เพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิต [2]
บรรยากาศชายทะเลของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดยามบ่ายแก่ๆ เวลานี้มีแสงแดดอ่อนๆ ลมพัดโชยมาเป็นระยะ ดูรื่นรมย์ สนุกสนานเฮฮา เต็มไปด้วยเสียงวี๊ดว้ายกรี๊ดกร๊าดของวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ ที่ตอนนี้แต่ละคนใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยแป้งดินสอพองผสมสีอย่างน้อยก็สามสี เนื้อตัวเลอะเทอะไปด้วยคราบสี โคลน และทราย ผมถูกมัดจุก สองจุกบ้าง สามจุกบ้าง แล้วแต่ความกรุณาของคนที่อยากแต่งตัวให้ ส่วนฝ่ายชายได้ออฟชั่นเสริมพิเศษกลายร่างเป็นซุปเปอร์แมนไปแล้วทุกคน (ไม่บอกก็คงรู้นะว่าเป็นยังไง) ป้ายคล้องคอประจำตัวของแต่ละคนที่ขมุกขมอมเต็มที เขียนคำแปลกประหลาดที่ทำให้คนอ่านต้องคิดมาก ทุกคนทั้งที่อยู่ในสภาพที่ยังดูดีอยู่อย่างรุ่นพี่ทั้งหลายและดูไม่ค่อยดีนักอย่างพวกรุ่นน้อง กำลังนั่งเรียงรายกันร้องเพลงให้คนกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเต้นกะหยองกะแหยงด้วยท่าทางประหลาดๆ ให้คนที่นั่งอยู่ได้หัวร่องอหายกันอย่างเต็มที่ ซึ่งสมาชิกในกลุ่มที่ต้องยืนเต้นกันอยู่นั้นมีปรียานุชรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง


“เอาล่ะ ทุกคนกลับเข้าไปนั่งประจำที่ได้ แต่น้องนุชอยู่ก่อน ในฐานะที่เต้นได้น่าประทับใจมาก พี่จะให้เราโชว์เดี่ยวอีกสักห้ารอบ” เสียงรุ่นพี่คนนึงพูดออกมาหลังจากเพลงจบเป็นรอบที่ห้า ปรียานุชทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ ‘ตายแล้ว ตายแน่ๆ’ ในใจพลอยนึกไปถึงเพลงที่รุ่นพี่ทั้งหลายร่วมกันบรรเลงให้ฟัง หลังจากรถบัสที่พาพวกเธอและเพื่อนๆ ปีหนึ่งมานั้น วิ่งเข้ามาถึงเขตอุทยานแล้ว

‘เสร็จล่ะมรึง งานนี้เสร็จล่ะมรึง...’


“น้องนุชอย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิ เดี๋ยวพี่อนุญาตให้น้องนุชเลือกใครก็ได้ออกมาเต้นเป็นเพื่อนคนนึงแล้วกัน แต่ถ้ามีตัวช่วยต้องเพิ่มเป็นสิบรอบนะ” รุ่นพี่คนเดิมพูดปลอบใจปรียานุชแบบมีข้อแม้ หลังจากที่เห็นหญิงสาวทำหน้าตาเหมือนจะตายให้ได้ซะตรงนี้

“ใครก็ได้จริงหรือเปล่าคะ” ปรียานุชถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อเห็นคนบอกพยักหน้าตอบรับแล้ว ไม่รอช้าหญิงสาวก็ชี้ไปที่คนพูดทันทีแล้วบอกว่า “พี่นั่นแหละค่ะ”

เสียงเฮดังขึ้นมาทันที ด้วยไม่คิดว่าหญิงสาวท่าทางเรียบร้อยขี้อาย จะกล้าล้อเล่นกับรุ่นพี่ปีสี่หน้าหล่อแต่จอมโหดอย่างพี่โอ๋ไปได้ “พี่โอ๋สู้ๆๆ” เสียงดังลอยขึ้นมาจากในกลุ่มที่นั่งอยู่ ไม่รู้ว่าต้นเสียงมาจากรุ่นพี่หรือรุ่นน้องกันแน่ ‘เอาวะ เอาไงเอากัน หลุดปากพลาดไปแล้ว ถ้าไม่ทำเดี๋ยวน้องมันจะหาว่าไม่มีสปิริต’

