันมามองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง ท่าทางว่าเธอคงจะเจ็บน่าดูเหมือนกัน


“แหม ถ้าบอกว่าเดินไม่ไหว พี่โอ๋จะอุ้มนุชไปเลยหรือไง” หญิงสาวกล่าวตอบออกมายิ้มๆ “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ข้อเท้าแพลงนิดหน่อย เดี๋ยวกลับไปเอายานวดๆ ก็หายแล้ว”


แต่คนตอบทำเก่งได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องสูดปากด้วยความเจ็บขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


หลังจากที่พากันเดินมาถึงรถของพี่โอ๋แล้ว เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปนั่งประจำยังตำแหน่งของตนเรียบร้อย อัครพลที่ทำหน้าเครียดนิ่งเงียบมานานก็พูดออกมาทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นทันที


“คราวหลัง พี่ไม่ยอมให้นุชแต่งตัวอย่างนี้อีกแล้วนะ...”


คราวนี้ปรียานุชต้องหันมามองคนข้างๆ ด้วยความงุนงง ส่งสายตากลับไปถามด้วยความสงสัย วันนี้มาอารมณ์ไหนของเค้าเนี่ย

“พี่หวง!!”


***************************************



กระแสของลมหายใจอุ่นๆ ทอดออกมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เจือไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ที่รินรดอยู่ข้างใบหู ทำให้ปรียานุชที่กำลังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ต้องพลิกตัวกลับมาควานหาเจ้าของลมหายใจอุ่นๆ นั้น แต่ราวกับจะรู้ตัว คนที่นอนอยู่ข้างๆ กลับพลิกกายเบี่ยงตัวออกไป มือเล็กๆ ที่กำลังปัดป่ายต้องสัมผัสกับรอยยวบบนเตียงแทนร่างของเจ้าของรอยที่นอนทับอยู่เก่า ความอบอุ่นที่ยังติดแน่นอยู่บนผืนเตียงบ่งบอกว่า พื้นที่ตรงนั้นเคยถูกกดทับจากน้ำหนักตัวมาเป็นเวลานานแล้ว


…………………………………………..



เมื่อคืนที่ผ่านมา อัครพลเดินขึ้นมาส่งปรียานุชถึงที่ห้องพักของลดา ชายหนุ่มต้องคอยช่วยพยุงเธอเดินอยู่ตลอดเวลาจากอาการขาแพลงที่เป็นผลมาจากความซุ่มซ่ามของเธอเอง ความใกล้ชิดทำให้หญิงสาวได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ออกมาพร้อมกับลมหายใจร้อนๆ ของเขา ท่าทางว่าพี่โอ๋คงจะดื่มกับเพื่อนๆ ในระหว่างงานเลี้ยงไปพอสมควร


คำว่า ‘พี่หวง’ ของพี่โอ๋ยังคงดังก้องอยู่ในสมองของหญิงสาวจวบจนถึงตอนนี้ ราวกับเขาต้องการประกาศความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธออย่างเต็มที่


การแต่งกายที่ค่อนข้างจะเปิดเผยของปรียานุชในงานเลี้ยงเมื่อคืน ส่งผลให้ชายหนุ่มแลดูแปลกไป หญิงสาวจับสังเกตอาการเหล่านี้ได้ตั้งแต่อยู่ที่หน้าเวทีในงานแล้ว แววตาวูบแรกที่พี่โอ๋มองมายังเธอนั้น เต็มไปด้วยความอ่อนหวาน หลงใหล ชวนให้รัญจวนใจ ประกายตาวิบวับทำให้คนที่ถูกจับจ้องต้องรู้สึกหวั่นไหวไปกับสายตานั้น แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เมื่อพี่โอ๋เริ่มมองเห็นสายตาอีกหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องเธออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน กลับแปรเปลี่ยนให้แววตานั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง คุกรุ่น แต่เขาก็แสดงออกมาแค่เพียงชั่ววูบเดียว แล้วก็ทำเหมือนไม่ใส่ใจกับสายตาคู่อื่นๆ ที่มองไปที่เธออีกต่อไป กลับกลายมาเป็นแววหวาน แทบจะทำให้เธอต้องละลายไปกับสายตานั้น จนปรียานุชต้องข่มความรู้สึกวูบไหว พยายามไม่หันไปสบตากับเจ้าของสายตาหยาดเยิ้มตรงหน้า เหตุแห่งแววตานี้ส่วนหนึ่งมันคงเป็นผลมาจากแก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพี่โอ๋ด้วยกระมัง



