เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [4]
ภาพนักศึกษาสาวในชุดเสื้อชอปกางเกงยีนส์ที่กำลังยืนทำท่ากระวนกระวายอยู่หน้าลิฟต์ ทำให้คนที่กำลังจะก้าวออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นต้องเอ่ยปากเรียกขึ้นมา


“อ้าวนุช” เสียงพี่โอ๋ร้องทักขึ้นขณะที่เขากำลังก้าวออกมาจากลิฟต์ที่ตึกคณะ เมื่อเห็นปรียานุชกำลังรอจะขึ้นลิฟต์อยู่ “มาทำอะไรแต่เช้าเชียว วันนี้มีเรียนตอนเย็นเลยไม่ใช่เหรอ”


“นุชนัดกับดาเอาไว้น่ะค่ะ เดี๋ยวจะเข้าไปทำงานเลปกันที่หอดา นี่แวะมาเอาหนังสือที่ล็อกเกอร์ก่อนแล้วถึงค่อยเข้าไป”


“นี่พี่ก็กำลังจะเข้าไปที่ห้องไอ้เป้เหมือนกัน งั้นเดี๋ยวไปพร้อมกันเลยแล้วกันนะ” พี่โอ๋บอกกับปรียานุช และไม่ต้องรอให้หญิงสาวตอบรับ เขาก็เดินกลับเข้าในลิฟต์อีกรอบ ทำให้หญิงสาวต้องเอ่ยถามเขาออกมาอย่างงงๆ


“อ้าว พี่โอ๋ เข้ามาอีกทำไมล่ะ ที่จริง พี่รอนุชอยู่ข้างล่างก็ได้”


ชายหนุ่มทำแค่เพียงยิ้มรับแทนคำตอบ ปล่อยให้ปรียานุชได้แต่ยืนทำหน้าเอ๋อ พร้อมกับประตูลิฟต์ที่ปิดและค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไป


หลังจากที่เข้ามาและยืนเงียบกันไปสักพัก พี่โอ๋ก็พูดออกมาทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้น “ทำเลปวิชาอะไรเหรอ”


“*Assembly ค่ะ” ปรียานุชตอบคำถามของชายหนุ่มออกมา แล้วก็... แค่นั้นจริงๆ อย่างนี้เค้าเรียกว่าถามคำตอบคำหรือยังเนี่ย


“แล้วเป็นไง เรียนรู้เรื่องหรือเปล่า”

“ค่ะ”


หญิงสาวตอบออกมาแค่คำเดียวแล้วก็เงียบต่อ แถมตอนตอบก็ไม่ยอมมองหน้าคนถาม ได้แต่ก้มหน้าก้มตา เสมองพื้นสลับกับมองตัวเลขบอกชั้น จนอีกฝ่ายคงจนปัญญาชวนคุยแล้วต้องเงียบไปเอง แปลกคนจริง เมื่อกี้นี้ยังพูดจ้อยๆ อยู่เลย ทีตอนนี้กลับสงบปากสงบคำพิกล



เสียงสัญญาณบอกว่าลิฟต์ถึงยังชั้นที่ต้องการแล้ว เมื่อประตูเปิด ปรียานุชก็รีบจ้ำอ้าวออกไปทันที ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรีบไปถึงไหน ปล่อยให้ชายหนุ่มที่เดินตามมาข้างหลังได้แต่สงสัย แต่ก็ยังคงเดินตามเธอไปจนถึงล็อกเกอร์ ปรียานุชรีบไขกุญแจเปิดล็อกเกอร์ หยิบหนังสือเล่มหนาออกมาสองสามเล่ม ท่าทางรนๆ เหมือนรีบร้อนเสียเต็มประดา แล้วหญิงสาวก็ต้องร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ เมื่อหันหน้ากลับมาเจอกับคนตัวสูงที่ยืนเงียบเชียบอยู่ที่ด้านหลัง


“พี่โอ๋ มายืนอยู่ทำไมเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง ตกใจตายกันพอดี” ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ มือใหญ่ๆ เอื้อมมาคว้าหนังสือออกไปจากมือของเธอทันที “มาถือให้” ปลายนิ้วของคนตัวสูงที่มาเฉียดกับมือบางอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกแปร๊บปร้าบเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านจากมือพี่โอ๋ส่งมาถึงมาเธอ จนต้องรีบกระตุกมือหนีด้วยความตกใจ


