น้ำหนัก
เมื่อวาน สะพายกระเป๋าใส่เงินเกือบหมื่นไปจ่ายค่าเช่าบ้านสองหลัง นั้นรวมถึงบ้านเช่าของน้องชายที่พิการทางสายตาด้วย น้องชายคนนี้ มีรายได้จากการเล่นดนตรีเปิดหมวกที่ตลาดน้อย(ตลาดนัด)ในมหา'ลัย และเมื่อไม่นานมานี่ เขาได้งานเล่นดนตรีในร้านกาแฟ+นมแห่งหนึ่ง (นอกจากนั้นก็จะเขียนเพลงเพื่อทำอัลบั้มของตัวเองตามที่ใจใฝ่ฝัน) ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงมีหน้าที่ที่รับมาโดยไม่รู้ตัว คือการนับเหรียญต่างๆ แล้วใช้สก็อตเทปใสติดเป็นก้อน, เหรียญบาท,เหรียญห้า,เหรียญสิบ แล้วใส่ถุงพลาสติกมัดไว้ ถุงละห้าร้อยบาท (เพื่อสะดวกในการนับจำนวนเงิน) เจ้าของบ้านเช่าให้เราจ่ายค่าเช่าทางธนาคาร น่าแปลกใจที่ธนาคารดูจะไม่ยินดีนัก ถ้าเราจะเอาเหรียญขนาดต่างจำนวนพันกว่าบาทไปเข้าบัญชี ฉันจึงแลกเหรียญเหล่านั้นไว้ใช้เอง เพื่อจับจ่ายซื้อของสดเข้าบ้าน ทว่า...นอกจากจะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านแล้ว ฉันต้องไปสั่งกระดาษแข็งสำหรับทำปกสมุดทำมือ รวมทั้งรายการข้าวของต่างๆ ที่ต้องซื้อเข้าบ้าน ฉันมีามีร้านค้าขายปลีกที่ขายสินค้าราคาถูกกว่าในห้างสรรพสินค้า แต่ปัญหาก็คือ การซื้อของจำนวนมากแล้วขึ้นรถสองแถวกลับบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย และฉันเพิ่งรู้ว่า เงินเหรียญจำนวนหนึ่งพันสองร้อยบาทนั้น มัน "หนัก" กว่าที่คาดคิดมาก น้ำหนักของเงินเหรียญเหล่านั้นทำให้ฉันต้องยกเลิกแผนการอะไรหลายอย่าง หลังจากการสั่งกระดาษแข็งสำหรับทำปกสมุดทำมือแล้ว น้ำหนักเหรียญจึงลดลง (เพราะจ่าค่ามัดจำกระดาษไปครึ่งหนึ่งของน้ำหนักเหรียญทั้งหมด) แต่กระนั้น...น้ำหนักกระดาษแข็งที่ซื้อมาเพื่อทำปกสมุด(คนละขนาดกับที่สั่งตัด) ก็มีน้ำหนักไม่น้อย มันทำให้สิ่งของหลายรายการที่จะซื้อต้องยกเลิกไป กว่าจะพาตัวเองขึ้นรถสองแถวกลับบ้านได้นั้น ก็สภาพทุลักทุเลและเสียพลังงานไปไม่น้อย เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันบ่นให้น้องชายตาบอดฟัง เค้าได้แต่ยิ้มขำ แล้วเอ่ยว่า "ที่นี่พี่ก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง" ฉันยิ้มและชวนคุยไปเรื่องอื่น เงินที่ได้มา ไม่ว่าจะเป็นเหรียญหรือธนบัตร ล้วนแต่มีความหมายในตัวมันเอง ทว่า สิ่งที่สำคัญกว่า คือการได้มาด้วยวิธีสุจริต เช่นนั้นแล้ว น้ำหนักของเงินเหล่านั้น... อาจเปรียบได้ถึงน้ำหนักของความภูมิใจ ที่ได้คนๆ หนึ่ง สามารถหยัดยืนด้วยลำแข้ง...ของตนเอง
Create Date : 06 ตุลาคม 2555 |
|
4 comments |
Last Update : 6 ตุลาคม 2555 20:41:33 น. |
Counter : 2361 Pageviews. |
|
 |
|