ลมหายใจอุ่น ที่แทบจะรินรดอยู่ไม่ห่างจากพวงแก้มใส ระหว่างที่พี่โอ๋พยุงเธอเดินขึ้นบันไดหอพัก ก่อให้เกิดอาการร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้า ร่างบางที่สั่นน้อยๆ อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มในตอนนี้ ประหนึ่งว่าจะส่งกระแสความรู้สึกออกไปจนคนข้างๆ รับรู้ได้ ระยะทางที่เคยคิดว่าแค่เพียง 4 ชั้น กลับใช้เวลาในการเดินทางที่เนิ่นนาน ดูหนทางช่างยาวไกล จนเมื่อมาถึงห้องของลดาแล้ว พี่โอ๋ก็ยังคงอิดเอื้อน ไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนของเขาเสียที สายตาที่พี่โอ๋มองมาที่เธอยามนี้ ทำให้หญิงสาวแทบอยากจะกลั้นใจตายไปตรงหน้าเขาให้ได้ อ้อมกอดที่แน่นกระชับยิ่งขึ้น ส่งผลให้เสียงหัวใจของคนทั้งคู่แทบจะเต้นระรัวราวกับจะดังก้องประสานออกมาเป็นจังหวะเดียวกัน ลมหายใจของปรียานุชนิ่งสะดุดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสายตาคมปลาบของชายหนุ่มสะกดให้หญิงสาวในอ้อมกอดไม่อาจละลายตาออกไปจากเขาได้

“พี่รักนุช…”


แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากเรียวปากบางในยามนี้ แต่ดวงตาหวานซึ้งที่มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า กลับค่อยๆ หลุบต่ำลง เมื่อใบหน้าคมคร้ามค่อยๆ โน้มเข้ามาหาวงหน้านวลกระจ่างของเธอ

ใกล้เข้ามา...

และใกล้เข้ามา....

……………………………………………..



เมื่อร่างที่นอนอยู่ข้างๆ เอี้ยวตัวกลับมา พร้อมกับมือขาวๆ ที่เอื้อมมาพาดลำตัวของปรียานุชอีกครั้ง แรงสัมผัสคราวนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวเต็มตื่น แววตาตื่นตระหนก พร้อมกับอาการทะลึ่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงหวีดร้องหลุดรอดออกมาให้คนข้างๆ ได้ตั้งตัว มีแต่เสียงดัง ‘พลั่ก!!’ ที่เกิดจากอารามตกใจของปรียานุช ทำให้ฝ่าเท้าน้อยๆ สัมผัสไปเต็มตัวคนที่นอนอยู่ในโปงผ้าห่มเดียวกับเธออย่างเต็มแรง


“โอ้ยยย!!”
“เฮ้ย ไอ้ดา”

เสียงร้องลั่นของสองสาวที่ประสานเสียงออกมาพร้อมๆ กัน กับภาพของลดาที่ตอนนี้นั่งจุ่มปุ๊กอยู่ที่พื้นข้างๆ เตียง กำลังโอดโอยคลำก้นตัวเองป้อยๆ

“ไอ้นุช เป็นอะไรวะ ละเมอเหรอแก” คนที่เมื่อสักครู่นี้ยังนอนอยู่ข้างๆ ปรียานุช ถูกแรงยันจากคนพึ่งตื่น ส่งให้ลอยละลิ่วลงมาที่พื้นข้างเตียงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กำลังอยู่ในอาการจุกจนแทบจะพูดไม่ออก หน้าตาเหยเก เห็นตัวแค่เนี้ยแต่เท้าหนักเป็นบ้า


“เล่นถีบมาซะเต็มแรงเลยนะแก ประทุษร้ายเจ้าของห้องเหรอ ฮะ”