“ไม่เป็นไรค่ะ นุชถือเองได้” ปรียานุชรีบปฏิเสธทันทีด้วยความเกรงใจ บวกกับความประหม่า ก็ตอนนี้ระยะห่างระหว่างเธอกับพี่โอ๋ห่างกันไม่กี่คืบเท่านั้น หญิงสาวได้แต่อึกๆ อักๆ ก้มหน้าก้มตา ซ่อนใบหน้าเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายนึงเห็นว่าหน้าของเธอตอนนี้คงจะแดงจัดไปถึงใบหูเป็นแน่ แต่ที่สุดหนังสือเล่มหนาปึกใหญ่ก็ไปอยู่ในมือของพี่โอ๋ที่ยืนทำไม่รู้ไม่ชี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


“เอาเถอะน่า ยังไงตอนนี้พี่ก็ถือให้แล้ว” ชายหนุ่มรีบพูดตัดบททันที เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังยืนอิดเอื้อนอยู่ “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเพื่อนรอนานนะ” เมื่อปรียานุชสงบสติอารมณ์ได้ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เงยหน้าส่งสายตาไปบอกคนตรงหน้าว่าเกรงใจ แล้วยังคงยืนรีรออีกสักครู่ ชายหนุ่มยังคงส่งยิ้มตอบมาให้ยืนยันว่ายังไงก็จะถือให้อยู่ดี สักพักหญิงสาวจึงพยักหน้ารับกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วเดินกลับออกไปพร้อมกับเขา


*************************************



“เฮ้อ ทำไมป่านนี้ยังไม่รับสายซะทีนะยายดา” ปรียานุช บ่นพึมพำออกมาเบาๆ หลังจากที่ยืนตากแดดจนแทบจะกลายเป็นปลาตากแห้ง อยู่ด้านนอกหอพักและกดโทรศัพท์เข้าไปหาลดาที่ห้องหลายรอบแล้ว ยังไม่ยอมรับสายซะที ท่าทางว่าเพื่อนตัวดีคงจะอยู่ในห้องน้ำ “แล้วจะเข้าไปยังไงเนี่ย คีย์การ์ดก็ไม่มี”


“บ่นเป็นยายแก่เชียว” เสียงพี่โอ๋พูดขึ้นมาลอยๆ เมื่อเห็นว่าปรียานุชทำท่าว่าจะหมดความพยายามในการโทรศัพท์ติดต่อให้เพื่อนลงมารับเธอที่ด้านล่างหอพักเอาซะแล้ว “สงสัยจะลืมไปแล้วว่ามากับพี่”


จริงสินะ เธอไม่ได้เดินมาคนเดียวซะหน่อย แถมพี่โอ๋ ก็จะเข้ามาหาเพื่อนที่หอพักแห่งนี้ด้วยเหมือนกัน ทำไมถึงลืมคนสำคัญ (ในตอนนี้) ไปซะได้นะ


“พี่โอ๋มีคีย์การ์ดเหรอคะ” ปรียานุชรีบถามพี่โอ๋ทันที หลังจากที่ปล่อยให้เธอยืนตากแดดโทรศัพท์อยู่ซะนาน ทำไมไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้หน่อยน้า


“เปล่าหรอก” พอได้ยินคำตอบ ใบหน้าที่เริ่มมีความหวังของคนที่ยืนรอ ก็สลดวูบไปในบัดดล แต่พี่โอ๋คงไม่อยากให้ปรียานุชต้องใจฝ่อนานจนเกินไป จึงรีบพูดต่อออกมาทันที “เดี๋ยวพี่โทรขึ้นไปเรียกให้ไอ้เป้มันลงมาเปิดให้”


พอได้ยินอย่างนี้แล้ว ริ้วรอยแห่งความยินดีที่ไม่ต้องยืนตากแดดเป็นปลาแห้ง ก็ฉายแววออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มทำท่าล้วงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหันไปตบซ้ายตบขวากระเป๋ากางเกง อยู่หลายรอบ ก่อนจะเอ่ยปากกับหญิงสาวขึ้นมาอีกทีหนึ่ง


“พี่ยืมโทรศัพท์นุชหน่อยสิ สงสัยพี่ลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องไอ้เป้น่ะ”