หญิงสาวหันมาทางเค้าอีกครั้งก่อนที่จะย่อตัวลงถอนสายบัว แล้วพูดว่า “พี่โอ๋ให้เกียรติเต้นกับน้องนุชสักเพลงนะคะ” แถมฉีกยิ้มซะกว้างขวางให้เขาเหมือนกับจะท้าทาย ส่งสายตาเป็นนัยๆ มาให้ว่า ‘กล้าหรือเปล่า’ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเฮดังมาอีกระลอก เสียงเพลงดังขึ้นโดยไม่ต้องมีใครสั่งให้ร้อง ชายหนุ่มสงวนท่าทีอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะโชว์ลีลาอย่างไม่ยอมให้เสียชื่อรุ่นพี่ได้เลย หลังจบเพลง เสียงพี่หน้าหล่อคนเดิมแต่กลายเป็นใครก็ไม่รู้ในสายตาของทุกคนป่าวประกาศออกมาทันที “เมื่อกี้ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ใครเชียร์ให้พี่สู้ๆ ออกมาเดี๋ยวนี้เลย”

***************************************


โอ ... โอ้ละเนอ ... น้องเอย….

โอ้ ... น้องเอย
พี่นี้ขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล
จะรักเจ้าดั่งดวงใจ มิคลายหน่ายนา…..

พี่จะรับขวัญเจ้า เข้ามาเป็นขวัญจิต
จะรักดังชีวิต ใจคิดกรุณา……

พี่จะเอาด้ายยาว ขาวบริสุทธิ์
พันมัดผูกไว้ ที่ข้อมือของเจ้า
เหมือนดังใจที่ ผูกพันเจ้าไว้ ไม่หน่ายหนี
เอ้อ เอย ... ใจผูกพัน


เสียงเพลงบายศรีสู่ขวัญที่ดังแว่วหวานมาเป็นระยะจากรุ่นพี่นั่งเรียงกันเป็นวงกลมล้อมรอบ รอให้รุ่นน้องแต่ละคนค่อยๆ เดินเข้าไปให้รุ่นพี่ได้ผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือ แสงเทียนที่จุดอยู่ด้านหน้าพี่ๆ แต่ละคนส่องแสงนวลกระจ่างให้พอเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความซาบซึ้งและประทับใจ กับบรรยากาศความรักความอบอุ่นที่พี่ๆ ทุกคนมีให้กับรุ่นน้อง เสียงคุยกันเบาๆ ระหว่างพี่น้องที่กำลังจับคู่ผูกข้อมือนั้นเต็มไปด้วยความเอื้ออาทรเป็นห่วงเป็นใยต่อกัน ความสนิทสนมคุ้นเคย ที่แรกเริ่มอาจจะเป็นไปในทางที่ไม่ค่อยจะดีนักตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงที่แห่งนี้ กลับเริ่มผูกพันกระชับแน่นหนามากยิ่งขึ้นเมื่อถึง ณ เวลานี้


“พี่โอ๋คะ นุชขอโทษนะคะ ที่เมื่อตอนบ่ายทำให้พี่ขายหน้า” ปรียานุชเอ่ยปากขอโทษรุ่นพี่ที่เธอเป็นฝ่ายทำให้ระดับคะแนนความคลั่งไคล้ในหมู่รุ่นน้องสาวๆ ลดลงเกือบถึง 0 ในทันทีที่การเต้นจบลงเมื่อตอนบ่าย รวมถึงรุ่นน้องหนุ่มๆ หลายคนก็ส่ายหน้าว่าหน้าตาดีๆ อย่างพี่โอ๋ กับน้องนุช ไม่น่าจะกลายเป็นคนติ๊งต๊องบ้าบอคอแตกอย่างนี้ไปได้เลย

“ไม่เป็นไรหรอก สนุกดีออก พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มบอกเธอยิ้มๆ ก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า “แต่เห็นท่าทางเรียบร้อยอย่างนี้ ไม่นึกว่าจะติ๊งต๊องด้วยนะเราเนี่ย” หญิงสาวจำต้องยิ้มรับอย่างอายๆ กับคำพูดที่เหมาเอาว่าน่าจะเป็นคำชม (แปลกๆ) ของรุ่นพี่หนุ่มหล่อ ก่อนที่จะเดินออกไปให้รุ่นพี่คนอื่นๆ ผูกข้อมือต่อไป