จนเมื่อลดาคลายจากอาการจุกไปแล้วจึงได้มองเห็นแววตาสำนึกผิดจากเพื่อนสาว ที่เกือบทำการฆาตกรรมเธอด้วยการถีบตกเตียง ครั้นจะโกรธก็โกรธไม่ลง ดูจากท่าทางแล้วคงจะตกใจมากพอดูเหมือนกัน


“แหะๆ ขอโทษทีนะดา เจ็บมากมั้ย เราไม่ได้ตั้งใจ เรานึกว่า...เอ่อ...ช่างมันเถอะ” ปรียานุชรีบขอโทษขอโพยเพื่อนสาวเป็นการใหญ่ แต่ท้ายๆ ประโยคกลับมีอาการอ้ำอึ้ง น่าสงสัย



“นึกว่าอะไรหาไอ้นุช หรือว่านึกว่าฉันเป็นพี่โอ๋ของแก...” หญิงสาวค่อยๆ พยุงตัวกลับขึ้นมาบนเตียงดังเดิม อย่างทุลักทุเล หลังจากอาการจุกทุเลาลงบ้างแล้ว พร้อมกับส่งสายตาคาดคั้นมายังปรียานุชทันที


“อย่าบอกนะว่า เมื่อคืนนี้แกกับพี่โอ๋...”

“ไอ้บ้าดา หยุดเลย” เสียงแหวสิบแปดหลอดของปรียานุชดังลั่นออกมาทันทีก่อนที่จะปล่อยให้ลดาได้พูดต่อไป “ไม่ต้องมาคิดลามกเลย ไม่ใช่อย่างที่แกคิดเลยนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”




แม้ปากจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ดวงหน้าที่แดงกล่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกปลั่งของปรียานุชยิ่งสร้างความสงสัยให้กับลดาเป็นอันมาก ใครจะกล้าบอกล่ะว่า พี่โอ๋จูบเธอ แม้จะไม่ใช่การจูบที่ลึกซึ้งเนิ่นนาน แต่แค่เพียงเท่านั้น จูบแรกจูบนี้ ก็สร้างความวาบหวามในหัวใจให้เกิดขึ้นกับหญิงสาวอย่างเธอแล้ว



หลังจากคำว่ารักคำนั้น แค่เพียงเมื่อยามที่สันจมูกโด่งจรดลงบนพวงแก้มใส ลมหายใจผะผ่าวที่จ่อรดอยู่ข้างๆ ผิวเนียน ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นๆ ของพี่โอ๋จะค่อยๆ เล็มระเรื่อยมาสัมผัสที่กลีบปากบางของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน เพียงเท่านั้นก็ทำให้หัวใจของปรียานุชแทบจะล่องลอยไปไกล ความรู้สึกอุ่นซ่านวิ่งวาบตั้งแต่ศีรษะจรดไปถึงปลายเท้า มือไม้แข้งขาอ่อนเปลี้ย จนต้องอาศัยอกกว้างและอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขาเป็นที่พึ่งพิง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องลงไปกองอยู่กับพื้นเสียก่อน ดูท่าเธอคงอาการหนักเสียจนพี่โอ๋ต้องรีบห้ามใจ ถอนใบหน้าออกจากเธอก่อนที่เขาจะถลำลึกไปกว่านี้ หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำของพี่โอ๋ยามที่กอดกระชับเธอเอาไว้แนบอก หัวใจที่หวิวไหว แววตาหวานเคลิ้มปนเปไปด้วยความสับสนงงงวยของเธอ ที่สบสายตากับชายหนุ่มในยามนั้น ยิ่งเหมือนยวนยั่วให้ใจของเขายิ่งไหวหวั่น แต่ถึงกระนั้น พี่โอ๋ก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะหยุดทุกอย่างอยู่เพียงเท่านั้น ไม่ล่วงเกินเธอให้เกินเลยไปมากกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ปรียานุชก็ไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่า ทั้งร่างกายและจิตใจของเธอจะมีแรงต่อต้านขัดขืนเขาหรือไม่ ดีไม่ดีตัวเธอเองอาจจะเป็นฝ่ายตอบสนองยอมรับการกระทำของเขาเป็นอย่างดีก็เป็นได้