ไม่ทันที่จะต้องคิดทบทวนอะไรนานให้เสียเวลา หญิงสาวรีบยื่นโทรศัพท์ให้กับพี่โอ๋ทันที ชายหนุ่มใช้เวลากดโทรศัพท์อยู่สักพักหนึ่ง รอจนปลายสายรับสายแล้วจึงรีบพูดกับอีกฝ่ายทันที


“เฮ้ยเป้ ข้าโอ๋เว้ย ลงมารับหน่อยดิ เข้าไม่ได้ว่ะ”

“อะไรวะ เออๆ ก็ได้ๆ “


จบประโยค ปรียานุชก็เห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมปลาตากแห้ง ค่อยๆ เดินไปยังด้านหนึ่งของตึกตรงกับจุดที่เป็นห้องพักของพี่เป้ สักพักก็ได้ยินเสียงพี่โอ๋พูดกรอกไปยังสายโทรศัพท์อีกที

“เอ้า เห็นยัง โอเค”


ชายหนุ่มกดวางสาย แล้วส่งโทรศัพท์พร้อมกับหนังสือมาให้หญิงสาวที่รับกลับมาอย่างงงๆ สักพักหนึ่ง หนังสือการ์ตูนขนาดกำลังพอเหมาะที่ถูกห่อเป็นอย่างดี ก็ลอยระริ่วลงมาจากระเบียงชั้นสี่ ที่เป็นห้องพักของปลายสาย

‘เอาหนังสือการ์ตูนมาทำอะไร ไม่ใช่ให้มานั่งอ่านเล่นๆ รอเวลานะ’

หญิงสาวได้แต่คิดในใจด้วยความงุนงงสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อหนังสือการ์ตูนที่ถูกส่งมาอยู่ในมือของพี่โอ๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเห็นชายหนุ่มแกะห่อพลาสติกออก พร้อมๆ กับหยิบการ์ดที่สอดเอาไว้ในหนังสือการ์ตูนนั้นออกมา ‘โธ่ นึกว่าอะไร’




หลังจากที่เดินเข้าสู่ภายในหอพักได้อย่างสวัสดิภาพ ทั้งคู่ก็แยกย้ายไปยังที่หมายของตนเอง ปรียานุชกับลดาก็เริ่มลงมือทำงานกันทันที จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ สองสาวที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการเขียนโปรแกรมที่แสนจะยากเย็นสำหรับหัวสมองน้อยๆ ของพวกเธอที่ถึงแม้ตอนนี้จะช่วยกันระดมปัญญากันแค่ไหน งานก็ยังก้าวหน้าไปได้แค่คืบกว่าๆ


“เฮ้อ ทำไมมันยากอย่างนี้เนี่ย แค่บวกค่ากันแค่เนี้ย move ไปโน่นไปนี่ตั้งหลายบรรทัด แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย” ลดาบ่นออกมาดังๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาอีกหลายเฮือก หญิงสาวอีกคนที่ท่าทางย่ำแย่พอๆ กัน ได้แต่พยักหน้ารับแล้วก็พูดปลอบใจ “เอาน่า ค่อยๆ ทำไปเดี๋ยวก็เสร็จ อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มี error” พูดไปแล้วก็เหมือนกับปลอบใจตัวเองไปด้วย “ไม่รู้พวกนั้นทำกันไปถึงไหนแล้ว ถ้าได้ไม่ได้ยังไง เดี๋ยวพอพวกบอลมาก็ให้มาช่วยดูๆ ให้เราก็แล้วกัน”


ถึงตอนนี้ปรียานุชกับลดา คงต้องรอฝากความหวังไว้กับเพื่อนคนอื่นในกลุ่มที่มีพรสวรรค์ในการเขียนโปรแกรม assembly ให้มาเป็นฮีโร่ช่วยเหลือสองสาวน้อยผู้ที่กำลังเข้าตาจน




เสียงโทรศัพท์ตัวเล็กที่แผดเสียงลั่น ทำให้สองสาวที่ตอนนี้กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความหดหู่ ต้องสะดุ้ง ร้องลั่นด้วยความตกใจออกมาพร้อมๆ กัน หญิงสาวที่เป็นเจ้าของตัวต้นเสียงต้องรีบควานหาโทรศัพท์เครื่องจิ๋วก่อนที่มันจะสั่นจนกลัวว่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หน้าจอโชว์ชื่อที่เธอนึกไม่ออกว่าไปเมมเก็บไว้ตั้งแต่ตอนไหน