หลังจากพิธีบายศรีสู่ขวัญเสร็จสิ้นลง ก็เป็นเวลาเกือบตีสอง แทบทุกคนดูท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงเต็มทีแต่ทั้งใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจือไปทั่ว รุ่นพี่คนนึงประกาศให้น้องๆ ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้ และจัดการนัดหมายเวลารับประทานอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้พร้อมกับแจ้งอีกว่า หลังอาหารเช้าจะพาเดินขึ้นเขาไปเที่ยวถ้ำพระยานครที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งใน Unseen in Thailand ซึ่งก็แล้วแต่สมัครใจว่าใครจะไปด้วย หรือจะอยู่เล่นน้ำก่อนที่จะเดินทางกลับก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ตอนนี้ทุกคนทำว่าจะไม่มีกะจิตกะใจจะตกลงอะไรกันแล้ว จึงได้แต่รับทราบ และพากันกลับที่พักทันที ส่วนรุ่นพี่ต้องอยู่ประชุมสรุปการทำงานกันให้เรียบร้อยเสียก่อน ถึงกลับไปพักผ่อนกันได้

****************************************


พลับพลาที่ประทับที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ที่โถงกว้างกลางถ้ำพระยานคร ยามเมื่อต้องแสงอาทิตย์ดูงดงามเหมือนกับภาพฝัน ลำแสงที่ลอดผ่านเพดานถ้ำลงมานั้น ส่งให้ตัวพลับพลาส่งประกายเรืองรองระยิบระยับ ดูงดงามคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องใช้ความพยายามในการเดินขึ้นเขาที่มีระยะทางเกือบครึ่งกิโล หลายต่อหลายคนบ่นเสียดายแทนคนที่ไม่ได้ขึ้นมาเห็นภาพความงามนี้ด้วยตาของตนเอง ปรียานุชจับกลุ่มกับเพื่อนๆ อีกสี่ห้าคน สลับกันถ่ายรูปกันเป็นที่สนุกสนาน พี่ฝนรุ่นพี่ปีสอง ทำหน้าที่เป็นไกด์จำเป็นอธิบายที่มาที่ไปของถ้ำแห่งนี้

“ถ้ำพระยานครถูกค้นพบโดย พระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช และรัชกาลที่ 5 ทรงทราบว่าถ้ำนี้สวยงามมาก จึงมีพระราชประสงค์ใคร่เสด็จประพาส จึงให้นายช่างประจำราชสำนักก่อสร้างพลับพลาแบบจตุรมุข ขนาดย่อมตั้งไว้บนเนินดินกลางถ้ำ พระองค์เสด็จประพาส เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2433 และทรงพระราชทานนามพลับพลานี้ว่า พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ช่วงเวลาที่มาดูถ้ำแล้วสวยที่สุดคือ ประมาณสิบโมงครึ่ง ถึงเกือบๆ เที่ยง ก็ประมาณเวลานี้แหละจ้ะ”

ก่อนที่จะทิ้งท้ายอีกหน่อยว่า “อ้อ ใครสังเกตเห็นไหมว่า ตรงนี้มีต้นไม้โค้งเป็นซุ้มอยู่ เค้าว่ากันว่า ใครมาลอดซุ้มนี้ด้วยกัน จะได้เป็นคู่กัน ถ้าต้องห่างกันไปยังไงก็จะไม่แคล้วคลาดกันนะ”

“จริงเหรอพี่ งี้ถ้าผู้ชายกะผู้ชายพากันลอดซุ้มไปด้วยกันนี่ไม่แย่เหรอ” เสียงน้องผู้หญิงคนหนึ่งพูดออกมาหลังจากได้ยินตำนานซุ้มต้นไม้ที่พี่ฝนเล่าให้ฟัง

“แหมน้อง อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญานของแต่ละคนนะ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

อ้าวเป็นอย่างนั้นไป

แต่ก็ไม่มีใครสนใจอะไรจริงจังนัก พากันจับคู่ลอดซุ้มกันให้วุ่นวายไปหมดทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ถ้าตำนานมันเป็นเรื่องจริง อีกไม่นานคงไม่วายได้ตีกันแย่งคู่อุตลุดไปแล้ว



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2549 14:44:58 น.
Counter : 219 Pageviews.

2 comments
  


เนื่องในวันแห่งความรัก



ตี๋น้อยขอมอบดอกกุหลาบแห่งมิตรภาพให้ครับ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:11:01 น.
  
แอบมาเยี่ยมขอรับ ^^"
โดย: บอยน์ ใบร่อน วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:33:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมสิจ๊ะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
18
19
20
21
23
24
25
27
28