ยิ่งเมื่อพี่โอ๋กล่าวราตรีสวัสดิ์กับเธอด้วยน้ำเสียงชวนฝัน พร้อมกับกดจมูกลงสูดดมความหอมละมุนจากหน้าผากมนของเธออีกครั้ง สายตาที่สบประสานกัน แทบจะทำให้ปรียานุชล่องลอยเคลิบเคลิ้มไปกับเขาอีกรอบ ก่อนที่พี่โอ๋จะเป็นฝ่ายดับอารมณ์ในห้วงฝันลงด้วยตัวเอง เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ กับคำพูดที่ทำให้เธอต้องปรับอารมณ์ตามเขาแทบไม่ทัน แววตาขำขันล้อเลียนของพี่โอ๋ที่ลอยอยู่ตรงหน้า ทำให้หญิงสาวแทบจะกระโดดเข้าไปบีบคอคนตรงหน้าให้ตายคามือไปซะเดี๋ยวนั้นเลย


‘คราวหน้าคราวหลังก็เดินระวังๆ หน่อยนะนุช พี่เป็นห่วง รู้แล้วว่าสวย แต่ไม่ต้องซุ่มซ่ามมากก็ได้’

ก็ใครนะใคร ที่เค้าชอบว่ากันว่าคนสวยมักซุ่มซ่าม เฮ้อ....


แม้ว่าดูเหมือนว่าประโยคก่อนหน้าเขาจะพูดเล่นหยอกเย้า แต่เมื่อจะกลับออกไปจริงๆ พี่โอ๋กลับกำชับให้หญิงสาวปิดห้องให้เรียบร้อย สั่งกำชับนักกำชับหนาไว้ว่าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลให้โทรศัพท์หาเขาได้ตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วง ทั้งยังสอบถามถึงอาการขาแพลงของเธอว่าค่อยยังชั่วหรือยัง ทำให้เธอเพิ่งนึกได้ว่าอาการปวดข้อเท้าตุ๊บๆ ยังคงรู้สึกอยู่ เพิ่งจะรู้ว่าการแสดงความรักของพี่โอ๋ครั้งนี้มันเป็นยาอย่างดีที่ช่วยระงับอาการปวดได้อย่างชะงัดงันทีเดียว หลังจากนั้นพี่โอ๋ยังกำชับกำชาอีกร้อยแปดอย่าง จนเธอต้องเป็นฝ่ายดันตัวเขาออกไป พร้อมกับต้องตกปากรับคำอย่างดี พี่โอ๋ถึงได้สบายใจและยอมกลับออกไปได้แต่โดยดี


ความใกล้ชิด ความอ่อนหวาน และความห่วงใยที่พี่โอ๋มีให้เธอเมื่อคืนทำให้เธอต้องเก็บมาฝันหวานหลับสนิท จนไม่รู้เลยว่าลดากลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่



“ไม่มีอะไรแล้วทำไม เคลิ้มตาลอยอย่างนั้นหา ไอ้นุช”

ลดายังไม่วายคาดคั้นปรียานุชออกมาอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก เพราะเธอคิดว่าเธอไว้ใจในตัวของแฟนหนุ่มรุ่นพี่ของเพื่อนสนิทเธอเป็นอย่างดี แต่ลดาก็ยังคงส่งสายตาวิบวับจนปรียานุชต้องหันมาถลึงตาใส่ หญิงสาวจึงได้หยุดล้อเพื่อนที่กำลังหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย ก่อนที่คนหน้าแดงจะหันมาทำเสียงเขียวใส่เธอแทน

“นี่กินเหล้าไปเยอะป่าวเนี่ย” พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดพิสูจน์กลิ่นคนที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมา “แล้วนี่แกไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม อี๋ มานอนข้างๆ ฉันได้ยังไงเนี่ย แหวะ เหม็นจะตาย ไปอยู่ห่างๆ เลยแก”

“พอเลยไอ้นุช เวอร์ไปแล้ว ทีอย่างเนี้ยมาทำเป็นรังเกียจ เมื่อคืนตอนกลับมาก็เห็นแกนอนหลับสบายไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรเลย”