‘โอ๋สุดหล่อ’


“ฮัลโหล น้องนุชเหรอ เป็นไงอยู่กันเงียบเชียว ไปกินข้าวกันดีกว่า พี่หิวแล้ว” พอกดรับสายฝ่ายที่โทรมาเปิดฉากพูดทันทีโดยไม่ยอมให้ฝ่ายรับสายได้ปริปากอะไรออกมาทัน จนคนที่บอกว่าตัวเองหล่อพูดออกมาจบประโยคแล้ว หญิงสาวถึงมีโอกาสได้พูดออกมาบ้าง


“พี่โอ๋เหรอคะ” เอ่อ มีโอกาสพูดทั้งที พูดมาได้แค่นี้เนี่ยนะ


ปรียานุชตอบอีกฝ่ายกลับไปอย่างงงๆ ด้วยความสงสัยว่า ชายหนุ่มที่ตอนนี้อยู่ที่ห้องข้างๆ ได้เบอร์เธอมาได้อย่างไร สักพักก็นึกขึ้นได้ เมื่อกี้ ที่เค้ายืมโทรศัพท์เธอไป คงใช้จังหวะนั้น เมมเบอร์ของตัวเองไว้ในเครื่องของเธอแถมยังใช้โทรศัพท์เธอโทรเข้าไปโชว์เบอร์ที่โทรศัพท์ของตัวเองอีก แผนสูงจริงนะ แถมยังหลงตัวเองซะไม่มี ‘โอ๋สุดหล่อ’ แหวะ


“โทรมาทำไม เดินมาเคาะประตูเรียกก็ได้” หญิงสาวตอบปลายสายกลับไปอีกประโยคหนึ่ง


“เดินไปเรียกเฉยๆ ก็ไม่ได้อารมณ์น่ะสิ พี่จะได้เทสต์ด้วยไง ว่าเบอร์ที่ได้มาเนี่ย ใช่หรือเปล่า” คนโทรมาตอบกลับอย่างกวนประสาท จะไม่ให้มันไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อเค้าโช้โทรศัพท์ของเธอโทรเข้าเครื่องของตัวเขาเองแล้ว ถ้าไม่ใช่เบอร์เธอแล้วจะเป็นเบอร์ของใครไปได้


“แล้วใช่หรือเปล่าล่ะ” ปรียานุชตอบกลับไปเสียงสะบัด ด้วยความเคืองปลายสายนิดๆ อย่างนี้เค้าเรียกว่าขโมยเบอร์กันหรือเปล่าเนี่ย

“เอาน่า พี่หิวแล้วไปกินข้าวกัน”

“ไม่ดีกว่าค่ะ นุชกับดายังไม่ค่อยหิวเลย งานยังทำไม่เสร็จ กินข้าวไม่ลง”

“อ้าวเหรอ ติดตรงไหน ทำไมไม่บอก เดี๋ยวพี่จะได้เข้าไปช่วยดูให้”



เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นทันทีทั้งๆ ที่ยังพูดยังไม่ทันจบประโยค “เปิดประตูให้หน่อยสิ” ยังอุตส่าห์พูดกรอกเสียงเข้ามาในโทรศัพท์อีกแหนะ ปรียานุชรีบกดวางสายทันที ก่อนที่จะเดินเข้าไปเปิดประตูให้แขกผู้มีเกียรติเข้ามา อันที่จริงก็น่าจะวางสายกันไปได้ตั้งนานแล้วนะ เพราะท่าทางว่า พี่โอ๋ก็คงจะยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่หน้าห้องของพวกเธอเองนั่นแหละ


“ไหน ใครทำอะไรไม่ได้”


พูดพลางชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่สองสาวกำลังง่วนอยู่กับการเขียนโปรแกรมที่เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น ชายหนุ่มหยิบใบงานที่ระบุถึงสิ่งที่จะโปรแกรมจะต้องทำออกมาอ่านสักครู่ แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ สบายๆ


“โธ่ แค่นี้เอง ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวขึ้นมาช่วย”