“แล้วแกเนี่ยน้า นอนหลับไม่รู้เรื่องเลย เกิดใครย่องเข้ามาปล้ำแก ป่านนี้มิเสร็จเขาไปแล้วเหรอ” แต่เมื่อพูดออกไปแล้วหันมาสังเกตเห็นสภาพของคนพึ่งสวยเมื่อคืน ก็ต้องปล่อยหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“แต่ถ้าเขาเห็นแกสภาพนี้คงปล้ำไม่ลงแล้วว่ะ”

ผมเผ้าที่ฟูยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย เมื่อคืนคงจะแกะผมที่เกล้าออกมาลวกๆ แต่ยังไม่ได้สระ ขอบตาดำลึกโบ๋เป็นหมีแพนด้า เพราะเจ้าตัวนอนดึกติดต่อกันมาหลายวัน แต่อะไรก็ยังไม่เท่า ชุดนอนที่ปรียานุชสวมใส่อยู่ตอนนี้ เสื้อยืดสีแดงแปร๊ดตัวโคร่งที่ย้วยไปทั้งคอและแขน กับกางเกงสามส่วนสีเขียวตัดกับดอกไม้แดงดอกใหญ่ที่เป็นลายพร้อยอยู่เต็มเนื้อผ้า แถมขอบยางยังยืดเสียจนเจ้าตัวต้องใช้หนังยางมามัดขอบกางเกงไม่ให้หลุดกองกับพื้นไปเสียก่อน สภาพของปรียานุชตอนนี้ช่างแตกต่างกับนางฟ้าคนเมื่อคืนยิ่งกว่าฟ้ากับเหว

“เอามาใส่ได้ยังไงเนี้ย เสื้อพวกนี้ฉันจะโละเอามาทำผ้าขี้ริ้วแล้วนะ”

“ไม่ต้องมามองด้วยท่าทางสังเวชใจขนาดนั้นเลย” คนที่อยู่ในชุดนอนเฉพาะกิจส่งเสียงแหวตอบออกกลับไป ก่อนที่จะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว “ก็ลืมไปว่ายังไม่ได้ซักผ้าหนิ พอรื้อตู้มาก็ได้เท่าเนี้ย”

ลดาต้องส่ายหน้าเบาๆ ให้กับเพื่อนสาวของเธอ พร้อมกับหาวนอนปากกว้าง พอเหลือบมองดูนาฬิกาเพิ่งจะหกโมงเช้า นี่เธอพึ่งจะนอนไปได้แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น ขัดจังหวะการนอนของเธอซะจริงๆ เลยยัยนุชเอ้ย ลดาเหลือบตาไปค้อนคว่ำให้กับเพื่อนสาวของเธอ ก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ ปล่อยให้ปรียานุชที่ตื่นเต็มตาแล้วต้องมานั่งมองเพื่อนที่เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งหนึ่ง

.....................................................................................................





หญิงสาวที่เดินเหม่อลอยเหมือนกำลังจมอยู่กับห้วงความคิดของตนเอง ไม่ได้สนใจกับการเหลือบมองมาเป็นระยะๆ ของชายหนุ่มที่เดินเคียงคู่มาด้วยกัน ราวกับว่าในตอนนี้มีเธออยู่เพียงลำพังคนเดียวในโลก ไม่สนใจแม้แต่สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ผ่านไปผ่านมา จนกระทั่ง...

“นุช!!!”

เสียงร้องเรียกดังๆ ด้วยความตกใจของเจ้าของเสียง พร้อมกับเรียวแขนที่ถูกกระชากอย่างแรง ที่ทำให้ร่างบางต้องถอยปลิวมาตามแรงนั้น เป็นจังหวะเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเฉียดผ่านหน้าหญิงสาวไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าพี่โอ๋ไม่ดึงเธอเอาไว้ จะเป็นยังไงล่ะเนี่ย แม้ว่ารถจะไม่ได้วิ่งเร็วนักเพราะอยู่ในจังหวะที่กำลังจะเลี้ยวออกจากซอย แต่ถึงอย่างไรมันก็อาจทำให้เธอต้องบาดเจ็บได้เหมือนกัน

“ทำไมเดินเหม่ออย่างนี้ล่ะนุช ไปตัดหน้ารถเค้า เกือบโดนชนแล้วรู้มั้ย”