สองสาวได้แต่หันมามองหน้าคนที่พูดว่าโปรแกรมตรงหน้าเหมือนกับการบวกเลข 1+1 = 2 อย่างไม่เชื่อฝีมือ จนคนที่ยืนตกเป็นเป้าสายตาต้องย้ำออกมาอีกรอบ “โปรแกรมแค่นี้จิ๊บๆ ไม่รู้เหรอว่าพี่เนี่ย ระดับไหนแล้ว” พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าหมั่นไส้ “ไปๆ กินข้าวเอาแรงก่อน เดี๋ยวค่อยขึ้นมาทำ แป๊บเดียวก็เสร็จ”


ทำท่าน่าเชื่อถือขนาดนี้ สองสาวก็พลอยเบาใจไปเปราะนึง เอาน่า อย่างน้อยก็มีสิ่งรับประกันได้ระดับหนึ่งแล้วว่าเย็นนี้ได้มีงานส่งแน่นอน ลดาจึงจะหันไปถามคนที่ทำท่าเป็นกูรูผู้อัจฉริยะ “แล้วพี่เป้ล่ะ”


“ลงไปรอข้างล่างแล้ว ป่านนี้คงเดินไปสั่งข้าวที่ร้านแล้วมั้งเนี่ย ไปๆ พี่หิวแล้ว”





หลังอาหารมื้อเที่ยงผ่านไป คนที่รับปากว่าจะช่วย ก็ช่วยตามสัญญา แถมงานยังเสร็จด้วยความเรียบร้อยและรวดเร็วอย่างไม่ต้องลุ้นระทึกให้ใจหายใจคว่ำ โชคดีที่สองสาวถึงจะไม่ค่อยเก่งแต่ก็หัวไว พี่โอ๋แค่สอน และ ยกตัวอย่างให้นิดหน่อย ทั้งคู่ก็สามารถ เรียนรู้การ Copy & Paste อย่างมีหลักการ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งตำราที่ไหนไกลตัว โดยสามารถดูได้จากพี่โอ๋เป็นตัวอย่าง แต่ทั้งคู่ก็ยังสงสัยอยู่ไม่หาย พี่โอ๋แค่อ่านใบงานนิดหน่อย ก็ลิสต์ลำดับขั้นตอนการทำงานออกมาเป็นฉากๆ อย่างกับมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลความเร็วสูงอยู่ในสมอง จนต้องเอ่ยปากชมออกมาอย่างทึ่งจัด


“พี่โอ๋เก่งจังเลยอะ อ่านแป๊บเดียว รู้เรื่องเลย นี่พวกนุชนั่งเล็งอยู่เป็นชั่วโมง ยังแงะออกมาได้แค่หน่อยเดียวเอง”


“ก็บอกแล้วว่าพี่โอ๋ซะอย่าง ระดับไหนแล้ว” พอมีคนชมเข้าหน่อยเป็นไม่ได้ ไม่มีการถ่อมตัวเลยสักนิด


“ไอ้โอ๋มันโม้ โจทย์เนี่ย อาจารย์ให้ทำมาเหมือนเดิมทุกรุ่นแหละ พวกพี่เห็นจนจำได้ขึ้นใจแล้ว” หลังจากนั่งฟังอยู่ตั้งนาน เสียงของพี่เป้คู่ซี้ของพี่โอ๋ก็พูดออกมา สงสัยตอนนี้ทำท่าว่าจะได้ซี้ม่องเท่งแน่ๆ จากสายตาที่มีแต่รอยแค้นฝังหุ่นของคนขี้โม้ข้างๆ ที่ส่งมาให้



“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เป้”



Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2549 18:27:13 น.
Counter : 169 Pageviews.

3 comments
  
โดย: นุทศรี!! วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:33:48 น.
  
โดย: ตากลม (2fast2farious ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:30:39 น.
  
แวะมาเพราะว่าชอบชื่อบล็อค
"เพราะโลกกลมหรือพรหมลิขิต"

มันเป็นคำถามที่เราถามตัวเองเสมอเหมือนกันว่า

"นั่งข้างกัน - บังเอิญ หรือโชคชะตา"

^_^

เขียนดีจังจ้ะ,
โดย: ดาริกามณี วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:57:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
18
19
20
21
23
24
25
27
28