เสียงที่อัครพลพูดออกมาเหมือนกับการดุตวาด แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างมากมาย บวกกับความตื่นตระหนกที่มีทำให้ดวงหน้าซีดขาวไม่แพ้กับหญิงสาวในขณะนี้ ตอนนี้ปรียานุชยังพูดอะไรไม่ออกได้แต่กรอกตาไปมาด้วยความตื่นตะลึง สักพักเมื่อเธอตั้งสติได้จึงได้แต่ระล่ำระลักขอโทษคนตรงหน้าที่ดูเหมือนว่ายังไม่คลายจากความตกใจ เป็นเพราะเธอมัวแต่คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้จนเหม่อลอย ไม่ทันได้มองทางจนเกือบจะต้องเจ็บตัว แถมอาจจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเสียด้วย


“นุชไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ เดินไปอีกหน่อยก็ถึงร้านแล้ว”


ชายหนุ่มพูดพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่สงสัยว่าทั้งคู่คงยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ไม่หาย จนลืมไปว่าตอนนี้ร่างบางของหญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา มือของชายหนุ่มยังกุมกระชับอยู่กับมือที่เย็นเฉียบของปรียานุชอยู่ ราวกับต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นให้ส่งผ่านไปหาเธอ ส่งไปให้เธอได้รับรู้ถึงภายในหัวใจ เพียงชั่วแวบหนึ่งเหมือนเขาจะได้เห็นสายตาหวานซึ้งที่ปรียานุชเคยมอบให้เขาเพียงคนเดียวเสมอมาปรากฏขึ้นในแววตาของหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อผ่านไปเพียงชั่วครู่เดียวเหมือนกับปรียานุชจะรู้สึกตัวรีบกลบเกลื่อนร่องรอยของสายตานั้น พยายามดันตัวออกมาจากอ้อมแขนของเขา แล้วกล่าวขอโทษเบาๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากขอตัวและรีบเดินผละออกไปทันที ไม่ทันให้คนที่เดินมาด้วยกันได้ทันเอ่ยปากทักท้วงแต่อย่างใด



คาปูชิโน่ร้อนที่พร่องไปเกือบครึ่งแก้วถูกวางลงบนโต๊ะกลมเล็กๆ ตรงหน้า เสียงถอนหายใจพร้อมกับอาการครุ่นคิดของชายหนุ่มที่นั่งอยู่เพียงลำพัง ภายในร้านกาแฟที่ประดับตกแต่งร้านด้วยกระถางต้นไม้จิ๋วสีสวยที่เรียงรายโดยรอบ เพลงรักหวานซึ้งที่เปิดคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศอบอุ่นให้กับลูกค้าที่เข้ามานั่งจิบกาแฟกันในขณะนี้ แม้จะบรรยากาศในร้านจะสวยงามขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่เหมือนกำลังละเลียดจิบกาแฟถ้วยตรงหน้า รู้สึกถึงรสชาติและความหอมหวลของกลิ่นกาแฟ บรรยากาศความสดชื่นสดใสของร้านก็พลอยดูหม่นหมองไปด้วย



ทำไมปรียานุชถึงได้ทำท่าว่าต้องการหลีกหนีจากเขาได้ถึงเพียงนั้น เวลาช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมาเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าอะไรต่อมิอะไรจะดีขึ้นแล้ว กลับกลายเป็นความห่างเหินหมางเมิน เหมือนดังที่เธอเพียรพยายามแสดงต่อเขามาโดยตลอดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เกิดเรื่องราวต่างๆ ในคราวนั้น..





Create Date : 02 เมษายน 2549
Last Update : 21 กันยายน 2549 14:51:31 น.
Counter : 164 Pageviews.

2 comments
  
แหะๆๆ
เข้ามาสำนึกผิดค่ะ
ข้าน้อยผิดไปแล้วที่ปล่อยให้คนอ่านต้องรอน้านนนนนน...นาน

คราวหน้าคราวหลังจะไม่ทิ้งหายไปนานๆ อย่างนี้แล้วนะคะ
แต่...อาจจะนานกว่านี้แทน



ง่า...ล้อเล่นค่า
โดย: ชมสิจ๊ะ วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:14:07:04 น.
  
ไม่ให้อภัย 5555
โดย: ธามาดา วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:20:00:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เมษายน 2549

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30